ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1225+1126 หลิวชิงซานเห็นด้วย/ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1225+1126 หลิวชิงซานเห็นด้วย/ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น

บทที่ 1225 หลิวชิงซานเห็นด้วย

กู้ฉวนลู่พูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “แต่ว่าข้าเป็นลุงแท้ ๆ ของนางนะ เจ้าดูสิ เจ้าเด็กโง่นั่นช่างโหดเหี้ยมจริง ๆ”

“ไม่ใช่หรือ ถึงตอนนั้นเกือบจะเอาชีวิตข้าแล้ว” ดูเหมือนว่ากู้ฉวนลู่จะเต็มไปด้วยความคิดเกี่ยวกับเด็กโง่คนนั้น หลิวชิงซานจึงเปิดบทสนทนาขึ้นมา

“เจ้าเด็กโง่นั่นเป็นเสี้ยนจู่แล้ว ทั้งได้ยินว่าร้านจิ่นฝูก็เป็นของนาง กิจการร้านจิ่นฝูดีขนาดนั้น เจ้าเด็กโง่นั่นมีเงินเยอะจนนับไม่หมด” กู้ฉวนลู่พูดต่อ

“ร้านจิ่นฝูเป็นของนางหรือ” สีหน้าของหลิวชิงซานเต็มไปด้วยความประหลาดใจและแววตาเต็มไปด้วยความอิจฉา แต่แล้วก็เผยสีหน้าอันภาคภูมิใจออกมา

“ใช่สิ เพียงแต่เจ้าอย่าคิดมากเลย นางมีเงินก็ไม่ให้เจ้าแม้แต่เหรียญเดียว วันนี้ข้าไปขอให้นางช่วย จะให้นางช่วยพูดแทนจือเหวินของข้า แต่นางก็ไม่ช่วย เจ้าดูสิ เจ้าเด็กนั่นใจดำขนาดไหน ตอนที่นางเกิด ตอนนั้นข้าจัดการธุระอยู่ที่ร้านซุ่นซิน ข้ายังส่งอาหารดี ๆ เพื่อบำรุงสุขภาพให้แม่ของนางเลย”

หลิวชิงซานกัดฟันกรอด “รังแกคนอื่นเกินไปแล้ว เจ้าเด็กโง่นั่นต้องการจะกำจัดพวกเราให้สิ้นซาก หึ! ถึงนางจะมีเงินมากแค่ไหน นางก็เป็นหลานเป็นคนรุ่นหลังของพวกเรา พวกเราอาวุโสคุยกัน นางจะมาแทรกแซงได้อย่างไร”

ขอเพียงหลิวชิงซานไม่พอใจในตัวกู้เสี่ยวหวาน กู้ฉวนลู่ก็มีวิธีจัดการ

“ชิงซาน เจ้าอยากหาเงินได้หนึ่งร้อยตำลึงทันทีหรือไม่” กู้ฉวนลู่พูดจาหลอกล่ออีกฝ่าย

“จะหาได้ทันทีได้อย่างไร ท่านมีวิธีหรือ” หลิวชิงซานไม่ค่อยอยากเชื่อกู้ฉวนลู่ แต่ช่วงนี้เขาร้อนใจอยากได้เงิน ถ้าไม่มีเงิน เจ้าหนี้พวกนั้นต้องโยนเขาลงแม่น้ำแน่ ดังนั้นจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“แน่นอน เพียงเจ้าฟังคำข้า อย่าพูดว่าร้อยตำลึงเลย หนึ่งพันตำลึงเจ้าก็สามารถหาได้” กู้ฉวนลู่พูดอย่างหนักแน่น

หนึ่งพันตำลึง

เมื่อได้ยินว่าสามารถหาเงินได้มากขนาดนั้น หลิวชิงซานก็อ้าปากค้าง แต่ยังดีที่เขายังไม่เชื่อกู้ฉวนลู่ และถามอย่างมีเหตุผลว่า “หาเงินได้มากขนาดนั้น ทำไมเจ้าไม่ไปล่ะ”

เมื่อเผชิญหน้ากับหลิวชิงซานที่กำลังเยาะเย้ยตนเอง ถึงแม้ในใจกู้ฉวนลู่อยากจะอาเจียนออก แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะแสดงออก “ข้าไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน คนที่เดือดร้อนเรื่องเงินคือเจ้า ถ้าเจ้าไม่อยากทำก็ช่างเถอะ”

กู้ฉวนลู่ยืดอก “เถ้าแก่ เก็บเงิน”

หลังจากนั้นก็ลุกจากที่นั่งและหันไปทางโต๊ะเก็บเงิน เหมือนกับว่าถูกทำร้ายจากความไม่เชื่อของหลิวชิงซาน และไม่ยอมสนใจเขาอีก

เมื่อเห็นว่าหลิวชิงซานไม่สนใจตนเองก็แทบอยากจะกัดลิ้นด้วยความโกรธ

ถึงแม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะดูไม่น่าเชื่อถือ แต่อย่างน้อยนางก็ยังมีวิธีหาเงิน แค่ฟังความคิดของเขาก็มีไม่น้อย ไม่แน่ อาจหาได้ร้อยตำลึงในทันที

หลิวชิงซานสะดุ้งสร่างจากความเมาทันที แม้แต่กู้ฉวนลู่ที่ออกจากร้านเหล้าไปแล้ว เขาก็ยังตามไป

“พี่ใหญ่ ท่านอย่าเพิ่งไปสิ ท่านมีวิธีอะไรลองบอกให้ข้าฟังสิ” หลิวชิงซานรั้งกู้ฉวนลู่ไว้

เมื่อครู่กู้ฉวนลู่เห็นหลิวชิงซานเอามือเข้าไปในปากและดูดน้ำมันที่ติดอยู่ และเอามืออันแสนสกปรกนั้นมาจับเสื้อของตนเองก็โกรธเคือง

กู้ฉวนลู่จึงเอ่ยด้วยความโกรธ “เจ้าบอกว่าเจ้าไม่เชื่อไม่ใช่หรือ”

“ไม่นี่! ไม่ได้ไม่เชื่อพี่ใหญ่” หลิวชิงซานทำหน้าประจบสอพลอแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องใช้หนึ่งร้อยตำลึงหรือ เมื่อครู่ข้าร้อนใจจนพูดผิด พี่ใหญ่ ท่านอย่าโทษน้องชายเลย”

กู้ฉวนลู่ทำพ่นเสียงเย็นชา แล้วตอนนี้เขาก็วางมาดใหญ่โตและเหล่มองหลิวชิงซาน “ข้าทำเพื่อเจ้า หากเจ้ายังไม่เชื่อข้า ถ้าหากเมื่อก่อนเจ้าไม่ใช่น้องเขยของข้า ข้าก็ไม่อยากสนใจเจ้า”

ตอนแรกหลิวชิงซานไม่เต็มใจและพูดว่า “แบบนี้ไม่ดี”

กู้ฉวนลู่เหลือบตามองเขาแล้วพูดว่า “ได้ อย่างนั้นถือว่าข้าไม่เคยพูด”

หลังจากนั้นก็ก้าวเดินออกไป

หลิวชิงซานเห็นว่าเขากำลังจะจากไปอีก ก็กังวลและรีบไปดึงอีกฝ่ายไว้ “ข้าทำ ข้าทำ”

กู้ฉวนลู่เผชิญหน้าและหัวเราะอย่างเย็นชา “เอาล่ะ เจ้าตามข้าไปเอาของที่ร้านยาหน่อย”

หลิวชิงซานตามกู้ฉวนลู่ไป เดินผ่านถนนสองสายก็ถึงร้านยาแห่งหนึ่ง

ร้านยาแห่งนี้ หากจะให้พูดก็ดูแปลกประหลาด กลางวันเปิดประตูไม่หมด มันถูกเปิดเอาไว้ครึ่งหนึ่ง หลิวชิงซานรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ยังเดินตามกู้ฉวนลู่เข้าไป

ด้านนอกร้านยาเงียบสงัดไร้ผู้คน หากแต่บนถนนยังเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ข้างในร้านยายิ่งเงียบกว่า ดูมืดสลัวและหนาวเย็น สาเหตุเพราะประตูอีกฝ่ายถูกเปิดเอาไว้

“เจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้ก่อน ข้าจะเข้าไปหน่อย” กู้ฉวนลู่เห็นหลิวชิงซานตามเข้ามา เลยชี้ที่นั่งให้หลิวชิงซานนั่งรอ

จากนั้นเขาเปิดม่านที่ประตูแล้วเดินเข้าไป

หลิวชิงซานดื่มเหล้าเยอะไป เมื่อครู่หากไม่ใช่เพราะตามกู้ฉวนลู่มา และต้องการหาเงิน เขาคงเมาจนล้มกลิ้งไปนานแล้ว

พอนั่งลงแล้วก็รู้สึกอยากดื่มอีก เขาฟุบตัวนอนลงบนโต๊ะ และหลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงกรนดังออกมา

กู้ฉวนลู่มาถึงข้างใน ก็มีคนเดินเข้ามาหาเข้า ท่าทางดูเหมือนเด็กรับใช้ เขามองดูกู้ฉวนลู่แบบแปลก ๆ หลายครั้งและพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “คุณชายกู้ ไม่เจอกันนานเลยนะ”

คนที่มาเป็นชายรูปงาม มุมปากประดับรอยยิ้มเยาะ ชายคนนี้คือหลี่ซื่อ พวกเขาไม่ได้เจอกันมานานแล้ว

เมื่อมองไปที่หลี่ซื่อ กู้ฉวนลู่จ้องมองเขาด้วยความโกรธเคือง และไม่อยากตอบคำทักทายของเขา

หลี่ซือถูกปล่อยตัวออกจากห้องขังด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม กู้ฉวนลู่ไม่ชอบเขาเอา

มาก ๆ

เมื่อก่อนเคยคิดว่า คนผู้นี้เป็นคนที่รูปลักษณ์ที่ดี แต่ข้างในเน่าเฟะ

ต่อมาเขาคบชู้กับเฉาซื่อ คนแบบนี้ กู้ฉวนลู่ไม่ยินดีที่จะพูดถึงและยิ่งไม่อยากทักทายเขา

….

บทที่ 1226 ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น

กู้ฉวนลู่เงยหน้าขึ้นมอง และแสร้งทำเหมือมองไม่เห็น เบี่ยงตัวหลบอีกฝ่ายและเดินจากไป

หลี่ซื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สนใจตนเองก็ไม่ได้สนใจ ทำเพียงคลี่ยิ้มเยาะแล้วหันหลังเดินจากไป

เมื่อกู้ฉวนลู่มาถึงห้องของหมอเหลย ก็เห็นหมอเลยนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยใบหน้าแดงก่ำ

คิด ๆ ดูแล้ว เมื่อครู่ดูเหมือนหลี่ซื่อคนนั้นกับหมอเหลยจะมีข้อขัดแย้งกัน

กู้ฉวนลู่ก็ไม่ได้กลับมาเมืองหลิวเจียนานแล้ว แต่ถ้าหมอเหลยไปเมืองรุ่ยเสียนก็ไปหากู้ฉวนลู่บ่อยครั้ง สองปีนี้ทั้งสองคนก็ถือว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน

หมอเหลยคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกู้ฉวนลู่ที่เมืองหลิวเจีย ดังนั้นจึงถามด้วยความรู้สึกแปลกใจ “คุณชายกู้ เจ้ามาได้อย่างไร”

“หลี่ซื่อเพิ่งมาหรือ” กู้ฉวนลู่นั่งลงข้าง ๆ ก็เห็นหมอเหลยหน้าแดงด้วยความโกรธ “ไอ้คนไร้ยางอายนั่น หลังจากที่เขาถูกปล่อยตัวออกจากห้องขัง เขาก็ไปเล่นการพนันจนหมดตัว และพอเงินหมดก็วิ่งมาหาข้าที่นี่”

“ไม่กี่ปีมานี้ หลี่ซื่อคนนี้ไปไกลแล้ว หนึ่งไม่ทำ สองทำไม่หยุด พอได้ทำก็ทำถึงที่สุดโดยไม่ยอมฟัง” กู้ฉวนลู่รู้ว่าเดิมทีหลี่ซื่อตามหมอเหลยทำเรื่องอุกอาจมามากมาย หลี่ซื่อคนนี้กุมจุดอ่อนของหมอเหลยไว้ไม่น้อย ถ้าหากเป็นแบบนี้ อีกฝ่ายอาจจะยอมตกลง และยังไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอนาคต

หลังจากหมอเหลยได้ยินคำพูดของกู้ฉวนลู่ก็ผงะเล็กน้อย และดูเหมือนจะหวั่นไหวขึ้นมา

ในห้องเกิดความเงียบอีกครั้ง

หลี่ซื่อไปที่ห้องโถงใหญ่และทันทีที่เขาเปิดม่านก็ได้ยินเสียงกรนดังลั่นลอยเข้าหู มองจากรูปร่างลักษณะ ชายร่างผอมกำลังนอนอยู่บนโต๊ะ หลับสนิทเหมือนหมูนอนตาย

กลิ่นสุราโชยออกมาจากร่างกายของเขาอบอวลไปทั่วห้อง ทำให้หลี่ซื่อรีบปิดปากและจมูกทันที

เมื่อหยุดลงข้าง ๆ คนเมา หลี่ซื่อหันกลับมาและเห็นใบหน้าที่แท้จริงของชายคนนี้

หลิวชิงซานคนนี้ หลี่ซื่อรู้จัก อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้พวกเขาก็เคยถูกขังในเวลาเดียวกัน

หลี่ซื่อแปลกใจเล็กน้อย หลิวชิงซานคนนี้ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้อีก ทั้งยังตามกู้ฉวนลู่อยู่อีกด้วย

หลี่ซื่อมองไปที่หลิวชิงซาน และเห็นผ้าม่านประตูที่แกว่งไกว หัวใจก็พลันเต้นแรง และเขาก็ค่อย ๆ ย่องกลับไป

“อย่าพูดถึงเรื่องนี้ในตอนนี้ เขาอยู่ข้างกายข้ามานาน” หมอเหลยโบกมือ แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับความคิดของกู้ฉวนลู่ แต่ในใจเขาก็วางใจลงแล้ว

กู้ฉวนลู่เห็นหมอเหลยเปลี่ยนหัวข้อสนทนาจึงไม่ดำเนินการต่อ อย่างไรเสียเขามาที่นี่เพราะธุระ ไม่ใช่เพราะธุระของหลี่ซื่อ ดังนั้นจึงไม่ต้องเสียเวลากับมัน

“ได้ยินว่าหลานสาวข้าคนนั้นอยูที่เมืองหลิวเจีย นับวันยิ่งรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ”

“ไม่ใช่หรอกมั้ง ร้านจิ่นฝูล้วนเป็นของนาง กิจการดีขนาดนั้น ทุกคนล้วนพูดว่า เพียงวันเดียวเงินก็เข้ามาเป็นกอบเป็นกำ จุ๊ ๆ ตรงไหนยังเหมือนสาวชาวบ้านในตอนนั้น ยิ่งได้รับตำแหน่งเสี้ยนจู่ระดับห้า นับประสาอะไรกับเมืองหลิวเจีย เกรงว่าพวกเจ้าอยู่ที่เมืองรุ่ยเสียน นางเดินไปข้างหน้า แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรกับนางแม้แต่ครึ่งคำ” หมอเหลยพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคือง

หลังจากได้ยิน กู้ฉวนลู่ก็ยิ่งโกรธ สายตาพลันเย็นชาและพูดอย่างเศร้าสร้อยว่า “เจ้าเด็กโง่นั่นยิ่งมีเงินก็ยิ่งไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น”

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท