เหยาเฟยครุ่นคิดอยู่เงียบๆสักพักแล้วกวักมือเรียกเสี่ยวเถิงให้เข้ามาใกล้แล้วพูดอะไรบางอย่างให้เขาฟัง
“ได้ขอรับ นายน้อยโปรดวางใจ”เสี่ยวเถิงก็ตอบรับคำสั่งของเหยาเฟยอย่างเคารพ
ด้วยการโบกมือของเหยาเฟย เสี่ยวเถิงก็ได้ถอยหลังออกไป
ในเวลาเดียวกัน สถานที่แห่งหนึ่งในคฤหาสน์ตระกูลกั่ว ใบหน้าของกั่วชื่อเหวินก็ปรากฏความโศกเศร้าขึ้นในขณะที่เขามองเห็นลูกชายทั้งสองคนของเขาถูกแบกกลับมา ทำให้จิตสังหารอันน่าหวาดหวั่นก็ได้ก่อตัวขึ้นในใจของเขา
“หวงเสี่ยวหลง!”กั่วชื่อเหวินก็กัดฟันแล้วแผดเสียงคำรามอันโกรธเกรี้ยวออกมา
ผู้เชี่ยวชาญตระกูลกั่วที่อยู่ในห้องโถงต่างก็ตัวสั่นไปด้วยความหวาดกลัว เป็นครั้งแรกที่สมาชิกในตระกูลกั่วได้ประสบกับความโกรธเกรี้ยวของกั่วชื่อเหวินในระดับนี้
ทุกคนก็ทำตัวเงียบและทำตัวให้ไม่มีตัวตนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ซึ่งนี่ก็รวมไปถึงจางเยี่ย หัวหน้าพ่อบ้านตระกูลกั่ว
ภายในใจของจางเยี่ยก็มีความโกรธเกรี้ยวที่ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆอยู่เหมือนกันซึ่งมันคือความต้องการฆ่าอย่างแรงกล้า กั่วจื่อและกั่วเฟยทั้งสองคนนั้นเป็นถึงนายตระกูลกั่วแต่กลับมีคนกล้าทำลายทะเลปราณของพวกเขา! นี่มันคือความอับปยศของตระกูลกั่ว นี่มันการยั่วยุอย่างโจ่งแจ้งชัดๆ!
เห็นได้ชัดเลยว่าฝ่ายตรงข้ามไม่เห็นคนในตระกูลกั่วอยู่ในสายตาเลย!
หวงเสี่ยวหลงมันช่างบังอาจนัก!
ในวันนี้ เรื่องราวของตระกูวกั่วก็ลายเป็นหัวข้อพูดคุยตลกขบขันกันภายในตระกูลใหญ่ทั้งหลาย
ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพ่อบ้านตระกูลกั่ว จางเยี่ยนั้นรู้สึกโกรธหวงเสี่ยวหลงอย่างมาก
“ท่านประมุข เราควรจะเรียนให้ท่านบรรพรบุรุษทราบดีหรือไม่?”ครู่ต่อมาจางเยี่ยก็เดินเข้ามาถาม
ดวงตาของกั่วชื่อเหวินก็เย็นชาไปด้วยความเกลียดชัง “ท่านพ่อปิดกำลังประตูบ่มเพาะอยู่ในช่วงเวลาสำคัญในการทะลวงเข้าสู่ระดับเทวะ อย่าให้เขารู้เรื่องนี้เด็ดขาด”
“ได้ขอรับ ท่านประมุข!”จางเยี่ยก็ตอบออกมา เขาลังเลอยู่สักครู่แล้วพูดต่อไปว่า “น้องสาวหวงเสี่ยวหลง หวงหมินได้หมั้นหมายกับนายน้อยกั่วไท่ไว้ ท่านประมุขเรื่องนี้…?”
“หมั้นงั้นเรอะ?”กั่วชื่อเหวินก็เย้ยหยัน “จัดส่งจดหมายลับเล่มนี้ให้ไปถึงมือน้องชายข้ากั่วชื่อหยวน บอกเขาให้ยกเลิกการหมั้นของใอ้สารเลวกั่วไท่ซะ!”
“ส่วนน้องสาวของหวงเสี่ยวหลง….เป็นแค่สิ่งของราคาถูกยังคิดหวังจะเข้าสู่ตระกูลกั่วของข้าอีกงั้นเรอะ!?”
จางเยี่ยก็รับจดหมายลับแล้ว รับคำส่างของกั่วชื่อเหวินอย่างนอบน้อม จากนั้นเขาก็พูดขึ้น “แล้ว สำหรับหวงเสี่ยวหลงหล่ะขอรับ?”
“ท่านพ่อจะต้องทะลวงเข้าสู่ระดับเทวะในช่วงการปิดตัวครั้งนี้ “กั่วชื่อเหวินก็พูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “เราจะจัดการใอ้สารเลวหวงเสี่ยวและจ้าวชูเมื่อท่านพ่อออกมาแล้ว!”
“ท่านประมุขช่างเป็นคนที่น่าเลื่อมใส่ยิ่งนัก!”
3 วันผ่านไป
ตระกูลต่างๆที่กำลังรอคอยตระกูลกั่วแก้แค้นหวงเสี่ยวหลงอย่างบ้าคลั่งต่างคาดหวังว่าจะได้รับชมการแสดงดีๆแต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจก็คือตระกูลกั่วกลับไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆเลย
ทุกอย่างกลับเงี่ยบสงบ
ผลลัพธ์นี้ทำให้ใครๆหลายคนที่กำลังอยู่ต่างมึนงง
หอการค้าล้านสมบัติของตระกูลกั่วเป็นหนึ่งใน 3 หอ การค้าที่ใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิต้วนเริ่นซึ่งมีสาขามากมายอยู่ไปทั่วเขตพื้นที่ของจักรวรรดิต้วนเริ่น ด้วยความมั่งคั่งที่ยากจะจินตนาการและการก่อตั้งมาแล้วเกือบจะพันปีของตะกูลกั่ว สถานะของพวกเขาก็เพียงต่ำกว่าตระกูลเซี่ยและตระเหยาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เมื่อนายน้อยทั้งสองของพวกเขาถูกทำลายทะเลปราณ แล้วพวกเขาจะยังทนเงียบไปแบบนี้ได้งั้นหรือ?!
การกระทำแบบนี้มันไม่ใช่แนวทางของตระกูลกั่วเลยสักนิด!
แม้ว่าคนอื่นๆจะคิดว่าหวงเสี่ยวหลงเป็นพี่น้องกับองค์ชายสอง ต้วนหวูเหิน แต่มันก็ยังไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ตระกูลกั่วทำตัวเงียบขนาดนี้ ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงผายลม?!
ในช่วงเวลาสั้น ตระกูลกั่วกลับแสดงปฏิกิริยาผิดปกติมาก
โดยไม่สนใจเสียงกระซิบมากมายรอบตัวและปฏิกิริยาตอบรับจากตระกูลกั่ว หวงเสี่ยวหลงก็ได้เดินทางมาถึงสถาบันต้วนเริ่นในตอนเช้าราวกับเครื่องจักรที่เดินไปมารอบๆเขตพื้นที่ศิษย์ฝ่ายใน เพื่อจะจับสัมผัสตัวตนของไข่มุกวิญญาณจนกระทั่งเย็น แล้วค่อยกลับคฤหาสน์เนินเขาทิศใต้ จากนั้น เขาก็เปิดใช้งานแหวนผนึกพระเจ้าแล้วเข้าไปฝึกในสนามรบโบราณต่อ
3 วันผ่าน การบ่มเพาะของเขาก็ไม่ขยับไปใหน ซึ่งเขาก็ยังสัมผัสตำแหน่งของไข่มุกวิญญาณไม่ได้เลย
อีก 10 วันก็ผ่านไปเหมือนเดิม
ในตอนกลางคือน หวงเสี่ยวหลงนั้นยืนอยู่ตรงกลางสนามหญ้า คิ้วของเขาขมวดขึ้นเล็กน้อยในขณะที่กำลังครุ่นคิด
ครึ่งเดินผ่านไป ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมานั้น เขาได้สำรวจไปทุกๆที่ในเขตพื้นที่ศิษย์ฝ่ายใน เขาไปสำรวจแม้กระทั่งหอพักหญิง แต่เขาก็ยังไม่สามารถสัมผัสปฏิกิริยาที่เชื่อมโยงไปถึงไข่มุกวิญญาณได้เลย ไม่ได้อะไรเลยสักนิด!
