ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1275 ทำผมให้เจ้า + ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1276 ฉินเย่จือหึง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1275 ทำผมให้เจ้า

บทที่ 1275 ทำผมให้เจ้า

เมื่อทั้งสองออกมาจากห้อง ริมฝีปากของกู้เสี่ยวหวานก็แดงบวมเล็กน้อย เมื่อมองไปที่เงาพร่ามัวในกระจก และรู้สึกถึงอาการบวมจากปาก กู้เสี่ยวหวานก็คร่ำครวญ

“มันบวมอีกแล้ว”

ฉินเย่จือที่กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่หลังม่านได้ยินเสียงคร่ำครวญของกู้เสี่ยวหวานชัดเจน เขาก็หัวเราะเบา ๆ เมื่อใส่เสื้อผ้าเสร็จก็เดินมาจากด้านหลัง เขาหยุดลงข้างหลังกู้เสี่ยวหวาน วางมือบนไหล่และบีบไหล่ของนางเบา ๆ

คนหนึ่งยืน คนหนึ่งนั่ง ทั้งสองมองกันและกันผ่านกระจกทองสัมฤทธิ์

เมื่อนึกถึงการกระทำที่ใกล้ชิดของทั้งสองคนบนเตียง ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานก็แดงซ่านขึ้นอีกครั้งในทันที อย่างไรก็ตาม โชคดีที่กระจกทองสัมฤทธิ์นั้นพร่ามัวจนไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน

กู้เสี่ยวหวานยืนนิ่งไม่กล้าขยับ นางปล่อยให้ฉินเย่จือบีบไหล่และจ้องมองตัวเองจากกระจก

ผมของนางยุ่งเหยิงเล็กน้อย กู้เสี่ยวหวานเพิ่งคลายมันออกและเตรียมจะหวีมันอีกครั้ง แต่ปกติอาจั่วจะหวีผมให้นาง หลังจากหวีผมแล้วนางก็ทำอะไรไม่ถูก นางไม่สามารถทำทรงผมที่ซับซ้อนในสมัยนี้ได้ นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปล่อยผมดำยาวสลวยไว้ข้างหลัง นั่นทำให้นางดูผ่อนคลายและมีเสน่ห์มากขึ้น

รูปร่างหน้าตาของกู้เสี่ยวหวานไม่ถือว่าน่าทึ่ง แต่มันให้ความรู้สึกถึงความสงบท่ามกลางความเร่งรีบและวุ่นวายของโลกนี้

นิสัยที่สง่างามและละเอียดละออ ตลอดจนการจัดการสิ่งต่าง ๆ อย่างชาญฉลาดและเด็ดขาด ล้วนดึงดูดผู้คนอย่างลึกซึ้ง

ฉินเย่จือมองนางด้วยสายตาจริงจัง และกู้เสี่ยวหวานก็สบตาเขากลับเช่นกัน

ทันใดนั้น ฉินเย่จือก็เอนตัวไปหยิบหวีจากมือของกู้เสี่ยวหวาน หญิงสาวไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของเขา หากแต่ก็ยังมอบให้เขา ทันใดนั้น ฉินเย่จือก็ช่วยหวีผมของนาง

ครั้งแล้วครั้งเล่า ผมของกู้เสี่ยวหวานมีสุขภาพดีมาก นุ่มสลวย เรียบลื่น ให้ความรู้สึกเหมือนผ้าไหมเนื้อดี ฉินเย่จือถือหวีมันซ้ำแล้วซ้ำอีก

ในกระจก มือของฉินเย่จือกำลังยกอยู่เหนือศีรษะของกู้เสี่ยวหวาน และนางก็เห็นผมตัวเองถูกหวีอย่างช้า ๆ

ฉินเย่จือวางหวีลงและสอดปิ่นปักดอกท้อลงบนผมของกู้เสี่ยวหวาน กู้เสี่ยวหวานก็ตระหนักว่าฉินเย่จือกำลังช่วยนางทำผม

แม้ว่าทรงผมนี้จะไม่ใช่ทรงผมในเวลากลางวัน และมันง่ายกว่าทรงที่อาจั่วทำมาก แต่ชายร่างใหญ่ที่สามารถจัดการกับผมนี้ได้ดีกว่าตัวเองทำให้กู้เสี่ยวหวานรู้สึกตกใจและผิดหวังอย่างมาก

นางมองดูผมที่ถูกหวีอย่างเรียบร้อยในกระจก แล้วทำหน้ามุ่ย “พี่เย่จือ ทำไมท่านถึงรู้วิธีทำผม”

เขามีความสามารถทั้งด้านวรรณกรรมและการทหารและล้วนมีฝีมือ เมื่อลองคิดดู ถ้าตอนนั้นตัวเองไม่ช่วยเขาไว้ ถ้าเขาไม่หน้าทนจะอยู่ด้วย ตัวเองก็คงจะเทียบอีกฝ่ายไม่ได้

ฉินเย่จือมองไปที่ผมของกู้เสี่ยวหวานด้วยความพึงพอใจและพยักหน้า “ดูดีหรือไม่”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “มันสวย แต่…”

ฉินเย่จือดึงกู้เสี่ยวหวานขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอก แต่คำสองคำนี้ยังคงอยู่ในปากของนาง หลังจากเปิดประตูและออกจากห้อง กู้เสี่ยวหวานถึงได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ “มันแตกต่างจากผมที่อาจั่วทำให้ข้าในวันนี้”

เมื่อเข้าไปในห้องแล้วทรงผมเปลี่ยน ทุกคนจะพูดเกี่ยวกับตัวเองว่าอย่างไร?

ทันทีที่นางพูดจบ อาจั่วก็พุ่งออกมาจากด้านข้าง ปรากฏว่านางอยู่ชั้นบนตลอดเวลา ช่วยกู้เสี่ยวหวานเฝ้าประตูและไม่ให้ใครเข้ามา

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานออกมา นางก็รีบแสดงตัวออกมาทันที

แน่นอนว่าเมื่อเห็นใบหน้าของกู้เสี่ยวหวาน ความประหลาดใจก็ฉายชัดไปทั่วใบหน้าของอาจั่ว และนางก็เหลือบมองไปที่ทรงผมของกู้เสี่ยวหวาน ร่องรอยของความประหลาดใจฉายในดวงตาของนางอีกครั้ง

ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงและรีบก้มศีรษะลงทันที

ฉินเย่จือที่อยู่ด้านข้างเหลือบมองอาจั่วเล็กน้อย จากนั้นนางก็ลดศีรษะลงทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ

กู้เสี่ยวหวานต้องการกลับไปที่ห้องเพื่อเปลี่ยนทรงผม แต่ผมทรงนี้ฉินเย่จือเป็นคนทำมันให้นาง ดังนั้นหากนางรีบแก้ทรงผมตอนนี้มันคงจะไม่ดี หากในอนาคตเขาต้องการทำผมให้นางในภายหลัง ตอนนั้นมันอาจทำให้ความกระตือรือร้นของเขาหมดลง นอกจากนี้ วันนี้ทุกคนอาจจะยังไม่รู้ว่าตัวเองทำผมทรงอะไร

หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วก็ตัดสินใจที่จะลืม ๆ มันไป นางมองไปที่ฉินเย่จืออย่างขอบคุณ จากนั้นให้อาจั่วพาตัวเองไปที่ชั้นหนึ่ง

ฉินเย่จือยืนอยู่ข้างหลังพลางมองแผ่นหลังที่สวยงามของกู้เสี่ยวหวานด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น

จากนั้นก็เดินตามหญิงสาวไปทันที

กู้เสี่ยวหวานมีความคิดที่ดี แต่เมื่อนางไปถึงห้องโถง นางก็รับรู้ได้ว่าทุกคนดูแลนางมากแค่ไหน

ทุกคนรู้เรื่องการเปลี่ยนทรงผมของนางด้วยซ้ำ

เพื่อเฉลิมฉลองที่ร้านจิ่นฝูรอดพ้นจากมลทิน หลี่พ่างจื่อและเกาจื่อได้เตรียมงานเลี้ยงในคืนนี้

เมื่อเดินเข้าไปก็มีโต๊ะขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยชาม ตะเกียบ และจานตรงกลาง มีหม้อขนาดใหญ่ที่กำลังต้มบางอย่างอยู่ และมีอาหารดิบอยู่รอบ ๆ ดูเหมือนว่าวันนี้จะมีหม้อไฟให้กิน

เนื่องจากร้านจิ่นฝูมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม ร้านอาหารจึงถูกปิด ดังนั้นยกเว้นหลี่พ่างจื่อและเกาจื่อที่ยังอยู่ในร้านอาหาร กู้เสี่ยวหวานจึงให้คนอื่นกลับไปก่อน ที่ในครัวนอกจากหลี่พ่างจื่อและเกาจื่อที่เป็นพ่อครัวแล้วก็มีท่านป้าจางกับท่านอา

และเห็นว่าพวกเขากำลังยุ่ง คนหนึ่งกำลังล้างผัก คนหนึ่งกำลังหั่นผัก และสองคนกำลังทำอาหาร หลังจากนั้นไม่นาน อาหารร้อน ๆ จานหนึ่งก็ถูกตักออกจากกระทะ

เมื่อกู้ฟางสี่กำลังยกจานอาหารออกมาจากห้องครัว นางก็เห็นกู้เสี่ยวหวานยืนอยู่ที่ประตู มองไปที่พวกเขาด้วยรอยยิ้ม

ห้องครัวเต็มไปด้วยควันคลุ้งและมีกลิ่นเหม็นน้ำมัน เมื่อกู้ฟางสี่เห็นนางจึงรีบไล่กู้เสี่ยวหวานออกไป “ในครัวมีแต่ควัน เสี่ยวหวานรีบออกไปเร็ว เดี๋ยวเจ้าจะสำลักเอาได้”

ไม่รู้ว่ามันเริ่มเมื่อไรที่กู้เสี่ยวหวานไม่สามารถเข้าไปในครัวนี้ได้อีก

ในครัวดูเหมือนว่าจะเป็นโลกของท่านป้าจางและท่านอา ตราบใดที่พวกนางกำลังทำอาหาร พวกนางจะไม่ยอมปล่อยให้กู้เสี่ยวหวานเข้าไป โดยบอกว่ามีควันในครัว เดี๋ยวจะสำลักควันเอาได้

นอกจากนี้ยังกล่าวด้วยว่า สิ่งเหล่านี้ในครัวเป็นงานที่หยาบ จะให้กู้เสี่ยวหวานลงมือทำได้อย่างไร

ในอดีต สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานเคยทำ สับฟืน แบกน้ำ ล้างผัก ทำอาหาร และล้างจาน ไม่มีสิ่งไหนที่นางไม่เคยทำ

ตอนนี้เมื่อชีวิตดีขึ้น กู้เสี่ยวหวานก็ไม่จำเป็นต้องทำสิ่งเหล่านี้อีกต่อไป ยิ่งกว่านั้น สถานะของกู้เสี่ยวหวานก็ต่างออกไป กู้ฟางสี่และป้าจางจะไม่มีวันปล่อยให้กู้เสี่ยวหวานกลับมาทำสิ่งเหล่านี้แน่นอน

………………………………………………….

 

บทที่ 1276 ฉินเย่จือหึง

บทที่ 1276 ฉินเย่จือหึง

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้โต้เถียง อย่างไรก็ตาม มันคงดีที่จะซื้อสาวใช้อีกสองคนให้ครอบครัว แต่ป้าจางและอาหญิงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง โดยบอกว่าพวกนางทำสิ่งต่าง ๆ ได้ก็เพียงพอแล้ว ถ้านางซื้อสาวใช้มาจะเหลืองานอะไรให้พวกนางทำ

เมื่อเห็นว่าพวกนางยังคงยืนกราน กู้เสี่ยวหวานก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมแพ้

ขณะที่นางกำลังจะหันหลังกลับออกไป และได้ยินกู้ฟางสี่พูดอย่างสงสัย “ทรงผมที่เพิ่งเปลี่ยนดูดีทีเดียว”

เมื่อได้ยินป้าจางก็โผล่ศีรษะออกมา “ใช่แล้ว ฝีมือของอาจั่วดีขึ้นเรื่อย ๆ เลย อาจั่ว ทรงผมง่าย ๆ แบบนี้เหมาะกับกู้เสี่ยวหวานมาก จากนี้ไปเจ้าก็ทำผมทรงนี้ให้มากขึ้นสิ มันดูสดชื่นและสวยงามมาก”

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้ากู้เสี่ยวหวานก็ขึ้นสีแดงก่ำ นางรีบเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง ป้าจางและกู้ฟางสี่รู้สึกงุนงงเล็กน้อยกับการกระทำของนาง และหันไปมองอาจั่ว

อาจั่วตั้งใจจะบอกความจริง “ข้าไม่ได้ทำมัน”

จากนั้นทิ้งให้กู้ฟางสี่และป้าจางเต็มไปอยู่กับความงุนงง และเดินตามกู้เสี่ยวหวานไปอย่างรวดเร็ว

ทิ้งให้กู้ฟางสี่และป้าจางกระซิบกันอยู่ในครัว “เสี่ยวหวานทำผมเก่งไม่ใช่หรือ ถ้าอาจั่วไม่ทำผมทรงนี้ให้ แล้วใครเป็นคนทำ ทำไมนางถึงเปลี่ยนทรงผมวันละสองครั้ง”

ไม่นานก็ถึงเวลาอาหารเย็น

ทุกคนนั่งลงบนโต๊ะ แม้แต่เหลียงอวี้เฉิงที่สามารถลุกขึ้นนั่งได้แล้วก็อยู่ที่นี่ กู้เสี่ยวหวานก็ให้ฉือโถวแบกเขาไว้บนหลังและมานั่งที่โต๊ะ หากแต่เขาก็ยังไม่ยินยอม

“เถ้าแก่ ข้ากลับไปดีกว่า ข้าไปกินอะไรในห้องก็พอแล้ว” เหลียงอวี้เฉิงหน้าแดงเล็กน้อย

กู้เสี่ยวหวานคิดว่าเขายังรู้สึกไม่ค่อยสบาย จึงรีบถามว่า “ทำไมหรือ เจ้าเจ็บตรงไหนหรือไม่ ต้องเรียกท่านหมอมาดูไหม”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหลียงอวี้เฉิงรีบโบกมือ ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ ๆ เถ้าแก่ ข้าสบายดี”

“ถ้าสบายดีก็นั่งกินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับห้อง ถ้าเหนื่อยก็กลับก่อน” กู้เสี่ยวหวานพูดเบา ๆ

โดยไม่คาดคิด เหลียงอวี้เฉิงยังคงส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่ เถ้าแก่ ข้าเป็นแค่คนรับใช้ และข้าไม่สามารถนั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับเจ้านายได้”

เมื่อได้ยินว่านี่คือเหตุผล กู้เสี่ยวหวานก็คลี่ยิ้ม “เจ้านั่งลงตามสบายเถอะ เจ้าไม่ใช่คนรับใช้ เจ้าเป็นผู้ช่วยของข้า ในอนาคตบัญชีของร้านจิ่นฝูจะขึ้นอยู่กับเจ้าทั้งหมด”

หลังจากพูดจบ นางก็หันหน้าไปพูดกับฉินเย่จือที่อยู่ด้านข้าง “พี่เย่จือ ข้าวางแผนที่จะให้เขาเรียนรู้วิธีคำนวณบัญชีกับข้า จากนี้ไป เขาจะจัดการบัญชีของร้านจิ่นฝู ท่านคิดว่าดีหรือไม่”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินเย่จือรีบพยักหน้าเห็นด้วย นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการพอดี

ตอนนี้ กู้เสี่ยวหวานมีสถานะเป็นเสี้ยนจู่ จะมีจดหมายจากเมืองหลวงมาเร็ว ๆ นี้ และกู้เสี่ยวหวานไม่สามารถอยู่ในเมืองหลิวเจียนานเกินไป เขามีความคิดที่จะขอให้กู้เสี่ยวหวานจ้างคนทำบัญชีคนใหม่ เนื่องจากกู้เสี่ยวหวานได้เลือกแล้ว มันจึงตรงกับความต้องการของเขาพอดี

เหลียงอวี้เฉิงเป็นคนซื่อสัตย์ต่อกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือจึงรู้สึกโล่งใจมาก

ฉินเย่จือเห็นด้วย กู้ฟางสี่และคนอื่น ๆ ก็เห็นด้วยเช่นกัน

กู้เสี่ยวหวานเป็นผู้หญิง และนางเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ นางมักจะแสดงใบหน้าของนางแบบนี้ซึ่งไม่ดีต่อชื่อเสียงของนาง แต่ในฐานะคนทำบัญชี นางจึงต้องไปที่ร้านอาหารทุก ๆ สองวันเพื่อคำนวณบัญชี กู้ฟางสี่และคนอื่น ๆ ต้องการให้กู้เสี่ยวหวานส่งมอบตำแหน่งนักบัญชีให้คนอื่นโดยเร็วที่สุด

ทุกคนต้องการให้เหลียงอวี้เฉิงเรียนรู้จากกู้เสี่ยวหวาน โดยเฉพาะหลี่พ่างจื่อและเกาจื่อ หลังจากผ่านไปหลายปีตั้งแต่หลี่ฝานไปที่เมืองหลวง ร้านจิ่นฝูก็ถูกส่งมอบให้กับกู้เสี่ยวหวาน

แม้ว่านางจะเป็นผู้หญิง แต่นางก็ดูแลทุกอย่างของร้านจิ่นฝูให้เป็นระเบียบ โดยเฉพาะเรื่องการทำบัญชี

ร้านจิ่นฝูที่อยู่ในมือของกู้เสี่ยวหวานมีขนาดใหญ่กว่าตอนที่อยู่ในมือของหลี่ฝาน

เมื่อร้านใหญ่ขึ้น แน่นอนว่าผลประโยชน์ของกลุ่มคนที่ทำงานในร้านอาหารก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ตอนนี้ กู้เสี่ยวหวานต้องการฝึกคนทำบัญชีคนหนึ่ง หลี่พ่างจื่อและเกาจื่อก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องของเวลา เมื่อเห็นว่านางได้เลือกเหลียงอวี้เฉิงแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็เห็นด้วย

เด็กคนนี้มีจิตใจดี ไม่มีเจตนาร้าย ขยันหมั่นเพียร และที่สำคัญยังซื่อสัตย์ อดทนต่อความลำบากมามาก แม้ตัวเองจะได้รับความทุกข์ทรมาน แต่เขาก็ไม่ใส่ร้ายเจ้าของร้าน ความจริงใจนี้ช่างน่ายกย่อง

“เหลียงอวี้เฉิง นี่เป็นเรื่องที่ดี เจ้าต้องตั้งใจเรียนรู้จากเถ้าแก่” หลี่พ่างจื่อและเกาจื่อต่างก็ตั้งความหวังกับเหลียงอวี้เฉิงไว้สูง

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครคัดค้าน กู้เสี่ยวหวานจึงต้องการที่จะสอนเขาถึงวิธีคำนวณบัญชีด้วยใจจริง

เหลียงอวี้เฉิงเป็นคนเฉลียวฉลาด หลังจากนอนอยู่บนเตียงสองสามวันและดูสมุดบัญชี เขาก็เกือบจะเข้าใจทั้งหมด หลังจากที่เขาพักฟื้นจนหายดีแล้ว เมื่อเขาเรียนรู้จากกู้เสี่ยวหวาน กู้เสี่ยวหวานจึงไม่ต้องทำงานหนัก

นอกจากนี้ เหลียงอวี้เฉิงยังเต็มใจที่จะอดทนต่อความยากลำบากและมีความขยันหมั่นเพียร เขาจึงมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว กู้เสี่ยวหวานส่งมอบเรื่องนี้ไปอย่างสบายใจ

“เหลียงอวี้เฉิงคนนี้มีพรสวรรค์มาก หลังจากสอนเพียงไม่กี่วัน เขาสามารถคำนวณบัญชีง่าย ๆ ได้อย่างราบรื่นซึ่ง ยอดเยี่ยมจริง ๆ” กู้เสี่ยวหวานนั่งอยู่ในสวนกู้ รินน้ำชาลงในถ้วยของตัวเองและรินให้ฉินเย่จือ

นี่คือห้องน้ำชาที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ฉินเย่จือและกู้เสี่ยวหวานชอบดื่มชาเหมือนกัน พวกเขาจึงจัดอุปกรณ์ชงชาและซื้อของต่าง ๆ มาไว้ในห้องนี้ เมื่อนางไม่มีอะไรทำ นางก็จะมานั่งอยู่ในห้องชาน้ำนี้กับฉินเย่จือ ดื่มชาและพูดคุยกัน

กู้เสี่ยวหวานจิบชาด้วยสีหน้าที่มีความสุข นางส่งมอบงานของบัญชีไปแล้ว และในอนาคตถ้านางไม่อยู่ร้านเป็นเวลานาน นางก็ไม่ต้องกังวลกับมัน

กู้เสี่ยวหวานไม่ค่อยชมเชยคนอื่น และตอนนี้เมื่อนางชมผู้ชายคนหนึ่ง ฉินเย่จือก็ยกชาขึ้นจิบ “เขาเป็นคนเก่ง หวานเอ๋อร์ของข้าไม่ค่อยชื่นชมคนอื่น แต่ตอนนี้เจ้าช่างใจกว้างจริง ๆ เวลาชมเชยคนอื่น”

กู้เสี่ยวหวานจิบชาอีกครั้ง ชามีรสชาติที่นุ่มนวลและมีกลิ่นหอมแตะปลายลิ้นจนถึงหัวใจของนาง เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเย่จือ ไม่ว่านางจะฟังอย่างไร นางก็รู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้ฟังดูแปลกประหลาดเล็กน้อย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท