บทที่ 1228 มีคนตายเสียแล้ว
บทที่ 1228 มีคนตายเสียแล้ว
จากนั้นเขาก็กลับไปนั่งที่ ดื่มกินของที่ตนสั่งจนหมด ก่อนจะลุกขึ้นเดินโซเซไปจ่ายเงินแล้วจากไป
แต่ก่อนจะจากไป หลิวชิงซานยังอุตส่าห์ลอบมองโต๊ะที่ข้าง ๆ ที่กำลังดื่มกินอย่างเต็มที่ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ หลิวชิงซานกระหยิ่มยิ้มย่องในใจเมื่อคิดว่า หลังจากนี้คนผู้นั้นจะต้องท้องไส้ปั่นป่วน คลื่นไส้อาเจียน เพราะอาหารเป็นพิษ
กู้ฉวนลู่บอกเขาว่า หากแอบวางยานั่นแล้วให้รีบหนีออกมาทันที หลังจากคนที่ถูกวางยามีอาการอาหารเป็นพิษหลังจากทานอาหารที่ร้าน ก็จะต้องกลับมาเอาเรื่องร้านจิ่นฝูอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นแล้วร้านจิ่นฝูจะต้องตกอยู่ในความโกลาหลอลหม่าน เรื่องหลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอันใด ส่วนเงินหนึ่งร้อยตำลึง กู้ฉวนลู่จะนำมาให้เขาในเช้าวันรุ่งขึ้น
แน่นอนว่ายามนี้หลิวชิงซานพออกพอใจมาก แค่แอบเข้าไปใส่ยาในอาหาร แต่กลับได้กิน ได้ดื่ม แถมยังได้เงินอีก ก็ต้องเปี่ยมสุขมากเป็นธรรมดา
เขากลับมาที่โรงเตี๊ยม และใช้เงินที่เหลือเช่าห้องเพื่อนอนรอให้กู้ฉวนลู่นำเงินมาให้เขาในเช้าวันพรุ่งนี้
ด้านในสวนกู้ บรรยากาศกำลังครึกครื้น
หลังอาหารเย็น ทุกคนก็ออกมานั่งดื่มชาใต้ต้นไม้ในสวน
แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่ได้ไปที่ภูเขาหมินเพื่อเรียนชงชาแล้ว แต่ต่อมาฉินเย่จือได้นำหนังสือการชงชาซึ่งเขียนโดยผู้เชี่ยวชาญ กู้เสี่ยวหวานเรียนรู้จากหนังสือเล่มนั้น อีกทั้งยังบังเอิญว่าฉินเย่จือก็พอรู้ศิลปะการชงชาอยู่บ้าง คนทั้งสองจึงค่อย ๆ เรียนรู้ไปด้วยกัน ผ่านไปไม่นานทักษะการชงชาของกู้เสี่ยวหวานก็ดีขึ้นทุกวัน ๆ
ชานั้นมีสรรพคุณหลากหลายแตกต่างกันไป กู้เสี่ยวหวานจึงเลือกที่จะชงชาที่ไม่ส่งผลต่อการนอนหลับให้ทุกคนดื่มในตอนกลางคืน
ดื่มชาได้ไม่นาน พลันมีเสียงเคาะประตูอย่างรีบร้อนพร้อมเสียงคนตะโกนเรียกตามมาติด ๆ “เถ้าแก่ เถ้าแก่!”
ผู้ที่กำลังร้องเรียกหาเถ้าแก่อยู่หน้าประตูนั้นมาหากู้เสี่ยวหวานอย่างแน่นอน ฉือโถววางถ้วยชาแล้วเดินไปเปิดประตู เมื่อมีคนจากข้างนอกเข้ามา ฉือโถวก็มีใบหน้าตื่นตระหนก ร่างกายสั่นสะท้านราวกับร่อนรำผ่านตะแกรง*[1]
ลูกจ้างในร้านจิ่นฝูวิ่งกระหืดกระหอบมาร้องเรียกเสียงตื่นตระหนก “เถ้าแก่ เถ้าแก่! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
บริกรเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ทุกคนได้รับรู้ กู้เสี่ยวหวานก็ยิ่งตะลึงขึ้นไปอีก
รอบบริเวณสวนกู้ตกอยู่ในความเงียบงัน
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นเงียบเสียงลง คนทั้งหลายแสดงท่าทีมองหน้ากันไปมา นัยน์ตาของทุกคนเหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
มีเพียงลูกจ้างในร้านเท่านั้นที่กระวนกระวายจนเกือบจะร้องไห้ “เถ้าแก่ ชายผู้หนึ่งทานอาหารในร้านเราเสร็จ เขาก็เสียชีวิตที่หน้าประตูทั้งที่ยังไม่ทันได้เดินออกจากร้านจิ่นฝูด้วยซ้ำ ชายผู้นั้นเลือดออกทางทวารทั้งเจ็ด และตายอย่างอนาถ”
ตอนนั้นลูกจ้างผู้นี้กำลังตอนรับแขกอยู่ที่โถงหน้าร้าน เขาจึงเห็นเหตุการณ์อันน่าสลดใจของชายผู้นั้นในระยะประชิด คราใดที่นึกถึงบุรุษผู้นั้นที่หลั่งเลือดออกมาทางทวารทั้งเจ็ด แม้กระทั้งดวงตายังไม่ยอมหลับ เขารู้สึกอกสั่นขวัญหายยิ่งนัก
เมื่อเห็นว่าบริกรไม่ได้โกหกแน่ ๆ ฉินเย่จือจึงเหลือบมองกู้เสี่ยวหวานก็เห็นว่านางยังไม่ได้แสดงท่าทีใด ๆ เอาแต่ยืนนิ่งด้วยความตกใจ
จึงหันไปพูดกับบริกรหนุ่มว่า “เจ้าช่วยพาข้าไปดูหน่อย”
จากนั้นเขาก็ส่งสัญญาณทางสายตาบอกให้อาโม่ดูแลกู้เสี่ยวหวานให้ดี ก่อนจะเดินตามบริกรเพื่อไปที่ร้านอาหาร ทว่ากู้เสี่ยวหวานก็ดึงสติกลับมาได้พอดี “พี่เย่จือ รอก่อน ข้าจะไปกับท่าน”
ก่อนจะไปกู้หนิงผิงและคนอื่น ๆ ต่างก็ต้องการไปกับกู้เสี่ยวหวานด้วย แต่นี่มันเป็นการไปจัดการกับคดีฆาตกรรม ไม่ใช่การเดินทางไปท่องเที่ยว กู้เสี่ยวหวานจะปล่อยให้พวกเขาไปเห็นภาพที่น่ากลัวและสถานการณ์วุ่นวายได้อย่างไร จึงยืนยันว่าพวกเขาต้องรออยู่ที่บ้าน
แต่ให้ตายอย่างไร กู้หนิงผิงก็ไม่เห็นด้วย “ท่านพี่ ข้าโตแล้วนะ และข้าก็เป็นผู้ใหญ่พอ เรื่องของคนในครอบครัว ข้าไม่อาจนิ่งเฉยได้”
กู้ฟ่างสี่ก็เห็นด้วยกับกู้หนิงผิงว่าอยากจะไปที่นั่นด้วย กู้เสี่ยวหวานจึงลงความเห็นว่า นอกจากลุงจางที่เคลื่อนไหวลำบากให้อยู่ที่บ้านกับกู้เสี่ยวอี้และป้าจาง ส่วนคนที่เหลือตามไปที่ร้านจิ่นฝูได้
ระหว่างทาง กู้เสี่ยวหวานกระวนกระวายใจยิ่งนัก นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น มีคนตายหลังจากทานอาหาร มีเลือดออกทางทวารทั้งเจ็ด นี่มันอาการของคนโดนยาพิษชัด ๆ
โชคดีที่ฉินเย่จือนั่งอยู่ข้าง ๆ คอยสอบถามบริกรถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างใจเย็น ส่วนกู้เสี่ยวหวานก็แอบเอียงหูฟังเพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการตายของชายผู้นี้อยู่ภายในใจ
คนสองคนไปทานอาหารเย็นด้วยกันที่ร้านจิ่นฝู คนหนึ่งเสียชีวิต แต่อีกคนไม่เป็นอันใด
บุคคลที่น่าสงสัยที่สุดควรเป็นผู้ที่ทานอาหารกับผู้ตาย
ฉือโถวเร่งม้าให้เร็วขึ้น จนในที่สุดรถม้าก็มาถึงร้านจิ่นฝูอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่มาถึงถนนที่มุ่งหน้าสู่ร้านจิ่นฝู ก็เห็นแสงสว่างจากโคมไฟมาแต่ไกล และบนถนนก็เต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังยืดคอมองเข้าไปในร้านจิ่นฝู
ด้านหน้าร้านก็เต็มไปด้วยผู้คนจนไม่อาจฝ่าฝูงชนเข้าไปได้ จำต้องเลี้ยวอ้อมไปทางประตูหลังของร้านจิ่นฝูแทน
เมื่อก้าวเข้าไปในโถงรับแขกหน้าร้านจิ่นฝู ก็ต้องตะลึงอีกครั้งกับความยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นในที่แห่งนี้ สิ่งของภายในร้านพังเละเทะ ข้าวของกระจัดกระจาย ลูกจ้างชายสองสามคนล้มลงไปกองกับพื้นที่เต็มไปด้วยเศษอาหารเศษจานแตก สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เห็นทีว่าคราวนี้ร้านจิ่นฝูคงถูกใครบางคนเล่นงานเข้าให้แล้ว
โชคดีที่พวกเขาได้รับบาดเจ็บเพียงภายนอกเท่านั้น ที่เห็นว่าพวกเขากองอยู่บนพื้นก็แค่อยากพักสักหน่อยเท่านั้น แต่เมื่อพวกเขาเห็นกู้เสี่ยวหวาน พวกเขาทั้งหมดก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากพื้นทีละคน พร้อมใช้มือกุมจุดที่ตนบาดเจ็บไว้ ก่อนจะพูดตัดพ้อกับกู้เสี่ยวหวานว่า “เถ้าแก่ ท่านมาถึงเสียที ร้านจิ่นฝูของพวกเรากำลังจะถูกอันธพาลพวกนั้นพังยับเยินแล้ว”
แท้จริงแล้วผู้เสียชีวิตเป็นหนึ่งในอันธพาลเมืองหลิวเจีย ทันทีที่เขาเสียชีวิต อันธพาลทั้งหลายต่างก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย และในระหว่างที่บริกรผู้หนึ่งเดินทางไปรายงานกู้เสี่ยวหวาน เหล่าอันธพาลก็รวมกลุ่มกันเพื่อมาสร้างความวุ่นวายที่ร้านจิ่นฝู โชคดีที่บรรดาแขกที่เหลือต่างก็แตกตื่นและวิ่งหนีออกมาทัน ไม่เช่นนั้นคงต้องมีผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บอีกไม่น้อย
ยามนี้คนจากศาลาว่าการมาถึงที่เกิดเหตุแล้ว และล้อมร้านจิ่นฝูไว้อย่างแน่นหนา ได้ยินว่าลวี่เทามาตรวจสอบด้วยตนเองเสียด้วย
หลายปีมานี้ เมืองหลิวเจียไม่เคยมีคดีฆาตกรรม ลวี่เทาจึงรู้สึกมึนงงและตื่นเต้นเล็กน้อย
การสืบคดีฆาตกรรมมันอาจฟังดูน่ากลัวสำหรับคนภายนอก แต่ถ้าคลี่คลายคดีได้ด้วยดี โอกาสที่จะได้เลื่อนตำแหน่งและขึ้นเงินเดือนก็มีมากขึ้นเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น คดีฆาตกรรมนี้เกี่ยวข้องกับกู้เสี่ยวหวาน เสี้ยนจู่ผู้มีความสัมพันธ์กับคนในราชวงศ์
นับตั้งแต่ที่ลวี่เทารู้ว่าคดีฆาตกรรมนี้เกิดขึ้นที่ร้านจิ่นฝู เขาก็รู้สึกได้ในทันทีว่าอนาคตอันสดใสของเขาใกล้เข้ามาถึงแล้ว
เขาไม่มัวเสียเวลากับการพักผ่อนอันใด รีบพาคนในศาลาว่าการทั้งหมดมาที่ร้านจิ่นฝู สั่งให้คนส่วนใหญ่ล้อมรอบร้านจิ่นฝูไว้ก่อน จากนั้นก็พาคนสองสามคนเข้าไปในร้าน
ทันทีที่ก้าวเข้าไปภายในร้าน เขาก็ต้องหยุดนิ่งเมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานเองก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
*[1] ร่อนรำผ่านตะแกรง หมายถึง มีความวิตกกังวลจนกระสับกระส่าย