ตอนที่ 189 สถาบันต้วนเริ่นเปิดภาคเรียน!
มีเวลาอีกประมาณ 20 วันก่อนที่สถาบันต้วนเริ่นจะเปิดภาคเรียน หวงเสี่ยวหลงได้วางแผนไว้ว่าจะกินโอสถวิญญาณระดับ 7 รวมโอสถวิญญาณระดับ 6 ขั้นสูงที่เป็นรางวัลจากการประลองเมืองจักรพรรดิ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งอีกสักนิดก่อนที่จะเปิดภาคเรียน
หวงเสี่ยวหลงก็โยนโอสถวิญญาณระดับ 7ที่เป็นรก้อนกลมๆขนาดเล็ก เข้าปากโดยไม่ลังเล แก่นปราณฉีอันอุดมสมบูรณ์ก็ได้พุ่งเข้าสู่เส้นลมปราณและทะเลปราณของหวงเสี่ยวหลงทันที เขาได้ใช้งานเคล็ดวิชาเทพอสูรเพื่อปรับแต่งปราณฉีแล้วดูดซับ
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงกลั่นโอสถวิญญาณระดับเจ็ดอยู่นั้น มังกรดำและมังกรฟ้าก็ได้ปรากฏตัวขึ้น บินฉวัดเฉวียนไปมาเหนือตัวของหวงเสี่ยวหลงแล้วกลืนกลินพลังงานจิตวิญญาณในขณะที่พวกมันบ่มเพาะไปด้วย
เมื่อหวงเสี่ยวหลงบรรลุระดับนักรบเหนือธรรมชาติ จิตวิญญาณต่อสู้ของเขาก็กลายเป็นตัวตนที่มั่นคงขึ้น ทำให้พวกมันสามารถต่อสู้และบ่มเพาะไปได้ด้วย
ไม่เพียงแค่นั้น ใน 2 วันก่อนหวงเสี่ยงสังเกตเห็นว่ามีโอกาสที่จิตวิญญาณต่อสู้มังกรคู่ของเขาจะได้เชื่อมต่อกับดินแดนมังกรโบราณและดูดซับปราณมังกรที่แท้จริงมาได้
ในขณะที่มังกรดำและมังกรฟ้าบ่มเพาะอยู่เหนือตัวหวงเสี่ยวหลง พวกมันก็กลืนกินพลังงานจิตวิญญาณเข้าสู่ร่างกายของพวกมัน ทำให้สามารถมองเห็นพลังงานสีแดงทองหลั่งไหลออกมาเหนือตัวพวกมัน นี่ก็คือปราณฉีของมังกรที่แท้จริงจากโบราณกาล!
ปราณมังกรที่แท้จริงได้หลั่งไหลออกมาจากหลุมมิติ ปราณครึ่งนึงถูกมังกรคู่ดูดซับไปและอีกครึ่งนึงที่เหลืออยู่ได้ถูส่งมาให้ร่างกายของหวงเสี่ยวหลงเพื่อปรับแต่งแล้วดูดซับพวกมัน
ปราณมังกรที่แท้จริงเป็นหนึ่งในพลังงานจิตวิญญาณทางธรรมชาติอันดับต้นๆที่ก่อตัวขึ้นมาในโลกแห่งนี้ อาจบอกได้ว่ามันมีอยู่ในระดับเดียวกับพลังงานจิตวิญญาณใต้พิภพแห่งโลกใต้พิภพหรือบางทีมันอาจจะมีระดับสูงกว่าอีกด้วย
ในขณะที่ปราณมังกรได้เข้ามาในร่างของหวงเสี่ยวหลง มันก็แผ่ขยายไปตามร่างกายส่วนต่างๆของหวงเสี่ยวหลง ทำให้หวงเสี่ยวหลงตรวจพบการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นในร่างกายได้ ไม่ว่าจะเป็นเลือดเนื้อ เส้นลมปราณ กระดูก เส้นเอ็น หรือแม้กระทั่งอวัยวะภายในของเขา ทุกๆสิ่งต่างแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
พลังงานจิตวิญญาณใต้พิภพก็หลั่งไหลออกมาจากช่องว่างมิติเหมือนๆกันซึ่งพวกมันถูกหวงเสี่ยวหลงกลั่นแล้วดูดูซับไป
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงดูดซับปราณมังกรมากขึ้นเรื่อยๆ ปราณของเขาก็ได้เปลี่ยนไปเป็นปราณมังกรที่แท้จริงแล้วเข้าไปอยู่ร่วมกับปราณใต้พิภพในเส้นลมปราณและทะเลปราณ
