ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1222 พบเพื่อนเก่าอีกครั้ง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1222 พบเพื่อนเก่าอีกครั้ง

บทที่ 1222 พบเพื่อนเก่าอีกครั้ง

ครั้งนี้กู้ฉวนลู่ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา

เพื่อเห็นแก่กู้จือเหวิน ไม่เพียงแต่เสียน้ำตาเท่านั้น แม้ว่าต้องการชีวิตของเขา เขาก็ให้ได้

มันก็แค่ร้องไห้ ถ้ามันจะทำให้กู้เสี่ยวหวานมีการเคลื่อนไหวและช่วยเหลือเขา เขาก็ยอม

“เสี่ยวหวาน ถ้าฉวนฟู่กับน้องสะใภ้ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาต้องตกลงที่จะช่วยเหลือข้าอย่างแน่นอน เพราะอย่างไรจือเหวินก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้า เขาเองก็มีสายเลือดเดียวกันกับเจ้า”

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานก็หันศีรษะกลับไปพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง และยิ้มอย่างเสแสร้ง “แล้วทำไมท่านไม่ไปถามท่านพ่อท่านแม่ของข้า แล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พวกท่านฟัง ถ้าพวกท่านตกลง ข้าก็จะช่วยเหลือท่าน”

“ได้” กู้ฉวนลู่ไม่ได้ยินประโยคก่อนหน้าอย่างชัดเจน เขาได้ยินเพียงว่ากู้เสี่ยวหวานบอกว่าจะช่วย ซึ่งทำให้เขาดีใจจนเนื้อเต้น

แต่เขาก็มีความสุขได้เพียงครู่เดียว ลูกจ้างในร้านก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

พวกเขาทั้งหมดหัวเราะจนตัวโยน ชี้ไปที่กู้ฉวนลู่และหัวเราะอย่างเย้ยหยัน

ตอนนี้กู้ฉวนลู่ยังคงมีความสุข แต่เมื่อเห็นทุกคนยิ้มเยาะใส่เขา และเขาพิจารณาคำพูดของกู้เสี่ยวหวานอย่างละเอียดอีกครั้ง ใบหน้าก็ขึ้นสีแดงก่ำ ชี้ไปที่กู้เสี่ยวหวานและสาปแช่ง “กู้เสี่ยวหวาน เจ้าหลอกข้า”

ท่าทางที่ดุร้ายในตอนนี้ไม่เหมือนกับพ่อผู้น่าสงสารและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่ขอร้องกู้เสี่ยวหวานให้ช่วยลูกชาย เขาเหมือนหมาบ้าที่พร้อมจะฉีกเนื้อคนออกเป็นชิ้น ๆ

ท่าทางของเขาในตอนนี้ค่อนข้างแตกต่างจากเมื่อครู่ กู้เสี่ยวหวานมองไปที่เขา แต่นางไม่ได้รู้สึกกลัวแต่อย่างใด

แค่คำคำเดียวก็เผยให้เห็นถึงเนื้อแท้ของคนผู้นี้แล้ว

หลังจากที่กู้ฉวนลู่โกรธเมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานเย้ยหยัน เขาก็เพิ่งรู้ว่าปฏิกิริยาของเขาเป็นอย่างไร และกลับมาทำน้ำเสียงอ้อนวอนอีกครั้ง “เสี่ยวหวาน เมื่อครู่นี้ไม่ใช่ข้าเลย”

กู้เสี่ยวหวานโบกมือของนาง ชี้ไปที่กู้ฉวนลู่และพูดกับอาโม่ “เอาชายผู้นี้ออกไปให้พ้น และเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในร้านจิ่นฝูและสวนกู้อีกต่อไป ถ้าเขามาก็ไล่เขาออกไปได้เลย”

กู้เสี่ยวหวานสื่อว่าไม่ต้องการยุ่งกับเขาอีกต่อไป นางไม่พูดอะไรกับกู้ฉวนลู่อีก เพียงแค่ออกคำสั่งกับอาโม่เท่านั้น

จากนั้นนางก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

กู้ฉวนลู่ไม่คาดคิดว่ากู้เสี่ยวหวานจะโหดร้ายขนาดนี้ กว่าที่เขาจะรู้สึกตัว อาโม่ก็นำตัวเขาออกไปแล้ว เขาร้องไห้อ้อนวอนอย่างขมขื่น “เสี่ยวหวาน เจ้าทำอย่างนี้กับข้าไม่ได้นะ ข้าเป็นลุงของเจ้านะเสี่ยวหวาน”

สุดท้ายแล้ว เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานเพิกเฉยต่อเขา ก็รู้สึกว่าคราวนี้กู้เสี่ยวหวานคงตัดสินใจแล้วจริง ๆ และหลังจากคิดถึงความคับแค้นใจที่ต้องทนทุกข์ถึงสองครั้ง ในฐานะผู้อาวุโสอย่างกู้ฉวนลู่ที่ต้องมาร้องขอคนที่อายุน้อยกว่า เขาพยายามดิ้นรนเพื่อกำจัดโซ่ตรวนของอาโม่ แต่เขาเป็นชายในวัยสี่สิบ เขาจะไปสู้กับอาโม่ผู้ชำนาญศิลปะการต่อสู้ได้อย่างไร มือของเขาถูกอาโม่จับไพล่หลังเอาไว้ เขาไม่สามารถขยับตัวได้”

“กู้เสี่ยวหวาน เจ้ามันไร้ยางอาย ข้าเป็นลุงของเจ้า แต่เจ้าก็ยังกล้าที่จะทำแบบนี้กับข้า เจ้าไม่กลัวหรือว่าใครต่อใครจะมาดูแคลนเจ้า”

กู้ฉวนลู่สบถและสาปแช่ง ยิ่งเขาสบถ คำพูดของเขาก็ยิ่งฟังดูน่าเกลียด แต่ก่อนที่เขาจะได้พล่ามจนจบ อาโม่ก็นำผ้าขี้ริ้วมาปิดปากของเขาเอาไว้

เมื่อฉินเย่จือพากู้เสี่ยวหวานออกไป เขาได้ยินน้ำเสียงของกู้ฉวนลู่และมองย้อนกลับไป อาโม่จึงปิดปากของเขา เขาจึงไม่สามารถส่งเสียงใด ๆ ได้

กู้ฉวนลู่ร้องโอดโอยเมื่อถูกโยนออกจากร้านจิ่นฝู รถม้าของกู้เสี่ยวหวานมุ่งไปที่สวนกู้อีกครั้ง หัวใจของกู้ฉวนลู่แทบจะกระเด็นออกมา เขายืนพล่ามจนปากจะฉีกถึงรูหูอยู่กลางถนน เขาตะโกนใส่รถม้าของกู้เสี่ยวหวาน “กู้เสี่ยวหวาน เจ้าไม่ตายดีแน่ เจ้าไม่แม้แต่จะช่วยเหลือพี่ชายของเจ้า เจ้ายังมีความเป็นคนอยู่หรือไม่ ฝากไว้ก่อนเถอะ หากในอนาคตจือเหวินได้ดี เจ้าโดนจัดการแน่”

กู้ฉวนลู่สบถ และเมื่อการสบถสิ้นสุดลง เขาก็ตระหนักว่ามีคนยืนอยู่รอบตัวเขา ทุกคนชี้และมองมาที่เขา กู้ฉวนลู่ถูกรายล้อมไปด้วยผู้คน เขาพูดขึ้นด้วยความโกรธ “มองอะไร ไม่เคยเห็นคนด่ากันหรือไง”

กู้ฉวนลู่ผู้นี้ไม่มีความอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย เหมือนก่อนหน้านี้เข้าไม่เคยได้รับการศึกษามาก่อน เขายืนอยู่บนถนนเหมือนคนปากร้ายและน่าสมเพช

กลุ่มผู้ชมรู้จักกู้ฉวนลู่และเห็นว่ากู้ฉวนลู่กลายเป็นคนที่มีคุณธรรม แต่หลังจากห่างหายไปสองปี พอถึงก็มาดุด่ากู้เสี่ยวหวาน พวกเขาคิดว่ามันแปลก

เมื่อได้ยินเกี่ยวกับการสบถของกู้ฉวนลู่ ก็คิดได้ว่าเขามาขอความช่วยเหลือจากกู้เสี่ยวหวาน แต่กู้เสี่ยวหวานไม่ช่วยเขา เขาจึงโกรธและตะโกนมันออกมา

ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ควรให้ค่ากับกู้ฉวนลู่ผู้นี้

ทุกคนวิจารณ์กู้ฉวนลู่ กู้ฉวนลู่จะอยู่ได้อย่างไร ตอนแรกเขาอยากจะดุด่าต่อ แต่เมื่อคนจ้องมองมาที่ตน เขาก็กลืนคำพูดสกปรกลงคอ แล้ววิ่งหนีออกไป

หลังจากวิ่งหนีไปไกล ดูเหมือนว่าจะยังได้ยินเสียงก่นด่าของผู้คน “กู้ฉวนลู่ผู้นี้ไร้ยางอายจริง ๆ เขาทำสิ่งที่ไร้ยางอายมากมายแล้วยังมีหน้ามาหาเสี้ยนจู่เพื่อขอความช่วยเหลืออีกหรือ ผิวหน้าของเขาช่างหนาเสียจริง สบถคำหยาบคายใส่เสี้ยนจู่เช่นนี้ เสี้ยนจู่ก็ยังไม่ติดใจเอาความกับเขา ช่างโชคร้ายจริง ๆ ที่เสี้ยนจู่มีญาติเช่นนี้”

บางคนคือผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือจากกู้เสี่ยวหาน เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานของพวกเขาถูกด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายเช่นนี้ พวกเขาจะไว้ชีวิตกู้ฉวนลู่ได้อย่างไร พวกเขาจึงไล่ตามและสาปแช่งกู้ฉวนลู่ไปตลอดทาง

กู้ฉวนลู่ถูกไล่ตามและไม่มีที่ให้หลบหนี ดังนั้นเขาจึงได้แต่ซ่อนตัวอยู่ในตรอกเล็ก ๆ เพื่อหลบคนที่ไล่ตามมาและดุด่าเขา

กู้ฉวนลู่วิ่งเหยาะ ๆ ไปจนสุดทาง และมาถึงตรอกที่ซ่อนอยู่ เขาก็รอดพ้นจากคนเหล่านั้น กู้ฉวนลู่ปาดเหงื่อ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับคำสาปแช่งในใจ

ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานอยู่ในเมืองหลิวเจีย นางก็ยังเป็นที่นิยมจริง ๆ

กู้ฉวนลู่กำลังสาปแช่ง ยิ่งเขาคิดเกี่ยวกับมัน เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงชกต่อยและเสียงเตะ พร้อมกับเสียงก่นด่า “เจ้าเป็นหนี้ข้า เจ้าไม่มีเงิน แต่ก็ยังเล่นการพนัน เล่นเสียแล้วก็ยังไม่ยอม เจ้ารนหาที่ตายดีนี่ แต่ข้าจะไม่ให้เจ้าตายหรอกนะ จนกว่าเจ้าจะหาเงินมาชดใช้ให้ข้า”

จากนั้นมีเสียงชกต่อยและเตะอีกครั้ง ดูเหมือนว่ามีใครบางคนกำลังร้องขอความเมตตา

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท