บทที่ 1249 หญิงคนสนิท
บทที่ 1249 หญิงคนสนิท
ยิ่งเสียงครวญครางดังชัดยิ่งขึ้นเท่าไร ใบหน้าของหลิวชิงซานก็ยิ่งแดงขึ้นเท่านั้น เมื่อคนข้างในดื่มเหล้าเสร็จก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากด้านนอก ดูเหมือนว่าลวี่เทาจะอุ้มว่านซื่อไว้ในอ้อมแขนและพากันเข้านอน หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงครวญครางที่เสียวซ่านดังออกมา
อาโม่ไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป แต่สำหรับหลิวชิงซานแล้ว ยิ่งเขาฟังมากเท่าไร เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น ร่างกายของเขาแทบจะสิงเข้าไปในกำแพง เมื่อได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมด้านใน หลิวชิงซานก็หันศีรษะกลับมามองสำรวจด้านหลัง
อาโม่คิดว่าเขาพบบางอย่าง แต่แล้วก็ต้องหัวเราะเยาะออกมา เพราะเขาซ่อนตัวได้ดี อีกฝ่ายจึงมองไม่เห็นเขา จากนั้นหลิวชิงซานก็ดึงกางเกงลงอย่างรวดเร็ว
เดิมทีเมื่ออาโม่คิดว่าเขากำลังจะปัสสาวะ แต่การกระทำต่อไปของหลิวชิงซานก็ทำให้เขาประหลาดใจ เมื่อหลิวชิงซานฟังเสียงครวญครางภายในห้องนั้นแล้ว จากนั้น…
อาโม่รีบหลับตาลงไม่กล้ามองภาพตรงหน้า
เสียงครวญครางในห้องดังขึ้นเรื่อย ๆ และมือของหลิวชิงซานก็ขยับเร็วขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากเสียงครวญครางอย่างมีความสุขเงียบลง ทุกอย่างจึงกลับสู่ความสงบ
ร่างกายของหลิวชิงซานสั่นสะท้าน เขาทิ้งร่างกายพิงกำแพงและดึงกางเกงขึ้นมาสวมใส่ให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินโซเซออกไปอย่างพึงพอใจ
อาโม่ไม่สนใจหลิวชิงซานและไม่ต้องการเห็นท่าทางที่หยาบคายของเขาอีกต่อไป หลังจากหาสถานที่หลบเลี่ยงภาพอันน่ารังเกียจนั้นแล้ว เขาก็เห็นสาวรับใช้คนหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกลกำลังมองเข้าไปในห้องด้วยสายตาอิจฉาริษยา
ดวงตาคู่นั้นเต็มไปความเกลียดชังและความริษยา
เขาเห็นสาวรับใช้คนนั้นกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น แววตามาดร้ายและพึมพำว่า “นังจิ้งจอกเฒ่า! จิ้งจอกเฒ่าที่ชอบยั่วยวนผู้ชาย!”
ดูเหมือนว่าสาวรับใช้คนนี้จะไม่พอใจคนด้านในห้องเป็นอย่างมาก ทว่าลวี่เทากลับพึงพอใจในตัวคนด้านในมาก
หลังมื้ออาหารเลิศรส สุราชั้นดี และสาวงาม
ลวี่เทามองความงดงามในอ้อมแขน แม้ว่านางจะอายุมากแล้ว แต่ผู้หญิงคนนี้ได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้นกน้อยตัวนี้กำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา และปากเล็ก ๆ ของนางที่เอาแต่เรียกลวี่หลางนั้นหอมหวานปานน้ำผึ้งที่หลอมละลายหัวใจของลวี่เทา
“ลวี่หลาง นานมากแล้วที่ท่านไม่มาหาข้า ข้าอยู่ที่นี่คนเดียว ไม่รู้หรือว่าข้าคิดถึงท่านมากแค่ไหน” ตั้งแต่ลวี่เทาถูกใจนางในโรงศาล ว่านซื่อก็ตกเป็นของลวี่เทา
ลวี่เทาชอบความอ่อนโยนของว่านซื่อ และเมื่อได้เห็นใบหน้าที่น่ารักของนางยามมองมา ลวี่เทาก็รู้สึกว่าหลังจากใช้ชีวิตมาหลายสิบปี ในที่สุดเขาก็ได้พบกับว่านซื่อผู้เป็นหญิงที่น่าพึงพอใจคนนี้
ดังนั้นบ้านแห่งนี้จึงซ่อนความงามไว้ เขาพาว่านซื่อมาอยู่ในตรอกเปลี่ยว ๆ แห่งนี้ และมาที่นี่เป็นครั้งคราวเพื่อสร้างความอบอุ่น ถือได้ว่าเป็นการมีครอบครัว
ว่านซื่อคนนี้เป็นคนรู้ความและไม่เคยไปที่ศาลาว่าการเพื่อตามหาลวี่เทา ซึ่งทำให้ลวี่เทารู้สึกว่าเขาได้พบกับคนที่ไว้ใจได้จริง ๆ ดังนั้นเขาจึงชอบพูดคุยกับว่านซื่อในทุก ๆ เรื่อง
ลวี่เทาได้ยินว่านซื่อตำหนิว่าตนเองไม่มานาง ก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญแต่อย่างใด เขากระชับอ้อมกอดแน่นยิ่งขึ้น จูบปากว่านซื่อแผ่วเบา แล้วถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าอยากจะมาบ่อยกว่านี้ แต่มีหลายสิ่งหลายอย่างในศาลาว่าการที่ข้าต้องจัดการและไม่สามารถปลีกตัวมาได้ หากข้าว่าง ข้าก็จะมาที่นี่ทันที”
ขณะที่พูด มืออีกข้างก็ไม่ได้อยู่สุข เอื้อมมาจับเนินอกอวบอิ่มของว่านซื่อ ไม่นานนางก็ส่งเสียงครวญครางออกมาอีกครั้ง
เมื่อได้ยินคำตอบของลวี่เทา ว่านซื่อก็ตอบรับอย่างเขินอาย “ลวี่หลาง ตราบใดที่ท่านมีข้าอยู่เต็มหัวใจ ข้าก็พอใจแล้ว ข้ามีคุณธรรมหรือมีความสามารถใดหนอถึงได้รับการคุ้มครองจากลวี่หลางผู้นี้ สวรรค์ท่านทรงเมตตาและทำให้ข้าได้พบกับท่าน มันคือโชคชะตาของข้าจริง ๆ”
หลังจากว่านซื่อพูดจบ นางก็สะอื้นไห้และร้องไห้ออกมา
ลวี่เทาเป็นลูกผู้ชาย ผู้หญิงที่เขาชอบคือผู้หญิงงดงามและบอบบาง และพึ่งพาตัวเองในทุกสิ่ง
ว่านซื่อผู้นี้รวบรวมความต้องการทั้งหมดของลวี่เทาไว้ สิ่งเดียวคือนางแก่กว่าเขาเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่านซื่อร่ำไห้ หัวใจของลวี่เทาก็รู้สึกปวดร้าว เขารีบกอดว่านซื่อและปลอบโยน “เอาล่ะ อย่าร้องไห้เลย ต่อจากนี้ไปหากข้ามีเวลา ข้าจะมาอยู่กับเจ้าทุกวันทุกคืน ให้เจ้าเห็นหน้าข้าจนเบื่อเลย ตกลงหรือไม่?”
ว่านซื่อหัวเราะพลางโอบแขนรอบคอของลวี่เทาและพูดว่า “ลวี่หลาง ข้าไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิท่าน ถ้าท่านไม่ว่าง ข้าก็จะรอท่านที่นี่ ไม่ว่าท่านจะมาเมื่อไร ข้าก็จะรอท่าน ข้าจะอยู่กับท่านไปตลอดชีวิต”
ความอ่อนโยนของว่านซื่อเหมือนสายน้ำที่ลวี่เทาไม่สามารถต้านทานได้ เขากอดว่านซื่อแน่นและพูดอย่างรักใคร่ “การมีเจ้าในฐานะคนสนิท ในชีวิตนี้หากจะต้องตาย ข้าก็ไม่เสียใจ”
หากจะบอกว่าลวี่เทาเป็นคนลุ่มหลงในอำนาจ หลายปีมากนี้เขายังคงเป็นเพียงขุนนางระดับแปด ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้วิธีใช้อำนาจจากตำแหน่งนี้ เพียงแต่ผลประโยชน์ของขุนนางระดับแปดนั้นมีน้อย และผู้คนไม่แม้แต่จะสนใจมัน
และนอกจากพี่เขยที่เป็นขุนนางระดับห้าแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดสามารถอยู่เหนือเขาได้ พี่เขยของเขาอยากไต่เต้าขึ้นไปไม่หยุด หากแต่ใครเล่าจะสนใจเจ้า
ไม่สามารถเลื่อนตำแหน่งได้ และชีวิตของข้าก็ยุ่งเหยิง
เฮ้อ…
เมื่อนึกถึงภรรยาของตนเอง ลวี่เทาถอนหายใจสักพักและคิดถึงคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา จึงอดไม่ได้ที่จะชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
เมื่อสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของลวี่เทา ว่านซื่อก็ยิ้มอย่างพึงพอใจโดยที่ลวี่เทามองไม่เห็น ดูเหมือนว่าจะมีความโลภอย่างรุนแรงในดวงตาของนาง
“ลวี่หลาง” น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความรักและเสน่หา ลวี่เทาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขากอดว่านซื่อและกดนางไว้ใต้อาณัติ พวกเขาทั้งสองเริ่มบรรเลงเพลงรักกันอีกครั้ง
สาวรับใช้ข้างนอกปรับอารมณ์ให้คงที่แล้ว ทว่าในขณะนี้นางก็ได้ยินเสียงครวญครางดังขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวจึงกระทืบเท้าด้วยความโกรธ ชี้ไปที่ข้างในห้องและสบถด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ “นังจิ้งจอกเฒ่ากำลังยั่วยวนใต้เท้าอีกแล้ว ถุย! นังจิ้งจอกเฒ่าไร้ยางอาย ไร้ยางอาย! ไร้ยางอาย!”
สาวรับใช้เกลียดว่านซื่อผู้นี้ยิ่งนัก
อาโม่ทำได้เพียงหลับตา แสร้งเป็นหูหนวกตาบอด ซ่อนตัวอยู่หลังกิ่งไม้และหลับตาเพื่อพักจิตใจ
ไม่รู้ว่าใช้เวลานานแค่ไหน แต่เมื่อเห็นว่าพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากในห้องว่า “เหอฮวา ไปเอาอ่างน้ำร้อนมาหน่อย”
เหอฮวา… ดูเหมือนจะเป็นชื่อของสาวรับใช้คนนั้น
แน่นอนว่า สาวรับใช้ผู้นั้นยืนขึ้น มองเข้าไปข้างในและพึมพำคนเดียว “นังจิ้งจอกเฒ่ามาสั่งข้าอีกแล้ว!”
เสียงของสาวรับใช้คนนั้นแผ่วเบา คาดว่าคนข้างในคงไม่ได้ยิน แต่อาโม่ได้ยินมันอย่างชัดเจน
อาโม่กลั้นเสียงหัวเราะ และจู่ ๆ ก็เกิดความสงสัยว่าสาวรับใช้ที่ชื่อเหอฮวากับว่านซื่อมีความสัมพันธ์กันอย่างไร
เห็นได้ชัดว่าเหอฮวาผู้นี้ไม่ใช่คนที่ดื้อรั้น เพราะเมื่อมองไปที่เหอฮวา แม้ว่านางจะบ่นไปเรื่อย ๆ แต่ก็ยังวิ่งไปตักน้ำอย่างเชื่อฟัง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เหอฮวาก็นำน้ำมาวางไว้ที่ประตู “ฮูหยิน นายท่าน น้ำพร้อมแล้วเจ้าค่ะ”
“วางไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวข้าออกไปเอาเอง” ว่านซื่อตอบ เมื่อนางกำลังจะลุกขึ้น ลวี่เทาก็จับนางให้นั่งลงแล้วพูดว่า “ให้เหอฮวาเอาเข้ามาเถอะ”
เมื่อเหอฮวาที่อยู่ข้างนอกได้ยิน จึงเตรียมผลักประตูเข้าไปด้วยความตื่นเต้น
ว่านซื่อยิ้มอย่างยั่วยวนและกระซิบที่ข้างหูของลวี่เทา “ลวี่หลาง ข้าไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นเรือนร่างที่สง่างามของท่าน เรือนร่างนี้มีแต่ข้าเท่านั้นที่จะเห็นมันได้”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ลวี่เทาพลันหัวเราะออกมาเสียงดังด้วยความพึงพอใจ “ตกลง เช่นนั้นรบกวนฮูหยินด้วย”
ว่านซื่อยิ้มอย่างมีเลศนัย “ข้าจะรีบกลับมา”
เหอฮวาที่ไม่ได้รับคำสั่งให้เข้าไปข้างในทำได้เพียงยืนอยู่ที่หน้าประตู แต่หลังจากนั้นไม่นาน ประตูก็ถูกเปิดออกโดยว่านซื่อ เหอฮวาเห็นฮูหยินของนางออกมาโดยสวมเพียงชุดชนใน ผมสีดำยาวสลวยถูกรวบไว้ด้านหลัง แม้ว่านางจะอายุมากแล้ว แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่อ่อนโยน มันทำให้นางดูมีเสน่ห์จริง ๆ
ว่านซื่อหยิบอ่างล้างหน้าจากมือเหอฮวา และเมื่อเห็นใบหน้าแกงก่ำของอีกฝ่าย ว่านซื่อก็รู้สึกไม่มีความสุขมากและพูดว่า “ใต้เท้าจะกลับในไม่ช้า ที่นี่ไม่มีอะไรให้เจ้าทำแล้ว เจ้าไปเถอะ”
เหอฮวาตอบรับอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะปิดประตูลงแล้วจากไปทันที
ใบหน้าของเหอฮวาไม่ค่อยสู้ดีนัก หญิงสาวกำหมัดแน่น อาโม่อยู่ข้างหลังและเห็นแผ่นหลังที่สั่นเทาของสาวรับใช้ก็รู้ว่านางคงพยายามอย่างมากที่จะระงับความโกรธ อาโม่คิดว่านางกำลังจะตะโกนด่าออกมา แต่ใครจะคิดว่านางจะวิ่งออกไปอย่างเชื่อฟังอีกครั้ง
แต่หลังจากที่นางวิ่งออกไปไกลแล้ว อาโม่ก็ได้ยินเสียงสาปแช่งของสาวรับใช้คนนั้น “นังจิ้งจอกเฒ่า เราตกลงกันแล้วว่าจะให้ข้ารับใช้ใต้เท้า แต่เจ้ากลับโกหกและจิกหัวใช้ข้าเยี่ยงทาส!”
เป็นแบบนี้นี่เอง
หลังจากได้ยินสิ่งที่สาวรับใช้คนนี้พูด ในที่สุดอาโม่ก็เข้าใจว่าสาวรับใช้คนนี้คงจะโกรธเป็นอย่างยิ่ง แต่ทั้งสองคนยังสามารถเข้ากันได้อย่างสันติ เดิมทีเป็นเพราะว่านซื่อสัญญาว่าจะให้สาวรับใช้คนนี้คอยรับใช้ลวี่เทา และนั่นคือเหตุผลที่นางยอมอยู่รับใช้ว่านซื่ออย่างเต็มใจ