ทำให้เส้นลมปราณและทะเลปราณของหวงเสี่ยวหลงขยายเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ถ้าหากเป็นเส้นลมปราณของหวงเสี่ยวหลงก่อนที่จะก้าวเข้าสู่รดับนักรบเหนือธรรมชาติหล่ะก็มันคล้ายกับลำธารน้ำอันเล็ก แต่เส้นลมปราณปัจจุบันของเขานั้นเหมือนกับลำธารน้ำที่ขยายใหญ่ขึ้น 10 เท่าจนกลายเป็นแม่น้ำขนาดใหญ่ ซึ่งมันก็เหมือนกับทะเลปราณของเขาที่ขยายใหญ่ขึ้นมากกว่า 10 เท่าเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน
ตอนที่เขาทะลวงเข้าสู่ขันนักรบเหนือธรรมชาติได้สำเร็จนั้น ปราณฉีที่เหมือนกับแก้สนั้นได้ควบกลั่นกลายเป็นของเหลว พลังงานที่อยู่ในปราณฉีหนึ่งหยดนั้นมีมากกว่า ปราณฉีที่เป็นแก้ส 100 ลูกบากศ์เมตรหลายเท่าตัว
สิ่งมีชีวิตทั้ง 3 หวงเสี่ยวหลง มังกรดำ และมังกรฟ้า ก็ได้ดูดซับพลังงานและกลั่นพลังงานพวกนั้นแล้วเอามาบ่มเพาะต่อไป
หนึ่งวันก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากนั้น 2 วันก็ผ่านไป
ชั่วพริบตา ครึ่งเดือนก็ได้ผ่านไป สำหรับหวงเสี่ยวหลงนั้นการปรับแต่งโอสถระดับ 7มันใช้เวลาเยอะมาก
ในระหว่างครึ่งเดือน หวงเสี่ยวหลงก็ใกล้จะทะลวงเข้าสู่นักรบธรรมชาติขั้นแรก-กลาง แต่ด้วยผลของโอสถระดับ 7 เขาก็ได้ทะลวงเข้าสู่นักรบธรรมชาติขั้นแรก-กลางได้ สำเร็จ (ขั้นที่ 2 ) ขั้นแรก-กลางสูงสุด และสุดท้ายเขาก็ได้ทะลวงเข้าสู่ระดับนักรบเหนือธรรมชาติขั้นแรก-ปลาย
นักรบเหนือธรรมชาติขั้นแรก-ปลาย! (ขั้น3)
โอสถระดับ 7 นั้นได้มาจากการกลั่นผู้เชี่ยวชาญนักรบเหนือธรรมชาติระดับ 8 พูดสั้นๆก็คือหวงเสี่ยวหลงได้กลืนกินนักรบเหนือธรรมชิตระดับ 8 นั่นเอง
แต่หวงเสี่ยวหลงกลับรู้สึกผิดหวัง ซึ่งเขาได้หวังไว้ว่าเขาน้อยสุดเขาก็ควรจะอยู่ในระดับนักรบเหนือธรรมชาติขั้นต้น-ปลายสูงสุด(ขั้น 3 สูงสุด)หลังจากที่เขาได้ปรับแต่งโอสถระดับ 7ไป
อย่างไรก็ตามครู่ต่อมา หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัวอย่างบิดเบี้ยว เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองนั้นโลภเกินไป นานแค่ใหนกันที่เขาทะลวงเข้าสู่ระดับนักรบเหนือธรรมชาติ ? ยังไม่ถึง 2 เดือนเลยด้วยซ้ำ! ถ้าหากเป็นคนอื่น คนพวกนั้นอาจจะต้องใช้เวลาเป็น 10 หรือมากกว่านั้น
พอหายใจเข้าลึกๆ หวงเสี่ยวหลงก็ปรับอารมณ์ของตัวเองแล้วเอาโอสถระดับ 6 ขั้นสูงที่เป็นรางวัลจาการเข้าร่วมงานประลองเมืองจักรพรรดิ เขาได้โยนพวกมันเข้าปากไป
แม้จะเป็นแบบนั้น พลังงานจากโอสถทั้ง 2 เม็ดก็ยังอ่อนกว่าโอสถระดับ 7 เม็ดเดียว
กลางคืนก็ผ่านไปเช้าใหม่ก็เข้ามาแล้วผ่านไปเข้ากลางคืนอีกรอบ พอ10 วันผ่านไปหวงเสี่ยวหลงก็กลั่นโอสถระดับ 6 ขั้นสูงทั้ง 2 เม็ดได้สำเร็จ
แต่หวงเสี่ยวหลงก็ยังคงติดอยู่ในระดับนักรบเหนือธรรมชาติขั้นแรก-ปลายตามเดิมแม้จะกินโอสถเม็ดไปแล้วก็ตามซึ่งเขาไม่สามารถบรรลุระดับนักรบเหนือธรรมชาติ ขั้นแรก-ปลายสูงสุดได้สำเร็จ
แม้ว่าโอสถระดับ 7 และระดับ 6 จะเป็นที่หายากและมีค่ามากๆ และยังมีประโยชน์ต่อการเพิ่มปราณและฉีและการบ่มเพาะ แต่มันก็ยังมีขีดจำกัดของมันอยู่ดี ไม่งั้นเหล่าลูกหลานของตระกูลทรงอำนาจก็คงจะกลืนกลินโอสถระดับ 5 6 เพื่อเพิ่มพลังอย่างไม่รู้จบไปแล้ว?
