ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1219 เจ้าของร้านจิ่นฝูคนใหม่

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1219 เจ้าของร้านจิ่นฝูคนใหม่

บทที่ 1219 เจ้าของร้านจิ่นฝูคนใหม่

ภายในร้านจิ่นฝูสามารถรับรองลูกค้าได้มากกว่าร้านซุ่นซินถึงสองหรือสามเท่า และที่นั่งก็แทบจะไม่พอ คิดเอาแล้วกันว่าร้านจิ่นฝูนี้จะรายได้ดีขนาดไหน

กู้ฉวนลู่เป็นคนทำบัญชี เขารู้ถึงผลประโยชน์ดี ในอดีตเมื่อร้านซุ่นซินกำลังรุ่งเรือง ในหนึ่งวันสามารถทำเงินได้หลายพันตำลึง ร้านจิ่นฝูนี้มีลูกค้ามากกว่าร้านซุ่นซินถึงสามเท่า รายได้ของวันนี้ก็น่าจะอยู่ที่ประมาณสามพันตำลึง ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ และค่าจ้างลูกจ้างในร้าน กำไรก็น่าจะได้เกือบสองพันเลยทีเดียว

อนิจจา ร้านจิ่นฝูนี้ยิ่งใหญ่ขึ้นทุกวัน

เมื่อได้ยินน้ำเสียงของกู้ฉวนลู่ เถ้าแก่ติงก็พูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้ากับข้าล้วนเป็นคนที่เปิดร้านอาหารมาก่อนก็จริง แต่ว่าร้านจิ่นฝูมีลูกค้ามากเช่นนี้ทุกวัน ร้านจิ่นฝูถึงได้เป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดของเมืองหลิวเจีย ส่วนร้านอาหารอื่น ๆ ก็ได้แต่จ้องมองร้านจิ่นฝู”

“โชคชะตาล้วนมีขึ้นมีลง ใครจะไปรู้ว่าว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น” กู้ฉวนลู่กล่าวอย่างดูหมิ่น

เถ้าแก่ติงหัวเราะอีกครั้ง “คุณชายกู้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครเป็นเถ้าแก่ของร้านจิ่นฝูแห่งนี้”

“ไม่ใช่หลี่ฝานหรอกหรือ” กู้ฉวนลู่รู้สึกสับสนเล็กน้อย ทำไมเขาจึงถามถึงเถ้าแก่ร้านจิ่นฝู

ไม่ใช่หลี่ฝานหรอกหรือที่เป็นเถ้าแก่ร้านมาโดยตลอด

ทันทีที่เถ้าแก่ติงได้ยิน เขาส่ายหน้าพลางโบกมือและพูดอย่างลึกลับ “ข้าได้ยินมาว่าร้านจิ่นฝูนี้ได้เปลี่ยนคนดูแลไปแล้ว”

“เปลี่ยนเป็นใคร” กู้ฉวนลู่เห็นท่าทางลึกลับของเถ้าแก่ติง เขาก็ยิ่งสงสัย

“เป็นคนที่เจ้ารู้จัก นางคือเสี้ยนจู่หรือกู้เสี่ยวหวาน หลานสาวของเจ้า!”

กู้ฉวนลู่รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า

นางกลายเป็นเจ้าของร้านจิ่นฝู

เป็นไปได้อย่างไร

นางยังเป็นเด็ก นางจะดูแลร้านจิ่นฝูที่ใหญ่โตเช่นนี้ได้อย่างไร

เมื่อเห็นความประหลาดใจของกู้ฉวนลู่ เถ้าแก่ติงรู้ว่าเขาคงไม่อยากจะเชื่อ จึงแอบกระซิบที่ข้างหูของกู้ฉวนลู่ “ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เสี้ยนจู่ไม่ใช่คนธรรมดา นางขยันและดูแลร้านจิ่นฝูแห่งนี้มาโดยตลอด นางสามารถทำให้ร้านนี้เติบโตขึ้นได้ภายใต้การดูแลของนางเอง ทั้งยังสามารถดูแลเรื่องบัญชีของร้านได้อีกด้วย ถ้าไม่ใช่นางแล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะที่สามารถทำเงินได้”

เถ้าแก่ติงรู้สึกอิจฉา “ทำไมข้าถึงไม่มีลูกสาวที่ดีเช่นนี้ ถ้านางเป็นลูกสาวของข้า ข้าคงจะคุกเข่าและกราบไหว้นางทุกวัน”

เถ้าแก่ติงยังกล่าวต่อว่า “ไอ้หยา ถึงแม้ว่านางจะเป็นเพียงเด็กหญิงธรรมดา ๆ แต่ข้าก็ได้ยินมาว่านางรับคนที่ปฏิบัติดีกับนางเข้ามาเป็นคนในครอบครัว นี่เป็นกลยุทธ์ที่ดีเชียวนะ”

เมื่อฟังเถ้าแก่ติงพูดเช่นนั้นแล้ว กู้ฉวนลู่ก็รู้สึกอายและทำตัวไม่ถูก

ใช่ เขาก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน

อย่างไรเสีย ความเสียดายนี้มันก็ไร้ประโยชน์เพราะกู้เสี่ยวหวานก็เลือกที่จะเมินเฉยต่อเขาไปแล้ว

หลังจากไปส่งเถ้าแก่ติงแล้ว เถ้าแก่ติงเองก็ต้องการเชิญให้กู้ฉวนลู่ไปพูดคุยกันต่อ แต่กู้ฉวนลู่อ้างว่ายังมีธุระกับกู้เสี่ยวหวานจึงต้องขอตัวก่อน เถ้าแก่ติงก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาตบไหล่กู้ฉวนลู่และพูดว่า “คุณชายกู้ แม้ว่าข้าจะไม่ชอบคนอย่างเจ้ามากนัก แต่ว่าเราก็ถือว่าเป็นคนที่อยู่ในแวดวงเดียวกัน ข้าจะแนะนำเจ้าไว้ว่าให้ช่วยผู้อื่นให้มากที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้ อย่างที่เจ้าพูดว่าโชคชะตาย่อมมีขึ้นมีลง ใครจะไปรู้ว่าคนที่เจ้ารังแกไว้ในวันนี้ ในอนาคตหากเขาประสบความสำเร็จ เขาอาจจะกลับมารังแกเจ้าคืนก็ได้”

ปกติแล้วเถ้าแก่ติงเป็นคนตรงไปตรงมา กู้ฉวนลู่เป็นคนอ้อมค้อม เมื่อครู่ที่ได้ดื่มกับกู้ฉวนลู่ เถ้าแก่ติงเห็นแต่ความกระสับกระส่ายของเขาตลอดเวลา เช่นเดียวกับความโลภและความริษยาในดวงตาของเขา เถ้าแก่ติงเหมือนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงได้เอ่ยปากเตือน

กู้ฉวนลู่เพิ่งจะตอบรับกับคำพูดของเถ้าแก่ติง แต่เขาไม่ได้เก็บคำพูดพวกนั้นมาใส่ใจเลย เขาตรงไปหากู้เสี่ยวหวานอย่างเร็วที่สุด เพราะถ้านางออกไปก่อน เขาคงจะมาเสียเที่ยว

ท่าทางลุกลี้ลุกลนของกู้ฉวนลู่ทำให้เถ้าแก่ติงหัวเราะ ถึงแม้ว่าเขาจะดื่มไปมาก แต่เขาก็ยังมีสติและได้ตักเตือนกู้ฉวนลู่ แม้ว่ากู้ฉวนลู่จะไม่ได้นึกถึงสิ่งที่เขากำลังจะสื่อเลยก็ตาม

กู้ฉวนลู่ส่งเถ้าแก่ติงออกไปและเดินเข้าไปที่ร้านจิ่นฝูอีกครั้ง เขาตรงขึ้นไปบนชั้นสอง

ยิ่งใกล้มากขึ้นเท่าไร หัวใจของเขาก็ยิ่งเต้นเร็วขึ้นเท่านั้น

ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานเป็นเจ้าของร้านจิ่นฝู

กู้ฉวนลู่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็ทั้งสุขและทั้งเศร้า

ความสุขคือ วันที่ดีของเขากำลังจะมาถึง แต่สิ่งที่น่าเศร้าคือ ถ้ากู้เสี่ยวหวานไม่สนใจเขา วันที่ดีของเขาจะมาถึงเมื่อไรล่ะ?

กู้ฉวนลู่คิดมากอยู่ในใจของเขา เขาคิดว่าถ้ากู้เสี่ยวหวานต้องกำจัดตัวเขา เขาจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไรดี

อาโม่เห็นกู้ฉวนลู่ขึ้นมาข้างบนเป็นเวลานานแล้ว แต่เขาไม่ได้ขยับไปไหนเลย

เมื่อครู่เขาได้บอกกับแม่นางกู้แล้ว แม่นางกู้ก็บอกว่าให้ปล่อยเขา

แต่เมื่อเห็นกู้ฉวนลู่มีรอยยิ้มและต้องการเดินเข้าไปในห้องของแม่นางกู้ อาโม่ไม่สามารถนั่งลงได้อีกต่อไป เขาหยุดกู้ฉวนลู่ด้วยดาบในมือของเขา และถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ท่านคิดจะทำอะไร”

กู้ฉวนลู่คิดไม่ถึงว่ากู้เสี่ยวหวานจะมีผู้รักษาความปลอดภัยอยู่ข้าง ๆ ตัวนาง เขาก็กลัวเล็กน้อยเมื่อเห็นคมดาบที่ต้องการเชือดคอของเขาตลอดเวลา “น้องชาย ข้าคือลุงของกู้เสี่ยวหวาน ข้ามาหาเสี่ยวหวานเพราะว่ามีเรื่องจะคุยกับนาง”

กู้ฉวนลู่แนะนำตัวเองเพราะเกรงว่าอาโม่จะไม่รู้จักเขา แต่อาโม่ไม่อยากที่จะเผชิญหน้ากับคนผู้นี้เลย “คุณหนูของข้าไม่ว่าง ไม่ให้ใครเข้าพบ เชิญท่านกลับไปก่อน”

“น้องชาย ข้าเป็นลุงของเสี่ยวหวานจริง ๆ” กู้ฉวนลู่ยังไม่ยอมแพ้

“ไม่ต้องพูดแล้วว่าท่านเป็นลุง แม้ว่าท่านจะเป็นท่านแม่ของนาง แต่ถ้านางไม่ว่าง ก็ไม่สามารถเข้าไปพบนางได้” อาโม่กล่าว อย่างไรเสียท่านพ่อกับท่านแม่ของแม่นางกู้ก็ได้จากไปแล้ว พูดเช่นนี้คงไม่มีปัญหาอะไร

สีหน้าของกู้ฉวนลู่สลดลง “พวกเขาตายไปนานแล้ว จะยกมาเปรียบเทียบกันได้อย่างไร”

มันเทียบกันได้หรือ

แต่อาโม่ไม่สนใจ เขายกดาบขึ้นชี้ไปที่ด้านหน้าของกู้ฉวนลู่และไม่ปล่อยให้กู้ฉวนลู่เข้ามาใกล้อีก

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท