กั่วจื่อก็หันตัวมามองคนที่พูดจากนั้นร่างกายเขาก็แข็งค้างทันที ความโกรธที่แสดงออกมาบนใบหน้าก็มลายหายไปจนหมดสิ้นแล้วยิ้มออกมา
และคนที่พูดก็คือชายที่สวมชุดสีเหลืองทองที่ปักลายมังกรทองอันยิ่งใหญ่ทั้ง 8 ตัว ซึ่งเขาก็ไม่ใช่ใครอื่นนนอกจากต้วนหวูเหิน ที่ด้านหลังเป็นกลุ่มศิษย์ฝ่ายในชั้นสูง
ใบหน้าของสมุนที่ยืนอยู่ข้างๆกั่วจื่อและกั่วเฟยก็กลายเป็นขาวซีดด้วยความกลัวเมื่อเขาเห็นต้วนหวูเหิน และจากนั้นพวกเขาก็คุกเข่าทำความเคารพทันที “ยินดีที่ได้พบองค์ชายสอง ผู้ยิ่งใหญ่!”
สีหน้าของต้วนหวูเหินดูเยือกเย็นมากในขณะที่เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า “เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
ความหวาดกลัวและความกังวลก็ได้ปะทุขึ้นในจิตใจของสองพี่น้องและพวกลูกสมุน
“เข้าใจผิดแล้วขอรับ มันแค่การเข้าใจผิด เมื่อกี้แค่การเข้าใจผิดเฉยๆขอรับ!”กั่วจื่อก็บีบรอยยิ้มออกมาในขณะที่เขาโบกมือไปมาอย่างเมามัน “ข้าน้อยไม่รู้ว่าเป็น ถ้าหากข้าน้อยรู้ แล้วข้าน้อยจะกล้าได้เยี่ยงไร?! ไม่มีทางที่ข้าน้อยจะทำเด็ดขาด!”เขารู้สึกว่าเสียงมันคุ้นๆ แต่เขากลับไม่ได้นึกถึงต้วนหวูเหินเลยสักนิด ถ้าหากเขารู้ก่อนหล่ะก็ แม้เขาจะถูกทำร้ายจนกลายเป็นนิ่ว เขาก็ไม่กล้าด่าต้วนหวูเหินเป็นอันขาด
สายตาของต้วนหูเหวินก็คมกริบราวกับกระบี่ในขณะที่เขากวาดสายตาไปที่ใบหน้าของพี้น้องตระกูลกั่ว และก่อนที่กั่วจื่อและกั่วเฟยจะแสดงสีหน้าออกมาอย่างหวาดกลัว ต้วนหวูเหินก็ได้เดินตรงไปและไปหยุดอยู่หน้าหวงเสี่ยวลง
ด้านหน้าของหวงเสี่ยวหลง สีหน้าที่เขาแสดงออกมาก็แตกต่างราวกลางคืนและกลางวัน จากนั้นเขาก็ถามหวงเสี่ยวหลงด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม “น้องเสี่ยวหลง เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?”
น้องเสี่ยวหลง เจ้าเป็นอะไรหรือไม่!!
ทุกคนรอบต่างรู้สึกราวกับโดนทัณฑ์สวรรค์ฟาดใส่ ใบหน้าของแต่ละคนกลายเป็นสับสนมึนงงและแข็งค้าง
กั่วจื่อและกั่วเฟยก็ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกตะลึงในขณะที่เขามององค์ชายสองอย่างไม่อยากจะเชื่อ เมื่อกี้องค์ชายสอง ต้วนหวูเหินพูดอะไรลงกัน? น้องเสี่ยวหลง? ขะ-เขาเรีกยหวงเสี่ยวหลงว่า…น้องงั้นหรอ?!
เสียงของต้วนหวูเหินก็ดังขึ้นอีกรอบ “พวกมันไม่ได้ทำให้เจ้ากวาดกลัวใช่มั้ย?”ในขณะที่ถามคำถามออกมา ต้วนหวูเหินก็รีบอธิบายออกมาทันที “ไม่ ไม่ ข้าหมายถึง พวกมันไม่ได้สร้างปัญหาให้เจ้าใช่มั้ย?”
พอมองท่าทีลนลานที่ต้วนหวูเหินแสดงออกมาในขณะที่พยายามอธิบายให้หวงเสี่ยวหลง สองพี่น้องก็รู้สึกได้ว่าเข่าของพวกเขาอ่อนแอมากและถ้าหากเป็นไปได้เขาพวกเขาก็อยากสลบไปเลยจริงๆ
ผู้คนทั้งหมดที่ยืนอยู่รอบๆ และรวมไปถึงศิษย์ฝ่ายในชั้นยอดที่มาพร้อมกับต้วหวูเหินก็อ้าปากกว้างออกมาอย่างตกตะลึง
นี่มันสถานการณ์อะไรกันเนี่ย?!
ต้วนหวูเหินนั้นเป็นถึงองค์ชายลำดับที่ 2 แล้วหวงเสี่ยวหลงเล่า? ถ้าหากเอาตัวตนของทั้งสองคนมาเปรียบเทียบ หวงเสี่ยวหลงก็เป็นแค่เพียงศิษย์ธรรมดาคนหนึ่งในสถาบัน
ความคิดของทุกคนก็ว่างเปล่าซึ่งพวกเขาไม่สามารถทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าพวกเขาได้
“ข้าไม่เป็นไร”หวงเสี่ยวหลงก็พูดกับต้วนหวูเหิน
ครู่ต่อมา ฝูงชนก็มองเห็นต้วนหวูเหินถอนหายใจอย่างโ,งออกกับคำตอบของหวงเสี่ยวหลง
ตอนแรก ต้วนหวูเหินอยากเรียกหวงเสี่ยวหลงว่า นายน้อย ตามคำสั่งของพ่อ จักรพรรดิต้วนเริ่น แต่หวงเสี่ยวหลงกังวลว่าถ้าหากคนอื่นได้ยินในสิ่งที่ต้วนหวูเหินพูด มันจะทำให้คนพวกนี้ตกใจมากแน่ ดังนั้นเขาลยแนะนำให้ต้วนหวูเหินเรียกเขาว่าน้องชายเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ แม้ว่าจะเป็นแบบ แค่นั้นก็พอจะทำให้กั่วจื่อและกั่วเฟยอ้าปากค้างอย่าตกใจ
“น้องเสี่ยวหลง ในความคิดเจ้า เราควรจัดการกับพวกมันยังไงดี?”
สายตาของฝูงชนก็ทนไม่ไหวจนต้องหันไปมองหวงเสี่ยวหลงในขณะที่หวงเสี่ยวหลงมองไปที่กั่วจื่อและกั่วเฟย ทำให้หัวใจของสองพี่น้องนี่บีบรัดแน่นอย่างไม่สบายใจ
หวงเสี่ยวหลงก็ก้าวเดินไปหาสองพี่น้องตระกูลกั่วที่รู้สึกหวาดกลัวอย่างช้าๆ
“หวง หวง หวง!”กั่วจื่อก็ตื่นตนกใจในขณะที่เขาพยามพูดออกมาแต่ดูเหมือนจะพูดออกมาไม่ได้ความ ซึ่งต้วนหวูเหินได้เรียกหวงเสียวหลงว่าน้องชายได้ แต่มันดูเหมือนเขาคิดว่าเขาไม่มีค่าพอจะเรียกหวงเสี่ยวหลงว่า น้องชายแบบที่ต้วนหวูเหินทำได้
ทางกั่วเฟยก้ไม่ได้ดีไปกว่ากั่วจื่อเลย
พอเดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าสองพี่น้องตระกูลกั่ว หวงเสี่ยวหลงก็พูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “เมื่อวานข้าได้ให้โอกาสกับพวกจ้าไปแล้ว”
ในตอนนี้ใบหน้าที่ซีดเซียวของกั่วจื่อและกั่วเฟยก็ไม่หลงเหลือสีสันอีกต่อไป
แต่พอครู่ต่อมา กั่วจื่อก็คุกเข่าร้องไห้ทันที “พี่เสี่ยวหลง พวกเราเป็นคนผิด ได้ให้โอกาสเราเถอะนะขอรับ!”
“ใช่ ใช่แล้ว ต่อไปนี้เราจะไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพี่อีกแล้ว!”กั่วเฟยก็พูดตามแล้วคุกเข่าขอร้องอย่างสิ้นหวัง
“ถึงจะน่าสงสาร แต่มันสายไปแล้ว”น้ำเสียงอันเย็นชาของหวงเสี่ยวหลงก็ดังกลบเสียงร้องไห้สะอื้น
กั่วจื่อและกั่วเฟยก็ชะงัก และเมื่อพวกเขาอยากจะพูดอะไรเพิ่มอีก หวงเสี่ยวหลงก็งัดฝ่ามือโจมตีใส่หน้าอกของพวกเขา สองพี่น้องตระกูลกั่วก็ร้องคร่ำครวญในขณะที่ร่างกายของพวกเขาโค้งงอขณะอยู่ในอากาศ จากนั้นพวกเขาก็ร่วงกระแทกพื้นและกลิ้งไปเรื่อยๆจนพวกเขาไปชนเข้ากับต้นไม้ที่ดูเก่าแก่ไกลออกไป 100 เมตร
ก็เกิดเสียงดัง ตูม! ดังกึกก้องไป ต้นไม้เหล่านั้นก็ส่ายไปมาราวกับจะโค่นลง
ไม่กี่ลมหายใจต่อมา ต้นไม้ที่ดูเก่าแก่ก็หักโค่นและล้ม….ทับสองพี่น้องตระกูลกั่วที่อยู่ข้างใต้
“นายน้อย!”ลูกสมุนของสองพี่น้องตระกูลกั่วก็ตะโกนออกมา อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาวิ่งออกไปช่วย ก็มีดาบที่น่าหวาดหวั่นฟันลงมาตรงเส้นทางของพวกเขาอย่างตั้งใจ โดยตัดเป็นพื้นดินเป็นรอยแยกยาวออกไป
ลูกสมุนทั้งหมดต่างก็กระโดดถอยหลังอย่างรวดเร็วด้วยความหวาดกลัว
การลงดาบที่น่าหวาดหวั่นอย่างตั้งใจนั้นเป็นฝีมือของต้วนหวูเหิน พอดึงมือกลับไป ต้วนหวูเหินก็กล่าวออกมาอย่างเย็นชา “ใครกล้าเข้าใกล้ ตาย!”
ตาย!
ในเมื่อเป็นแบบนนั้น ก็ไม่มีลูกสมุนคนใหนของสองพี่น้องตระกูลกั่วกล้าขยับเข้าไปเลยสักคน
“ทะเลปราณฉีของข้า!”จู่ๆสองพี่น้องตระกูลกั่วที่ถูกทับอยู่ใต้ต้นไม้ก็กรีดร้องออกมา
ฝ่ามือของหวงเสี่ยวหลงเมื่อก่อนหน้านี้ได้โจมออกไปอย่างแม่นยำ ทำให้ทะเลปราณฉีของพวกมันทั้งสองถูกบดขยี้
ทะเลปราณฉีคือสถานที่มีไว้เก็บรวบรวมไว้ในร่างกาย ถ้าหากทะเลาปราณฉีถูกบดขยี้หละก็ ผลเสียที่ตามมาคงไม่ต้องจินตนาการก็รู้ทันที!
ณ ตอนนี้ ในที่สุดฝูงชนก็พบว่ากั่วชื่อและกั่วเฟยพิการแล้วเรียบร้อย ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ความกลัวของเหล่าลูกสมุนของทั้งสองพี่น้องเพิ่มมากขึ้น
แม้ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงมองดูกั่วจื่อและกั่วเฟยกรีดร้อง สีหน้าของหวงเสี่ยวหลงก็ยังคงใจเย็น
ภายในพื้นที่รอบปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย
“น้องเสี่ยวหลง เรา….?”ในตอนนี้ ต้วนหวูก็ได้ถามขึ้น
“ไปกันเถอะ”
ต้วนหวูเหินก็ตกตะลึงแต่ภายในใจกลับโล่งอก เขาคิดว่าหวงเสี่ยวหลงตั้งใจจะฆ่า 2 พี่น้องตระกูลกั่วจริงๆ ซึ่งตัวตนของกั่วจื่อและกั่วเฟยนั่นค่อนข้างจะแตกต่างกับลูกหลานตระกูลกั่วคนอื่นๆ ถ้าหากทั้งสองคนตายลงหล่ะก็ ปัญหาที่ตามมาคงแก้ไขไม่ได้ง่ายดายแน่นอน
หลังจากที่หวงเสี่ยวหลงและต้วนหวูเหินออกไปลูกสมุนของกั่วจื่อและกั่วเฟยก็คลานหาแล้วพาตัวไปรักษา
ไม่นาน ข่าวหวงเสี่ยวหลงทำลายทะเลปราณของกั่วจื่อและกั่วเฟยก็ลุกลามออกไปภายในสถาบันต้วนเริ่นราวกับไฟป่า
ไม่ถึงวัน ข่าวนี้ก็ทำให้สถาบันต้วนเริ่นสั่นสะเทือนราวกับสึนามิพุ่งชน
“เจ้าได้ยินมาแล้วใช่ใหมว่าองค์ชายสองเรียกหวงเสี่ยวหลงว่าน้องชาย!”
“แล้วตัวตนของหวงเสี่ยวหลงคืออะไรกันแน่? ไม่ใช่พวกเขาบอกว่ามันมากจากตระกูลเล็กแห่งอาณาจักรลั่วถางงั้นหรอ? อีกอย่าง ผู้คุ้มกัน จ้าวชูก็ผู้เชี่ยวชาญระดับครึ่งก้าวเทวะอีกด้วย!”
“และตอนนี้ทะเลปราณของกั่วจื่อและกั่วเฟยก็ยังมาถูกทำลายอีก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตระกูลกั่วจะมีปฏิกิริยายังไง?”
เสียงการพูดคุยเรื่องนี้ก็ดังก้องไปทั่วสถาบันต้วนเริ่น เมื่อเวลาผ่านไป ตระกูลใหญ่ต่างๆในอาณาจักรต้วนเริ่นก็ได้รับข่าวคราวเรื่องนี้
ณ คฤหาสน์เหยาเฟย เหยา
พอได้รับรายงานของเสี่ยวเถิง เหยาเฟยก็รู้สึกตกใจเล็กนน้อยแต่มันไม่ใช่เพราะหวงเสี่ยวหลงทำลายทะเลปราณของกั่วจื่อและกั่วเฟย แต่มันเป็ฯเพราะต้วนหวูเหินเรียกหวงเสี่ยวหลงว่าน้องชาย
“นายน้อยดูเหมือนตัวตนของหวงเสี่ยวหลงผ็นี้จะไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็น”เสี่ยวเถิงก็หยิบยกเรื่องราวขึ้นมาพูด
แม้แต่ตัวตนอย่างต้วนหวูเหิน ก็ยังเรียกหวงเสี่ยวหลงว่าน้องชาย ไม่ว่าใครก็สันนิษฐานได้ว่าที่จริวงแล้วหวงเสี่ยวหลงมีสถานะอย่างไรกันแน่
จู่ๆเหยาเฟยก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาเมื่อเขาได้ยินคำพูด “ไม่ใช่ว่ามันดีกว่าหรือไง? มันคงจะน่าเบื่อเกินไปหากคนอื่นอ่อนและไร้ค่า
“ตอนนี้ตระกูลหวงมาถึงใหนแล้ว?”จู่ๆเหยาเฟยก็ถามออกมา
พวกมันน่าจะถึงอาณาจักรจุดเริ่มต้นในอีก 2วัน”เสี่ยวเถิงก็ตอบออกมา
“อาณาจักรจุดเริ่มต้น”ดวงตาของเหยาเฟยก็กระพริบขึ้น