เช้าวันต่อมาเป็นวันที่พระอาทิตย์แจ่มใส
หวงเสี่ยวหลงได้ก้าวออกจากโรงเตี๋ยมและเดินทางออกจากเมืองการค้าอุดรแล้วจึงเดินทางไปที่ตั้งแท่นบูชาพระพุทธ ตามที่บริกรของโรงเตี๋ยมได้กล่าวไว้ว่า แท่นบูชาพระพุทธจะอยู่ทางทิศเหนือด้านขวาพื้นว่างด้านหน้าถ้ำพุทธะ มีข่าวลือว่าแท่นบูชาพระพุทธจะเฝ้ารอบุคคลแห่งโชคชะตาทุกครั้งที่มันปรากฏตัวและหลังจากได้ผู้ถูกเลือกแล้วมันก็จะหายไปเลย
ครั้งนี้แท่นบูชาพระพุทธกำลังลอยอยู่ด้านหน้าถ้ำพุทธะเป็นเวลา 1 เดือน เนื่องจากระยะทางระหว่างเมืองการค้าอุดรและถ้ำพุทธะอยู่ใกล้กันมาก หวงเสี่ยวหลงเลยเดินทางมาลานที่กล่าวถึงไว้อย่างรวดเร็ว
ลานขนาดใหญ่ด้านหน้าถ้ำพุทธะมีชื่อเรียกว่าลานหมื่นพุทธะ ลานนี้มีพระพุทธรูปหมื่นองค์ตั้งอยู่และแต่ละองค์นั้นมีความแตกต่างทั้งท่าทางการแสดงออกไปจนถึงตำแหน่ง แต่สิ่งที่มีร่วมกันก็คือ พระพุทธรูปแต่ละองค์มีความสูง 10 จาง
ตอนที่หวงเสี่ยวหลงมาถึงลานหมื่นพุทธะ เขาก็ได้พบกับฝูงชนที่อยู่ก่อนมาก่อนแล้ว หวงเสี่ยวหลงจึงเดินตามฝูงชนไปและค่อยๆเข้าไปใกล้ แล้วในที่สุดเขาก็ไปหยุดเดินอยู่ตรงด้านหน้าถ้ำพุทธะ จากมุมนี้ หวงเสี่ยวหลงมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ด้านบนทางขวาของทางเข้าถ้ำพุทธะนั้น มีเหรียญทองสีเหลี่ยมลอยอยู่ในอากาศ เหรียญทองนี้มีจนาดประมาณ 12 ลูกบาศก์เมตร บนพื้นผิวถูกแกะสลักไว้ด้วยฉากที่มีพระพุทธเจ้าปรากฏขึ้นมากมายและบางแห่งก็มีพระคัมภีร์รูปทรงแปลกๆเต็มไปหมด
บนอากาศ เหรีญตราก็เปร่งแสงพร้อมกับเรืองแสงสีทองเป็นวงแหวนและปลดปล่อยพลังงานแห่งพุทธะอันบริสุทธิ์ออกไปไกลถึง 100 จาง รอบๆตัวมัน
ทันใดนั้นก็มีคลื่นพุ่งทะลุผ่านฝูงชน
“ดูนั่น นั่นลั่วหวูยี่แห่งตระกูลลั่ว!”
สายตาของหวงเสี่ยวหลงก็หันไปตามทิศทางของฝูงชนและมองเห็นชายหนุ่มชุดคลุมสีฟ้าที่มุ่งหน้าตรงไปที่เหรียญทองคำ
“ลั่วหวูยี่ แห่งตระกูลลั่วเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ในรอบพันปี และเขาก็ยังเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นคนนึงในอาณาจักรพระพุทธเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ เขามีจิตวิญญาณต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับที่ 11 สัตว์วายุเพลิง” ในหมู่ฝูงชนก็เต็มไปด้วยเสียงพูดคุย “ด้วยพรสวรรค์ของลั่วหวูยี่ มันก็ราวกับแท่นบูชาพระพุทธได้เลือกเขาแล้ว!”
ปกติแล้ว ยิ่งคนๆนั้นมีระดับจิตวิญญาณต่อสู้และพรสวรรค์สูงมากเพียงใด เขาคนนั้นก็มีโอกาสได้เลือกจากแท่นบูชาพระพุทธมากขึ้นเพียงนั้น ในอดีต ทุกครั้งที่แท่นบูชาพระพุทธปรากฏขึ้น บุคคลแห่งโชคชะตาที่ถูกเลือกทุกครั้งจะเป็นอัจฉริยะผู้ที่มีจิตวิญญาณต่อสู้ที่มีพรสวรรค์อันสูงส่ง แต่แล้วก็ได้มีข้อยกเว้นเกิดขึ้น นั่นคือแท่นบูชาพระพุทธได้เลือกชายหนุ่มที่มีจิตวิญญาณต่อสู้ระดับ 10
ในขณะที่ฝูงชนบ่นพึมพำ ลั่วหวูยี่ก็ได้มาถึงแท่นบูชาพระพุทธ เมื่อลั่วหวูยี่ยืนอยู่ใต้แท่นบูชาพระพุทธ จากนั้นได้มีปราณฉีสีครามปะทุออกมาจากร่างของเขา และเมื่อปราณฉีออกมานั้น ดูเหมือนว่าแท่นระพุทธจะส่งเสียงตอบสนองและเปล่งแสงออกมาเรืองรองรอบตัว
“ดูนั่น แท่นบูชาพระพุทธมีปฏิกิริยาตอบสนองด้วย!”
“ดูเหมือนว่าลั่วหวูหยี่จะเป็นคนที่แท่นบูชาพระพุทธเลือกจริงๆด้วย!”
ฝูงชนต่างกรีดร้องออกมาอย่างตื่นเต้น
เมื่อแท่นบูชาพระพุทธปรากฏขึ้น อย่างแรกที่จะต้องทำก็คือการไปอยู่ใต้แท่นและปลดปล่อยปราณฉีของตัวเองออกมา ถ้าหากปราณฉีสามารถทำให้แท่นบูชาพระพุทธสั่นไหวแล้วปล่อยแสงสว่างออกมารอบกว้างไปจนถึงหมื่นจางและทำให้รูปแกะสลักทั้งสี่ด้านของแท่นบูชาพระพุทธทั้ง 4 ด้านฉายรูปออกมาได้หล่ะก็ คนๆนั้นจะต้องเป็นบุคคลแห่งโชคชะตาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
หวงเสี่ยวหลงก็หรี่ตาแคบมองดูสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าหากลั่วหวูยี่คนนี้ถูกแท่นบูชาพระพุทธหล่ะก็ ไม่ใช่ว่าแผนการที่เขาจะใช้โอกาสนี้ในการเข้าพบชื่อฟาเทียนเพื่อที่จะได้สามารถเข้าถ้ำพุทธจะต้องล้มเลิกงั้นหรอ? งั้นเขาก็คงจะต้องคิดแผนการอื่นแล้วหล่ะ
สำหรับเขาแล้วเรื่องนี้นี่เป็นปัญหาจริงๆเลย
แท่นบูชาพระพุทธก็ส่องแสงเรืองรองสว่างมากขึ้นในทีหวงเสี่ยวหลงและฝูงชนต่างมองขึ้นไป แม้กระทั่งเสียงสั่นไหวก็ชัดเจนขึ้น
พอเห็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจากแท่นบูชาพระพุทธ แม้แต่ลั่วหวูยี่ก็ตื่นเต้นคาดหวังมากขึ้น
จากบันทึกในอดีต ผู้ที่สามารถทำให้แท่นบูชาพระพุทธเกิดปฏิกิริยาและเสียงสั่นไหวได้นั้นเป็นคนที่ใกล้เคียงกับผู้ถูกเลือกมากที่สุด! การเป็นผู้ถูกเลือกนั้นหมายความว่าเขานั้นจะได้รับการชำระล้างปราศจากมลทินจากพลังพุทธะและเขา ลั่วหวูยี่ที่ติดอยู่ในขั้นเซียนเทียนระดับที่ 3 ขั้นปลายก็จะสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับเซียนเทียนที่ 4 ได้อย่างแน่นอน
เซียนเทียนระดับที่ 4 นั้นคือผู้ฝึกตนเซียนเทียนชั้นกลาง!
และในตอนนั้นสถานะของเขาในตระกูลก็จะต่างไปจากเดิม
ในขณะที่ลั่วหลูยี่กำลังฝันกลางวันนั้น แสงที่สองออกมาจากแท่นบูชาพระพุทธก็หยุดลงและค่อยๆหายไปพร้อมกับเสียงสั่นไหว
แท่นบูชาพระพุทธก็ได้กลับคืนสู่สถานะเงียบสงัดเหมือนเดิม
ลั่วหวูยี่ก็มึนงง
รวมถึงทุกคนที่มองดูในฝูงชนทุกคนก็มึนงงไป 3วิ ก่อนที่จะมีคนด่าทอออกมาด้วยความประหลาดใจ
หลายคนต่างส่ายหัวด้วยความสมเพช แต่หลายคนต่างหัวเราะเยาะเย้ยอยู่ภายใน
ลั่วหวูยี่ยังคงยืนอยู่จุดเดิมด้วยใบหน้าเหยเก นั่นเพราะความรู้สึกยินดีเมื่อก่อนหน้านี้ที่เขารู้สึกนั้นได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย โดยมีความรู้สึกเสียใจและควาไม่สบายใจเข้ามาแทน
“ลั่วหวูยี่ เนื่องจากเจ้าไม่ใช่คนที่แท่นบูชาพระพุทธเลือก งั่นเจ้าก็หลีกทางออกไปจากตรงนั้นซะ!”ในตอนนี้ก็มีเสียงพูดอันยิ่งยโสดังขึ้นลาน
“นั่นมันอัจฉริยะของตระกูลเฉิน เฉินติงหยวน!”
“ตระกูลเฉินและตระกูลลั่วนั่นมันศัตรูคู่อาฆาตกันราวกับไฟและน้ำแข็ง นอกจากนี้ เฉินติงหยวนและลั่วหวูยี่ก็มีข้อบาดหมางกันด้วย ครั้งนี้ ลั่วหวูยี่ไม่ใช่ผู้ถูกเลือก ดังนั้นเขาจะต้องเป็นตัวเลือกที่ดีกดว่าอย่างแน่นอน!”
ฝูงชนก็กระซิบกระซาบในขณะที่แบ่งพื้นที่เล็กน้อยให้เฉินติงหยวนผ่านไป เฉินติงหยวนก็เดินผ่านฝูงชนที่เปิดทางให้เขาเดินไปจนถึงตรงหน้าลั่วหวูยี่และเขาก็ได้ปล่อยกลิ่นอายที่ทำให้ใครหลายคนถึงกับใจสั่นอย่างหวาดกลัว
ใบหน้าของลั่วหวูยี่ก็บิดเบี้ยวในขณะที่เขามองอีกฝ่าย “แท่นบูชาพระพุทธไม่ได้เลือกข้า แล้วเจ้าคิดว่าจิตวิญญาณต่อสู้ระดับ 10 ธรรมดาของเจ้าจะได้รับเลือกงั้นหรอ?”
ดวงตาของเฉินติงหยวนก็กระพริบและหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน “แค่เพียงเพราะเจ้าไม่ได้เลือกมันก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะไม่ได้สักหน่อย”
ลั่วหวูยี่ก็เย้ยหยันแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก จากนั้นเขาก็ถอยหลบออกไปจากพื้นที่ที่อยู่ใต้แท่นบูชาพระพุทธ เขาเลือกหลบไปอยู่ด้านข้างและคอยดูการทดสอบของเฉินติงหยวน
ฝูงชนและหวงเสี่ยวหลงต่างจับตามองไปที่เฉินติงหยวน
เฉินติงหยวนเดินเข้าไปและยืนอยู่ในตำแหน่งที่กับที่ลั่วหวูยี่ถอยออกไปซึ่งอยู่ใต้แท่นบูชาพระพุทธที่ลอยอยู่แล้วจึงส่งปราณฉีใส่แท่นบูชาพระพุทธ พอเห็นการตอบสนองจากการส่องแสงของแท่นบูชาพระพุทธ เฉินติงหยวนก็เริ่มมีความสุข
แท่นบูชาพระพุทธส่องแสงสว่างขึ้นเรื่อยๆไม่นานนักก็ส่งเสียงสั่นไหวออกมา
ฝูงชนก็แสดงใบหน้าตึงเครียด
แต่ในขณะนั้น แสงที่ส่องสว่างออกมานั้นก้ได้ทำให้เกิดเหตุการณ์เดียวลั่วหวูยี่ และเสียงสั่นไหวก็ได้หายไป
ฝูงชนก็เงียบลงอย่างมึนงงจากนั้นก็ส่งเสียงดังพูดคุยอย่างวุ่นวาย
“เฉินติงหยวน ในเมื่อแท่นบูชาพระพุทธไม่ได้เลือกเจ้า ก็จงถอยออกมาจากตรงนั้นซะ มันขวาดทาง!”ลั่วหวูยี่ก็ใช้คำพูดของเฉินติงหยวนพูดใส่เฉินติงหยวนซึ่งเสียงของเขานั้นได้กลบเสียงรบกวนไป
ใบหน้าของเฉินติงหยวนก็บิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแค้นแต่สุดท้ายแล้วเขาก็ถอยออกมา
หลังจากเฉินติงหยวนแล้ว ก็มีคนอีก 5 คน เข้าทดสอบ แต่อย่างไรเสีย สำหรับทั้ง5คนนั้น แท่นบูชาพระพุทธไม่ได้ส่งปฏิกิริยาตอบสนองเลยสักนิดในตอนที่พวกเขาส่งปราณฉีใส่แท่นบูชาพระพุทธ
ความเงียบที่เกิดขึ้นรอบตัวพวกเขานั้นทำให้พวกเขารู้สึกอับอายมาก
โดยทั่วไปแล้ว มีเพียงผู้มีจิตวิญญาณต่อสู้ระดับ 10 หรือสูงกว่าเท่านั้นที่จะถูกเลือกโดยแท่นบูชาพระพุทธ ดังนั้น ผู้มีจิตวิญญาณต่อสู้ระดับ 10 ลงไปนั้นไม่มีโอกาสใดๆเลย เพราะเหตุผลนี้ทำให้มีคนพยายามใช้จำนวนเข้าต่อกร
พอเห็นว่าไม่มีใครอีกแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็ก้าวเท้าเดินออกจากฝูงชนและมุ่งหน้าไปหาแท่นบูชาพระพุทธ
“เด็กคนนี้ดูไม่คุ้นหน้าเลย ข้าสงสัยจังว่าเป็นอัจฉริยะของอาณาจักรใหน?”
“อัจฉริยะ? นั่นก็ไม่แน่ บางทีจิตวิญญาณต่อสู้ของเขาอาจจะเป็นเพียงระดับ 10 ธรรมดา เลยตัดสินใจเสี่ยงโชคดู ถ้าหากเขาเป็นอัจฉริยะจริงๆ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีชื่อเสียง!”
ลั่วหวูยี่และเฉินติงหยวนยังคงยืนอยู่ด้านข้างท่ามกลางฝูงชนหลังจากทดสอบแล้ว ทั้งสองก็เหลือบมองหวงเสี่ยวหลงเมื่อเขาเดินไปใต้แท่นบูชาพระพุทธ แต่พวกเขาก็ไม่ได้คาดหวังในตัวหวงเสี่ยวหลงอยู่ดี พวกเขาคิดว่าหวงเสี่ยวหลงก็เป็นเพียงแค่คนที่ต้องเสี่ยงโชคเหมือนกับคนอื่นๆ
ทุกคนต่างจับจ้องหวงเสี่ยวหลงที่เดินมายืนอยู่ใต้แท่นบูชาพระพุทธ เขาก็ได้ปลดปล่อยปราณฉีออกมาในขณะที่ปราณพวกนี้ได้ปกคลุมตัวเขาทุกส่วน จากนั้นก็ปรากฏแสงสว่างขึ้นกลางลานแห่งนี้ทันที