ในอุโมงค์อันมืดมิดที่ทอดยาวไปนั้นไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากคามมืดอันไม่จบสิ้น
ซึ่งนี่ก็คือการทรมานจิตใจดีๆนั่นเอง!
ลองนึกถึงภาพคนที่เดินไปข้างหน้าโดยไม่รู้เดือนไม่รู้วันหลายชั่วโมงที่ไม่คาดคิดถึงอันตรายที่จะปรากฏขึ้น หากเป็นคนธรรมดาคนๆนั้นก็คงต้องบ้าไปแล้ว
หวงเสี่ยวหลงก็มุ่งมั่นที่จะเดินต่อไปข้างหน้า
อย่างไรก็ตามนอกจากก้าวแรกที่เขาได้มาเหยียบที่นี่ ก็ไม่มีปฏิกิริยาจากเจดีย์หลิงหลงหรือแหวนผนึกพระเจ้าเลยสักนิด พวกมันทั้งสองกลับเงียบสนิทไม่มีปฏิกิริยาเลยสักนิด
ผ่านไปหลายวันในอุโมงค์สีดำ
หวงเสี่ยวหลงได้ใช้เวลาเดินไปข้างหน้าในความืดมิดแต่ก็ยังไม่พบกับจุดสิ้นสุดสักที แม้แต่คนที่มุ่งมั่นอย่างหวงเสี่ยวหลง ก็ยังเริ่มรู้สึกโมโหและขุ่นเคือง
สุดท้าย หวงเสี่ยวหลงก็หยุดเดินและนั่งขัดทำสมาธิ ณ ตรงจุดนั้น จากนั้นเขาก็กลับลมหายใจเพื่อบรรเทาความโกรธและความขุ่นเคืองที่สุมในอกออกไป
พอเขาทำแบบนั้น เวลาก็ได้ผ่านไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อตอนที่เขาใจเย็นหวงเสี่ยวหลงก็ลุกขึ้นแล้วมุ่งหน้าเดินต่อไป
วันเวลาก็ผ่านไปเช่นนี้ โดยมีเพียงการมุ่งหน้าสู่ความมืดและหยุดลงทำสมาธิ เรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายก็ทำให้หวงเสี่ยวหลงลืมเลือนการนับวันเวลา
เมื่อเขาเริ่มรู้สึกชา จู่ๆเขาก็ได้พบกับประกายความหวังในความืดมิด
แสงแห่งความหวัง!
สำหรับหวงเสี่ยวหลงในปัจจุบัน ประกายความหวังเพียงเล็กน้อยนี่เป็นตัวแทนของความหวังที่ไร้ที่เปรียบ
หวงเสี่ยวหลงก็พุ่งไปข้างหน้า ไม่สิ เขาวิ่งไปสู่แห่งที่มาของแสงด้วยแรงทั้งหมดที่เขามี
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแสงอันเล็กๆนี่จะดูใกล้แต่มันกลับห่างไกลจากที่หวงเสี่ยวหลงคาดหวังไว้ แม้ว่าจะผ่านไปเป็นชั่วโมง เขาก็ยังไม่ถึงที่อยู่ของแสงดวงนั้นเลย
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงพุ่งไปข้างหน้า แส่งแห่งความหวังที่มีขนาดเท่าเม็ดทรายก็ขยายใหญ่ขึ้นเกือบเท่าทรงกลมขนาดใหญ่
มันขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆแล้วค่อยครอบคลุมตัวของหวงเสี่ยวหลง จากนั้นฉากที่ปรากฏขตรงหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันทีเมื่อแสงพวกนั้นได้ครอบคลุมร่างเขา ทำให้เขาได้ออกจากอุโมงค์สีดำแล้วมาโผล่ที่หุบเขาเปิดโล่ง
พื้นที่รอบๆเต็มไปด้วยกระดูกสีขาวกระจัดกระจายไปทั่วทุกที่!
มันมีกระดูกของมนุษย์ สัตว์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
มันซ้อนกันกลายเป็นกองภูเขากระดูก
ภูเขากระดูกบางอันก็สูงถึง 100 จาง!
กระดูกขาวพวกนี้ได้ปลดปล่อยพลังงานหยินอันชั่วร้ายซึ่งได้ก่อตัวเป็นสายลมอันรุนแรงที่โบกพัดไปมาในอากาศราวกับเสียงคร่ำครวญของภูติผี
พอมองดูฉากที่เกิดขึ้นนี้ หวงเสี่ยวหลงก็ขมวดคิ้ว
ที่นี่มันสถานที่แบบใหนกัน? ทำไมถึงมีของแบบนี้อยู่ในศาลานักบุญได้หล่ะ? หุบเขากองกระดูพรรค์นี้ไม่ควรจะมีตัวตนอยู่ในศาลานักบุญ
บางที…พื้นที่ส่วนนี้คงไม่ใช่พื้นที่ของศาลานักบุญ? ทันทีก็มีประกายความคิดเกิดขึ้นในจิตใจของหวงเสี่ยวหลง
หวงเสี่ยวลงได้เดินมุ่งหน้าต่อไปราวกับเขาพึ่งเดินทางมาถึงโลกแห่งกระดูก
ครู่ต่อมา เจดีย์หลิงหลงและแหวนผนึกพระเจ้าที่อยู่ในร่างเขาก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทำให้ดวงตาของหวงเสี่ยวหลงก็เบิกกว้าง พอสัมผัสได้ถึงที่อยู่ของไข่มุกวิญญาณ หวงเสี่ยวหลงกระพรือปีกบินไปทางที่อยู่ของไข่มุกวิญญาณ
ไม่นานนักเจดีย์หลิงหลงและแหวนผนึกพระเจ้าก็แสดงปฏิกิริยาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พวกมันสั่นสะเทือนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด พวกมันก็บินออกไปจากร่างหวงเสี่ยวหลง
เจดีย์หลิงหลงและแหวนผนึกพระเจ้าที่บินออกไปก็ส่องแสงสว่างเจิดจ้าไปพร้อมๆกันแล้วพุ่งแหวกอากาศไป
พอเห็นแบบนี้ หวงเสี่ยวหลงก็รีบไล่ตามสิ่งของทั้งสองทันที
หวงเสี่ยวหลงบินไปไม่นานก็พบว่าของทั้งสองส่งเสียงฮึมๆ ทำให้ความเร็วของพวกมันเพิ่มขึ้นมาก
ทำให้หวงเสี่ยวหลงต้องใช้ทุกอย่างที่มีในการไล่ตามเจดีย์หลิงหลงและแหวนผนึกพระเจ้า
พอของพวกนี้บินไปได้ไม่นานมันก็หยุดลงกลางอากาศแล้วแจ้งเตือนให้หวงเสี่ยวหลงเสาะหาเบาะแสรอบๆ ทันทีเขาก็มองเห็นไข่มุกขนาดเท่ากำปั้นมนุษย์ลอยอยู่ไม่ไกลจากเขานัก!
นั่นมันไข่มุกวิญญาณ!
ไข่มุกสีม่วงที่อยู่ตรงหน้าเขาจะต้องเป็นไข่มุกวิญญาณอย่างไม่ต้องสงสัย!
แต่หวงเสี่ยวหลงกลับแสดงใบหน้าซีดเดียว ก็เพราะรอบๆไข่มุกวิญญาณมีหมอกสีเทาร่องลอยอยู่รอบๆ มันเป็นหมอกเดียวกันกับที่หวงเสี่ยวหลงเดินข้ามเข้ามาเมื่อตอนที่เข้าก้าวมาเหยียบในหุบเขาแห่งนี้ แต่ทว่าหมอกสีเทาที่อยู่รอบๆไข่มุกวิญญาณนั้นกลับเข้มข้นมากกว่าจนเหมือนกับของเหลว
มีเงาสีดำที่ส่งเสียงกรีดร้องกระพริบไปมารอบๆไข่มุกวิญญาณเรื่อยไป เงาพวกนี้ก็คือสิ่งมีชีวิตประหลาดที่หวงเสี่ยวหลงไม่มีพลังจะต่อกรกับพวกมัน…แถมยังกลัวพวกมันด้วยอีก
ภายใต้การเฝ้าสังเกตของหวงเสี่ยวหลง เจดีย์หลิงหลงแหละแหวนผนึกพระเจ้าก็ลอยไปหาไข่มุกวิญญาณ แต่เมื่อพวกมันเคลื่อนที่เข้าไปใกล้ หมอกสีเทาที่อยู่รอบๆไข่มุกวิญญาณก็เริ่มปะทุออกมาปิดกั้นการเข้าใกล้ของเจดีย์หลิงหลงและแหวนผนึกพระเจ้า
สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดก็ร้องคร่ำครวญดังและบ่อยขึ้นราวกับพวกมันจะพุ่งออกมาจากหมอกสีเทานี่ได้ทุกเวลา
สมบัติสวรรค์ทั้งสามก็ส่องแสงสว่างสดใสกลางอากาศ
เจดีย์หลิงหลงเปล่งประกายแสงสีแดงและแหวนผนึกพระเจ้าเปล่งแสงสีทอง ส่วนไข่มุกวิญญาณส่งสว่างสีม่วงอันน่าลึกลับ
ซึ่งแสงสว่างหลากสีพวกนี้พวกเข้าปะทะกัน
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงเฝ้ามองดูฉากนี้ จิตวิญญาณมังกรดำและมังกรฟ้าที่อยู่ในร่างเขาก็พุ่งไปหาไข่มุกวิญญาณ
ด้วยการที่มีจิตวิญญาณมังกรคู่ร่วมต่อสู้ด้วย ทำให้สมดุลการต่อสู้ที่เงียบสงบของสมบัติสวรรค์ทั้งสามพังลง แสงของเจดีย์หลิงหลงและแหวนผนึกพระเจ้าก็สว่างขึ้นในขณะที่แสงสีม่วงของไข่มุกวิญญาณค่อยๆหรี่ลง
ในขณะที่แสงของไข่มุกวิญญาณเริ่มเลือนราง กองกระดูกของมนุษย์ สัตว์ และสิ่งมีชีวิตประหลาดที่อยู่รอบๆภูเขาก็เคลื่อนๆไหว
ใบหน้าของหวงเสี่ยวหลงก็เคร่งเครียดขึ้น
กระดูกพวกนี้มีจำนวนมากมายนับล้าน อย่างน้อยก็เป็นแสน กระดูกนับแสนได้พุ่งใส่หวงเสี่ยวหลงราวกับคลื่นยักษ์ ทำให้พื้นที่รอบๆเต็มไปด้วยปราณหยินอันชั่วร้าย ควบกลั่นรวมตัวกลายเป็นปีศาจดุร้ายที่แยกเขี้ยวใส่หวงเสี่ยวหลง
หวงเสี่ยวหลงก็ถูกคลื่นกระดูกทับถมโดยที่ไม่มีสถานที่ให้หลบหลีกหนี ทำให้วิสัยทัศน์ของเขาก็ดับมืดจมลงสู่การลืมเลือนตัวตน
มันเป็นความรู้สึกในความฝันอันยาวนานมากๆ ในความฝันเขาได้ถูกห้อมล้อมไปด้วยกระดูกขาวต่างๆ เมื่อกระดูกพวกนี้หายไปก็ปรากฏทะเลเลือดขึ้นแทน จากนั้นก็มีปีศาจดุร้ายจากขุมนรกที่มีกรงเล็บและฟันแหลมคมปรากฏตัวขึ้นตามมา หลังจากนั้นฉากก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ มีทั้งภาพวาดสีเลือดและการทรมานอย่างทารุณในขุมนรก วิญาณชั่วร้ายนี่ก็คือผู้พิทักษ์แห่งนรกในเทพนิยายของจีนซึ่งมีทั้งหัวเป็นวัว หน้าเป็นม้า และไร้หัว และอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน
ภาพพวกนี้ปรากฏขึ้นซ้ำแล้วซ่ำเล่านับพันครั้ง
หวงเสี่ยวกำลังแหวกว่ายอยู่ในทะแลแห่งความทรงจำที่ไม่ใช่ของเขาซึ่งเขาก็ไม่สามารถถอยออกมาได้ และทำได้แค่ล่องลอยไปเรื่อยๆ
พอเวลาผ่านไปนานก็เกิดนแสงสว่างปรากฏขึ้นในดวงตาของหวงเสี่ยวหลง ดวงตาของเขาค่อยๆชัดเจนขึ้นจากนั้นเขาก็ตื่นขึ้น
พอลืมตาขึ้น ภาพใบหน้าตรงหน้าเขาที่เบลอก็เริ่มชัดเจนขึ้นอย่างช้าๆ
เซี่ยพูถี!
หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัว และพยายามจะลุกขึ้น จากนั้นเขาก็หันไปมองสภาพแวดล้อมรอบๆแล้วเอ่ยถามขึ้นว่า “นี่พวกเราอยู่ที่ใหน?”
เซี่ยพูถีก็มองหวงเสี่ยวหลงด้วยท่าทางแปลกประหลาดเมื่อเขาได้ยินคำถาม