ในที่แห่งนี้มีพระพุทธรูปอยู่เรียงต่อกันไปเรื่อยๆ ซึ่งพระพุทธรูปพวกนี้ตั้งตระหง่านสูงค้ำยันสววรค์และปฐพีซึ่งมันสูงมากกว่า 10 จาง! และสูงเกือบ 100 จาง !
พอมองดูสิ่งที่อยู่ตรงหน้า หวงเสี่ยวหลงก็ไม่สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดของพระพุทธรูปได้เลย
บนลานหมื่นพุทธะนั้นมีพระพุทธรูปหมื่นองค์ แล้วภายในถ้ำพุทธะนี้จะมีพระพุทธรูปกี่องค์กัน? แสนองค์? บางทีอาจจะล้านองค์!
หวงเสี่ยวหลงก็ตกตะลึงกับฉากที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้านี้
พระพุทธรูปเหล่านี้ถูกแกะสลักเป็นรูปร่างที่แตกต่างกันออกไป แต่ละอันก็คล้ายกับมีชีวิตราวกับพระพุทธรูปเหล่านี้มีร่างกายจริงๆอยู่บนโลก หวงเสี่ยวหลงก็ลอยเข้าไปในถ้ำลึกขึ้นโดยลอยตัวอยู่เหนือพระพุทธรูปเหล่านี้โดยใช้ปีกเทพอสูร ในตอนแรกหวงเสี่ยวหลงก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนักแต่เมื่อเวลาผ่านไป ดวงตาของเขาก็เริ่มจะเห็นมากพระพุทธรูปเหล่านี้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า พระพุทธรูปเหล่านี้ต่างก็มีอิทธิพลต่อจิตใจ หัวใจ ความคิดและลมหายใจของเขา
หลังจากบินไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หวงเสี่ยวหลงก็ร็สึกเหนื่อยมากจนเขาต้องรีบหยุดบิน ลงจอดบนไหล่ของพระพุทธรูปยักษ์และนั่งลงทำสมาธิ
หวงเสี่ยวหลงก็แตะหน้าผากตัวเองและพบว่าเหงื่อออกมันทำให้เขารู้สึกตกใจ! ด้วยการบ่มเพราะในปัจจุบันของเขานั้น ไม่ต้องกล่าวถึงการบินแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมง เขานั้นสามารถบินได้ทั้งวันทั้งคืนโดยไม่รู้จักเหนื่อยเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เขากลับเหงื่อออก
นี่มันผิดปกติมาก!
หวงเสี่ยวหลงก็ค่อยๆค้นพบว่าความเหนื่อยล้าของเขานั้นมาจากจิตวิญญาณของเขาซึ่งมันไม่ใช่เพราะเขาใช้ปราณฉีหมด มันเป็นความอ่อนล้าที่มาจากสัมผัสวิญญาณ วิญญาณและจิตใจ นอกจากนี้พลังงานภายในร่างกายของเขาก็ปั่นป่วนอีกด้วย พอสูดใจลึกทำใจให้สงบ หวงเสี่ยวหลงก็ใช้งานพระคัมภีย์เปลี่ยนเส้นเอ็นเพื่อแก้ไขอาการของเขาในขณะนี้ ซึ่งมันจะค่อยๆทำให้พลังงานที่ปั่นป่วนในร่างกายสงบลง
หลายชั่วโมงต่อมาเมื่อหวงเสี่ยวหลงลืมตาขึ้นอีกครั้งอย่างใจเย็นแต่ความอ่อนล้านั้นยังคงอยู่ มันเหนื่อยมากกว่าตอนที่เขาสู้กับเซี่ยพูถีในการประลองเมืองจักรพรรดิรอบชิงชนะเลิศแห่งอาณาจักรต้วนเริ่นซะอีก
แม้จะเป็นแบบนั้น หวงเสี่ยวหลงก็ลุกขึ้นแล้วมุ่งหน้าเดินทางลึกเข้าไปในถ้ำต่อไป
อีก2-3 ชั่วโมงให้หลัง เขาก็ได้หยุดลงทำสมาธิอีกครั้งเพื่อสงบพลังที่เกิดปั่นป่วนขึ้นอีกครั้งในร่างของเขา
หวงเสี่ยวหลงก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ หลังจากนั่งสมาธิ จิตวิญญาณและพลังจิตของเขากลับเหนื่อล้าหนักกว่าเดิม
หวงเสี่ยวหลงก็ลุกขึ้นเดินสำรวจลึกเข้าไปต่อ
1 วันผ่านไป
ในช่วงสิ้นสุดของวัน เมื่อหวงเสี่ยวหลงหยุดพักลงบนพระพุทธรูป เขาก็รู้สึกเวียนหัวและหายใจเข้าออกไม่สม่ำเสมอ ที่จริงแล้วเขานั้นเหนื่อยหอบ เขาจึงได้รีบนั่งสมาธิและกลืนโอสถเพื่อจะฟื้นฟูตัวเอง
แต่พอกลืนโอสถลงไปกลับไม่มีผลกับจิตวิญญาณหรือพลังจิตของเขาเลยสักนิด
โอสถที่เขากินไปนั้นคือโอสถที่ใช้ในการฟื้นฟูปราณฉีและพลังจิต
ครั้งนี้ เขาได้ใช้เวลาทั้งคืนเพื่อสงบปราณภายในที่ปั่นป่วน หลังจากผ่านไปหนึ่งคืนหวงเสี่ยวหลไงด้ลืมตาขึ้นและรู้สึกเหนื่อยมากกกว่าก่อนจะนกระทั่งเขาไม่อยากจะขยับเขยื้อนเลย นอน เขาต้องการเพียงแค่นอนเท่านั้น หวงเสี่ยวหลงต้องการจะหลับตาและนอนหลับไปตลอดกาลโดยไม่ลืมตาตื่นอีกเลย
“เกิดอะไรขึ้นกัน?!”จู่ๆสติของหวงเสี่ยวหลงก็ถูกกระชากกลับมา
พระพุทธรูป!
มันเป็นเพราะพระพุทธรูปพวกนี้!
หวงเสี่ยวหลงก็นึกย้อนไปแล้วก็ตกใจเมื่อพบว่าต้นกำเนิดของปัญหาที่เขาได้พบ
ร่างของพระพุทธรูปพวกนี้ได้ปลดปล่อยแรงงานกดดันทางจิตวิญญาณที่มองไม่เห็นซึ่งมันเป็นแรงกดดันที่ผลทำให้จิตวิญญาณและพลังจิตของเขารู้สึกอ่อนล้ามาก
แม้ว่าเขาจะพบสาเหตุแต่หวงเสี่ยวหลงก็ขมวดคิ้ว
ถ้าหากเขาเดินทางลึกเข้าไปมากกว่านี้หล่ะก็ พลังจิตและจิตวิญญาณของเขาคงไม่สามารถทนแรงกดดันทางจิตวิญญาณที่มองไม่เห็นและพังทลายลงแน่ เมื่อถึงตอนนั้นเขาคงจบลงโดยกลายเป็นคนบ้าซึ่งแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะก็คงไม่สามารถรักษาความเสียหายทางจิตวิญญาณได้แน่
หวงเสี่ยวหลงก็ตรวจสอบเจดีย์หลิงหลง แหวนผนึกพระเจ้าและไข่มุกวิญญาณในร่างของเขา ซึ่งสมบัติสวรรค์ทั้งนั้นนิ่งเงียบไม่มีปฏิกิริยา
เมื่อหวงเสี่ยวหลงเข้าไปในศาลานักบุญเพื่อตามหาไข่มุกวิญญาณ มันก็ยังคงมีปฏิกิริยาตอบสนองจากเจดีย์หลิงหลงและแหวนผนึกวิญญาณอยู่แต่ครั้งนี้กลับไม่มีสมบัตสวรรค์ในร่างเขาชิ้นใหนมีปฏิกิริยาตอบสนองเลยสักนิด
“หรือว่าข้อสมมติฐานของจ้าวชูจะผิดพลาด?”หวงเสี่ยวหลงก็คิดกับตัวเอง
จ้าวชูนั้นได้สรุปสมมติฐานอ้างอิงจากคัมภีย์พระพุทธะศาสนาโบราณที่เขาได้รับมา ถ้าหากการคาดเดาของจ้าวชูผิดพลาดหล่ะก็ งั้นการเดินทางมาอาณาจักรพระพุทธเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์คงสูญเปล่าแล้ว
โดยไม่มีหุบเขาเทวะซูมี่ แผนการของหวงเสี่ยวหลงที่จะทะลวงเข้าสู่ระดับเซียนเทียน ขั้น 10 ในเวลา 6 ปี คงเป็นไปไม่ได้แน่ และก็ลืมเรื่องระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 ไปได้เลย อกว่าเขาจะทะลวงเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7 คงอีกไกลเลยด้วยซ้ำ
ณ ตอนนี้ หวงเสี่ยวหลงก็เลยกระจายสัมผัสวิญญาณออกไปตรวจสอบรอบๆ ในขณะที่เขาพยายามสัมผัสรอบๆ เขาก็สังเกตเห็นพลังงานปริศนาที่เบาบางมากจนแทบจะมองเห็นหากไม่ได้เพ่งความสนใจซึ่งพวกมันได้ไหลเวียนอยู่ในถ้ำพุทธะแห่งนี้ ถ้าหกาไม่ใช่เพราะหวงเสี่ยวหลงกระจายสัมผัสวิญญาณออกไปตรวจสอบอย่างระมัดระวังหล่ะก็ มันคงไม่ถูกพบแน่
พลังงานปริศนานี่มีความคลึงกับพลังงานพุทธะจากแท่นบูชาพุทธะแต่ในเวลาเดียวกันมันกลับแตกต่างออกไป
หวงเสี่ยวหลงพยายามเหนี่ยวนำพลังงานปริศนานี้เข้ามาสู่ร่างกายแล้ว ค่อยๆกลั่นและดูดซับมันช้าๆและเขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าความอ่อนล้าในจิตวิญญาณและพลังจิตของเขานั้นฟื้นฟูขึ้น
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขามีความสุข
ถ้าเป็นแบบนี้หล่ะก็ เขาคงไม่จำเป็นต้องกังวลกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับจิตวิญญาณและพลังจิตเมื่อเดินทางเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆอีกแล้ว
หลังจากหวงเสี่ยวหลงดูซับพลังงานปริศนาพวกนี้ ความอ่อนล้าที่เขารู้สึกในจิตวิญญาณและพลังจิตก็ฟื้นฟูราวกับกำลังถูกหล่อเลี้ยงซึ่งมันฟื้นฟูจนใกล้จะกลับไปถึงขีดสูงสุด
จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็ลุกขึ้นยืนแล้วบินลึกเข้าไปในถ้ำพุทธะต่อ
10 วันได้ผ่านไปแบบนี้โดยมีแค่พักและเดินทางต่อไปเรื่อยๆ
10 วันผ่านไปแต่สมบัติวิญญาณกับไม่ตอบสนองออกมาเลยสักนิด
และหวงเสี่ยวก็ตกใจเมื่อพบว่า 10 วันที่ผ่านไปนั้น พลังงานปริศนาในถ้ำพุทธะนี้ได้ช่วยพัฒนาพลังจิตและจิตวิญญาณของเขาให้แข็งแกร่งขึ้นและรวมไปถึงการเพิ่มพลังปราณฉีและปราณภายในอีกด้วย
ความเร็วในระดับนี้มันมากกว่าการบ่มเพาะในสนามรับโบราณในขณะที่กินไข่มุกมังกรเพลิงไปด้วยเสียอีก อย่างไรก็ตาม หวงเสี่ยวหลงก็ไม่ได้รู้สึกมีความสุขในการพัฒนาการบ่มเพาะของตัวเอง แต่ในใจของเขากลับหนักอึ้งมากกว่าเดิม––นั่นก็เพราะมันยังไม่มีปฏิกิริยาจากสมบัติสวรรค์ทั้ง 3 เลยสักนิด
ใน 10 วันสุดท้าย ดวงตาของเขาก็มองเห็นทะเลพระพุทธรูป และมีเพียงแค่พระพุทธรูปเพียงเท่านั้น
จ้าวชูไม่เคยเข้ามาในถ้ำพุทธะนี้มาก่อน ดังนั้นก่อนจะเข้ามา หวงเสี่ยวหลงนั้นไม่รู้วาดินแดนต้องห่ามของอาณาจักรพระพุทธเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์มีหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว
แม้ดูเหมือนโอกาสของเขาจะน้อยลงทุกวันๆ หวงเสี่ยวหลงก็ไม่เต็มใจจะออกจากถ้ำพุทธะแบบนี้ สิ่งที่ดีก็คือ การที่เขาอยู่ในถ้ำพุทธะนั้นไม่มีการจำกัดเวลาอย่างการอยู่ในศาลานักบุญได้เพียง 1 เดือน เขาสามารถอยู่ได้ตราบที่เขาต้องการ
การบ่มเพราะในถ้ำพุทธะนี้นั้นมีประโยชน์อย่างมาก ดังนั้นทุกวัน หวงเสี่ยวหลงจึงยังคงเดินทางลึกเข้าไปอยู่เรื่อยๆ ในช่องว่างมิติภายในถ้ำพุทธะนั้น เฒ่ากฎและผู้พิทักษ์คนอื่นๆกำลังสังเกตการเคลื่อนไหวของหวงเสี่ยวหลง
“นี่ก็ผ่านไป 10 วันแล้ว ข้าไม่คิดว่าเด็กคนนี้ก็ยังคงสามารถอยู่ภายในถ้ำได้นานขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขานั้นยังคงเดินทางลึกเข้าไปเรื่อยๆด้วย!”
“ครั้งที่แล้วเมื่อฟานเฉิน หมอนั่น เข้ามาข้างใน มันอยู่ได้นานเท่าใดกัน? ถ้าหากข้าจะไม่ผิด มันน่าจะประมาณ 15 วัย เด็กคนนี้คงสามารถก้าวข้ามมันได้อย่างไม่ต้องสงสัย!”
“เขาสามารถดูดซับพลังงานจิตวิญญาณพุทธะที่อยู่ในถ้ำพุทธะได้จริงๆด้วย!”
ผู้พักทักษ์หลายคนต่างพูดกันอย่างพร้อมเพรียง
ดวงตาของเฒ่ากฑก็เปร่งแสงออกมาในขณะที่เขาสังเกตร่างเงาที่บินอยู่ในถ้ำอย่างเงียบเฉียบ
“เด็กคนนี้ดูราวกับกำลังหาอะไรสักอย่างที่อยู่ในถ้ำพุทธะ?” ทันใดนั้นหนึ่งในชายชราทั้ง 8 คนก็พูดขึ้น
“ตามหาอะไรสักอย่างงั้นหรือ?”เฒ่ากฎก็ไตร่ตรองคำเหล่านี้
อีก 10 วันก็ผ่านไปเหมือนเดิม
20 วันหลังจากที่หวงเสี่ยวหลงเข้ามาในถ้ำ สมบัติสวรรค์ที่อยู่ในร่างเขานั้นยังคงเงียบไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง แต่หวงเสี่ยวหลงกลับเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในด้านอื่นได้ หลังจากมองไม่เห็นอะไรนอกจากพระพุทธรูปเป็นเวลา 20 วัน เขาจึงได้แรงบันดาลใจในการสร้างเคล็ดวิชาต่อสู้ที่เรียกว่าฝ่ามือพระพุทธปฐพี
ในขณะที่เขาเดินทางเข้ามาในพื้นที่ด้านในของถ้ำพุทธะเขาได้ก็บินผ่านพระพุทธะรูปไปหลายองค์ หวงเสี่ยวหลงจึงได้ฝึกฝนฝ่ามือพระพุทธปฐพีที่เขาสร้างขึ้นเอง ซึ่งมัน……มีเพียงกระบวนท่าเดียว อย่างไรก็ตามมันก็มีความคล้ายกับพระพุทธรูป1 แสนองค์ในถ้ำพุทธะที่มีหลากหลายรูปแบบ
“เด็กคนนี้ยังมีเวลาว่างฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ในถ้ำพุทธะอีกงั้นหรอ? แล้วก็วิชานั้น วิชาฝ่ามือแบบใหนกัน? มันเหมือนกับเคล็ดวิชาต่อสู่พุทธะของพวกเราเลน แต่แปลกมาก ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นมาก่อนเลย!”
พระทั้ง 8 องค์ต่สงก็สังเกตหวงเสี่ยวหลงที่ฝึกวิชาพระพุทธปฐพีอย่างใกล้ชิดและพุดคุยกันเองในเวลาเดียวกัน
“บางทีเขาอาจะสร้างเคล็ดวิชาต่อสู้ขึ้นเองก็ได้”สายตาของเฒ่ากฎนั้นไม่ได้ละออกจากร่างหวงเสี่ยวหลงเลยในขณะที่เขาพูดประโยคนี้ออกมาด้วยเสียงเศร้าสร้อย