ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1250 ผู้ติดตามถูกทำร้าย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1250 ผู้ติดตามถูกทำร้าย

บทที่ 1250 ผู้ติดตามถูกทำร้าย

หลังจากด้านในห้องได้ผ่านเรื่องราวดี ๆ มา ลวี่เทาที่ล้างตัวอย่างสดชื่นและว่านซื่อผู้อ่อนโยนก็ออกมาจากด้านใน ว่านซื่อจับไปที่แขนของลวี่เทา มีน้ำเอ่อล้นในดวงตา ร่างกายของนางที่แนบติดอยู่กับลวี่เทาไม่ยอมออกห่างทำให้ลวี่เทารู้สึกภูมิใจกับมันมาก

ความต้องการของมนุษย์นี้เป็นที่พึงพอใจเป็นอย่างมาก ยังไม่ทันได้เลยช่วงเวลาเที่ยงวัน ความหดหู่ในใจของเขาก็ได้หายไป

ในขณะที่เขาเดิน แขนของเขาก็ได้โอบรัดตัวของว่านซื่อไว้ด้วยสีหน้าที่พึงพอใจ “ฮูหยิน เจ้าเป็นคนสนิทของข้า มีเจ้าอยู่ข้างกายเช่นนี้ ข้าจะต้องการอะไรอีก”

คำหวานที่ออกมาจากปากของลวี่เทาทำให้ว่านซื่อนั้นหน้าแดงอีกครั้งด้วยความเขินอาย นางจับมือลวี่เทาอีกครั้งและพิงไปที่เขาเหมือนนกตัวน้อย ๆ

เหอฮวาที่ถูกว่านซื่อเชิญออกจากห้องไป นางก็ไปอยู่ที่ด้านหลังบ้าน ส่วนว่านซื่อกับลวี่เทาก็เดินจูงมือกันที่ลานโล่งหลังบ้านราวกับว่าเป็นคู่บ่าวสาว

ว่านซื่อไปส่งลวี่เทาที่ประตูของลานบ้าน นางส่งเขาถึงตรงนี้และไม่ได้เดินไปต่อ นางยื้อลวี่เทาไว้ ใบหน้าแสดงสีหน้าไม่เต็มใจ “ลวี่หลาง ท่านกลับไปแล้วท่านก็ทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยความสบายใจเถอะ ไม่ต้องกังวล ถ้ามีโอกาสท่านก็มาที่นี่ มานั่งดื่มเหล้าสักจอก มีท่านอันเป็นที่รักของข้าอยู่ที่นี่ ข้าก็พึงพอใจแล้ว”

ลวี่เทาตอบรับ เขาดึงว่านซื่อมาฟัดด้วยความมันเขี้ยว จากนั้นก็จากไปอย่างไม่เต็มใจ

ว่านซื่อไปได้ออกจากประตูไป ประตูใหญ่นั้นเปิดช่องไว้เพียงพอให้ลวี่เทาลอดช่องว่างนั้นออกไปได้ เขาเดินจากไปโดยไม่ได้หันกลับมามอง

ประตูถูกปิดลงทันทีราวกับว่ากลัวคนนอกพบเห็นเข้า

เมื่อประตูปิดลง ใบหน้าอันอ่อนหวานของว่านซื่อก็ยังคงเต็มไปด้วยความรักและความอิ่มเอมใจ นางเดินบิดสะโพกเข้าไปในบ้านด้วยท่าท่างที่เย้ายวนมีเสน่ห์

อาโม่ต้องการที่จะติดตามลวี่เทาไป เขาจึงไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้เป็นเวลานาน เมื่อเห็นว่าลวี่เทาออกไปแล้ว เขาจึงรีบตามออกไปทันที

หลิวชิงซานที่แอบฟังอยู่ตรงหัวมุมหนึ่ง เมื่อเห็นฉากนี้เขาก็รีบย่องเข้าไป

เมื่อลวี่เทากลับมาที่ศาลาว่าการ ก็มีคนรายงานเขาว่าผู้ติดตามของเขาถูกทำร้าย

เมื่อลวี่เทาได้ยินดังนั้น เขาก็เวียนศีรษะ “พวกเจ้าดูแลผู้ติดตามอย่างไร เขาถูกทำร้ายที่ไหน”

“ในห้องคุมขัง” คนรับใช้ตอบคำถามพร้อมแสดงท่าทางกระวนกระวายใจ

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ลวี่เทาเองก็หันกลับไปมองแล้วถามด้วยความไม่เชื่อ “เจ้าว่าอะไรนะ ถูกทุบตีในห้องคุมขังหรือ พวกเจ้าตาบอดกันหรืออย่างไรถึงปล่อยให้คนเข้ามาทำร้ายถึงในห้องคุมขัง”

ในห้องคุมขังนี้ นอกจากนักโทษที่ถูกแขวนแล้ว มีเพียงคนรับใช้เท่านั้นที่อยู่ข้างใน

ลวี่เทาไม่คิดว่าคนที่ลงมือทำนั้นจะเป็นนักโทษ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าคนที่ทำร้ายผู้ติดตามน่าจะเป็นคนรับใช้ด้วยกันเอง “ใครก็ตามที่กล้าทำร้ายผู้ติดตาม ข้าจะเฆี่ยนมันหนึ่งร้อยทีและไล่ผู้นั้นออกจากศาลาว่าการ แล้วก็จะถูกขึ้นบัญชีดำ”

“ตะ… ตะ… ใต้เท้า” คนรับใช้มีสีหน้าหวาดกลัวอยากจะร้องไห้

“มีเรื่องอะไรอีก” วันนี้ลวี่เทารู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ร่ายกายของเขาเหมือนกำลังจะได้เริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ แต่เมื่อเขากลับมา เขาก็ได้ยินว่าผู้ติดตามถูกทำร้าย เขาไม่อยากที่จะพูดอะไรต่อและต้องการจะกลับไปที่ห้อง แต่เมื่อเห็นคนรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ มองมาอย่างลังเล ดูเหมือนว่าสิ่งต่าง ๆ จะไม่ใช่อย่างที่เขาคิด

เขาเหลือบตามองแล้วถามอีกครั้ง “เหตุใดไม่ฟังคำของข้า”

“นายท่าน คนที่ทำร้ายท่านผู้ติดตามไม่ใช่พวกข้า” ในที่สุด คนรับใช้ก็ฟื้นคืนสติและพูดอย่างกระวนกระวายว่า “คนที่ทำร้ายท่านผู้ติดตาม คะ… คือ…”

“คือใคร” ลวี่เทาตวาด อารมณ์ดี ๆ ของเขาต้องมาถูกคนรับใช้เหล่านี้ทำลาย

“เด็กรับใช้ที่เพิ่งถูกจับมาเมื่อเช้านี้ เขาเป็นคนทำร้ายท่านผู้ติดตามและทำให้ห้องคุมขังนั้นวุ่นวายกันไปหมด” ในที่สุดคนรับใช้ก็พูดออกมา

“ฉินเย่จือ” ลวี่เทาถามกลับ “เขาถูกมัดอยู่ไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดเขายังสามารถทำร้ายคนได้”

คนรับใช้ไม่รู้จะตอบอย่างไร “ใช่ นายท่าน พวกข้าก็คิดเหมือนกันว่าเขาถูกมัดอยู่ ท่านผู้ติดตามต้องการให้เขารับสารภาพก็เลยให้เราไปทรมานเขา แต่ใครจะรู้ แม้ว่าคนผู้นี้จะถูกมัดอยู่ แต่เราไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้เลย พวกข้าทำอะไรเขาไม่ได้เลย แม้กระทั่งท่านผู้ติดตามก็ยังได้รับบาดเจ็บเพราะถูกเขาทำร้าย”

เมื่อลวี่เทาได้ยินสิ่งนี้เขาก็ตกใจ “มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร พาข้าไปที่ห้องคุมขังเดี๋ยวนี้!”

เมื่อมาถึงห้องคุมขัง สิ่งที่เห็นก็คือที่หน้าห้องคุมขังนั้นเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่และคนรับใช้ พวกเขายืนอยู่ห่าง ๆ โดยที่ถือสิ่งของในมือและเฝ้าห้องคุมขังเอาไว้อย่างระแวดระวังแต่ไม่กล้าเข้าไป แต่ผู้ที่เป็นคนลงมือคือผู้ที่ถูกมัดมืออยู่ในห้องคุมขังนั่น แล้วท่าทางที่ไร้ประโยชน์นั้นมันคืออะไร

มีคนจำนวนมาก แต่พวกเขาไม่สามารถเอาชนะนักโทษที่ถูกมัดมือได้ ถ้าเรื่องนี้เล็ดลอดออกไปว่าคนของศาลาว่าการนี้ไม่สามารถเอาชนะนักโทษเพียงคนเดียวได้ คนอื่นจะมองศาลาว่าการนี้ว่าอย่างไร

เกรงว่าคนอื่นจะว่าเอาได้ว่า เจ้าหน้าที่ในศาลาว่าการนั้นเป็นบุคคลไร้ซึ่งความสามารถ

เมื่อเห็นดังนั้น ลวี่เทาจึงชี้ไปที่กลุ่มคนเหล่านั้นด้วยความโกรธและตะโกนว่า “พวกเจ้ามันงี่เง่า นักโทษที่ถูกคุมขังคนเดียวยังจัดการไม่ได้ พวกเจ้านี่มันงี่เง่าไร้ประโยชน์จริง ๆ”

เสียงของลวี่เทานั้นดังเข้าไปถึงหูของฉินเย่จือ ฉินเย่จือหลับตาและพักผ่อนจิตใจของเขา เมื่อได้ยินเสียงตวาดของลวี่เทา เขาก็อดไม่ได้ที่จะเย้ยหยัน

เสี่ยวเหลียงจื่อตื่นเต้นมากจนนอนไม่หลับตลอดทั้งบ่าย เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เสี่ยวเหลียงจื่อก็เหมือนกับว่าอยู่ในความฝัน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเคารพและศรัทธาในตัวของฉินเย่จือ

เสี่ยวเหลียงจื่อไม่เพียงชื่นชมฉินเย่จือในขณะที่เขาหลับตา แต่เขาชื่นชมในตัวของฉินเย่จือจริง ๆ

หลังจากที่ลวี่เทาไปแล้ว ผู้ติดตามเซี่ยงก็มาที่ห้องคุมขัง เมื่อครู่ที่ลวี่เทามาที่นี่ ผู้ติดตามเซี่ยงก็ไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้ลวี่เทาออกไปแล้ว ในศาลาว่าการนี้ก็เหลือแต่เขาแล้วที่เป็นผู้ตัดสินใจ

ผู้ติดตามเซี่ยงรีบไปที่ห้องคุมขัง เมื่อฉินเย่จือเห็นเขาเดินเข้ามา ฉินเย่จือก็ไม่ได้สนใจเขาและหลับตาลงอีกครั้ง

ใครจะรู้ว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ผู้ติดตามเซี่ยงเกิดความไม่ชอบใจ

“ฉินเย่จือ คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเจ้าเองก็จะมีวันนี้” ผู้ติดตามเซี่ยงพูดอย่างเย็นชาราวกับว่าคุ้นเคยกับฉินเย่จือผู้นี้มาก

ฉินเย่จือไม่สนใจเขา และยังคงหลับตาพักผ่อนอยู่อย่างนั้น

ผู้ติดตามเซี่ยงทั้งโกรธและกระวนกระวายใจ เขาเดินไปรอบ ๆ ฉินเย่จือหลายครั้ง ก่อนที่เขาจะพูดด้วยลักษณะท่าทางแปลก ๆ “ฉินเย่จือ เจ้ากับกู้เสี่ยวหวานมีความสัมพันธ์กันแบบใดหรือ เจ้าถึงได้อยากจะปกป้องนางเช่นนี้”

ทันใดนั้น ฉินเย่จือก็ลืมตาขึ้น สายตาของเขาจ้องมองผู้ติดตามเซี่ยงที่อยู่หน้าเขา รัศมีรอบตัวของฉินเย่จือทวีความแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ

รัศมีอันท่วมท้นนี้ ทำให้หัวใจของผู้ติดตามเซี่ยงเต้นไม่เป็นจังหวะ

เขาไม่เคยเห็นรัศมีที่ทรงพลังเช่นนี้มาก่อน ความดุร้ายในดวงตาของฉินเย่จือนั้นทำให้หัวใจของเขายิ่งเต้นเร็วขึ้น

เขาทั้งสับสนและตกใจกลัว แต่เขามาที่นี่เพื่อที่จะเอาเรื่องฉินเย่จือ เขาจะเสียหน้าต่อหน้าคนผู้นี้ได้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อซ่อนความตื่นตระหนกภายในใจของเขาพร้อมกับตะโกนเสียงดัง “เจ้ากล้าดีอย่างไรที่มองหน้าข้าแบบนั้น”

ผู้ติดตามเซี่ยงยกมือขวาขึ้นมา ดวงตาของผู้ติดตามเซี่ยงเริ่มแสดงความดุร้าย เขาอยากที่จะตบหน้าฉินเย่จือผู้นี้เสียจริง

เสี่ยวเหลียงจื่อที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามก็ตะโกนอย่างกระวนกระวาย “พี่ใหญ่ฉิน ระวังตัวด้วย”

“เอาเลยสิ!” จู่ ๆ ฉินเย่จือก็เปิดปากของเขาและตะโกนเสียงดังภายในห้องคุมขังแห่งนี้ มันเหมือนคำสั่งจากฟากฟ้า มือของผู้ติดตามเซี่ยงสั่นเทาทันที และมันก็หยุดอยู่กลางอากาศ

มือของเขาอยู่ห่างจากใบหน้าของฉินเย่จือเล็กน้อย ลมจากฝ่ามือทำให้เส้นผมบนหน้าผากของเขาปลิวไสวเล็กน้อย

แต่ทว่าฝ่ามือมันหยุดลงกลางอากาศ

เขามองฉินเย่จือด้วยความหวาดกลัว เสียงที่น่าเกรงขามของฉินเย่จือในตอนนี้เหมือนเสียงอันทรงพลังของคนที่เป็นผู้บังคับบัญชา เขาพลันตกใจและชะงักมือทันที

ผู้ติดตามเซี่ยงนิ่งไปช่วงขณะหนึ่ง เขาหยุดความคิดที่จะตบหน้าไว้เพียงแค่นั้น และมองไปที่ฉินเย่จือด้วยความประหลาดใจ

มือทั้งสองของฉินเย่จือนั้นถูกมัดและแขวนไว้ แต่การกระทำดังกล่าวไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้าน ไม่มีอะไรส่งผลกระทบต่อเขาเลย

เขายังคงเป็นชายผู้หล่อเหลาราวกับเทพเจ้า แม้ว่าจะตกอยู่ในที่นั่งลำบาก แต่เขาก็ยังดูสูงส่ง ประเมินเขาต่ำไปไม่ได้จริง ๆ

ฉินเย่จือมีดวงตาที่ดุร้ายและเฉียบคม เขาจ้องมองไปที่ผู้ติดตามเซี่ยงนิ่ง ๆ

คนรับใช้รอบ ๆ เห็นผู้ติดตามเซี่ยงหยุดมืออยู่กลางอากาศ นิ่งเฉยราวกับว่าถูกใครบางคนรั้งมือนั้นไว้ พวกเขาเองก็อยากรู้อยากเห็นและอ้าปากค้าง “ท่านผู้ติดตาม ท่านผู้ติดตามเซี่ยง”

มีคนเข้าไปผลักเขาให้รู้สึกตัวเล็กน้อย เขาจึงตอบสนอง

ในขณะที่ฉินเย่จือมีท่าทีที่ดูสบาย ๆ และไม่แยแส ด้วยท่าทางของเขาตอนนี้ ทำให้ท่านผู้ติดตามเซี่ยงรู้สึกหวาดกลัว

เขาไม่เคยเห็นใครที่มีรัศมีดุร้ายเช่นนี้มาก่อน ร่างกายของพวกเขาเย็นวาบราวกับว่ามีปีศาจจากนรกคอยจ้องมาที่พวกเขา

ผู้ติดตามเซี่ยงกลัวฉินเย่จือมากเสียจนสูญเสียสติของเขาไป เมื่อเขากลับมารู้สึกตัว เขาก็รู้สึกเสียหน้าต่อหน้าคนเหล่านี้ จึงแสดงท่าทีขึงขังด้วยความโกรธ “ไร้เหตุผลสิ้นดี เจ้ากล้าดีอย่างไร เจ้าคิดจะทำให้ข้ากลัวหรือ ให้คนเข้ามาจับเขาไปใส่เครื่องทรมาน ถ้าเขาไม่สารภาพ ข้าจะเฆี่ยนตีเขาอย่างแรง”

มีคนตอบรับคำสั่ง เขาเอาแส้ไปชุบน้ำเกลือแล้วฟาดออกไป เมื่อเสี่ยวเหลียงจื่อเห็นแส้ เขาก็ตัวสั่นด้วยความกลัวเพราะเคยถูกทรมานด้วยแส้หนังอันนี้

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท