ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1246 กินแล้วไม่จ่าย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1246 กินแล้วไม่จ่าย

บทที่ 1246 กินแล้วไม่จ่าย

หลิวชิงซานร่างกายสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว แต่ก็ต้องพยายามเก็บอาการไว้ไม่ให้สองคนนี้รู้ได้

ทั้งสองอ้าปากกว้าง ปากนั้นเต็มไปด้วยน้ำมันจากบะหมี่กับเนื้อตุ๋นในชาม ทว่าหลิวชิงซานนั้นไม่รับรู้รสชาติอาหารที่กินไปเลยแม้แต่น้อย

เมื่อคิดว่ามือของตัวเองได้ก่อเรื่องในคดีฆาตกรรมคน ในใจก็รู้สึกโกรธแค้นกู้ฉวนลู่ทันที

เป็นเพราะคนผู้นี้บอกว่าเป็นยาระบาย ตัวเองถึงได้วางยาลงไป ทว่าสุดท้ายแล้วกับกลายเป็นยาพิษ

หากมีคนจำได้ว่า คนที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะคนตายเมื่อวานคือเขา เช่นนั้นเขาจะไม่กลายเป็นผู้ต้องสงสัยหรอกหรือ?

ไม่ได้การแล้ว!

เขายังไม่อยากตาย

ทั้งหมดนี้ต้องโทษกู้ฉวนลู่ เขาเป็นคนทำเรื่องนี้ทั้งหมด

สีหน้าของหลิวชิงซานเดี๋ยวแดงเดี๋ยวเขียว เมื่อคนที่กินบะหมี่ทั้งคู่เห็นก็รู้สึกประหลาดใจจึงถามว่า “พี่ชายท่านนี้ หน้าของท่านเป็นอะไรไป เดี๋ยวแดง เดี๋ยวเขียว เดี๋ยวขาว ท่านไม่สบายตรงไหนหรือ”

หลิวชิงซานพยักหน้าและพูดอย่างไม่สบายใจว่า “ใช่แล้ว เกรงว่าเมื่อคืนจะดื่มเหล้าเข้าไปแล้วท้องเสีย บะหมี่ชามนี้กินไม่ลงแล้วจริง ๆ เอาอย่างนี้แล้วกันนะ ตรงข้ามมีร้านขายหมั่นโถว พี่ชายทั้งสองอยู่กินต่อที่นี่ ข้าจะไปซื้อหมั่นโถวมากินรองท้องสักหน่อย” ว่าจบก็หันไปสั่งอาหารมาเพิ่ม “เถ้าแก่ เอาน้ำแกงผักมาให้ข้าอีกชาม ข้าจะกินกับหมั่นโถวเสียหน่อย”

สองคนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก เมื่อเห็นหลิวชิงซานสั่งอาหารอีกก็คิดว่าเขาจะต้องกลับมาแน่ ๆ ก็เลยไม่ได้คิดอะไรจึงพูดว่า “รีบไปเถอะ รีบไปเถอะ”

จากนั้นก็ก้มศีรษะตั้งหน้าตั้งตากินบะหมี่และเนื้อเข้าไปคำใหญ่ จะยังสนใจหลิวชิงซานเสียที่ไหนกัน

หลิวชิงซานลุกขึ้นยืนแกล้งทำเป็นไปซื้อหมั่นโถวจริง ๆ พอมาถึงร้านขายหมั่นโถวแล้วก็หันกลับไปมอง เห็นทั้งสองคนนั้นมัวแต่กินบะหมี่ไม่ได้มองมาทางนี้ก็รีบเผ่นไปอย่างเงียบ ๆ ทันที วิ่งหนีไปจนไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว

จนกระทั่งทั้งสองคนนั้นกินบะหมี่และเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่ร้านขายหมั่นโถว จะยังมีหลิวชิงซานอยู่เสียที่ไหน เมื่อมองไปรอบ ๆ ด้าน ไฉนเลยจะยังเจอหลิวชิงซาน

สองคนนั้นตกใจและด่าทอว่า “เวรแล้ว เจอคนต้มเข้าให้แล้ว”

เจ้าของแผงบะหมี่นั้นก็ถือน้ำแกงผักมา เมื่อได้ยินเสียงของลูกค้าทั้งสองก็แปลกใจ “เจ้าทั้งสอง เกิดอะไรขึ้นหรือ? นี่น้ำแกงผักที่พวกเจ้าสั่ง”

“ข้าไม่ได้สั่งน้ำแกงผัก” ทั้งสองพูดพร้อมกัน “คนที่นั่งกับพวกเข้าเมื่อครู่นี้เป็นคนสั่ง”

เถ้าแก่เองก็ตกใจ “เช่นนั้นแล้วลูกค้าคนนั้นไปไหนแล้วเล่า!”

“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร“ สองคนมองอาหารบนโต๊ะ ทั้งหมดนี้เป็นอาหารที่ทั้งสองคนเป็นคนสั่ง สีหน้าก็เริ่มมีความตื่นตระหนกแล้ว

ทั้งสองคนออกมากินบะหมี่ เดิมทีก็จะสั่งแค่บะหมี่ธรรมดาอยู่แล้ว ใครจะรู้ว่ามาได้ครึ่งทางก็มีคนบอกว่าจะเลี้ยงบะหมี่พวกเขา โอกาสที่หายากเช่นนี้ ใครเล่าจะพลาด ดังนั้นจึงสั่งอาหารอย่างเต็มที่ หมูเส้นในน้ำแกงนี้ก็ให้เถ้าแก่ใช้เวลาทำออกมา อย่างไรเสียก็มีคนจ่ายเงินให้ ถ้าไม่กินก็น่าเสียดาย

เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางตื่นตระหนกของทั้งสองคน เถ้าแก่ผู้นี้ขายบะหมี่มาแล้วก็หลายสิบปี หน้าตาท่าทางแบบไหนจะยังไม่เคยพบไม่เคยเห็นอีก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอคนกินแล้วไม่จ่ายเงิน

ดังนั้นจึงพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “พวกเจ้าสามคนคงไม่ได้มากินอาหารแล้วไม่จ่ายเงินหรอกนะ อย่าคิดว่าเขาไปแล้วก็จะไม่จ่ายเงิน อาหารบนโต๊ะนี้ก็ตั้งหลายร้อยเหรียญ”

เมื่อเถ้าแก่พูดจบก็เห็นคนที่กำลังยุ่งอยู่ด้านหน้าแผงลุกขึ้นทันทีและตะโกนมาทางนี้ว่า “ท่านพ่อ ใครกินอาหารแล้วไม่จ่าย!”

ชายร่างสูงกำยำลุกขึ้นยืน ใบหน้าของชายคนนั้นดูเจ้าเนื้อ ท่าทางดุร้ายมาก และท่าทางเช่นนั้นราวกับจะบอกว่า ถ้าหากไม่จ่ายเงินก็จะรีบเดินเข้ามาตีพวกเขาทันที

ทั้งสองมองหมัดใหญ่ที่ดูมีพละกำลังมาก พอคิดดูว่าตนเองกินไปแล้วตั้งหลายร้อยเหรียญก็ยิ่งสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และรู้สึกเจ็บปวดหัวใจอย่างมาก

เดิมทีตั้งใจจะกินแค่สิบเหรียญ คิดไม่ถึงเลยว่าจะกินไปแล้วร้อยกว่าเหรียญ แต่ก็รู้ว่าถ้าหากไม่จ่ายเงินแล้ว เถ้าแก่ก็ไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปเด็ดขาด

ดังนั้นจึงต้องยอมจ่ายเงินแต่โดยดี แต่ในใจนี้กลับคับแค้นใจหลิวชิงซานยิ่งนัก เขาขบฟันด้วยความเคียดแค้น ครั้งหน้าหากเจอหลิวชิงซานอีกจะต้องสับเขาให้เป็นชิ้น ๆ

หลิวชิงซานหนีไปแล้ว คนแรกที่ต้องตามหาย่อมเป็นกู้ฉวนลู่

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ายาที่ตัวเองวางนั้นเป็นยาพิษ แต่เขาก็เป็นคนที่ทำให้ลูกค้าของร้านจิ่นฝูผู้นั้นตาย

เขาเองก็ไม่ต่างอะไรกับการเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดและเป็นฆาตกรที่ฆ่าคน

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลิวชิงซานก็ยิ่งเสียใจ เมื่อนึกถึงตอนที่เขาวางยาในตอนนั้น กู้ฉวนลู่บอกว่าขอแค่เขายอมทำตามแผนการที่วางไว้จนสำเร็จ เงินหนึ่งร้อยตำลึงนี้ก็จะเป็นของเขา

เขายังนึกว่ามีขนมตกลงมาจากบนฟ้าแล้ว แต่ที่แท้กู้ฉวนลู่ก็คิดยืมมีดฆ่าคน

พอนึกว่าตัวเองกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับกู้ฉวนลู่และยังฆ่าคนอีก เดิมทีหลิวชิงซานเป็นคนขี้ขลาดอยู่แล้ว และตอนนี้ก็ยังเข้าไปพัวพันกับคดีฆาตกรรมอีก แล้วเขาจะใช้ชีวิตอย่างไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวได้อย่างไร เขาจึงวิ่งไปโรงเตี๊ยมเพื่อตามหากู้ฉวนลู่ทันที

เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยม ผู้ช่วยได้ยินว่าเขามาหากู้ฉวนลู่ก็ตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง “เขาคืนห้องไปตั้งแต่เช้าแล้ว”

“เจ้ารู้ไหมว่าเขาไปที่ไหนแล้ว” หลิวชิงซานได้ยินก็รีบถามอย่างร้อนใจ

ผู้ช่วยนั้นเหมือนกับได้ยินเรื่องตลก จึงเงยหน้าขึ้นมองท่าทางร้อนใจของหลิวชิงซาน เขาหัวเราะพลางยิ้มอย่างเสแสร้งแล้วพูดว่า “เหตุใดเจ้าถึงถามเช่นนี้เล่า? ข้าเป็นเพียงแค่ผู้ช่วย แขกคนอื่นจะไปที่ใดต่อนั้น ข้าจะไปรู้หรือ!”

หลิวชิงซานเดินออกจากโรงเตี๊ยมอย่างผิดหวัง ในใจร้อนรนจนอยู่ไม่สุข

คนที่ทำเรื่องผิดศีลธรรม เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกว่ามีสายตาของคนอื่นจับจ้องมาที่ตัวเอง

พอดีกับที่เดินออกมาจากโรงเตี๊ยม ไม่ไกลมากนักก็เห็นคนสองคนสวมชุดของศาลาว่าการกำลังเดินตรวจตราอยู่ตามถนน

หลิวชิงซานเห็นเช่นนั้น ในใจก็เกิดความตึงเครียด คิดว่าเหล่านั้นจะมาจับตัวเองไปหรือไม่ เรื่องที่ตัวเองวางยานั้นถูกเปิดเผยแล้วใช่หรือไม่ ไฉนเลยยังกล้ารั้งรอ จึงหันหลังหลบไปทางตรอกเล็ก ๆ การหลบซ่อนนั้นไม่ง่ายเลย หลิวชิงซานโกรธแค้นกู้ฉวนลู่อย่างมาก

“กู้ฉวนลู่ เจ้าทำดีนักนะ! เจ้าทำเรื่องที่ผิดแล้วเอาเรื่องทั้งหมดนี้มามัดไว้บนหัวของข้า สุดท้ายข้าก็ตกหลุมพราง ถูกเจ้าหลอกอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า” หลิวชิงซานแทบจะขบฟันแตก

พอได้ที่ซ่อนตัวอยู่ในตรอกเล็ก ๆ แห่งนี้แล้วก็ไม่กล้าที่จะออกมาอีก สองมื้อที่ไม่ได้กินอาหาร ท้องนี้ก็หิวจนอ่อนแรง แต่ก็ไม่กล้าออกไปเพราะกลัวว่าจะถูกคนอื่นจำได้

กู้ฉวนลู่หนีไปจริง ๆ แล้ว

เมื่อคืนกู้ฉวนลู่แกล้งทำเป็นวิ่งไปดูความโกลาหลที่ร้านจิ่นฝูโดยไม่ตั้งใจ แต่กลับคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคนพูดว่ามีคนตายที่ร้านจิ่นฝู

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท