ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1259 สุนัขกัดกัน + ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1260 มีความผิดฐานดูหมิ่นอย่างร้ายแรง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1259 สุนัขกัดกัน

บทที่ 1259 สุนัขกัดกัน

คนที่ติดตามอาโม่เข้ามานั้นทำให้ใบหน้าของลวี่เทาซีดเซียวด้วยความตกใจ คนผู้นั้นคือ เหอฮวา ที่มาที่นี่ก่อนหน้านี้ และตอนนี้กำลังเดินตามหลังอาโม่เข้ามา

“เจ้า เจ้า เจ้า…” กู้ฉวนลู่ผงะถอยหลังด้วยความกลัวราวกับเห็นผี

หลิวชิงซานก้มศีรษะลง คราวนี้เดิมทีเขาวางแผนที่จะให้เหอฮวาไปที่ศาลาว่าการเพื่อฟ้องกู้ฉวนลู่ หลังจากคุยกับเหอฮวาแล้ว หลิวชิงซานก็ต้องการออกจากเมืองหลิวเจียและไม่กลับมาอีก

แต่เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าอยู่ดี ๆ ตนเองก็ตกเป็นเป้าหมายของกู้เสี่ยวหวานเสียแล้ว

กู้เสี่ยวหวานขอให้อาจั่วจับตาดูความเคลื่อนไหวในบ้านหลังเล็กของลวี่เทาแล้ว เมื่อเหอฮวาออกจากบ้าน อาจั่วก็จะสะกดรอยตามนางไปไม่ห่าง ต่อมาเมื่อหลิวชิงซานจับตัวเหอฮวาไป นั่นทำให้อาจั่วได้ยินทุกสิ่ง

หลังจากที่เหอฮวาถูกปล่อยตัวอีก อาจั่วก็ทำให้หลิวชิงซานสลบและพาเขากลับไปที่ร้านจิ่นฝู

หลังจากทรมานจนพอใจ หลิวชิงซานก็พูดทุกสิ่งออกมาด้วยความหวาดกลัว

จากนั้นก็ได้ยินหลิวชิงซานบอกว่า กู้ฉวนลู่ให้เงินเขาหนึ่งร้อยตำลึงเงิน และขอให้เขานำยาระบายมาใส่ในอาหารของร้านจิ่นฝูเพื่อก่อเรื่อง

กิจการของร้านจิ่นฝูราบรื่นเกินไปเสียจนทุกคนอิจฉา แม้ว่าบางคนจะท้องเสียเพราะอาหารจากร้านจิ่นฝูไม่ถูกสุขลักษณะ หรือเพราะว่าร้านอาหารอื่นที่อิจฉาร้านจิ่นฝูจึงมาสร้างเรื่องให้ร้านจิ่นฝู

ไม่มีใครคิดถึงหลิวชิงซานและกู้ฉวนลู่

แต่ใครจะรู้ว่ายานี้ไม่ใช่ยาระบาย แต่มันกลับเป็นยาพิษ และมีฤทธิ์รุนแรงถึงชีวิต หลิวชิงซานไม่รู้ว่ายาในมือของเขาเป็นยาพิษ แต่เขาก็ยืนยันว่าในตอนนั้นตัวเขาใส่แค่ยาระบายเท่านั้น และไม่ได้ทำอะไรอีก

ยิ่งไปกว่านั้น เงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินที่กู้ฉวนลู่สัญญาว่าจะให้ เขาก็ไม่ได้รับแม้แต่เหรียญเดียว และกู้ฉวนลู่ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

กู้ฉวนลู่ไม่รู้ว่าตัวเองพบหลิวชิงซานที่นี่ได้อย่างไร ตามความคิดของกู้ฉวนลู่ หลิวชิงซานจะฝังเรื่องนี้และปล่อยให้มันตายไปกับตน ท้ายที่สุดแล้ว หลิวชิงซานก็เป็นคนวางยาด้วยตนเอง หากหลิวชิงซานยืนกรานที่จะสารภาพ กู้ฉวนลู่ก็จะต้องหาทางหักล้างมัน

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้กู้ฉวนลู่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเกี่ยวกับการปรากฏตัวของหลิวชิงซาน เขาแค่มองไปที่หลิวชิงซานที่กำลังผลักความผิดทั้งหมดเข้าตัวเองด้วยความงุนงง

หลังจากหลิวชิงซานพูดจบ กู้ฉวนลู่ก็นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา จนกระทั่งใต้เท้าจ้าวทุบค้อนอย่างแรงและพูดอย่างจริงจัง “กู้ฉวนลู่ สิ่งที่หลิวชิงซานพูดนั้นเป็นความจริงหรือ?”

กู้ฉวนลู่ตกตะลึงและล้มลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง เมื่อเขาได้ยินเสียงค้อนก็กลับมามีสติ และหมอบลงกับพื้น “ใต้เท้า เขากำลังพูดเรื่องไร้สาระ เขากำลังพูดเรื่องไร้สาระ!”

“ข้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระหรือ กู้ฉวนลู่ เจ้ายังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่ เจ้าจะฆ่าข้าหรือ!” หลิวชิงซานถูกกู้เสี่ยวหวานจับได้ และสารภาพความจริงกับนางไปหมดแล้ว หากเขาถูกตัดสินว่าเป็นคนใส่ผงชีซิงด้วยตัวเอง เขาจะถูกโทษตัดศีรษะ

แม้ว่าหลิวชิงซานจะเป็นอันธพาล แต่ก็ไม่สามารถเอาชีวิตของตัวเองมาเสี่ยงได้โดยไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ เขาจึงผลักความผิดเหล่านี้ไปให้กับกู้ฉวนลู่โดยธรรมชาติ

เมื่อกู้ฉวนลู่ได้ยินหลิวชิงซานบอกว่าตัวเองเป็นคนทำ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ทำ เขาแค่ต้องการใส่ยาระบาย และเขาก็ไม่รู้อะไรอีกเลย

กู้ฉวนลู่เงยหน้าขึ้นด้วยความสยดสยอง และทันใดนั้นก็โยนสิ่งเหล่านี้ใส่เหลยต้าเซิ่ง “เป็นเขา เหลยต้าเซิ่ง ข้าไปหาเขาเพื่อให้เขาจ่ายยาระบายให้ แต่ใครจะรู้ว่ายานั้นจะฆ่าคนได้ เหลยต้าเซิ่งเป็นคนให้ข้า เขาเป็นคนจ่ายยาให้แก่ข้า”

กู้ฉวนลู่ร้องออกมาด้วยความตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกหวาดกลัว

เหลยต้าเซิ่งปฏิเสธอย่างเรียบ ๆ “ไร้สาระ ข้าให้ยาระบายกับเจ้าเท่านั้น ส่วนเจ้าเปลี่ยนเป็นยาพิษเองหรือเปล่า ข้าก็ไม่รู้”

“ข้าไม่ได้เปลี่ยน ข้าไม่ได้เปลี่ยน หลิวชิงซานเป็นพยานได้ เขาสามารถเป็นพยานได้ว่าเขาดื่มมากเกินไปในตอนนั้น ข้าพาเขากลับไปที่ร้านอาหารและให้ยาเขาโดยไม่ได้เปลี่ยนยาเลย”

“ฮึ่ม ใครจะรู้ว่าข้าซื้อยาระบายให้เจ้า ใครจะรู้ว่าพวกเจ้าสองคนใครเป็นคนเปลี่ยนเป็นผงชีซิง พวกเขาทั้งหมดมีความแค้นต่อเสี้ยนจู่และต้องการแก้แค้นนาง พวกเขาจึงตกเป็นผู้ต้องสงสัย ข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเสี้ยนจู่ และไม่มีแรงจูงใจที่จะทำร้ายนางเลย” เหลยต้าเซิ่งปฏิเสธอย่างเด็ดขาด

กู้ฉวนลู่รู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนใส่ร้าย

หลังจากได้รับยาจากเหลยต้าเซิ่ง เขาก็มอบมันให้กับหลิวชิงซาน โดยไม่ได้แม้แต่จะตรวจสอบมันด้วยซ้ำ

เหลยต้าเซิ่งกล่าวในขณะนี้ว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกู้เสี่ยวหวาน แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันจริง ๆ หรือ?

กู้ฉวนลู่คลานไปข้างหน้าและพูดด้วยความหวาดกลัว “ใต้เท้าจ้าว ใต้เท้าจ้าว เขากำลังพูดเรื่องไร้สาระ เขามีเรื่องเกี่ยวข้องกับเสี่ยวหวาน เขามีเรื่องเกี่ยวข้องกัน”

“กู้ฉวนลู่ เจ้าอย่ามาพูดไร้สาระ!” เมื่อเหลยต้าเซิ่งเห็นว่ากู้ฉวนลู่กำลังเปิดเผยความลับของเขา ดังนั้นจึงก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและโต้กลับเสียงดัง “ใต้เท้า อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของกู้ฉวนลู่ ข้าไม่เกี่ยวอะไรกับเสี้ยนจู่”

ทั้งสองคุยกัน คนหนึ่งบอกว่ามีเรื่องเกี่ยวข้องกัน อีกคนโต้กลับว่าไม่มีเรื่องเกี่ยวข้องกัน ภายในห้องพิจารณาคดีตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงดังโหวกเหวกโวยวาย

เมื่อมองไปที่กู้เสี่ยวหวานซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้และดื่มชาด้วยท่าทางผ่อนคลายราวกับว่านางไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น

“พวกเจ้าสองคนยืนยันในความคิดเห็นของตัวเอง คนหนึ่งบอกว่าใช่ อีกคนบอกว่าไม่ แต่พวกเจ้าทั้งสองคนใครพูดความจริงกันแน่?” เมื่อใต้เท้าจ้าวเห็นท่าทางผ่อนคลายของกู้เสี่ยวหวาน ดังนั้นเขาจึงสงบลง มองคนทั้งสองแล้วพูดติดตลก

เพื่อเป็นการเอาตัวรอดภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ผู้ใดเล่าจะจำมิตรในอดีตเหล่านั้นได้?

“ใต้เท้า เมื่อเจ็ดหรือแปดปีก่อน กู้เสี่ยวอี้ น้องสาวของเสี้ยนจู่ซึ่งเป็นหลานสาวอีกคนของข้าได้รับการตรวจจากท่านหมอเหลยอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า เขาบอกว่าอวัยวะภายในของนางได้รับบาดเจ็บและจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ดังนั้น ขาจึงยืนกรานให้เสี้ยนจู่ซื้อโสมในราคาสูงเพื่อช่วยชีวิตกู้เสี่ยวอี้ แต่โสมนั้นกลับเป็นของปลอม หลานสาวของข้าไม่ได้รับบาดเจ็บเลย แต่เขาวางยานาง ทำให้นางเวียนศีรษะและหมดสติไป” กู้ฉวนลู่คุกเข่าลงบนพื้นและเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในปีนั้น

ใต้เท้าจ้าวชำเลืองมองกู้เสี่ยวหวาน เมื่อยังเห็นนางมีท่าทีสงบนิ่ง และมีสีหน้าไร้อารมณ์ คาดว่านางจะคงจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว

จากนั้นทั้งสองก็เริ่มการต่อสู้ที่ดุเดือด

“กู้ฉวนลู่ เจ้าอย่าแสร้งเป็นคนดีไปหน่อยเลย เจ้าไม่ใช่คนที่ต้องการความมั่งคั่งของเสี้ยนจู่หรอกหรือ เจ้ามาหาข้าและบอกว่าเจ้าต้องการหลอกล่อเอาเงินจากเสี้ยนจู่ ทั้งหมดเป็นความคิดของเจ้า ในตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าก็คงไม่ทำร้ายพวกนางโดยไม่มีเหตุผล กู้ฉวนลู่ เจ้าเป็นคนให้เงินนั้น เจ้าเป็นคนคิดแผนการขึ้นมา ข้าแค่ร่วมมือกับเจ้า และตอนนี้เมื่อสิ่งต่าง ๆ ถูกเปิดเผย เจ้าจะยังหวังอะไรอีก โลกนี้จะมีของดีแบบนี้ได้อย่างไร”

เหลยต้าเซิ่งสาธยายเรื่องราวทั้งหมดของในปีนั้นออก และคราวนี้เขาพูดกับกู้เสี่ยวหวานโดยตรง “เสี้ยนจู่ สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเป็นความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าไม่ใช่เพราะกู้ฉวนลู่ที่โลภในทรัพย์สินของท่าน และมาขอให้ข้าร่วมมือกับเขาเพื่อเอาเงินจากท่าน ข้าจะทำร้ายท่านได้อย่างไร ถ้าจะโทษก็โทษเขาที่โลภมาก แม้แต่เงินของหลานสาวเขาก็ไม่ปล่อยไว้”

เวลานั้น กู้เสี่ยวอี้นอนเลือดท่วมตัวไม่ได้สติออยู่ข้างลำธาร ตอนแรกกู้เสี่ยวหวานคิดว่านางตกเขา ดังนั้นจึงไม่กล้าขยับเขยื้อนร่างกายนาง แต่ปรากฏว่าที่เสี่ยวอี้หมดสติไปในตอนนั้นเป็นเพราะได้รับยาเข้าไป

เมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นก็เหมือนยกหินออกจากอก

กู้เสี่ยวหวานสงสัยอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นเพียงเด็กสาวในหมู่บ้านเล็ก ๆ จะถูกคนอื่นอิจฉาเพราะตนเองขายโสมได้หรือไม่ นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาใช้กลอุบายดังกล่าวและขโมยเงินตนเองไป

ปรากฏว่าทั้งหมดเป็นเพราะลุงของนางเอง

“ข้าเองก็คิดว่าเรื่องนี้มันแปลกประหลาด เขารู้ได้อย่างไรว่าข้ามีเงิน” นี่คือสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานไม่เข้าใจ ถ้านางซื้อที่ดินและกู้ฉวนลู่ก็มาแย่งมันไปก็ยังเข้าใจได้ แต่ในเวลานั้นนางขายเพียงโสมและก็ทำมันอย่างลับ ๆ กู้ฉวนลู่จะรู้ได้อย่างไรว่านางมีเงิน?

เหลยต้าเซิ่งเย้ยหยัน “แน่นอนว่าเขารู้ทุกอย่าง เมื่อก่อนท่านยากจนข้นแค้น แต่จู่ ๆ ก็ร่ำรวยมั่งคั่งพอที่จะซื้อธัญพืช บะหมี่ และเนื้อสัตว์ได้ ท่านอาจจะคิดว่าไม่มีใครรู้ว่าท่านทำอะไร แต่ลุงของท่านที่มีสายตาที่เฉียบแหลม เมื่อเห็นครอบครัวของท่านเปลี่ยนไป เข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า มองไปที่กู้ฉวนลู่หน้าแดงก่ำด้วยความละอายใจ แล้วถามอย่างตั้งใจ “ท่านลุง สิ่งที่หมอเหลยพูดเป็นความจริงหรือไม่”

กู้ฉวนลู่ลังเล ก่อนจะชี้ไปที่เหลยต้าเซิ่งและเริ่มเปิดเผยความลับอีกครั้ง และคราวนี้เขาก็เปิดเผยความลับของลวี่เทาด้วย

 


 

บทที่ 1260 มีความผิดฐานดูหมิ่นอย่างร้ายแรง

บทที่ 1260 มีความผิดฐานดูหมิ่นอย่างร้ายแรง

“เหลยต้าเซิ่ง เจ้าเป็นผู้อพยพและทักษะทางการแพทย์ของเจ้าก็ต่ำ เหตุใดถึงเปิดร้านยาในเมืองหลิวเจียได้ ไม่ใช่เพราะเจ้ามีลูกพี่ลูกน้องที่ดีอย่างนั้นหรือ เจ้าโกหกผู้คนมานับไม่ถ้วน และยาที่แม้ว่ามันจะไม่คร่าชีวิตผู้คน แต่มันก็ไร้ประโยชน์ มีคนป่วยกี่รายที่เจ้ารักษาล่าช้า การรักษาห่วยแตกเช่นนี้ ควรปิดกิจการไปนานแล้ว” กู้ฉวนลู่ยังหยิบเรื่องของเหลยต้าเซิ่งออกมาพูด

ชั่วพริบตาเดียว สองคนนี้ที่อยู่ในโรงศาลก็เริ่มทะเลาะวิวาทกันขึ้นมา บรรยากาศก่อนหน้านี้เงียบสงัด ทว่าตอนนี้ทุกคนต่างกางหูผึ่งเพื่อฟังเสียงสุนัขสองตัวกัดกัน

ทั้งสองสาดคำพูดใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร เมื่อคนหนึ่งล้มลงก็จะช่วงชิงผลประโยชน์จากเวลานั้นเหยียบย้ำอีกฝ่าย

ใต้เท้าจ้าวไม่ได้ห้ามทั้งสอง และเอาแต่เฝ้ามองอยู่เช่นนั้น เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้เข้าไปห้าม เพียงแค่ยืนดูด้วยความสนใจ ยกเว้นลวี่เทาซึ่งกระวนกระวายเหมือนมดกระทะร้อน

เมื่อมองคนสองคนที่ปะทะฝีปากกันและมองไปที่ใต้เท้าจ้าวซึ่งกำลังดูการต่อสู้ของทั้งสองด้วยความสนใจ เขาก็ตำหนิลูกพี่ลูกน้องที่โง่เขลาในใจเป็นพันครั้ง แต่เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าใต้เท้าจ้าวหมายถึงอะไร

กู้ฉวนลู่และเหลยต้าเซิ่งทะเลาะวิวาทกันอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าของพวกเขาขึ้นสีแดงก่ำ เมื่อเห็นรอยฟกช้ำบนใบหน้าของทั้งสอง ใต้เท้าจ้าวก็กระแอมไอและบอกให้พวกเขาหยุด

เหลยต้าเซิ่งคนนี้ไม่เชี่ยวชาญด้านการรักษา แต่เขาเปิดโรงหมอและร้านขายยา ทำร้ายผู้คนและโกงเงินคนอื่นมามากมาย กู้เสี่ยวหวานก็ตกเป็นเหยื่อ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องสอบปากคำ เหลยต้าเซิ่งจึงถูกตัดสินว่ามีความผิดโดยตรง

หลิวชิงซานกล่าวว่าได้รับยามาจากกู้ฉวนลู่ และกู้ฉวนลู่กล่าวว่ายานั้นได้รับจากเหลยต้าเซิ่ง ยาผ่านมือของคนจำนวนมากและไม่มีใครยอมรับว่ายาที่เขาถืออยู่คือผงชีซิง เพียงบอกว่ายาที่รับมาเป็นยาระบาย

แต่ในร่างกายของผู้เสียชีวิตพบเพียงผงชีซิงเท่านั้น และไม่พบส่วนผสมของยาระบายใด ๆ แสดงว่ายาที่หลิวชิงซานใส่ลงไปในเวลานั้นคือผงชีซิง

หลิวชิงซานและอีกสามคนจึงตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกร

เมื่อเห็นฉากนี้ ลูกจ้างในร้านเหล่านั้นก็ชำเลืองมองกันและกัน จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็โค้งคำนับและตะโกน “ใต้เท้า เถ้าแก่ถูกใส่ร้าย เถ้าแก่ถูกใส่ร้าย!”

เมื่อเห็นลูกจ้างในร้านเหล่านี้พูดคุยกัน ใต้เท้าจ้าวจึงถามขึ้น “พวกเจ้าทุกคนไม่ได้ถูกทรมาน แต่ทุกคนกลับบอกว่าเสี้ยนจู่สั่งให้พวกเจ้าใส่ยาลงไป พวกเจ้าคงรู้ว่าเป็นการใส่ร้ายท่านเสี้ยนจู่จะต้องถูกตัดศีรษะ”

เมื่อลูกจ้างในร้านได้ยินเช่นนี้ พวกเขาทั้งหมดก็ตัวแข็งทื่อไปด้วยความตกใจ การใส่ร้ายท่านเสี้ยนจู่มีโทษถึงตาย และการถูกลวี่เทาทุบตีก็มีสิทธิ์ถึงตายเช่นกัน เป็นการดีกว่าที่จะตายเพื่อท่านเสี้ยนจู่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเติมเต็มความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายและลูกจ้างในร้านอย่างพวกเขา

ในจุดนั้น มีลูกจ้างในร้านสองคนคลานไปหากู้เสี่ยวหวาน พวกเขาร้องไห้และพูดว่า “เถ้าแก่ ข้าขอโทษ พวกเราไม่ได้อยากใส่ร้ายท่าน แต่ถ้าเราไม่บอกว่าท่านสั่ง เราจะถูกฆ่าตาย พวกเราหวาดกลัวมากจริง ๆ”

“เถ้าแก่ ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ เราไม่ได้ตั้งใจ ครอบครัวข้ามีท่านแม่ที่แก่ชรา ถ้าข้าตาย ท่านแม่คงจะ… ฮือ”

ลูกจ้างภายในร้านเหล่านั้นคลานไปอยู่ต่อหน้ากู้เสี่ยวหวานขอโทษและสารภาพผิดต่อนางทีละคน

กู้เสี่ยวหวานไม่สามารถพูดได้ว่านางเกลียดคนกลุ่มนี้ แต่นางก็ไม่สามารถพูดได้ว่านางไม่ได้เกลียดพวกเขา

ทำผิดหนึ่งครั้งจดจำตลอดไป

กู้เสี่ยวหวานเชื่อในมุมมองนี้เสมอ แม้ว่าจะเข้าใจคนเหล่านี้ที่ใส่ร้ายตัวเอง แต่กู้เสี่ยวหวานก็ไม่ตำหนิพวกเขา ทุกคนให้ความสำคัญกับชีวิตและไม่มีใครกล้าล้อเล่นกับชีวิตของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม นี่คือการเอาตัวรอดของพวกเขา และกู้เสี่ยวหวานก็มีหลักการในการดำรงชีวิตของนางเองเช่นกัน

กู้เสี่ยวหวานพูดเบา ๆ ว่า “ข้าไม่ตำหนิพวกเจ้า”

เมื่อได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ได้ตำหนิพวกเขา คนเหล่านั้นทั้งหมดก็ก้มหน้าอย่างตื่นเต้น “ขอบคุณเถ้าแก่ ขอบคุณเถ้าแก่”

แค่ให้เงินเดือนพิเศษแก่พวกเขาแต่ละคน และให้พวกเขาไปหางานใหม่

กู้เสี่ยวหวานก้มหน้าลงและไม่สนใจพวกเขาอีก

ใต้เท้าจ้าวรู้สึกแปลก ๆ “ใต้เท้าลวี่ไม่ได้ทรมานพวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับใส่ร้ายเสี้ยนจู่ ถ้าข้าเป็นเจ้าของร้านของพวกเจ้า ข้าจะทุบตีพวกเจ้าจนตายแน่นอน”

“เถ้าแก่ เขาทรมานคนอีกสองคนในห้องขังด้วยหัวแร้งร้อนฉ่า เฆี่ยนพวกเขาด้วยแส้หนังแช่น้ำเกลือ คนหนึ่งทนไม่ได้อีกต่อไปจึงทำได้แต่ยอมเชื่อฟัง เขายังอยู่ในห้องขังและไม่ได้มากับเรา ส่วนอีกคนหนึ่งไม่เคยไปที่นั่นและยังถูกมัดอยู่ในห้องคุมขัง ไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่”

“ใต้เท้าลวี่ ท่านไม่ได้บอกว่าคนเหล่านี้จะไม่ถูกทรมานหรอกหรือ? ท่านคัดเลือกคนกลุ่มหนึ่งและไม่ทรมานพวกเขา แต่อีกกลุ่มกลับถูกทรมาน ท่านทำได้ดีมากจริง ๆ” ใต้เท้าจ้าวเหล่มองไปที่ลวี่เทา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

เมื่อฟังคำพูดของใต้เท้าจ้าว ลวี่เทาก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างมากจนเขาเหงื่อออก “ใต้เท้า ข้า… ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้น หลังจากได้รับรายงาน ข้าก็บอกไปแล้วว่าจะไม่มีการทรมาน พอรู้สาเหตุ คนพวกนี้ก็ยอมสารภาพ แต่ข้าไม่รู้ว่ามีอีกสองคนถูกทรมาน เป็นเพราะข้าไม่เคร่งครัดในระเบียบวินัย ในอนาคตข้าจะดูแลให้ดีกว่านี้”

ลวี่เทากล่าวโทษตัวเอง

“จงนำสองคนนั้นขึ้นมา ข้าต้องการดูว่าพวกเขาเป็นอย่างไร ท่านกล้าสั่งให้ทรมานโดยไม่ได้รับอนุญาตได้อย่างไร คนที่ไม่แน่ใจว่าตนมีความผิดหรือไม่จะต้องไม่ถูกทรมาน ใต้เท้าลวี่ นี่เป็นการละเมิดกฎอย่างร้ายแรง”

เมื่อลูกจ้างในร้านสองคนถูกพาตัวมา กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกสะเทือนใจมากขึ้นเมื่อเห็นว่าบนตัวของเสี่ยวเหลียงจื่อเต็มไปด้วยรอยแผล

เขาถูกทำร้ายจนเป็นเช่นนี้ แต่เขาก็ยังไม่ทรยศต่อตนเอง ความเมตตานี้ กู้เสี่ยวหวานจะจดจำไว้ในใจเสมอ

บาดแผลบนหน้าอกของเสี่ยวเหลียงจื่อไหม้เกรียม และเพราะอยู่ในห้องคุมขัง บาดแผลจึงไม่ได้รับการรักษา จึงทำให้มันเปื่อยเน่าและมีตุ่มหนองเล็กใหญ่ล้อมรอบ เสื้อผ้าทั้งหมดบนร่างกายของเขาขาดวิ่นเพราะถูกแส้ฟาด บาดแผลบนร่างกายที่ถูกเฆี่ยนตีและบาดแผลที่โดนน้ำเกลือก็เน่าเฟะ ทั่วร่างกายไม่มีส่วนไหนดี กู้เสี่ยวหวานมองดูและน้ำตาของนางก็ร่วงหล่นลงมา

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท