ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1253 พึ่งพาอาศัย + ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1254 เหลยต้าเซิ่งคิดจะหนี

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1253 พึ่งพาอาศัย

บทที่ 1253 พึ่งพาอาศัย

หลิวชิงซานเดินตามติดนางไม่ห่าง

ในใจของเหอฮวากำลังเกิดความสับสน นางเดินไปตามถนนอย่างเหม่อลอย จึงไม่ได้สนใจหลิวชิงซานที่กำลังเดินตามมา

กระทั่งความประมาทเลินเล่อของนางได้เปิดโอกาสให้หลิวชิงซานก้าวไปดักหน้านางไว้ ก่อนจะลากนางเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ ที่ไร้ผู้คน

เหอฮวาหวาดกลัวแทบหมดสติ นางอยากตะโกนดัง ๆ ทว่านางเป็นเพียงสตรีตัวคนเดียว จะเอาแรงที่ไหนไปสู้กับหลิวชิงซานได้

แม้ว่าหลิวชิงซานผู้นี้จะเป็นเพียงบุรุษผอมแห้งแรงน้อย แต่อย่างไรเสียพละกำลังทางกายของบุรุษก็ยังมีมากกว่าสตรีอยู่ดี เขาถึงได้ลากนางมายังที่เปลี่ยวด้วยเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้อย่างไรล่ะ

บัดนี้เหอฮวาถูกหลิวชิงซานลากตัวจากทางด้านหลัง เขาใช้มืออีกข้างหนึ่งปิดปากนางไว้แน่น หอฮวาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นางพยายามหันกลับไปมองว่าคนด้านหลังคือผู้ใด สองมือของนางกำแน่น อยากหลุดพ้นจากพันธนาการเต็มทน ด้านหลิวชิงซานจึงจับสองมือของนางไพล่หลังไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว มืออีกข้างยังคงปิดปากนางไว้แน่นเพื่อไม่ให้นางส่งเสียง ตอนนี้จึงได้ยินเพียงเสียงร้องอู้อี้จากเหอฮวาเท่านั้น

ดูเหมือนว่านางจะกลัวจนถึงขีดสุดแล้ว

ต่อมา หลิวชิงซานลากนางมายังที่แห่งหนึ่งซึ่งเปล่าเปลี่ยวไร้ผู้คน หยิบมีดพกออกมาจากแขนเสื้อ แล้วกดตัวเหอฮวาเข้ากับผนัง จ่อปลายมีดไปที่คอนาง พลางพูดอย่างโหดเหี้ยม “หากเจ้าคิดจะกรีดร้อง ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย”

เหอฮวาตกใจมากจนนางพูดสิ่งใดไม่ออก ดวงตาฉายแววหวาดกลัว หลิวชิงซานปิดปากนางไว้ นางจึงทำได้เพียงพยักหน้าอย่างรีบร้อนลนลาน ด้วยกลัวว่าหลิวชิงซานจะตัดสินใจสังหารนางเสียก่อน หากไม่เห็นว่านางพยักหน้าตกลง

ตรอกแห่งนี้อยู่ลึกมาก บริเวณรอบ ๆ ก็ไม่มีบ้านเรือนหรือผู้คน ในวันธรรมดาจึงไม่มีผู้ใดเดินทางผ่านไปผ่านมาแม้แต่คนเดียว หลิวชิงซานเห็นว่านางพยักหน้าตอบรับอย่างเชื่อฟัง ก็ปล่อยมือที่ปิดปากนางออก แต่มีดยังคงจ่ออยู่ที่คอไม่ห่าง เพราะดูเหมือนนางยังสัมผัสได้ถึงความเย็นที่มาจากปลายมีดอยู่ราง ๆ “เจ้าเป็นสาวรับใช้ของลวี่เทาใช่หรือไม่?”

เหอฮวาได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของนางก็เบิกกว้างยิ่งขึ้น สีหน้าหวาดระแวงขึ้นมาทันใด “จะ… เจ้ารู้ได้อย่างไร”

หลิวชิงซานใช้มือข้างที่ว่างจับแก้มสีเลือดฝาดของเหอฮวา ยกยิ้มมีเลศนัย แล้วพูดอย่างเห็นอกเห็นใจ “ข้าย่อมรู้อยู่แล้ว เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวน่าตาสะสวยเช่นเจ้า ลวี่เทาจะไม่ชายตาแล แต่หญิงแก่วัยกลางคนผู้นั้นกลับได้รับความโปรดปรานจากลวี่เทานักหนา หากข้าเป็นเขา ข้าย่อมต้องเลือกเจ้าที่มองอย่างไรก็งามกว่านังจิ้งจอกเฒ่าผู้นั้นเป็นแน่ สิ่งใดทำให้ลวี่เทาไม่เลือกเจ้ากันนะ”

เหอฮวาไม่คาดคิดว่าคนที่ลักพาตัวนางมาจะรู้สึกเห็นใจนาง ใจนางถึงกับวูบไหวไปครู่หนึ่ง ความกลัวในใจของนางทุเลาลงเล็กน้อย จึงเริ่มเล่าให้อีกฝ่ายฟังอย่างโกรธแค้นว่า “ข้ารับใช้นังจิ้งจอกเฒ่าผู้นั้นมาตั้งแต่อายุสิบสาม จนบัดนี้ผ่านมาเกือบแปดปีแล้ว สามีคนแรกของนางเสียชีวิต ต่อมานางก็ได้พบใต้เท้า ไม่รู้ว่านางล่อลวงใต้เท้าด้วยวิธีใด ถึงได้พานังจิ้งจอกเฒ่าออกหน้าออกตา ทั้งยังเลี้ยงดูลูกของนางกับอดีตสามีอย่างดี ใต้เท้าจิตใจดีมีเมตตา รักใคร่ลึกซึ้งเช่นนี้ ไม่มีผู้ใดไม่ชื่นชม ในใจลึก ๆ ของข้าก็หวังจะได้รับสิ่งดี ๆ เช่นนั้นบ้าง แต่นังจิ้งจอกเฒ่ากลับเอาแต่บอกว่ารอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมก่อน นางจะฝากฝังข้ากับใต้เท้าเอง หลายปีผ่านไป ข้าแทบจะไม่ได้เห็นหน้าใต้เท้าด้วยซ้ำ ฮือ ๆ”

พอเล่าจบ เหอฮวาก็ร้องไห้เสียใจจนเกินพอดี ซึ่งมันดูผิดปกติยิ่งนัก ด้านหลิวชิงซานในเวลานี้ก็ได้เข้าใจทุกสิ่งแล้ว

อย่างไรก็ตาม เขายังไม่อยากปักใจเชื่อ “ลวี่เทาผู้นี้ไม่ใช่คนเมืองหลิวเจีย เช่นนั้นเขาอาจมีภรรยาและลูกอยู่แล้ว”

“เหตุใดจะไม่มีล่ะ” เหอฮวาพูดอย่างโกรธเคือง “เพียงแค่พวกเขาอยู่ในเมืองหลวงที่ห่างไกลจากที่นี่ แต่ไหนแต่ไรมา พวกเขาไม่เคยเหลียวแลใต้เท้าเลย ข้าไม่รู้ว่าหญิงผู้นั้นจิตใจทำด้วยสิ่งใด มีสามีที่ดีเช่นนี้ แต่นางกลับไม่ต้องการ”

ความรู้สึกบอกว่าลวี่เทามีครอบครัวอยู่ที่เมืองหลวง แต่เขาไม่ได้พามาที่นี่ด้วย เป็นเหตุให้ลวี่เทาแอบเลี้ยงดูนังจิ้งจอกเฒ่าไว้ที่เมืองหลิวเจียอย่างไรเล่า

ครุ่นคิดถึงตรงนี้ หลิวชิงซานพลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นไปอีก

แม้ว่าชื่อเสียงของลวี่เทาในเมืองหลิวเจียจะไม่ค่อยดีเท่าไร แต่โชคดีที่เขายังพอมีชื่อเสียงว่าเป็นคนเที่ยงธรรม

ถึงได้มีข่าวลือว่าหลายตระกูลในเมืองหลิวเจียแอบส่งสาวงามไปให้ลวี่เทา หวังประจบประแจงเขาเต็มที่ แต่ลวี่เทากลับปฏิเสธสาวงามทั้งหลาย ไม่คิดจะเก็บไว้แม้แต่คนเดียว

เดิมทีก็คิดว่าคนผู้นี้เป็นคนดี ทว่าสิ่งที่เขาได้เห็นเมื่อวานนี้มันช่าง…

ยามที่เขาอยู่บนเตียง ร่างกายเปลือยเปล่าขยับไปมาด้วยท่าทางทรงเสน่ห์เกินบรรยาย

หลิวชิงซานลอบยิ้มอย่างมีเลศนัย “นี่แม่นาง หากเจ้าเต็มใจช่วยข้า ข้าก็จะช่วยเจ้าเช่นกัน ปีนขึ้นเตียงใต้เท้าลวี่ เจ้าคิดว่าอย่างไร”

ปีนขึ้นเตียงใต้เท้าลวี่!?

ทันทีที่เหอฮวาได้ยินข้อเสนอจากอีกฝ่าย นางลืมเรื่องที่ถูกหลิวชิงซานลักพาตัวมาจนหมดสิ้น แสดงสีหน้าตื่นเต้นดีใจอย่างปิดไม่มิด “เจ้าพูดสิ่งใด เจ้าพูดจริงหรือไม่!”

“จริงแท้แน่นอน” หลิวชิงซานยิ้มพร้อมพูดอย่างหนักแน่น “เจ้าสาวกว่า สวยกว่านังจิ้งจอกเฒ่านั่นเป็นไหน ๆ นางคิดจะกดหัวเจ้าไว้จนตาย เจ้าถึงไม่มีแม้แต่โอกาสได้พบหน้าใต้เท้าลวี่ หากเจ้ากับใต้เท้าลวี่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันตามลำพังล่ะก็… ข้าเชื่อว่าใต้เท้าลวี่จะต้องหมอบราบคาบแก้วอยู่ใต้ชายกระโปรงเจ้าอย่างแน่นอน”

หลิวชิงซานใช้สายตากวาดมองเหอฮวาให้ละเอียดขึ้น

หญิงสาวในวัยยี่สิบต้น ๆ ผิวพรรณบนใบหน้าขาวเนียนละเอียดเหมือนไข่ที่เพิ่งปอกเปลือก ก้อนเนื้อสองก้อนที่หน้าอกกลมกลึง เอวบาง ๆ เพียงมือเดียวโอบก็มิด ดวงตาหนึ่งคู่คล้ายเมล็ดซิ่งมองมาด้วยความรักใคร่ ชายใดได้เห็นก็ต้องหวั่นไหว

เหอฮวามีความสุขมากเมื่อได้ยินคำยืนยันของหลิวชิงซาน นางมองหลิวชิงซานอย่างตื่นเต้นแล้วตอบตกลงโดยที่ไม่เสียเวลาคิดสักนิด “ข้าตกลง! พี่ชาย… อยากให้ข้าทำสิ่งใด ข้าจะทำตามทุกอย่าง”

จะให้ทำสิ่งใดไม่ถามสักนิด ก็ตอบรับสุดใจ ดูเหมือนว่าเหอฮวาอยากจะปีนขึ้นเตียงลวี่เทาจนแทบบ้าแล้ว

แต่เป็นอย่างนี้ก็ยิ่งดี คนที่มีความโลภเต็มเปี่ยมอยู่ในใจอย่างเขาจะได้ต่อรองกับนางได้ง่ายขึ้น

ตอนนี้หลิวชิงซานมีคดีฆาตกรรมอยู่ในมือก็เพราะยาพิษจากกู้ฉวนลู่ แต่เวลานี้ คนผู้นั้นกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ยิ่งกว่านั้น เขายังปฏิเสธได้อย่างแนบเนียนอีกว่ายานี้ไม่ได้มาจากเขา

กู้ฉวนลู่โหดเหี้ยมเสียจริง

ฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียว

ไม่เพียงแต่ทำร้ายกู้เสี่ยวหวานเท่านั้น แต่กู้ฉวนลู่ยังหลอกให้เขาวิ่งเต้นไปทั่วอย่างกับลิง คิดถึงเรื่องนี้ทีไร ใจของหลิวชิงซานก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

อย่าได้พูดถึงความเมตตากรุณาหรือศีลธรรมกับคนอย่างกู้ฉวนลู่

แม้ตอนนี้กู้ฉวนลู่จะหนีได้ไป แต่อย่างไรเสียพระก็หนีวัดไม่พ้น เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ กู้ฉวนลู่เป็นคนสั่งให้เขาทำ หากจะต้องตาย เขาก็จะลากคออีกฝ่ายตายไปด้วยกัน

ตัวเขาก็แค่คนตัวเปล่าเล่าเปลือย ตายแล้วก็แล้วไป แต่กู้ฉวนลู่นั้นยังมีบุตรชายที่มีความสามารถ มีอนาคตที่สดใสรออยู่ตรงหน้าให้กู้ฉวนลู่ได้พึ่งพา เทียบกับเขาแล้ว หลิวชิงซานรู้สึกว่าตนเองแทบไม่ได้สูญเสียอันใด

หลิวชิงซานหันไปกระซิบสองสามคำข้าง ๆ หูเหอฮวา สีหน้านางเปลี่ยนเป็นดูไม่ค่อยดีทันใด ก่อนจะเอ่ยถามหลิวชิงซาน “ทำอย่างนี้จะดีหรือ?”

หลิวชิงซานยืดอกรับอย่างหนักแน่น “เจ้าวางใจเถอะ เมื่อหากทำสำเร็จ เจ้าก็จะเป็นผู้ที่ช่วยเหลือเขาครั้งใหญ่ ไม่ว่าเจ้าจะพูดสิ่งใด มีหรือว่าเขาจะไม่ฟัง”

เหอฮวาสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังพยักหน้าตอบรับหนักแน่นว่า “ได้ ข้าจะทำตามที่เจ้าบอก”

เหอฮวาจากไปโดยไม่เหลียวหลัง นางไม่สนใจที่จะเก็บข้าวของที่พึ่งซื้อมาก่อนหน้านี้ไปด้วย และไม่คิดจะกลับไปทำอาหารให้นังจิ้งจอกเฒ่า แต่นางกลับมุ่งหน้าไปที่ศาลาว่าการอย่างกระตือรือร้น

นี่เป็นโอกาสดีที่นางจะได้ช่วยลวี่หลางไขคดีฆาตกรรม หากเขาไขคดีได้ เขาก็จะได้เป็นวีรบุรุษ ถึงเวลานั้น ลวี่หลางจะต้องยอมรับในตัวนาง และปฏิบัติต่อนางอย่างอ่อนโยนเหมือนกับที่เขาปฏิบัติต่อนังจิ้งจอกเฒ่าผู้นั้น จากนั้นนางก็จะได้เป็นหนึ่งในภรรยา และมีสาวใช้คอยรับใช้อยู่ข้างกายนาง ไม่ต้องไปคอยรับใช้ผู้ใดอีก เมื่อคิดว่าตนจะมีชีวิตที่ดีในไม่ช้า เหอฮวายิ่งเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

หลิงชิงซานมองตามหลังเหอฮวาที่เดินหายไปอย่างรวดเร็ว พร้อมยกยิ้มมุมปากที่คาดเดาไม่ได้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ “กู้ฉวนลู่เอ๋ย กู้ฉวนลู่ เจ้าอยากจะกำจัดข้าอย่างนั้นหรือ ได้… มาดูกันว่าผู้ใดจะตายก่อนกัน”

กู้เสี่ยวหวานนั่งรอข่าวอยู่ในร้านจิ่นฝู ได้ยินว่าหลี่ซื่อถูกมัดหินถ่วงน้ำก็ตกใจ

หลี่ซื่อผู้นี้เคยเป็นผู้ติดตามของหมอเหลย ต่อมาเขาก็ได้พบรักกับเฉาซินเหลียน ภายหลังเขาถูกจับ ทว่าหลังจากถูกปล่อยตัวได้ไม่นานเขาก็ถูกฆ่าตาย

ไม่รู้ว่าผู้ใดมีความแค้นกับเขา…

หรือว่าจะเป็นกู้ฉวนโซ่ว!

แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ กู้ฉวนโซ่วผู้นี้หลังจากแยกทางกับอดีตภรรยา ก็ไม่รู้ว่าเขาย้ายไปอยู่ที่ใด หากจะบอกว่ากู้ฉวนโซ่วผู้ที่มีนิสัยขี้ขลาด จู่ ๆ ก็เกิดแค้นอดีตภรรยากับหลี่ซื่อที่สวมหมวกเขียวให้เขา จึงลงมือฆ่าหลี่ซื่อ

ทว่ากู้เสี่ยวหวานกลับไม่คิดว่าคนอย่างกู้ฉวนโซ่วจะมีความกล้าขนาดนั้น

แต่ถ้าไม่ใช่กู้ฉวนโซ่ว แล้วจะเป็นผู้ใดที่ฆ่าหลี่ซื่อ?

หลี่ซื่อไม่มีญาติพี่น้อง แต่เขากลับมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนยิ่ง

กู้เสี่ยวหวานคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ การตายของคนทั้งสองจะต้องมีบางอย่างเกี่ยวเนื่องกันอย่างแน่นอน

และเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้เหมือนมีผู้อยู่เบื้องหลัง เพียงไขคดีการตายของหลี่ซื่อได้ ไม่แน่ว่าคดีการตายของคนผู้นั้นอาจกระจ่างขึ้น

อาโม่สืบไปสืบมาจนได้รู้ว่าก่อนที่หลี่ซื่อจะตาย เขาไปไหนมาไหน และทำสิ่งใดบ้าง

หลังจากที่หลี่ซื่อออกมาจากห้องขัง นอกจากไปบ่อนการพนันก็ไปร้านยา แต่ละวันถ้าไม่เมามายหัวราน้ำก็เข้าบ่อนการพนัน ใช้ชีวิตเสเพลไปวัน ๆ นอกจากการกินดื่มสนุกสนานแล้ว เขาก็ไม่ได้ทำสิ่งใดอีก

การตายของหลี่ซื่อดูเหมือนจะชี้ไปที่เหลยต้าเซิ่ง เพราะหลี่ซื่อปรากฏตัวครั้งสุดท้ายในโรงหมอ ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับเขาเลย

 

 

บทที่ 1254 เหลยต้าเซิ่งคิดจะหนี

บทที่ 1254 เหลยต้าเซิ่งคิดจะหนี

ค่ำคืนที่ยังดูมืดมน ทว่าแสงสว่างแห่งรุ่งอรุณกำลังโรยตัวปกคลุมความมืดมิด

ในร้านยาด้านในมืดสนิท บริเวณรอบ ๆ เงียบสงบ จึงได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากข้างใน

เหลยต้าเซิ่งกำลังตั้งหน้าตั้งตาเก็บข้าวของจนมือเป็นระวิง ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำสิ่งใด

ต่อมาประตูก็ค่อย ๆ ถูกผลักออก เหลยต้าเซิ่งก้าวออกไปตรงหน้าประตูพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรัง กวาดตามองรอบ ๆ อย่างระมัดระวังราวกับกำลังทำสิ่งไม่ดี

สิ่งแรกที่เขาทำคือ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีผู้ใดอยู่แถวนี้ ทว่าในขณะที่เขากำลังจะก้าวออกจากประตู กลับมีเท้าของคนผู้หนึ่งถีบเขากลับเข้าไปในห้องทันที

แรงถีบหนักหน่วงจนเหลยต้าเซิ่งตัวลอยบนกลางอากาศ ก่อนจะตกลงกับพื้นเสียงดังตุ้บ

เหลยต้าเซิ่งร้องโอดโอยเบา ๆ ราวกับเขากลัวผู้ใดได้ยิน แม้ร่างกายจะเจ็บปวดเพียงใดก็ได้แต่กลั้นเสียงเอาไว้

แม้ตัวจะล้ม ทว่าสองมือยังคงกำห่อผ้าในมือแน่น แขนเขาปวดร้าวราวกับกระดูกหัก มันทำให้เขาไม่อาจลุกขึ้นได้ ทำได้เพียงนอนบนพื้นอยู่นานสองนาน

ตัวเหลยต้าเซิ่งเองก็รู้สึกว่ากระดูกในร่างกายของเขาแตกหัก แต่เมื่อนอนพักบนพื้นอยู่นาน เขาก็รู้สึกว่าความเจ็บค่อย ๆ ทุเลาลง จึงพยายามพยุงตัวขึ้น

ขณะที่กำลังคลานก็ก่นด่าคนทำไปด้วย “ไอ้ชั่วคนใดบังอาจมาทำร้ายข้า”

“ผัวะ!” เหลยต้าเซิ่งพูดยังไม่ทันขาดคำ ก็ถูกตบจนหน้าหัน

“อุ๊ก…” การโจมตีคราวนี้รุนแรงมาก เหลยต้าเซิ่งถึงกับกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ทันใดนั้น ไฟในห้องพลันสว่างพรึบ เหลยต้าเซิ่งจึงได้เห็นโฉมหน้าโหดเหี้ยมของบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างชัดเจน

อาโม่ถือดาบเล่มหนึ่งไว้ในมือ ยืนกอดอกมองเหลยต้าเซิ่งอย่าเฉยชา ค่ำคืนอันมืดมิดนี้สว่างไสวด้วยแสงเทียน เหลยต้าเซิงกระอักเลือดออกมาอีกคำหนึ่ง กุมคอตนไว้พร้อมก่นด่าออกมา “ไอ้ลูกหมา เจ้ากล้าดีอย่างไร!”

“ผัวะ” เหลยต้าเซิ่งพูดจบก็ถูกตบอีกครั้งจนมึนงงไปหมด “เจ้ากล้าตีข้า!”

เหลยต้าเซิ่งถูกอาโม่ตบอีกครั้ง เขารู้สึกราวกับว่าฟันในปากหายหมดแล้ว สับสนมึนงงไปหมด

“จะ… เจ้าจะทำอันใดข้า” เหลยต้าเซิ่งไม่กล้ายั่วโมโหอาโม่อีกแล้ว ไม่กล้าแม้แต่จะอ้าปากด่าทอสิ่งใดอีกฝ่าย ด้วยกลัวว่าจะต้องโดนตบหน้าอีก จึงได้แต่มองอาโม่ในขณะที่ร่างกายสั่นเทา “เจ้าบุกรุกเข้ามาในที่ของข้า ข้าจะไปร้องเรียนต่อศาลาว่าการแน่”

อาโม่หัวเราะเยาะเย้ยทันที

“หมอเหลย รีบ ๆ ไปร้องเรียนเลย ข้ากำลังคิดว่าจะพาท่านไปที่นั่นอยู่พอดี ข้าก็กังวลอยู่ว่าท่านจะไปกับข้าหรือไม่” จู่ ๆ เสียงอันเย็นเยียบดังมาจากด้านหลังอาโม่

หัวใจของหมอเหลยพลันสั่นสะท้าน เมื่อชะโงกไปมองก็พบเข้ากับสาวสวยนั่งหลังตรงอยู่บนเก้าอี้ด้านหลังอาโม่ กำลังมองมาที่เขาพร้อมกับรอยยิ้ม

มองดูดี ๆ นั่นมันเป็นผู้ใดไปไม่ได้ นอกจากกู้เสี่ยวหวาน!

เหลยต้าเซิ่งตกใจ กู้เสี่ยวหวานมาที่นี่กลางดึกเพื่อทำสิ่งใด!? เรื่องไม่ดีแวบเข้ามาในหัว ถ้าไม่ใช่เพราะ…

เหลยต้าเซิ่งรีบทำเป็นนิ่งทันที ปล่อยห่อผ้าในมือ แล้วพูดกับกู้เสี่ยวหวานว่า “ที่แท้ก็เป็นเสี้ยนจู่นี่เอง ข้าก็นึกว่าคนร้ายที่ไหนบุกเข้ามากลางดึก”

ดูเหมือนเหลยต้าเซิ่งกำลังสื่อว่ากู้เสี่ยวหวานที่ดึกดื่นไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน แต่กลับมาบุกรุกบ้านคนอื่น

กู้เสี่ยวหวานยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นมายืนข้าง ๆ อาโม่ จับจ้องสีหน้าข้องใจของเหลยต้าเซิ่ง “แล้วหมอเหลยเล่า ดึกดื่นขนาดนี้ยังไม่นอน กำลังทำสิ่งใดอยู่หรือ?”

“ขะ ข้า…” เหลยต้าเซิ่งโดนกู้เสี่ยวหวานถามกลับ เขาจึงกระวนกระวายใจรีบอธิบายทันที “ข้านอนไม่หลับ ก็เลยจะออกไปเดินเล่นเฉย ๆ ”

“อ๋อ…” กู้เสี่ยวหวานก็ทำท่าเหมือนเข้าใจได้ทันที “ออกไปเดินเล่นกลางดึก ต้องเอาสิ่งของมากมายไปด้วยหรือ? หากข้าไม่รู้ว่าหมอเหลยกำลังจะออกไปเดินเล่น ข้าคงคิดว่าหมอเหลยจะหลบหนีเพราะกลัวความผิด”

กลัวความผิดแล้วหลบหนี!?

เหลยต้าเซิ่งหดหัวลงเล็กน้อย ดวงตาล่อกแล่กลนลาน ชั่วพริบตาเขาก็กลับมาเป็นปกติพร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “หลบหนีอันใดกัน ข้าว่าเจ้าอย่าพูดส่งเดชเลย แม้ว่าเจ้าจะเป็นเสี้ยนจู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะใส่ร้ายคนรากหญ้าอย่างไรก็ได้นะ”

“ใส่ร้ายอย่างนั้นหรือ?” กู้เสี่ยวหวานถามอย่างสับสน “หมอเหลยออกจากบ้านกลางดึกเพื่อไปเดินเล่นกับสิ่งที่มีค่ามากมายเช่นนี้ ไม่กลัวว่าระหว่างทางจะถูกปล้นเอาหรือ? หากเป็นเช่นนั้นสมบัติที่ท่านตรากตรำทำงานหนักมาทั้งชีวิตนี้จะไม่สูญเปล่าหรอกหรือ”

“ของเหล่านี้เป็นเพียงของที่ข้าไม่ต้องการแล้ว ข้าก็แค่จะเอามันไปทิ้ง” เมื่อเห็นสายตาของกู้เสี่ยวหวานกำลังมองมาที่ห่อผ้าของตน เหลยต้าเซิ่งรีบอธิบายทันที

สายตาแหลมคมของกู้เสี่ยวหวานยังคงมองห่อผ้าที่อยู่ด้านหลังของเหลยต้าเซิ่งไม่หยุด ทันทีที่เหลยต้าเซิ่งเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานมองสิ่งใดอยู่ เขากำลังจะรีบคว้าห่อผ้าเหล่านั้น ทว่าเขาไม่อาจเทียบความเร็วของอาโม่ได้

อาโม่คว้าห่อผ้ามาไว้ในมือ จากนั้นก็กระชากมันให้เปิดออก ทำให้ข้าวของทั้งหลายที่อยู่ข้างในนั้น ตกลงไปกองบนพื้น

ตั๋วเงิน เหรียญทองแดง ทองคำ และเครื่องประดับเงิน เครื่องประดับทองบางส่วนหล่นลงมาจากห่อผ้า กระจัดกระจายไปทั่วพื้น

เมื่อเห็นสมบัติของตนหล่นลงบนพื้น เหลยต้าเซิ่งก็คลานไปเก็บอย่างทุลักทุเล

กู้เสี่ยวหวานยิ้มเยาะไปหนึ่งที “หมอเหลยช่างใจกว้างยิ่งนัก ทรัพย์สมบัติเงินทองมากมายถึงเพียงนี้ ท่านยังบอกว่าไม่ต้องการแล้ว ในเมื่อท่านไม่ต้องการข้าวของเหล่านี้แล่ว เช่นนั้นมอบมันให้ข้าได้หรือไม่?”

“กู้เสี่ยวหวาน เจ้ารังแกคนมากเกินไปแล้ว” บัดนี้เหลยต้าเซิ่งทนไม่ไว้แล้ว หลังจากหยิบข้าวของมากมายใส่กลับลงไปในห่อผ้าแล้ว เขาก็ลุกขึ้นชี้หน้ากู้เสี่ยวหวานพร้อมกับต่อว่านางไปหนึ่งยก “ของของข้า ข้าจะทำอย่างไรกับมันแล้วมันเกี่ยวอันใดกับเจ้า”

“หมอเหลย ดึกดื่นเที่ยงคืนไม่หลับไม่นอน ไม่ใช่ว่าท่านกลัวความผิดก็เลยคิดจะหลบหนีหรอกหรือ?”

“กู้เสี่ยวหวาน เหตุใดถึงเอาแต่พูดจาไร้สาระ ข้าเพียงจะกลับไปเยี่ยมบ้าน” เหลยต้าเซิ่งขึ้นเสียงเถียงคอเป็นเอ็น คำพูดของกู้เสี่ยวหวานทำให้เขาแทบเสียสติ

คำก็หลบหนี สองคำก็หลบหนี จนเหลยต้าเซิ่งเริ่มอยู่ไม่สุขแล้ว

และแล้วท่าทางลุกลี้ลุกลนของเขาก็หนีไม่พ้นสายตาของกู้เสี่ยวหวาน นางจึงเห็นว่านี่เป็นโอกาสเหมาะ

“โธ่… หมอเหลย ท่านยังสามารถหอบเงินหอบทองกลับบ้านเกิดได้ แต่น่าเศร้าใจที่ศิษย์ของท่าน… หลี่ซื่อ ชาตินี้เขาคงไม่มีโอกาสกลับบ้านอีกแล้ว” กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจอย่างเศร้า ๆ ท่ามกลางบรรยากาศค่ำคืนที่เงียบสงบ ช่างน่าขนลุกอยู่ไม่น้อย

เข้าทางผู้พูดพอดี ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น เหลยต้าเซิ่งถึงกับหน้าถอดสี “นี่กู้เสี่ยวหวาน จะ…เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอันใด?”

“อย่าบอกนะว่าหมอเหลยไม่รู้เรื่องที่ร่างของหลี่ซื่อถูกพบในแม่น้ำ แถมยังมีหินก้อนใหญ่ถ่วงร่างไว้ เช่นนั้นแสดงว่ามันต้องเป็นการฆาตกรรม ไม่รู้ว่าผู้ใดเกลียดชังหลี่ซื่อมากถึงเพียงนั้น ถึงได้ลงมือฆ่าเขาด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมเช่นนี้” กู้เสี่ยวหวานพูดพลางสังเกตท่าทีของเหลยต้าเซิ่งไปพลาง

จากความตกใจในตอนต้นสู่ความมีพิรุธในภายหลัง จนกระทั่งตอนนี้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พูดจาติด ๆ ขัด ๆ “ละ… หลี่ซื่อ หลี่ซื่อผู้นั้น วัน ๆ เอาแต่กิน ดื่ม คบชู้สู่สาว เข้าบ่อนเล่นพนัน ทำทุกอย่างที่ผิดศีลธรรม เขาก็แค่อันธพาล ผู้ใดจะไปรู้ว่าเขามีเรื่องบาดหมางกับผู้ใดบ้าง เจ้าเองก็รู้ดีอยู่ว่าเขากับป้าสะไภ้สามของเจ้า… หึ ๆ ทำเรื่องน่ารังเกียจ ส่วมหมวกเขียวให้อาสามของเจ้า บางทีคนฆ่าอาจจะเป็นอาสามของเจ้าก็ได้…”

เดิมทีหลี่ซื่อคือลูกศิษย์ของเหลยต้าเซิ่ง เขามีหน้าที่หายาและต้มยา ต่อมาหลี่ซื่อเกิดรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ยากเกินไป แถมยังหาเงินได้ไม่ทันใจ ทำต่อไปก็เสียเวลาเปล่า เขาจึงเลิกทำงานในโรงหมอ หันมาเป็นผู้ติดตามเหลยต้าเซิ่งทำเรื่องอื่น ๆ ที่ได้เงินเร็วกว่า

เหลยต้าเซิ่งรีบบอกปัดหลี่ซื่อให้ห่างจากตนเอง พร้อมเบี่ยงเข็มไปที่กู้ฉวนโซ่วทันที เห็นว่าสีหน้ากู้เสี่ยวหวานเปลี่ยนไป ใจเขาก็เริ่มชื้นขึ้น

เขาย่อตัวลงเก็บเงินทองที่เพิ่งหล่นไปกองอยู่บนพื้น ทั้งยังคลานไปตรวจดูว่ามีสิ่งใดอยู่ใต้โต๊ะหรือซอกมุมใดหรือไม่ ท่าทางของเขาในตอนนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าน่าอายเพียงใด

แต่ทว่าท่าทางรีบร้อนแต่พยายามไม่ลนลานเช่นนี้ เขาทำราวกับว่ากำลังมองหาของบางอย่าง…

กู้เสี่ยวหวานยกยิ้มทันใด “ข้าได้ยินมาว่าก่อนที่หลี่ซื่อจะเสียชีวิต ครั้งสุดท้ายที่เขาปรากฏตัวก็คือที่โรงหมอของท่านหมอเหลย จากนั้นก็ไม่มีผู้ใดพบเห็นเขาอีกเลย ไม่ทราบว่าท่านหมอเหลยพอจะรู้หรือไม่ว่าหลี่ซื่อมาที่นี่ครั้งสุดท้ายเมื่อใด แล้วเขาได้พูดสิ่งใดกับท่านหรือไม่?”

เหลยต้าเซิ่งแสร้งทำเป็นครุ่นคิดอย่างหนักอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า “ไม่ได้มีเรื่องสำคัญอันใดหรอก เขาเพียงมาบอกว่าไม่มีเงิน เลยมาจะขอเงินข้าสักหน่อย เจ้าก็รู้นี่ เขาเคยเป็นลูกศิษย์ข้า เขาเป็นคนเกียจคร้าน ไม่สนใจทำการทำงาน เอาแต่หลงว่ามีเงินติดกระเป๋า โลกนี้จะมีของดีเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าก็เคยบอกเคยสอนเขาไปแล้ว แต่เห็นแก่ความเป็นศิษย์เป็นอาจารย์ ข้าก็เลยให้เงินแล้วปล่อยเขาไป ส่วนเรื่องที่เขาจะไปที่ใดต่อนั้น ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ได้ยินเช่นนั้น กู้เสี่ยวหวานก็พยักหน้าเป็นอันว่ารับรู้ พร้อมพึมพำว่า “เป็นเช่นนี้นี่เอง” เหลยต้าเซิ่งเห็นว่าสีหน้าของกู้เสี่ยวหวานเป็นมิตรขึ้น ก็คิดว่านางเชื่อคำพูดตน สีหน้าเขาพลันดีขึ้นเล็กน้อย ในมือยังคงถือห่อผ้า ทว่าสายตากลับเอาแต่มองพื้นไม่หยุดราวกับกำลังมองหาบางสิ่ง

เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้น กู้เสี่ยวหวานก็ลอบยิ้มอยู่ในใจ และเอ่ยถามราวกับไม่รู้ไม่เห็นสิ่งใด “ท่านหมอเหลย ท่านกำลังมองหาสิ่งใดอยู่อีกหรือ?”

“ปะ… เปล่า” ยิ่งเหลยต้าเซิ่งพยายามข่มความตื่นตระหนกในใจของเขาเท่าไร เขาก็ยิ่งกระตุ้นความสงสัยของกู้เสี่ยวหวานมากขึ้นเท่านั้น นางเลียนแบบท่าทางเขาด้วยการมองซ้ายทีขวาที ทันใดนั้น ดวงตานางก็สว่างวาบขึ้น ก่อนจะชี้นิ้วไปที่ใดที่หนึ่ง หัวใจของเหลยต้าเซิ่งเต้นไม่เป็นจังหวะ มองไปตามทิศทางที่นิ้วของนางกำลังชี้

จากนั้นไม่นานก็มีเสียงตะโกนด้วยความดีใจของกู้เสี่ยวหวาน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท