“พี่ใหญ่ พวเราจำเป็นต้อนแจ้งท่านพ่อเรื่องนี้หรือไม่?”ในเวลานี้กั่วฉื่อหยวนก็ได้ถามคำถามออกมา
พอได้ยินคำถามนี้ กั่วฉื่อเหวินก็หัวเราะออกมาแทน “ข้าพูดให้ฟังละกัน น้องสอง เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยหรือ? มันจำเป็นต้องรบกวนด้วยเรื่องขี้ปะติ๋วขนาดนี้ด้วยหรือ? ท่านพ่อกำลังอยู่หารือ กับท่านหวงคุณนายหวงและคนอื่นๆ”
“ใช่แล้ว”กั่วเสี่ยวฉิงก็ตรอกย้ำกับการตัดสินใจของพี่ใหญ่ของเธอ”พี่สอง ในความคิดของข้า เจ้าจะหวาดกลัวเกินไปแล้ว ด้วยสถานะของตระกูลกั่วเราในตอนนี้ มีใครที่เราจำเป็นต้องหวาดกลัวด้วย? แม้คนๆนั้นจะเป็นต้วนหวูเหิน เขาก็จะต้องไว้หน้าตระกูลกู่วเรา!”
กั่วฉื่อหยวนก็ไม่ได้เปิดปากพูดอะไรอีก
ดังนั้น พวกเขาทั้ง 3 คนจึงได้เดินทางออกจากคฤหาสน์ตระกุลกั่วไปอย่างยิ่งใหญ่ โดยนำทีมผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 100 คนติดตามไปด้วยซึ่งพวกเขาได้มุ่งหน้าไปที่ถนนแม่น้ำรุ่งอรุณ เมืองจักรพรรดิทั้งเมืองถูกปิดตาย และประชาชนหลายคนต่างรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่หนักอึ้งราวกับพายุมรสุมกำลังเข้ามา
ในเวลานั้น หวงเสี่ยวหลงกำลังยืนอยู่ในจุดเดิม ถนนเส้นเดิม ถึงเขานั้นกำลังพูดคุยกับชายหนุ่มอย่างมีความสุข
เมื่อเขาจ้องมองแผ่นหลังของหวงเสี่ยวหลงอย่าง เกาหยงก็รู้สึกกังวลราวกับมีหมดนับล้านกัดตัวเขา ที่สุดเส้นถนน กั่วฉื่อเหวิน กั่วฉื่อหยวน และกั่วเสี่ยวฉิงก็กำลังวิ่งพุ่งมาทางพวกเขา
หัวใจของเกาหยงก็หล่นตุบไปอยู่ตาตุ่มราวกับหล่นลงเหว
พอสังเกตเห็นสีหน้าของเกาหยง หวงเสี่ยวหลงก็รู้ว่าด้านหลังเขานั้น ตระกูลกั่วได้มาถึงแล้ว แต่เขากำลังแสดงท่าทานไม่แยแส อีกด้านเถี่ยเสี่ยวและผู้คุ้มกันตระกูลเสี่ยวก็ดวงตาเป็นประกายเมื่อพวกเขาเห็นกลุ่มของกั่วฉื่อเหวินเดินมาทางพวกเขาพร้อมกับมีทีมผู้เชี่ยวชาญ
อย่างไรก็ตาม เมื่อกั่วฉื่อเหวินและกั่วฉื่อหยวนมองเห็นแผ่นหลังของหวงเสี่ยวหลง ทั้งสองคนก็ตัวแข็งทื่อ
“นี่มัน…?!”กั่วฉื่อเหวินและกั่วฉื่อหยวนก็มองกันและกัน การแสดงบนใบหน้าของพวกเขานั้นเหมือนกันราวกับกระจกสะท้อนซึ่งมีความไม่สบายใจและความหวาดกลัว แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เห็นใบหน้าของคนๆนั้น แล้วพวกเขาจะลืมร่างเงาของหวงเสี่ยวหลงไปได้อย่างไร?
ความโกรธของกั่วเสี่ยวฉิงก็ปะทุมาแต่ไกลเมื่อเห็นสภาพบาดเจ็บของลูกชายเธอ “ใครทำร้ายเสี่ยวเอ๋อของข้า!? ข้าจะเลาะกระดูกมันผั้น้นทีละชิ้นเลยคอยดู!”
เมื่อคำพูดพวกนี้เข้าหูกั่วฉื่อเหวินและกั่วฉื่อหยวน ใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวราวกับผี
“ท่านแม่!”ภายใต้ความช่วยเหลือของผู้คุ้มกันตระกูลเถี่ย เถี่ยเสี่ยวก็ทำการทักทายแม่ของเขา กั่วเสี่ยวฉิง และจากนั้นเขาก็เดินมาอยู่ข้างเธอ “เป็นมัน เป็นฝีมือไอ้สารเลวนี่! ท่านแม่ หลังจากจับมันแล้ว ข้าอยากจะเลาะกระดูกมันด้วยมือของข้าเอง!”
กั่วเสี่ยวฉิงก็มองหวงเสี่ยวหลงด้วยความดูถูกและเย้ยหยัน “ไม่ต้องกังวลไป มันไม่มีทางหนีแน่นอน!”เธอก็ใช้ดวงตาส่งสัญให้ผู้คุ้มกันที่เดินทางตามมาด้วยกัน แต่ในขณะที่ผู้คุ้มกันคนนั้นกำลังจะเคลื่อนไหว ในที่สุดกั่วฉื่อเหวินและกั่วฉื่อหยวนก็ตื่นจากภวังค์
“หยุดเดี๋ยวนี้!”ทั้งสองคนก็ตะคอกออกมาพร้อมเพรียง คำสั่งที่พวกเขาจู่ๆสั่งขึ้นมานั้นทำให้ทุกคนต่างมึนงงไปชั่วขณะและหันไปหาพวกเขา
แต่ก่อนที่เถี่ยเสี่ยว กั่วเสี่ยวฉิง เกาหยงและฝูงชนจะมึนงงนั้น กั่วฉื่อเหวินและกั่วฉื่อยหวนได้เดินเข้าไปหาหวงเสี่ยวหลงราวกับเด็กที่หวาดกลัว ซึ่งใบหน้าพวกเขานั้นเต็มไปความสำนึกผิด “นายน้อยหวง!”
นายน้อยหวง! ท่าทางของกั่วฉื่อเหวินและกั่วฉื่อหยวนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ความกังวลใจ และความเคารพอย่างถึงที่สุด ซึ่งทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง
แม้กระทั่งเถี่ยเสี่ยว ดวงตาของนั้นเบิกกว้างเหมือนกับดวงตาของแม่เขาที่อยู่ข้างๆและรวมไปถึงเกาหยงที่ยืนอยู่ตรงหน้าหวงเสี่ยวหลงด้วย
สายตาของเกาหยงก็มองลงไปบนร่างหวงเสี่ยวหลง การถูกเรียกว่านายน้อยหวงอย่างเคารพโดยกั่วฉื้เหวินและกั่วฉื่อหยวนได้นั้น มีเพียง…..
มีเพียง…?!
หวงเสี่ยวหลง!
เขาคือหวงเสี่ยวหลง! ความคิดนี่ก็ได้ปะทุขึ้นในจิตใจของเกาหยงและทำให้หายใจเร็วขึ้น เขารู้สึกปวดหัวที่หวงเสี่ยวหลงนั้นกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา! สวรรค์! นี่เขาสพูดคุยกับหวงเสี่ยวหลงจริงๆหรอเนี่ย?! เดี๋ยวๆ เมื่อกี้หวงเสี่ยวหลงเรียกเขาว่าอะไรนะ น้องชายงั้นหรอ?! ใช่ ‘น้องชาย’ หวงเสี่ยวหลงแม้กระทั่งชวยเขาไปดื่มไวน์ด้วย?! ตอนนี้เกาหยงก็ไม่สามารถบอกได้แล้วว่าอันใหนทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตกกันแน่
เกาหยงก็คาดเดาตัวตนหวงเสี่ยวหลงจากการทักทายของกั่วฉื่อเหวินและกั่วฉื่อหยวนและนั่นทำให้เถี่ยเสี่ยว กั่วเสี่ยวฉิง และผู้คุ้มกันที่เหลือที่ตามมาด้วยกันก็คาดเดาได้เหมือนกัน
ทันทีแขนขาทั้งสี่ของเถี่ยเสี่ยวก็เริ่มสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ และขาของผู้คุ้มกันของตระกูลเถียต่างก็สั่นไหวราวกับโดนแผ่นดินไหวระดับ 13
ใบหน้าที่งดงามของกั่วเสี่ยวฉิงก็ไร้สีสันขึ้นมาทันที
เมื่อกี้เธอบอกหวงเสี่ยวหลงว่าอะไรกันนะ? เลาะกระดูทีละชิ้นจากร่างของเขางั้นหรอ?
ในที่สุด หวงเสี่ยวหลงก็หันหน้ามามองกั่วฉื่อเหวินและกั่วฉื่อหยวนที่หวาดกลัวก่อนที่ก็มองไปที่เถี่ยเสี่ยวที่สั่นไหวและกั่วเสี่ยวฉิงที่ซีดเซียว
“ประมุขกั่ว”หวงเสี่ยวหลงก็ ‘ทักทาย’ อย่างเมินเฉย
พอได้ยินคำพูดนั่น กั่วฉื่อเหวินก็ยืนอย่างเอาอกเอาใจ “เชิญขอรับ นายน้อยหวง!”
เชิญขอรับ นายน้อยหวง!
การตอบสนองของกั่วฉื่อเหวินต่อหน้าหวงเสี่ยวหลงนั้นทำให้ฝูงชนต่างแสดงท่าทางออกมาอย่างแปลกๆ เขาทำตัวราวกับทาสที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
หวงเสี่ยวหลกง็ใช้สายตามองตรวจไปที่ผู้เชี่ยวชาญหลายร้อยคนที่ยืนอยู่ด้านหลังกั่วฉื่อเหวิน จากนั้นเขาก็ส่งเสียงออกมาอย่างไม่แยแส “ประมุขกั่วเจ้าพาคนมากมายมาเพื่อที่เจ้าจะได้เลาะกระดูกข้าที่ละชิ้นงั้นหรือ?”
เม็ดเหงื่อก็ผุดออกมาจากหน้าผากและใบหน้าของกั่วฉื่อเหวินในขณะที่เขารับฟังคำถามนี้ เขาจึงรีบปฏิเสธไป “นายน้อยหวง มันเป็นการเข้าใจผิด เข้าใจผิดแล้วขอรับ พวกเราไม่รู้ว่าเป็นท่านเลยจริง!” ถ้าหากเขารู้ก่อนหล่ะก็ ต่อให้เขามีหลายพันชีวิต เขาก็ยังไม่กล้าจะทำแบบนั้นอยู่ดี อ่า! ณตอนนี้ กั่วฉื่อเหวินก็หวังได้เพียงตายลงอย่างสงบ!
“เถี่ยเสี่ยว ทำไมเจ้าถุงไม่คุกเข่าขออภัยนายน้อยหวงหล่ะ?!” ทันที กั่วฉื่อหยวนก็หันหน้าไปตบใส่เถี่ยเสี่ยวอย่างโกรธเกรี้ยว
อย่างไรก็ตาม เถี่ยเสี่ยวก็ได้เดินปาหวงเสี่ยวหลงด้วยแข้งขาสั่นสะท้าน จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงแล้วตะโกนออกมาอย่างหวาดกลัว นายน้อยหวง ข้า ข้าน้อยไม่รู้ว่าเป็นท่าน ท่านผู้อาวุโส! ได้โปรดเมตตา !”
ท่านผู้อาวุโส!
พอมองเห็นเถี่ยเสี่ยวที่ซุ่มซ่ามไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเนื่องจากหวาดกลัวเกินไป หวงเสี่ยวหลงก็ขมวดคิ้ว พอสังเกตเห็นคิ้วของหวงเสี่ยวหลลงที่ขมวดขึ้นเล็กน้อย กั่วฉื่อหยวนหัวใจเต้นฉับพลัน และมันเป็นเวลาเดียวกันที่ร่างหลายร่างได้พุ่งเข้ามาราวกับสายลม ในชั่วพริบตาพวกเขาก็ได้เข้ามาถึงที่เกิดเหตุ
“ท่านบรรพบุรุษ!”
“ผู้อาวุโสจ้าว ผู้อาวุโสจาง!”
ร่างหลายร่างนั้นก็คือผู้อาวุโสตระกูลกั่ว กั่วเฉิน รวมไปถึงจ้าวชู และจางฟู
กั่วฉื่อเหวิน กั่วฉื่อหยวน และสมาชิกตระกุลกั่วต่างรู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อยเมื่อเห็นการมาถึงของกั่วเฉิน
“นายน้อย!” จ้าวชูและจางฟูไดก้เดินเข้ามาหวงเสี่ยวหลงและทักทายอย่างเคารพ
หวงเสี่ยวหลงจึงได้พยักหน้ากลับไป
“ท่านพ่อ!”กั่วฉื่อเหวิน กั่วฉื่อหยวน และกั่วเสี่ยวฉิงก็รีบไปอยู่ข้างกั่วเฉิน แต่ก่อนที่พวกเขาจะพูดออกมา กั่วเฉินก็ตะคอกออกไป “พวกเจ้าทั้ง 3 คุกเข่าซะ!”ทั้งสามต่างก็เหงื่อตกกับคำสั่งของกั่วเฉิน แต่ทั้งสามคนก็คุกเข่าอย่างโดยดี
พอไม่สนใจลูกๆของตัวเอง กั่วเฉินก้ได้เดินมาด้านข้างหวงเสี่ยวหลงและยิ้มขึ้น “นายน้อยหวง ข้าได้ยินถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว โปรดวางใจข้าจะลงโทษพวกมันและให้คำอธิบายที่น่าพึงพอใจเอง” เขาได้แสดงตัวออกมาด้วยท่าทางที่ตำต้อยและเคารพยกย่อง
หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัว “อีกวันจะเป็นงานแต่งขจองน้องสาวข้า ข้าจะลืมเรื่องนี้ไว้ตรงนี้ อย่างไรก็ตาม ข้าไม่หวังจะเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกในอนาคต!”
เนื่องจากกั่วเฉินได้พูดออกมา หวงเสี่ยวหลงก็เลยไว้หน้าเขาสักหน่อย เขาไม่ต้องการให้เรื่องใหญ่โตในเมื่อน้องสาวของเขาจะแต่งงานเข้าไปอยู่ในตระกูลกั่ว
“ได้ขอรับ นายน้อยหวง! โปรดวางใจเรื่องแบบนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแน่นอน”กั่วเฉินก็ถอนหายใจอย่างโล่งออกในขณะที่เขาพูดยืนยันแก่หวงเสี่ยวหลง
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า เขาก็หันหน้าเดินไปอยู่ข้างๆเกาหยาง “พวกเราไปดื่มกันหน่อยใหม?”