บทที่ 1277 วุ่นอยู่กับการหาลูกสะใภ้
บทที่ 1277 วุ่นอยู่กับการหาลูกสะใภ้
กู้เสี่ยวหวานเงยหน้าขึ้นมองฉินเย่จือ นางเห็นฉินเย่จือนั่งอยู่ที่นั่นด้วยใบหน้าที่โศกเศร้า ดวงตาคมเรียวยาวของเขาหรี่ตามองมาที่ตนเองอย่างเศร้าสร้อย ราวกับว่าถูกแม่ดุ
กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ถึงนึกถึงคำว่า ‘เด็กถูกแม่ดุ’ แต่เมื่อนางนึกถึงสิ่งนี้ นางหัวเราะออกมาและแสร้งทำเป็นงงงวยพลางถามว่า “พี่เย่จือ เป็นอะไรไปหรือ ใครรังแกท่านกัน”
ใครจะกล้ารังแกเขา
การรังแกเขาก็เป็นเหมือนกับการหาเหาใส่หัว
ฉินเย่จือรู้สึกเสียใจอย่างมาก คิ้วของเขาขมวดมากยิ่งขึ้น เขากัดริมฝีปากและจ้องมองที่กู้เสี่ยวหวาน ดูเหมือนว่าเขาถูกรังแก
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกตกใจอย่างมากกับท่าทางที่เศร้าโศกของฉินเย่จือ นางแค่รู้สึกว่ามีใครบางคนเข้ามากระชากหัวใจของนางอย่างรุนแรง หญิงสาวรีบวางถ้วยชาในมือแล้วลุกขึ้นโดยไม่ได้คิดอะไร
เท้าขาวสะอาดราวหิมะคู่หนึ่งเดินเท้าเปลือยเปล่าเหยียบย่ำไปบนพื้นไม้ไผ่ก้าวไปหาฉินเย่จือทีละก้าว
ฉินเย่จือเงยหน้าขึ้นก็เห็นกู้เสี่ยวหวานเดินมาหาเขาอย่างไม่ละสายตา ดวงตาที่สวยงามฉายแววลังเล กลัวว่าหากกะพริบตาแล้วกู้เสี่ยวหวานจะหายไปจากสายตาของเขา
ฉินเย่จือเงยหน้าขึ้นและมองไปที่กู้เสี่ยวหวานโดยไม่กะพริบตา
กู้เสี่ยวหวานลดศีรษะลงและจ้องมองไปที่ฉินเย่จือ
ทั้งคู่ไม่อาจะละสายตาออกจากกันได้
กู้เสี่ยวหวานเดินมาหยุดลงที่ด้านข้างของฉินเย่จือ นางยืนอยู่ตรงนั้นและมองไปที่อีกฝ่าย
ฉินเย่จือเงยศีรษะขึ้นมองนาง ดวงตาแวววับเปล่งประกายเต็มไปด้วยเสน่ห์
กู้เสี่ยวหวานไม่สามารถต้านทานเสน่ห์อันเย้ายวนใจได้ นางก้มหน้าและลดศีรษะลงเพื่อเข้าหาฉินเย่จือ
แสงอาทิตย์อัสดงด้านนอกสาดส่องผ่านหน้าต่างบานกว้างเข้ามาในห้องน้ำชาที่ตกแต่งใหม่ ผมดำยาวของกู้เสี่ยวหวานตกลงมาปรกหน้านางขณะที่เอนตัวไปข้างหน้า
นางอยู่ห่างจากแก้มของฉินเย่จือเพียงปลายจมูก กู้เสี่ยวหวานหยุดจ้องมองอยู่เนินนาน ดวงตาสีเข้มของนางจ้องดวงตาที่มีเสน่ห์คู่นั้น
ดวงตาของฉินเย่จือนั้นสวยงาม คิ้วของเขาเหมือนถูกวาดด้วยหมึกอย่างดี ทั้งดวงตาและคิ้วของเขาช่างงดงาม
ดวงตาที่ลึกล้ำคู่นั้นดูเหมือนจะสามารถดูดซับพลังงานทั้งหมดของคนคนหนึ่งได้ และทำให้ผู้คนหลงใหล
กู้เสี่ยวหวานยื่นศีรษะของนางไปหาฉินเย่จือโดยไม่คิด
ริมฝีปากนุ่มของนางประกบลงบนริมฝีปากของเขา
ฉือโถวเดินผ่านประตูห้องน้ำชาพร้อมกับหม้อในมือ และเมื่อเขาหันศีรษะไปก็เห็นแสงระเรื่อของดวงอาทิตย์ตกกระทบกับคนทั้งสอง ราวกับว่าพวกเขาถูกปกคลุมด้วยแสงสีทอง
ฉือโถวชำเลืองมองและรีบเบือนหน้านี้ เขาก้าวเท้าอย่างว่องไว เมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ เขาก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้
หลังจากนั้นไม่นาน รอยยิ้มที่ชัดเจนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา และดูเหมือนว่าเขากำลังกระซิบบางอย่างกับแสงตะวันลับขอบฟ้า
เสี่ยวหวาน เจ้าจะต้องมีความสุขตลอดไป
จดหมายจากเมืองหลวงมาถึงอย่างรวดเร็ว และเป็นไปตามที่กู้เสี่ยวหวานคาดไว้คือ วันเกิดปีที่สี่สิบของไทเฮา เจ้าหน้าที่ พลเรือน ทหาร และญาติ สตรีทุกคนที่มีสถานะตั้งแต่ระดับห้าขึ้นไปจะต้องเข้าวังเพื่อแสดงความเคารพ
ประกาศนี้ถูกส่งมาโดยหลี่ฝาน
วันเกิดของไทเฮาตรงกับเดือนแปด หลี่ฝานกล่าวในจดหมายว่า บ้านในเมืองหลวงเริ่มทำความสะอาดแล้ว และให้พวกเขาเริ่มซื้อของที่พวกเขาต้องใช้เมื่อไปถึงเมืองหลวง
จะใช้เวลาประมาณครึ่งเดือนสำหรับการขนส่งไปยังเมืองหลวง กู้เสี่ยวหวานคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และตัดสินใจที่จะรออีกสักพักก่อนที่จะตัดสินใจไปเมืองหลวง
ไม่ใช่เพราะว่านางกลัว แต่เป็นเพราะป้าจางบอกเรื่องหนึ่งกับนาง
ท่านพี่ฉือโถวอายุครบสิบแปดปีในปีนี้ ชายคนอื่นล้วนแต่งงานในช่วงอายุเท่านี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ท่านพี่ฉือโถวอยู่ที่สวนกู้ และไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับการแต่งงานเลยตั้งแต่กู้เสี่ยวหวานยังเด็ก นางก็เลยไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้
ป้าจางไม่ได้บอกนางโดยตรง แต่นางได้ยินตอนป้าจางคุยกับกู้ฟางสี่
“ฟางสี่ เจ้าคิดอย่างไรกับแม่นางจากตระกูลฟ่านที่อยู่ในเมือง” ป้าจางที่กำลังล้างผักพร้อมทั้งพูดคุยกับกู้ฟางสี่
“ครอบครัวของผู้เฒ่าฟ่านน่ะ ที่มีลูกสาวคนโตหนึ่งคนแล้วก็ลูกชายคนเล็กอีกหนึ่งคน” กู้ฟางสี่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในใจของนางก็นึกถึงผู้เฒ่าฟ่านที่เคยอาศัยอยู่ในทุ่งนาของกู้เสี่ยวหวาน
ผู้เฒ่าฟ่านอายุแค่สี่สิบปี แต่เนื่องจากภรรยาของเขาเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเขาจึงเป็นทั้งพ่อและแม่ เขาต้องเลี้ยงดูลูกสองคนเพียงลำพังในขณะที่ลูกยังไม่ได้หย่านม เขาไม่เคยแต่งงานใหม่เลยและใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เขาเลยดูแก่กว่าวัย
“ใช่ แม่นางผู้นั้นอายุยี่สิบในปีนี้ นางขยันและกตัญญู หน้าตาดีทีเดียว” ยิ่งป้าจางพูด นางก็ยิ่งตื่นเต้นราวกับว่านางได้แต่งงานกับแม่นางคนนั้นเสียเอง
กู้เสี่ยวหวานกำลังฟังอยู่และนึกถึงแม่นางฟ่านคนนั้นด้วย
นางเคยเห็นแม่นางคนนั้นมาก่อน คิ้วหนา ตากลมโต ใบหน้ากลมมาตรฐาน รูปร่างดีผิวคล้ำเล็กน้อย วันธรรมดาดูเหมือนว่านางมักจะทำไร่ไถนา
นางเคยติดต่อกับแม่นางฟ่านครั้งหรือสองครั้ง นางดูเป็นคนพูดเสียงดัง หากแต่ก็ไม่ได้มีนิสัยเลวร้ายอะไร
“พี่สะใภ้ ท่านหมายความว่าอย่างไร”
กู้ฟางสี่เข้าใจว่าป้าจางหมายถึงอะไร และถามอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านอยากให้ฉือโถวแต่งงานกับนางหรือ”
“ก็ใช่น่ะสิ ฉือโถวจะอายุสิบแปดแล้ว ถ้าเป็นเด็กจากตระกูลอื่น พวกเขาคงมีลูกกันหมดแล้ว ฉือโถวของข้าขี้อาย จะให้ข้าทำอย่างไรล่ะนอกจากช่วยเขาหาภรรยา หาคนที่กล้าพูดจา” ดูเหมือนป้าจางจะคิดว่าการแต่งงานครั้งนี้จะช่วยเติมเต็มให้กับฉือโถว
กู้เสี่ยวหวานริเริ่มจับคู่ฉือโถวกับแม่นางฟ่านเช่นกัน และรู้สึกว่าทั้งสองดูเหมาะสมที่จะเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ
ท่านพี่ฉือโถวค่อนข้างปากหนัก ไม่ชอบพูดและเสียงของเขายังต่ำเล็กน้อยเมื่อเขาเอ่ย แต่แม่นางฟ่านเกิดมาพร้อมกับเสียงที่ดัง คำพูดของนางชัดเจนและดังราวกับจุดประทัด
แม่นางฟ่านมีความคิดเป็นของตัวเอง ทุกครั้งที่นางมาเยือนที่สวนกู้ ผู้เฒ่าฟ่านมักจะนำอาหารติดไม้ติดมือมาด้วยเสมอ และแม่นางฟ่านก็เป็นคนลงมือทำทั้งหมด เห็นได้ว่าแม่นางฟ่านคนนี้ไม่เหมือนหญิงทั่วไป
หากนางได้มาเป็นภรรยาของฉือโถว ก็คงเติมเต็มซึ่งกันและกัน
กู้เสี่ยวหวานคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง นางพอใจมากและพูดทันที “ข้าก็เห็นด้วยว่าท่านพี่ฉือโถวและแม่นางฟ่านนั้นเหมาะสมที่จะเป็นคู่สามีภรรยา”
บทที่ 1278 คัดเลือกลูกสะใภ้
บทที่ 1278 คัดเลือกลูกสะใภ้
ป้าจางและกู้ฟางสี่รู้สึกประหลาดใจ เมื่อได้ยินเสียงที่ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ป้าจางรู้สึกตกใจมาก เมื่อนางเห็นว่าคนที่อยู่ด้านหลังหลังคือกู้เสี่ยวหวาน ป้าจางรู้สึกโล่งใจและตบหน้าอกแผ่วเบา
กู้เสี่ยวหวานมองอย่างสงสัย “ท่านป้า ท่านเป็นอะไรไป ทำไมถึงต้องตกใจขนาดนั้น”
“โถ่” ป้าจางพูดอย่างหมดหนทาง “ก็เรื่องฉือโถวน่ะสิ ข้าบอกเขาเรื่องการหาหญิงสาวมาแต่งงาน แต่ข้าเอ่ยปากทีไรเขาก็แสดงอาการกังวลและต่อต้านข้าทุกที ข้าก็กลัวว่าเขาจะมาได้ยินเข้า ไม่งั้นข้าแย่แน่เลย”
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานก็หัวเราะเบา ๆ “ท่านป้า ท่านบอกว่าพี่ฉือโถวไม่อยากแต่งงานหรือ?”
“ใช่” ป้าจางชำเลืองมองกู้เสี่ยวหวาน ราวกับว่ากำลังมองลูกสาวของตนเอง หัวใจของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด และนางก็พูดด้วยรอยยิ้ม “เขาบอกว่าอยากรออีกสักสองสามปี เขาอยากที่จะทำอะไรบางอย่างก่อน แล้วเรื่องนี้ค่อยว่ากันทีหลัง แต่ข้าจะรอไม่ไหวแล้ว ข้าอยากได้หลานชาย ลุงจางก็ร้องอยากจะอุ้มหลานแล้ว”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “พี่ฉือโถวอายุสิบแปด และเขาจะอายุสิบเก้าเมื่อปีใหม่มาถึง มันก็ถึงเวลาที่เขาจะแต่งงานได้แล้ว เมื่อเขาแต่งงานมีภรรยา มีคนเข้ามาเติมเต็มชีวิต ครอบครัวคงมีชีวิตชีวามาก”
กู้ฟางสี่พูดจากด้านข้าง “ใช่ นั่นคือสิ่งที่ข้าคิดเช่นกัน การแต่งงานควรแต่งงานกับคนที่มีคุณธรรม แม่นางฟ่านผู้นี้เป็นหญิงที่มีคุณธรรมและใจดี ถ้านางสามารถมาเป็นภรรยาของฉือโถวได้จริง ๆ นี่ก็คงเป็นคู่ที่สวรรค์สร้างมาให้จริง ๆ”
“แม่นางผู้นั้นเป็นเด็กดี แม้ว่าครอบครัวของนางจะยากจน แต่นางก็มีความทะเยอทะยานสูง และน้องชายของนางก็ทำงานหนักและซื่อสัตย์ ครอบครัวของนางนั้นก็เรียบง่าย ในอนาคตถ้าได้แต่งงานกับฉือโถวก็คงจะเข้ากันได้ดี”
ป้าจางหรี่ตาของนางแล้วยิ้ม ความปรารถนาบนใบหน้าของนางดูเหมือนว่าฉือโถวแต่งงานแล้วและครอบครัวก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
ดูเหมือนว่าป้าจางจะพอใจกับแม่นางฟ่านคนนี้มาก
ตราบใดที่ป้าจางชอบ และหญิงผู้นั้นก็เป็นผู้หญิงที่ดีและครอบครัวของนางก็เป็นครอบครัวที่ดี กู้เสี่ยวหวานก็มีความสุขไปด้วยที่ท่านพี่ฉือโถวได้แต่งงานกับแม่นางฟ่าน
“ท่านป้า ข้าจะส่งคนไปเชิญแม่สื่อลี่และให้นางไปที่บ้านตระกูลฟ่านเพื่อสู่ขอ”
เมื่อป้าจางได้ยินสิ่งนี้นางก็รีบโบกมือ “ไม่ ๆ ทำไมต้องใช้เงินขนาดนั้น ภรรยาของหลิวต้าจ้วงคุ้นเคยกับตระกูลฟ่านเป็นอย่างดี นางรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าจะขอความช่วยเหลือจากนาง”
เมื่อเห็นว่าป้าจางเตรียมพร้อมแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็ไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้ “เช่นนั้นก็ได้ ท่านป้าจางไปทำงานของท่านเถอะ หากท่านมีปัญหาอะไร ก็บอกข้าได้เสมอ”
ป้าจางพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ได้ ๆ แต่ตอนนี้ทุกคนต้องเก็บเป็นความลับ ถ้าฉือโถวได้ยินเข้า ข้าเกรงว่าเขาจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินว่าฉือโถวไม่เห็นด้วย นางก็ทำหน้ามุ่ยและต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นว่าป้าจางมีท่าทางดื้อดึงมาก จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้
กู้เสี่ยวหวานจึงไปคิดถึงเรื่องอื่น
ฉือโถวกำลังจะแต่งงาน ดังนั้นของหมั้นจึงขาดไม่ได้ นอกจากนี้ยังต้องมีห้องจัดงานแต่งงานของฉือโถว รวมไปถึงงานเลี้ยงฉลอง มีหลายสิ่งที่ต้องทำมากเกินไป
กู้เสี่ยวหวานตัดสินใจไม่เดินทางไปเมืองหลวง นางไม่รู้ว่าเมื่อนางไปเมืองหลวงในครั้งนี้จะได้กลับมาอีกเมื่อไร บางทีอาจจะสองหรือสามปี
กู้เสี่ยวหวานคิดจะไปหาช่างไม้เพื่อทำเตียงนอน เครื่องนอนและอื่น ๆ กู้เสี่ยวหวานไม่ยอมให้ป้าจางและคนอื่น ๆ ทำ และพาอาจั่วกับอาโม่ไปรอบ ๆ เมืองหลิวเจียเพื่อเตรียมการทุกอย่าง
ตั้งแต่เตียงไปจนถึงผ้านวม มีขนมอบ ขนมสำหรับวันแต่งงานและอีกมากมาย ตั้งแต่เล็กไปจนถึงใหญ่ ทุกอย่างถูกจัดเตรียมอย่างดี
กู้เสี่ยวหวานยุ่งกับเรื่องงานแต่งงานของฉือโถว และเตรียมทุกอย่างที่ควรเตรียมล่วงหน้า เมื่อเห็นว่ายังเช้าอยู่ นางจึงไปที่ร้านจิ่นฝู
ร้านจิ่นฝูกำลังได้รับการปรับปรุง กู้เสี่ยวหวานมาดูความคืบหน้าและพบว่ามันเสร็จสิ้นแล้ว และจะใช้เวลาอีกสองวันในการทำความสะอาด และจะเปิดทำการภายในหกหรือเจ็ดวัน
ช่วงนี้หลี่พ่างจื่อและเกาจื่อไม่ได้ทำงาน พวกเขากำลังฝึกทำอาหารจานใหม่ ๆ ตามแบบที่เสี่ยวหวานต้องการ มีรายการอาหารใหม่สองอย่างทำเสร็จพอดี พวกเขาจึงนำมาให้ทุกคนได้ลิ้มลอง
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานกำลังมา พวกเขาก็รีบนำอาหารมาให้กู้เสี่ยวหวานชิม นางเคยทำให้พวกเขาชิมมาก่อน และทั้งสองคนก็ลองฝึกฝนมาตลอด
กู้เสี่ยวหวานลองชิมดูแล้วก็พบว่ารสชาติของมันใกล้เคียงกับที่นางคิดไว้ ดังนั้นนางจึงพยักหน้าและบอกว่ารสชาติของมันยอดเยี่ยมมาก
ในครั้งนี้ กู้เสี่ยวหวานคิดรายการอาหารขึ้นมาใหม่หลายรายการ หลี่พ่างจื่อและเกาจื่อมีความสุขมากที่ได้รับการอนุมัติจากกู้เสี่ยวหวาน โดยคิดว่าในอีกไม่กี่วันร้านจิ่นฝูจะเปิดอีกครั้ง และจะมีรายการอาหารใหม่อีกมากมาย เมื่อมีลูกค้าจำนวนมาก รายได้ของทางร้านก็คงมากตามไปด้วย หลี่พ่างจื่อและเกาจื่อรู้สึกตื่นเต้นมาก
“เถ้าแก่ ร้านอาหารของเราได้รับการปรับปรุงใหม่ รายการอาหารต่าง ๆ เราก็ต่างลองชิมมาเกือบหมดแล้ว เมื่อเราเปิดใหม่ กิจการในร้านอาหารของเราจะดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน” หลี่พ่างจื่อถูมือของเขาอย่างตื่นเต้นและกินอาหารที่วางไว้เต็มโต๊ะ มันเต็มไปด้วยสี กลิ่นหอม และรสชาติ ไม่ต่างจากที่เถ้าแก่เคยลงมือทำให้พวกเขาชิมในครั้งก่อนมากนัก
“ถูกต้อง เถ้าแก่ ทำไมมีแต่ของอร่อยอยู่ในหัวท่านนะ” เกาจื่อลูบมือของเขาและพูดอย่างตื่นเต้น “พวกข้านึกไม่ได้อย่างท่านเลยจริง ๆ ก็เหมือนมันเทศนั่น พวกข้ากินโดยการผัดมาโดยตลอด แต่ท่านยังมีวิธีอีกมากมาย เช่น ต้ม ตุ๋น หั่นฝอย ขนมมันเทศและมันเทศแท่ง ท่านชุบชีวิตมันเทศที่เหมือนจะตายแล้วให้ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมา”
หลี่พ่างจื่อชื่นชมอยู่ด้านข้าง “เกาจื่อพูดถูก พวกข้าเป็นพ่อครัวทั้งคู่ แต่พวกข้าไม่สามารถคิดวิธีกินได้มากมาย แต่ท่านคิดได้และทำอาหารก็อร่อยมาก ฝีมือดีกว่าพวกข้ามาก”
เมื่อเห็นว่าคนสองคนนี้ชื่นชมนางไม่หยุด กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกเขินอายขึ้นมา
นางได้ชิมอาหารของที่ไหน นางก็จะนึกถึงสถานที่นั้น ๆ ทั้งอาหารซานตง อาหารเสฉวน อาหารหวยหยาง อาหารกวางตุ้ง อาหารเจ้อเจียง อาหารฝูเจี้ยน อาหารหูหนาน อาหารอันฮุย รวมถึงอาหารปักกิ่งและอาหารหูเป่ย์ ‘อาหารสิบอย่าง’ อาหารอย่างใดอย่างหนึ่ง ตราบใดที่มีอยู่ในร้านอาหาร นางก็ชื่นชอบทั้งหมด เพราะกู้เสี่ยวหวานเคยกินมันมาก่อนในชีวิตที่แล้ว
นอกจากนี้พ่อกับแม่ยังเป็น ‘นักชิม’ ได้ยินมาว่าทั้งคู่ได้เรียนรู้จากโรงเรียนสอนทำอาหารชื่อดังและอาหารที่พวกเขาปรุงนั้นเต็มไปด้วยสีสันและรสชาติที่อร่อย กู้เสี่ยวหวานเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ทุกครั้งที่นางทานอาหารจานใหม่ พ่อแม่ของนางจะบอกถึงวิธีการทำอาหาร และตราบใดที่กู้เสี่ยวหวานมีเวลา พวกเขาจะพานางไปที่ครัวเพื่อสัมผัสประสบการณ์ด้วยมือของนางเอง โดยคิดว่าถ้าในอนาคตกู้เสี่ยวหวานได้แต่งงาน การทำอาหารได้มันคงเป็นทักษะที่น่าชื่นชม
อย่างไรก็ตาม ทักษะนี้นางได้เรียนรู้ตั้งแต่ยังเด็ก ไม่เพียงแสดงทักษะเพื่อที่จะได้แต่งงาน ในทางกลับกัน นางเดินทางข้ามเวลาหลายพันปีเพื่อให้นางสามารถสร้างรายได้และเลี้ยงชีพโดยไม่ต้องอดตาย
ถ้านางข้ามมาโดยไม่รู้วิธีทำอาหาร นางคงอดตายไปแล้ว
ทุกครั้งที่กู้เสี่ยวหวานคิดถึงเหตุการณ์นี้ นางก็เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ
ครั้งนี้ฟังหลี่พ่างจื่อและเกาจื่อชื่นชมฝีมือของนาง กู้เสี่ยวหวานอดไม่ได้ที่จะคิดถึงพ่อแม่ของนางในชาติที่แล้ว ทว่าจู่ ๆ นางก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อยและพูดอะไรไม่ออก นางกินเพียงสองสามคำแล้วเดินจากไป
เดิมทีนางต้องการดูว่าความสามารถในการคำนวณบัญชีของเหลียงอวี้เฉิงช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง แต่นางไม่มีอารมณ์จริง ๆ ดังนั้นนางจึงกลับไปที่รถม้า
อาโม่กำลังขับรถม้า โดยมีอาจั่วและกู้เสี่ยวหวานนั่งอยู่ด้านใน
กู้เสี่ยวหวานอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก นางนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา นางเพียงแค่นั่งพิงรถม้าอย่างเหม่อลอย จ้องมองฉากที่อยู่นอกม่านราวกับว่าไม่มีเรี่ยวแรง
อารมณ์ของกู้เสี่ยวหวานหดหู่ และอาจั่วก็รู้สึกได้เช่นกัน แต่นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นนางจึงได้แต่กังวลอยู่ข้าง ๆ
นางต้องการพูดบางอย่างเพื่อให้กู้เสี่ยวหวานมีความสุข แต่นางไม่รู้ว่าทำไมกู้เสี่ยวหวานถึงไม่มีความสุข หลังจากคิดเรื่องนี้อยู่นาน นางก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรและเหงื่อแตกพลั่ก
กู้เสี่ยวหวานคิดถึงพ่อแม่ของนาง นางเดินทางมาอีกโลกหนึ่งเป็นเวลาแปดปีแล้ว กู้เสี่ยวหวานคิดถึงพวกเขาตลอดเวลา นางมีความคิดที่จะย้อนเวลากลับไป แต่วันเวลาก็ผ่านไปปีแล้วปีเล่า
ไม่ใช่ว่าไม่อยากกลับ แต่ไม่รู้ว่าจะกลับไปอย่างไร
ปีแล้วปีเล่ากับชีวิตที่ไม่เปลี่ยนแปลง ทำได้เพียงปล่อยวางความคิดถึงแบบนั้นอย่างเงียบ ๆ
เผชิญหน้ากับความเป็นจริง ทำดีต่อตัวเองหรือทำดีกับพ่อแม่
หากพวกท่านรู้ว่านางมีชีวิตที่ดี พวกท่านก็คงไม่ต้องคิดว่าตัวเองอยู่อย่างไร้ค่าอีกต่อไป
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกโล่งใจอีกครั้ง
ตอนนี้มีชีวิตที่ดี บางทีมันอาจจะเป็นความสบายใจของพ่อแม่ด้วย
กู้เสี่ยวหวานกลับมามีสติอีกครั้ง รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้า
อาจั่วเฝ้าดูกู้เสี่ยวหวานอย่างตั้งใจตลอดเวลา เมื่อเห็นรอยยิ้มของนางอีกครั้ง อาจั่วจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรีบส่งชาในมือให้กู้เสี่ยวหวาน “คุณหนู จิบชาหน่อยเถอะเจ้าค่ะ ท่านยังไม่ได้ดื่มน้ำตลอดทั้งบ่าย”
หลังจากได้ยินคำพูดของอาจั่ว กู้เสี่ยวหวานก็ตระหนักว่านางกระหายน้ำจริง ๆ วันนี้นางไปซื้อของในเมืองและกินอาหารสองสามคำในร้านจิ่นฝู จู่ ๆ คอของนางก็กระหายน้ำขึ้นเล็กน้อย
นางรีบดื่มชาที่อาจั่วนำมาให้ จากนั้นนางก็รู้สึกว่าความแห้งในลำคอของนางก็บรรเทาลง