พวกศิษย์และอัจฉริยะต่างๆที่เพิ่มการบ่มเพาะโดยใช้โอสถวิญญาณอย่างบ้าคลั่งก็จะทำให้รากฐานการบ่มเพาะไม่มั่นคง นอกจากนี้ ทุกๆการทะลวงระดับการบ่มเพาะก็จะยากขึ้นด้วย อัจฉริยะจากตระกูลทรงอำนาจส่วนใหญ่ก็ติดอยู่ที่ระดับนักรบเหนือธรรมชาติขั้นแรก-สูงสุดหรือขั้น2-สูงสุดซึ่งพวกเขานั้นไม่สามารถก้าวเข้าไปในขั้นที่ 3 ได้อีกนาน นี่ล้วนเกิดจากรากฐานของพวกเขาอ่อนแอ
ในขณะที่เขาทำสมาธิเสร็จ หวงเสี่ยวหลงก็นับเวลา มีเวลาอีก 2 วันกว่าสถาบันต้วนเริ่นจะเปิดภาคเรียน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ออกไปจากสนามรบโบราณเลย ซึ่งหวงเสี่ยวหลงก็ได้พยายามทำการหมุนเวียนเคล็ดวิชาเทพอสูรไปพร้อมกับพระคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น
ท่ามกลางความพยายามของหวงเสี่ยวหลง อีก 2วันก็ได้ผ่านไป
การหมุนเวียนเคล็ดวิชาทั้งสองของหวงเสี่ยวหลงนั้นราบรื่นกว่าเมื่อก่อนมาก ถ้าหากมันยังคงเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยหล่ะก็ อีกไม่นานเขาก็คงจะสามารถหมุนเวียนเคล็ดวิชาทั้งสองอย่างเต็มกำลังโดยไม่ติดขัด
พอหวงเสี่ยวหลงพึงพอใจ เขาก็ได้ออกมาจากสนามรบโบราณ
ด้านอกมิติสนามรบโบราณ ท้องฟ้าได้สว่างขึ้นใขนณะที่พระอาทิตย์ค่อยๆขึ้นสู่ขอบฟ้า
หวงเสี่ยวหลงก็ได้เดินไปที่ห้องโถงหลักของคหหาสน์ แล้วสั่งข้ารับใช้คนนึงให้ไปเรียกจ้าวชู หยูหมิงและเฟยฮาวมาที่ห้องโถงนี่
ครู่ต่อมา ทั้งสามคนก็ได้มาถึงห้องโถงหลัก หลังจากทักทายกันหวงเสี่ยวหลงก็ให้พวกเขานั่งลง
เมื่อทั้งสี่คนนั่งลง หวงเสี่ยวหลงก็ได้ถามเฟยฮาวถึงเรื่องการดำเนินการย้ายตระกูลหวงมาที่เมืองจักรพรรดิต้วนเริ่น
“ท่านจักรพรรดิ สมาชิกตระกูลหวงทั้งหมดได้อยู่ระหว่างทางมาเมืองจักรพรรดิซึ่งพวกเขากำลังเดินทางผ่านอาณาจักรเป่าหลงอยู่ แต่ด้วยความเร็วของพวกเขา พวกเขาก็คงจะต้องใช้เวลาหลายเดือนก่อนจะเดินทางมาถึงเมืองจักรพรรดิหน่ะขอรับ” เฟยฮาวก็ตอบออกมาอย่างเคารพ “ พวกเขามีศิษย์พี่ฮ่าวเทียนและกลุ่มทหารคฤหาสน์นายพลคุ้มกันอยู่ ความปลอดภัยของพวกเขาไม่ต้องเป็นห่วงไปขอรับ”
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้าจากนั้น เขาก็หันไปมองหยูหมิง “หยูหมิง ข้าคงต้องขอรบกวนเจ้ารีบไปคุ้มกันพวกเขา” แม้ว่าความจริง จอมพลฮ่าวเทียนและทหารแห่งคฤหาสน์จอมพลจะมากับตระกูล แต่หวงเสี่ยวหลงยังไม่รู้สึกอุ่นใจเท่าไหร่นัก
“ได้ขอรับ ท่านจักรพรรดิ!” หยูหมิงก็รับสั่งอย่างเคารพ
“แล้วสถานการณ์ฝั่งตระกูลเหยาเป็นอย่างไงบ้าง?”หวงเสี่ยวหลงก็พูดต่อ
เฟยฮาวก็หัวเราะออกมาในขณะที่ตอบ “เหยาเฟยยังตามหาชายชราชุดนั่นอยุ่เลยขอรับ”
จ้าวชูก็พูดเพิ่ม “ถ้าหากมันรู้ว่าใอ้เฒ่านั้นถูกท่านจักรพรรดิ *กิน*ไปแล้วหล่ะก็ มันจะต้องกระอักเลือดแน่”
ความคิดเห็นของจ้าวชูทำให้เกิดเสียงหัวเราะขึ้น
หวงเสี่ยวหลงก็ยืนขึ้นพูด “วันนี้เป็นการเปิดเทอมใหม่ของสถาบันต้วนเริ่น ซึ่งข้าก็จะต้องไปดูสักหน่อยแล้วสิ”
“ท่านจักรพรรดิ งั้นให้ข้าน้อยไปกับท่านแล้วกัน”จ้าวชูก็ลุกขึ้นกล่าว
หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัว “ไม่จำเป็น”
ภายในพื้นที่สถานบันต้วนเริ่นไม่ได้มีอันตรายร้ายแร้งเลยสักนิด นอกจากนี้หวงเสี่ยวหลงก็ไม่ได้หวังจะพึ่งพิงการปกป้องจากจ้าวชูตลอดไปด้วย
พอได้ยินคำพูดของหวงเสี่ยวหลง จ้าวชูก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
ดังนั้นจ้าวชูและเฟยฮาวเลยอยู่ในคฤหาสน์เขาทิศใต้เพื่อจัดการย้ายหอการค้าเก้าสมพันธ์มาที่เมืองจักรพรรดิในขณะที่หยูหมิงออกไปรวมกลุ่มกับตระกูลหวงเพื่อให้แน่ใจว่าตระกูลหวงจะมาถึงจักรวรรดิต้วนเริ่นอย่างปลอดภัย
พอออกจากคฤหาสน์เขาทิศใต้ หวงเสี่ยวหลงก็เดินทางไปสถาบันต้วนเริ่นด้วยตัวเอง
สถาบันต้วนเริ่นตั้งอยู่ในใจกลางเมืองจักรพรรดิ หวงเสี่ยวหลงได้ใช้เวลาไปเกือบจะหนึ่งชั่วโมงในการไปถึงสถาบัน นั่นก็เพราะเขาเดินไปนั่นเอง
เมื่อเขามาถึงประตูหลักของสถาบัน ตรงจุดนั้นก็มีฝูงชนรอคอยอยู่ก่อนแล้ว นั่นก็เพราะวันนี้เป็นวันแรกในการเปิดภาคเรียน
สถาบันต้วนเริ่นเป็นโรงเรียนชั้นสูงของจักรวรรดิต้วนเริ่น ที่แห่งนี้ได้รวบรวมอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์ที่เก่งกาจจากอาณาจักรต่างๆที่ภักดีต่อจักรวรรดิต้วนเริ่น แต่ละคนที่เป็นอัจฉริยะหากยากก็มาจากอาณาจักรเหล่านั้นทั้งสิ้น
“หวงเสี่ยวหลง!” เมื่อหวงเสี่ยวหลงมาถึงลานกว้างของสถาบันต้วนเริ่น ก็ได้มีเสียงเรียกชื่อเขาอย่างมีความสุขดังขึ้น