หยูหมิงก็พุ่งตัวออกไป จู่ๆก็เกิดแสงเข้าปกคลุมร่างกายของเขาในขณะที่โกเล็มขนาดใหญ่ปรากฏตัวขึ้น
โกเลมยักษ์มีร่างกายสีเขียวและมีตัวสีทองเพลิง มันก็คือจิตวิญญาณต่อสู้ของหยูหมิง โกเล็มยักษ์หินเขียว
โกเลมยักษ์หิวเขียวเป็นเผ่าพันธ์จิตวิญญาต่อสู้โบราณ ที่รู้กันว่าพวกมันมีการป้องกันและพลังที่หวาดหวั่น
พอเรียกจิตวิญญาณต่อสู้ออกมา หยูหมิงก็ทำการเปลี่ยนร่างทันที เกราะหินสีเขียวก็ค่อยๆปลกคุลมตัวเขาในขณะที่เขาใช้หมัดโจมตีใส่เหยาเฟย
พอสัมผัสได้ถึงอันตรายจากการโจมตีของหยูหมิง ก็ได้มีเปลวไฟสีดำปะทุขึ้นจากร่างของเหยาเฟยซึ่งได้มียักษ์สีดำปรากฏขึ้นเหนือหัวเหยาเฟย
ยักษ์ตัวนี้ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสีดำแบบเดียวกับที่ปกคลุมเหยาเฟย ซึ่งเปลวเพลิงนี้ได้ปลดปล่อยความหนาวเหน็บอันน่าขนลุกและความรู้สึกอันน่าเกรงขามอันชั่วร้ร้าย
เจ้าตัวนี้ก็คือจิตวิญญาณต่อสู้ของเหยาเฟย จิตวิญญาณต่อสู้นี้ก็เหมือนกับจิตวิญญาณของหยูหมิงที่เป็นจิตวิญญาณโบราณที่มีชื่อเรียกว่าทรราชมืด ซึ่งมันเป็นจิตวิญญาณต่อสู้นระดับที่ 12 !
เหยาเฟยก็ทำการเปลี่ยร่างดดยไม่เสียเวลาหลังจากที่เขาอัญเชิญจิตวิญญาณต่อสู้ออกมา ร่างกายของเขานั้นถูฏปกคลึมไปด้วยก็สีดำที่มีเปลวเพลิงสีดำเคลื่อนไหวไปมาบนผิวเกาะ จากนั้นเขาก็พุ่งออกไปในช่าวพริบตาโดยทิ้งภาพลวงตาไว้กลางอากาศในขณะที่เขาเผชิญหน้าการโจมตีของหยูหมิง
บู้ม! เกิดเสียงระเบิดขึ้นดังสนั่นในขณะที่ร่างทั้งสองถูกกระแทกออกมาในเวลาเดียวกัน
แม้ว่าเหยาเฟยจะได้รับบาดเจ็บจากพลังเทวะของจ้าวชูเมื่อก่อนหน้านี้ แต่พลังของเขาก็แข็งแกร่งกว่าหมิงหยูเล็กน้อยเนื่องจากจิตวิญญาณต่อสู้ของหมิงหยูถูกกดดันด้วยระดับของจิตวิญญาณต่อสู้ที่แตกต่างกัน ดังนั้นแม้ว่าเหยาเฟยจะได้รับบาดเจ็บ แต่มันก็คงจะยากที่หยูหมิงจะเอาชีวิตเหยาเฟยได้อย่างรวดเร็ว
พอถอยออกมาจากการปะทะกันครั้งแรก หยูหมิงก็หรี่ตาลง เขาได้ทำการขยับหมัดทั้งสองเพื่อจะเข้าทำการปะทะกันอีกครั้ง
ด้านล่าง บนเศษซากจัตตุรัส ฝูงชนต่างมองการจ่อสู้บนฟ้าระหว่างจ้าวชู หลี่โม่หลิน จักรพรรดิต้วนเริ่น รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะที่เหลือด้วยดวงตาเบิกกว้าง เนื่องจากพวกเขามีความสามาระในการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตระดับเทวะ ดังนั้นจิตวิญญาณต่อสู้ของพวกเขาทุกคนก็ต้องเป็นจิตวิญญาณต่อสู้ที่มีพรสวรค์อันดีเลิศอย่างแน่นอน ในการต่อสู้ ณ ขณะนี้ จ้าวชูและจักรพรรดิต้วนเริ่นนั้นได้อัญเชิญจิตวิญญาณต่อสู้ของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
ผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะหลายต่อหลายคนต่างก็เผยโฉมจิตวิญญาณต่อสู้ของตัวเองต่อหน้าสายตาของฝูงชน….นี่เป็นฉากที่ไม่สามารถลืมเลือนได้!