“หรือว่า….ไข่มุกวิญญาณจะไม่ได้อยู่ในสถาบันต้วนเริ่น?”หวงเสี่ยวหลงก็คิดขึ้นมา
แต่แล้ว ก็มีความนึงผุดขึ้นมาราวกับสายฟ้า ในสถาบันต้วนเริ่นยังมีสถานที่หนึ่งที่เขายังไม่ได้ไป
“ศาลานักบุญ!”
ศาลานักบุญเป็นพื้นที่ต้องห้ามของสถาบันต้วนเริ่น
ศาลานักบุญเป็นพื้นที่ที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นเทวะของสถาบันต้วนเริ่นเป็นผู้สร้างขึ้น
แต่ศาลานักบุญนั้นไม่ใช่สถานที่ที่หวงเสี่ยวหลงสามารถเข้าไปได้อย่างหน้าตาเฉยแม้เขาจะมีเหรียญตราของจักรพรรดิต้วนเริ่นก็ตาม นั่นก็เพราะศาลานักบุญนั้นจะเปิดขึ้นปีละครั้ง เพื่อเปิดศาลานักบุญจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญขั้นนักบุญทั้งหมดรวมพลังกัน ภายในศาลานักบุญมีปราณจิตวิญญาณขั้นเทวะที่มีประโยชน์ต่อการบ่มเพาะปราณฉี และทึกครั้งที่มันเปิด จะมีเพียงศิษย์แห่งสถาบันต้วนเริ่น 10 คน เท่านั้นที่ได้เข้าไปบ่มเพาะในนั้นหนึ่งเดือน
“ศาลานักบุญ”หวงเสี่ยวหลงก็พึมพำ ครู่ต่อมา เขาก็เรียกจ้าวชูแล้วบอกว่าเขาจะเดินทางไปพระราชวังต้วนเริ่น และให้บอกต้วนเริ่นว่าหวงเสี่ยวหลงจะเข้าไปในศาลานักบุญในครั้งหน้าที่มันเปิด
สำหรับผู้ก่อตั้งสถาบันต้วนเริ่น จักรพรรดิต้วนเริ่นสามารถใส่ชื่อศิษย์ 3 คนของสถาบันให้เข้าไปฝึกในศาลานักบุญได้ทุกๆปีแต่ทว่ารายชื่อที่เหลือจะถูกแบ่งให้ 7 ตระกูลให้ – ตระกูลเซี่ย ตระกูลเหยา ตระกูลกั่ว ตระกูลหยาน ตระกูลจ้าว และตระกูลเฉิน
ในตอนเช้าตรู่ จ้าวชูก็กลับมาจากพระราชวังต้วนเริ่น เขาก็รายงานแก่หวงเสี่ยวหลงว่าเขาได้บอกเรื่องนั้นแก่จักรพรรดิต้วนเริ่นแล้ว และต้วนเริ่นก็เห็นด้วยอย่างมาก ซึ่งเขาได้รวบรวมข้อมูลในสิ่งที่หวงเสี่ยวหลงจำเป็นต้องให้ความสนใจ
“หลังจากนี้ อีก 2 เดือนงั้นหรอ”หวงเสี่ยวหลงก็พูดกับตัวเอง
หลังจากนี้อีก 2 เดือนจะเป็นช่วงเวลาที่ศาลานักบุญจะเปิดให้เข้า ดังนั้น หวงเสี่ยวหลงจึงไม่มีตัวเลือกอื่นใดนอกจากต้องรออีก 2 เดือน เพราะแม้แต่ต้วนเริ่นก็ยั่งไม่สามารถกำหนดเวลาตามที่เขาต้องการได้
ดังนั้นหวงเสี่ยวหลงก็เลยต้องรอคอยอย่างอดทนในขณะที่บ่มเพาะไปด้วยซึ่งเขาจะต้องรอศาลานักบุญเปิดในอีก 2 เดือน
ในวันนี้ หวงเสี่ยวหลงได้ฝึกวิชาดาบเทพอสูรในสนามหญ้าและจู่ๆเฟยฮาวก็เข้ามารายงานทันทีว่า “ท่านจักรพรรดิ มีข่าวลือเรื่องกั่วชื่อหยวนแห่งตระกูลกั่วได้ประกาศยกเลิกการหมั้นระหว่างกั่วไท่กับคุณหนู และข่าวลือนี้ได้กระจายไปทั่วเมืองจักรพรรดิแล้วขอรับ”
พอได้ยินเรื่องนี้ หวงเสี่ยวหลงหยุดการฝึกฝน ดวงตาของเขาเปร่งประกายเย็นชาขึ้น “มันเป็นกั่วชื่อหยวนที่ประกาศด้วยตัวเองสินะ?”
“เป็นมันขอรับ ตามที่ทราบมาข่าวลือนี้ได้กระจายไปทั่วแล้วขอรับ!”เฟยฮาวก็ตอบออกมาอย่างเคารพ
“ไปยืนยันว่ากั่วชื่อหยวนเป็นคนพูดมันด้วยตัวเองจริงใหม!”หวงเสี่ยวหลงก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แล้วก็ไปหาด้วยว่ากั่วไท่มีปฏิกิริยากับเรื่องนี้อย่างไร”
“ได้ขอรับ ท่านจักรพรรดิ!”เฟยฮาวก็ตอบออกมาอย่างเคารพและล่าถอยออกไป
หลังจากเฟยฮาวออกไป หวงเสี่ยวหลงก็ฟันดาบเทพอสูรในมือออกไป เขาได้ใช้กระบวนท่าดอกไม้นอกชายฝั่งซึ่งทำให้เกิดดอกไม้อันงดงามน่าหลงไหลและหายไปทันทีแทบจะมองไม่ทัน ต่อมาไม่ถึงหนึ่งลมหายใจ หินยักษ์ที่อยู่ข้างสนามหญ้าก็ถูกทำลายกลายเป็นผุยผง
ในหลายวันนี้ หวงเสี่ยวหลงได้ฝึกกระบวนท่าดอกไม้นอกชายฝั่งโดยใส่ความสามารถของฝ่ามือพริ้วไหวดุจสายน้ำลงไปในการโจมตีของดอกไม้นอกชายฝั่งซึ่งทำให้ให้การโจมตีของมันนั้นยากจะคาเดาและประสิทธิภาพในการโจมตีเพิ่มขึ้นมาก
การต่อสู้กับหวงเสี่ยหลงในปัจจุบันแม้จะเป็นนักรบเซียนเทียนระดับ 2 ขั้นแรกหรือขั้นกลาง เขาก็มั่นใจว่าเขาสามรถฆ่าได้ภายในกระบวนท่าเดียว!
หวงเสี่ยวหลงได้ฝึกวิชาพายุนรก น้ำตาเทพอสูร ความโกรธเกรี้ยวของเทพอสูร เขตแดนสายฟ้า และดอกไม้นอกชายฝั่งภายในสนามหญ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาในที่สุดหวงเสี่ยวหลงก็หยุดลงและหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ซึ่งเขาได้คิดกับตัวเองว่า ดูเหมือนว่าฉันจะสามารถฝึกกระบวนท่าที่ 6 ได้แล้วสินะเนี่ย
เขาได้ฝึกกระบวนท่านอกชายฝั่งมาถึงความสำเร็จขั้นเล็กน้อยแล้ว
ในตอนนั้นเฟยฮาว ที่ออกไปตรวจสอบข่าวลือก็เข้ามารายงานให้หวงเสี่ยวหลง “ท่านจักรพรรดิ ข้าน้อยได้ข้อมูลใหม่แล้วขอรับ ข่าวลือนั้นได้รับการยืนยันแล้วว่ากั่วชื่อหยวนเป็นคนพูดด้วยตัวเอง แต่กั่วไท่ไม่ได้ยอมรับ”
เรื่องนี้ทำให้สีหน้าของหวงเสี่ยวหลงดีขึ้นมาเล็กน้อย
“อย่างแรก อย่าให้น้องสองรู้เรื่องนี้เด็ดขาด”หวงเสี่ยวหลงก็พูดเตือนออกมาด้วยเสียงเคร่งขรึม
“ได้ขอรับท่านจักรพรรดิ”เฟยฮาวก็พูดออกมา
“เจ้าออกไปได้แล้ว”หวงเสี่ยวหลงก็ไล่เขาออกไป
เฟยฮาวก็ตอบรับแล้วออกไปจากสนามหญ้า
“ในอีก 7 เดือน น้องสอง แม่ พ่อและคนที่เหลือก็จะมาถึงเมืองจักรพรรดิ”หวงเสี่ยวหลก็ขมวดคิ้ว ข่าวนี้คงไม่สามารถปิดบังไว้ได้นาน ซึ่งไม่ช้าก็เร็วน้องสาวของเขาก็ต้องรู้อยู่ดี