“องค์ชายลำดับที่ 2 พวกเราควรจะ…?”ด้านล่าง เพราะเขาเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญของพระราชวัง เฉินเจียงจึงได้ถามต้วนหวูเหินในขณะที่เขามองดูการต่อสู้หยูหมิงและเหยาเฟยซึ่งเขากำลังสงสัยว่าเขาควรจะสนับสนุนจ้าวชูดีหรือไม่
แต่เมื่อต้วนหวูเหินต้องการพยักหน้า ก็มีแรงกดดันอันหมาศาลแผ่กระจายบนจัตตุรัสฃทุกพื้นที่ ในตอนที่แรงกดดันนี้มาถึง คนที่แบกรับแรงกดดันอันน่าหวาดกลัวก็ได้ออกหมัดโจมตีใส่หลี่โม่หลินที่กำลังต่อสู้กับจ้าวชู
ด้วยความตกใจ หลี่โม่หลินก็ได้ส่งฝ่ามือสวนโจมตีออกไปในขณะที่มีแสง 9 สีระเบิดออกมจากหลี่โม่หลินในวินาทีสุดท้าย
หมัดและฝ่ามือก็เข้าปะทะกัน! หลี่โม่หลินก็สั่นสะท้านจากพลังที่ปะทะกัน ส่งผลให้เธอลอยถอยหลังไปและยืนโซเซอยู่กลางอากาศ
“ฮ่าๆ จางฟู ในที่สุดเจ้าก็มาสักที!”จ้าวชูก็หัวเราะออกมาด้วยความอิ่มเอมใจ
ในกลางอากาศ มีชายวัยกลางคนรูปร่างกำยำผมดำแต่ใบหน้าของเขากลับปกคลุมไปด้วยหนวดเคราสีขาว
จางฟู!
ผู้ที่เขามารว่มต่อสู้เพิ่มนั้นก็คือผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา จางฟู!
เมื่อจ้าวชูและหวงเสี่ยวหลงมาถึงเมืองจักรพรรดิต้วนเริ่นในตอนแรก พวกเขาก็ได้ส่งคำพูดให้จางฟูรีบเข้าสมทบทันที และตอนนี้ ในช่วงเวลาสำคัญ จางฟูก็มาถึงทัน!
จางฟูก็หัวเราะใส่จ้าวชู “ช่างเป็นฉากที่ดูมีชีวิตชีวาจริงๆ ที่ข้าจางฟูคิดถึงมันจริงๆ มันก็นานมากแล้วตั้งแต่ข้าปล่อยเนื้อปล่อยตัว ดูเหมือนว่าข้าไม่รีบมาไม่ได้ซะแล้ว!”
“ฮ่าๆ งั้นข้าจะปล่อยยายแก่นี้ให้เจ้าแล้วกัน!”จ้าวชูยกคู่ต่อสู้ให้เขา
“ไม่มีปัญหา!”จางฟูก็พุ่งไปแล้วอัญเชิญจิตวิญญาณต่อสู้––ก็ได้มีสิงตาสีดำขาวขนาดเนินเขาย่อมๆปรากฏตัวขึ้น จากนั้นจางฟูก็ทำการเปลี่ยนร่างและโจมตีใส่หลี่โม่หลินด้วยความตื่นเต้น
หลี่โม่หลินก็โกรธขึ้นเมื่อเธอได้ยินเจ้าพวกเฒ่าชราหน้าเหม็นแบ่งเธอราวกับเธอเป็นเหยื่อ เธอจึงสติแตก พอหลบการโจมตีได้ก็มีหาง 9อันปรากฏขึ้นข้างหลังเธอจากนั้นหมุนหางทั้ง 9 พุ่งเข้าใส่จางฟู แสง 9 สีที่หมุนวนรอบตัวของเธอก็สว่างมากขึ้น
สำหรับจ้าวชูนั้น เขาได้กลับไปอยู่เคียงข้างหวงเสี่ยวหลง
แต่หวงเสี่ยวหลงกลับมีความคิดแตกต่างกับเขา “เจ้าไปฆ่าเหยาเฟยซะ!”
“ได้ขอรับนายน้อย!”จ้าวชูก็พุ่งเข้าไปในการต่อสู้ระหว่างหยูหมิงและเหยาเฟย ดูเหมือนว่าพลังทำลายล้างที่เกิดขึ้นจะสลายหายไปเมื่อมันเข้ามาใกล้ตัวจ้าวชู
จ้าวชูก็เย้ยหยันยกมือขึ้นกำพลังจะโจมตีแต่ในขณะนั้นก็มีปราณดาบพุ่งเข้ามาใกล้จ้าวชู ด้วยความตื่นตระหนกจ้าวชูจึงยกฝ่ามือขึ้นโจมตีออกไปในทิศทางที่ปราณดาบพุ่งเข้ามาแทน
แรงปะทะกันในครั้งนี้ก็กระจายออกไป
ครู่ต่อมาก็มีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างเหยาเฟยและพาตัวเหยาเฟยไปโดยพูดทิ้งท้ายก้องดังก้องออกมาจากมิติว่า “ศิษย์น้องหญิง ก่อนอื่นรีบกลับนิกายก่อน!”
เมื่อหลี่โม่หลินที่กำลังต่อสู้กับจางฟูได้ยินคำพูดนี้ เธอผลักจ้าวฟูออกไปด้วยพลังทั้งหมด และทิ้งท้ายไว้ว่า “จางฟูใช่มั้ย? ครั้งหน้าที่ข้าได้พบเจ้าข้าจะมารับชีวิตหมาๆอย่างเจ้าไป!”ด้วยการพริ้วไหว ร่างของเธอก็หายไปในมิติ
อ่าวไป๋เสวีย บรรพบุรุษยตระกูลเหยา เหยาซาน และผู้เชี่ยวชาญแห่งนิกายนักรบพระเจ้าที่เหลือก็หายไปในช่องว่างมิติทันที
จางฟูก็ขมวดคิ้วในขณะที่เขามองดูหลี่โม่หลินหนีไป แต่แทนที่จะไล่ตามเขากลับมาปรากฏตัวข้างล่างต่อหน้าหวงเสี่ยวหลงในครู่ต่อมา และทำความเคารพ “ผู้ใต้บังคับบัญชาจางฟู ผู้นี้ยินดีที่ได้พบนายน้อย!”
“ยืนขึ้น”
“ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้ขอขอบคุณนายน้อย!”
จักรพรรดิต้วนเริ่นและคนอื่นๆต่างก็เห็นจางฟูที่เป็นผู้มาใหม่เรียกหวงเสี่ยวหลงว่านายน้อย ทำให้จิตใจของพวกเขาต่างตื่นตกใจ
พอตัดสินจากสิ่งที่พวกเขาได้เห็นเมื่อกี้ ความแข็งแกร่งของจางฟูนั้นก็ไม่ได้อ่อนแอกว่าจ้างชูเลย และบางทีอาจจะแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ
แล้วตัวตนของหวงเสี่ยวหลงนั้นคือสิ่งใดกันที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะขั้นสูงทั้ง 2 คนถึงเรียกเขาว่านายน้อย?!
แม้ว่าจ้าวชูจะเป็นเพื่อนสนิทกับอาจารย์ของต้วนเริ่น และได้ช่วยเหลือดูแลต้วนเริ่นในเมื่อการก่อนซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเขาก็เป็นอาจารย์ของต้วนเริ่นครึ่งนึง และเขานั้นก็ยังไม่รู้ว่าจ้าวชูนั้นเป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายของนิกายเทพอสูรอีกด้วย
“ท่านจักรพรรดิ แล้วตอนนี้พวกเราจะทำสิ่งใดดี?”จ้าวชูก็ก้าวออกมาถาม
จิตสังหารอันเข้มข้นในดวงตาของหวงเสี่ยวหลงก็ปะทุขึ้นในขณะที่เขาพูดออกมาด้วยเสียงอันเย็นชาว่า “ ไปคฤหาสน์ตระกูลเหยา!”
เขาไม่คิดเลยว่าเหยาเฟยจะสามารถหลบไปได้แบบนี้!
เขาหวังว่าครอบครัวและข้ารับใช้ของเขานั้นจะถูกขังอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลเหยา ถ้าไม่หล่ะก็ เขาเกรงว่า….!
พอได้ยินว่าหวงเสี่ยวหลงต้องการมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ตระกูลเหยา คนที่เหลือต่างก็รู้สึกจนปัญญา
“ได้ขอรับ นายน้อย!”จ้าวชูและจางฟูก็ตอบรับอย่างเคารพ
หวงเสี่ยวหลงก็บินออกมาจากสถาบันต้วนเริ่น โดยไม่จ้าวชู จางฟู หยูหมิง และเฟยฮาวติดตาม
“ท่านพ่อ พวกเราควร…?”ต้วนหวูเหินก็ก้าวเข้าใกล้ต้วนเริ่นแล้วถามอย่างกระซิบกระซาบ
“จักรพรรดิต้วนเริ่นก็พยักหน้า “อืม ไปดูกันเถอะ” พวกเขาก็ตามกลุ่มของหวงเสี่ยวหลงไปจนกระทั่งพวกเขามาถึงคฤหาสน์ตระกูลเหยา มันช่างเป็นขบวนแห่ที่ยิ่งใหญ่จริงๆ!
….
ณ ตอนนี้ ในห้องลับใต้ดินที่ใหนสักที่ในคฤหาสน์ตระกูลเหยา
หวงเผิง ซูหยาน หวงหมินและหวงเสี่ยวไห่ที่ถูกลัดด้วยเชือกสีทองก็ถลึงตาด้วยความโกรธใส่ยามของตระกูลเหยาหลายคนที่อยู่นอกห้องใต้ดิน
หนึ่งในยามต่างเพ่งสายตามองซูหยานและหวงหมิน ด้วยการที่ถูกรัดแน่นด้วยเชือกสีทอง ส่งผลเสื้อผ้าของพวกเธอแน่นตึงจึงทำให้ขับเน้นส่วนโค้งเว้าของพวกเธอออกมา โดยเฉพาะส่วนตรงหน้าอกของพวกเธอ
ยามของคฤหาสน์ตระกูลเหยาแทบทุกคนก็มุ่งมาสนใจ “แม่และน้องสาวของหวงเสี่ยวหลงมันอย่างกับนางจิ้งจอกสาวเลยจริงๆ พวกเธออยู่เคียงข้างกันราวกับคู่พี่น้องจิ้งจอกสาวเลยจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของนายน้อยหล่ะก็ ข้าก็คงไม่ทนมามากขนาดนี้หรอก”
สหายยามตัวผอมสูงที่อยู่ข้างเขาก็เย้ยหยัน “อย่ากังวลไปเลย หลังจากนายน้อยฆ่าหวงเสี่ยวหลงแล้ว พวกมันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรอีก จากนั้นพวกเราก็สามารถเล่นในสิ่งที่พวกเราต้องการได้”
ทหารยามที่ไม่มีศีลธรรมก็กล่าวขึ้น “หวงเสี่ยวหลง… เพราะแค่มันมีต้วนหวูเหินหนุนหลัง มันเลยคิดว่ามันดีเลิศมากมาย ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมนายน้อยถึงต้องระมัดระวังในการจัดการหวงเสี่ยวหลงมากนัก ด้วยนายน้อยและพลังของตระกูลเหยา การจะทำลายหวงเสี่ยวหลง……มันก็ง่ายเหมือนการดีดนิ้วไม่ใช่หรอ?”
“ข้าก็คิดแบบนั้น หวงเสี่ยวหลงมันก็แค่คนที่น่าสมเพช ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเอามันมาใส่ใจ!”
อย่างไรก็ตาม เมื่อทหารยามคนนั้นพูดเสร็จ ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นราวกับสวรรค์และปฐพีสั่นสะเทือน