ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1279 ตระกูลฟ่านไม่เห็นด้วย + ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1280 ฉือโถวเห็นด้วย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1279 ตระกูลฟ่านไม่เห็นด้วย

บทที่ 1279 ตระกูลฟ่านไม่เห็นด้วย

เมื่อคืนถ้วยชาให้อาจั่วแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็เหลือบมองแวบหนึ่ง สายตาของอาจั่วนั้นยังคงมองมาที่ตัวเองด้วยสีหน้าที่กังวล กู้เสี่ยวหวานจึงเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า ตั้งแต่ตอนที่ตัวเองเพิ่งออกจากร้านจิ่นฝูแล้วขึ้นรถมาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เอ่ยปากพูดกับนางเลยสักประโยค เมื่อเห็นตัวเองดูไม่มีความสุข จึงเป็นห่วงหรือ?

กู้เสี่ยวหวานเห็นนางเป็นห่วงตัวเอง กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกซาบซึ้งใจจึงรีบพูดกับอาจั่วว่า “อาจั่ว ชาถ้วยนี้ไม่เลวเลย เจ้าเองก็ดื่มสักถ้วยสิ”

อาจั่วตอบรับแล้วก็รินชาให้ตัวเอง น้ำชานั้นไม่เลวเลยจริง ๆ

สีหน้าของกู้เสี่ยวหวานเปลี่ยนไปอย่างมาก ไม่ได้ไม่มีความสุขเหมือนเมื่อสักครู่นี้แล้วและยังหาเรื่องมาพูดคุยกับอาจั่วไม่หยุด อาจั่วถึงวางใจได้ลง แต่ยังคิดว่ากู้เสี่ยวหวานจะต้องมีเรื่องอยู่ในใจแน่นอน ถึงตอนนั้นจะต้องบอกเจ้านาย

รถม้ากลับมาถึงสวนกู้อย่างรวดเร็ว

ทางด้านกู้เสี่ยวหวาน ทุกอย่างนั้นราบรื่นมาก แต่ทางด้านป้าจางเหมือนกับว่าเรื่องต่าง ๆ นั้นไม่ได้ราบรื่น

ภรรยาของหลิวต้าจ้วงไปสู่ขอหญิงสาวจากตระกูลฟ่าน เมื่อฟ่านหลิงได้ยินว่าเป็นครอบครัวป้าจางของสวนกู้มาสู่ขอก็ปฏิเสธทันที

ภรรยาของหลิวต้าจ้วงกลืนคำพูดที่พูดถึงตระกูลจางดี ๆ ที่เหลืออย่างตกตะลึง

เดิมทีผู้เฒ่าฟ่านนั้นพอใจมาก แต่เมื่อได้ยินลูกสาวตัวเองปฏิเสธก็ยากที่จะพูดอะไร บอกเพียงแค่ว่าทุกอย่างนั้นให้ลูกสาวตัดใจสินเอง ดูเหมือนว่าจะไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับตระกูลจาง

ภรรยาของหลิวต้าจ้วงทำหน้าที่ของป้าจางไม่สำเร็จ จึงก้มหน้าลงแล้วกลับไปสวนกู้เพื่อบอกความต้องการของตระกูลฟ่าน

พอนั่งรถม้ากลับไปที่สวนกู้แล้ว เพิ่งจะถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงที่ผิดหวังของป้าจาง “อะไรนะนางไม่เห็นด้วย”

ไม่เห็นด้วย

ดูเหมือนว่าภรรยาของหลิวต้าจ้วงกลับมาจากตระกูลฟ่านแล้ว

กู้เสี่ยวหวานเร่งฝีเท้าเดินตรงเข้าไปข้างใน

เมื่อมาถึงในห้องกินข้าวก็เห็นป้าจางและกู้ฟางสี่นั่งอยู่หน้าโต๊ะ ภรรยาของหลิวต้าจ้วงเองก็นั่งพูดคุยอยู่ข้าง ๆ บนโต๊ะนั้นยังวางสิ่งของไว้มากมาย มีผ้าพับและยังมีห่อขนม

กู้เสี่ยวหวานเข้าไปก็ได้ยินภรรยาของหลิวต้าจ้วงพูดอย่างอึดอัดว่า “ใช่แล้ว ข้าเพิ่งจะพูดจุดประสงค์ของข้าเสร็จ บอกว่าอยากจะสู่ขอฟ่านหลิง ใครจะรู้ว่าเด็กนั่นจะรีบปฏิเสธทันที”

“แล้วนางได้บอกหรือไม่ว่าเพราะอะไรจึงไม่เห็นด้วย” ป้าจางถามอย่างกระตือรือร้น

“ข้าเองก็ถามนางแล้ว นางบอกเพียงแค่ว่าไม่เหมาะสม พอข้าถามอีกครั้ง นางก็บอกว่ายังต้องหุงข้าวอีก จึงไม่ขอรั้งข้าไว้แล้ว” ภรรยาของหลิวต้าจ้วงพูดอย่างกระอักกระอ่วน

กล่าวได้ว่าเพิ่งจะเข้าไปพูดคุยเรื่องที่สู่ขอก็ถูกฟ่านหลิงปฏิเสธ และยังแอบไล่นางให้ออกมา

“นางรังเกียจสภาพความเป็นอยู่ที่ครอบครัวของข้าไม่ดีหรือไม่” ป้าจางถามอย่างผิดหวัง

เมื่อภรรยาของหลิวต้าจ้วงได้ยินก็รีบพูดว่า “พี่สะใภ้ ท่านอย่าพูดอะไรอย่างนี้เลย สภาพครอบครัวของท่านดีขนาดนี้ ท่านเป็นคนดี พี่ใหญ่เองก็เป็นคนดี ฉือโถวก็ขยันตั้งใจทำงานและใช้ชีวิตอย่างมั่นคง นี่หากอยู่ในเมืองก็ยังไม่รู้ว่าจะมีกี่ครอบครัวที่อยากแต่งงานกับฉือโถวแต่กลับไร้วาสนา เฮ้อ” ภรรยาของหลิวต้าจ้วงรีบอธิบายว่า “ฟ่านหลิงเด็กคนนั้นไม่รู้จักเสวยสุขเอาเสียเลย คนที่ดีมากเช่นนี้นางก็ปฏิเสธ ช่างไร้วาสนาเสียจริง”

ตระกูลจางอาศัยอยู่กับกู้เสี่ยวหวาน ได้ยินมาว่าเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของเสี้ยนจู่ กู้เสี่ยวหวานจึงปฏิบัติต่อคนของตระกูลจางเหมือนเป็นผู้อาวุโส อาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้า ทุกอย่างโดยทั่วไปนั้นของกู้เสี่ยวหวานก็เหมือนกับพวกเขา นี่ไม่ต่างกับเป็นครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานหรอกหรือ?

หากแต่งงานกับฉือโถว ต่อไปก็จะได้อาศัยอยู่ในสวนกู้ บ้านหลังใหญ่ที่ดีมากขนาดนี้ ครอบครัวกู้เสี่ยวหวานก็มีทั้งที่นาตั้งมากมายและยังมีร้านอาหาร ตัวเองยังมีสถานะเป็นเสี้ยนจู่อีก เมื่อทอดมองไปทั่วเมืองหลิวเจียแล้ว เกรงว่าจะมีแม่นางจำนวนมากที่รออยากจะแต่งงานกับฉือโถว

หรือไม่ก็ฟ่านหลิงเด็กคนนั้นเป็นคนไม่รู้ความ สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวตัวเองลำบากเช่นนั้น คนที่ดีมากเช่นนี้กลับไม่ต้องการก็ช่างไร้วาสนานั้นเสียจริง

ภรรยาของหลิวต้าจ้วงคิดอะไรนั้น กู้เสี่ยวหวานย่อมไม่รู้ เมื่อเห็นท่าทางที่ผิดหวังของป้าจาง กู้เสี่ยวหวานกลับคิดว่ายังต้องพยายามอีก

“หรือว่าแม่นางตระกูลฟ่านมีผู้ที่อยู่ในใจแล้ว” กู้เสี่ยวหวานถามพลางเดินเข้าไป

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานมาแล้ว ภรรยาของหลิวต้าจ้วงก็รีบลุกขึ้นจากม้านั่งและแสดงความเคารพให้กู้เสี่ยวหวาน “เสี้ยนจู่”

กู้เสี่ยวหวานรีบโบกมือ “ท่านอย่าทำเช่นนี้เลย ที่นี่ไม่มีคนนอก ไม่ต้องมากพิธี รีบนั่งลงคุยกันเถอะ” ในยามปกตินั้น ตัวเองก็ปฏิบัติต่อชาวนาที่เช่าที่ทำนาอย่างอบอุ่นมาก ทั้งหมดนั้นไม่ได้เป็นเพราะว่าตัวเองเป็นเสี้ยนจู่ หรือเพราะดูถูกพวกเขาว่าชาวนาเหล่านั้นเช่าที่ทำนาของตัวเอง

ชาวนาผู้เช่าเหล่านั้นจำกู้เสี่ยวหวานได้ดี และยังเคารพกู้เสี่ยวหวานมาก

ภรรยาของหลิวต้าจ้วงยังคงทำความเคารพให้กู้เสี่ยวหวาน เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานนั่งลงแล้วจึงนั่งลงข้าง ๆ

“ข้าคุ้นเคยกับตระกูลฟ่านมาก ฟ่านหลิงเด็กคนนั้น ปกติแล้วก็เอาแต่ทำงานเงียบ ๆ ดูแลบิดาและน้องชายของนาง ยามปกติไหนเลยจะเคยติดต่อกับบุรุษอื่น อีกทั้งข้าเองก็รู้สถานการณ์ของครอบครัวนาง บิดาสุขภาพไม่ดีและยังมีน้องชายที่เพิ่งจะโตเป็นผู้ใหญ่ แม้ว่าครอบครัวจะไม่ยากจน แต่ว่าชีวิตนั้นก็ไม่ค่อยดีนัก” ภรรยาของหลิวต้าจ้วงคิดแล้วพูดอย่างแน่วแน่ว่า “เด็กคนนั้นน่าจะไม่มีผู้ใดในใจ”

ขอแค่ไม่มีคนในใจ เช่นนั้นก็จัดการง่ายแล้ว จะกลัวก็แต่ว่าแม่นางจะมีคนอื่นอยู่ในใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจทำเรื่องที่ทำให้คนอื่นแตกแยกกันได้

กู้เสี่ยวหวานผ่อนลมหายใจ …จัดการง่าย

“แม่นางฟ่านพูดเพียงแค่ว่าไม่เหมาะสมกับฉือโถวเท่านั้นหรือ นางยังพูดอะไรอีกหรือไม่”

“ไม่ได้พูดอะไรอีก พูดแค่เพียงว่าไม่เหมาะสม จากนั้นก็บอกว่าต้องกลับไปหุงข้าวแล้วและก็เข้าไปในครัว”

“ผู้เฒ่าฟ่านบิดาของนางนั้นพูดอะไรบ้าง”

“บิดาของนางกลับพูดคุยง่าย พอได้ยินว่าข้ามาสู่ขอให้ฉือโถว บิดาของนางก็มีความสุขมาก แต่ว่าเด็กคนนั้นกลับส่ายหัวไม่เห็นด้วย บิดาของนางเองก็ไม่ได้พูดอะไร” ภรรยาของหลิวต้าจ้วงบอกกู้เสี่ยวหวานเกี่ยวกับเรื่องนี้

“บิดาของนางไม่ได้คัดค้าน” กู้เสี่ยวหวานแปลกใจมาก

สถานการณ์ของตระกูลฟ่าน กู้เสี่ยวหวานเองก็รู้

ภรรยาของผู้เฒ่าฟ่านเสียชีวิตไปสิบกว่าปีแล้ว ทิ้งผู้เฒ่าฟ่านและลูกสองคนเอาไว้ ซึ่งคนหนึ่งก็ยังไม่ทันได้หย่านม ผู้เฒ่าฟ่านก็ไม่ได้แต่งงานใหม่มานานกว่าสิบปี ผู้ชายคนหนึ่งเป็นทั้งพ่อเป็นทั้งแม่เลี้ยงดูลูกทั้งสองอย่างยากลำบาก

เพียงเพราะผู้เฒ่าฟ่านไม่อยากให้ลูกทั้งสองมีแม่เลี้ยง ถึงตอนนั้นกลัวว่าจะถูกแม่เลี้ยงรังแกแล้วมีชีวิตที่ไม่ดี ดังนั้นแล้วจึงเป็นพ่อมายมาหลายปี

ก็เพราะว่าเป็นพ่อที่เลี้ยงลูกติดมาหลายปีและไม่ได้ดูแลตัวเอง ร่างกายนี้ก็ยิ่งทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ ทุกปี

พอถึงวันที่ฝนตกก็รู้สึกปวดไปทั้งตัว เกรงว่าจะเป็นโรคเรื้อรังที่เริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย

โชคดีที่ลูกทั้งสองคนโตขึ้นก็มีความกตัญญูรู้คุณ เรื่องในบ้านเดี๋ยวนี้ผู้เฒ่าฟ่านก็ไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่งอะไรแล้ว แค่ทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เบา ๆ เรื่องอื่น ๆ นั้นก็ให้เด็กตระกูลฟ่านทั้งสองนั้นคอยดูแล

ต่อมาตระกูลฟ่านก็เช่าที่ดินสองสามหมู่ของครอบครัวกู้เสี่ยวหวาน ทุกปีเมื่อมีการเก็บเกี่ยวและส่งค่าเช่า กู้เสี่ยวหวานก็มักจะเห็นสองพี่น้องตระกูลฟ่านเสมอ

แล้วก็พึงพอใจกับคนตระกูลฟ่านมาก ชาวนาที่อยู่ในเมืองหลิวเจียนั้นน่าชื่นชมอย่างมาก

ขยันอดทนต่อความยากลำบาก กตัญญูต่อคนแก่ ขยัน ประหยัดอดออม ไม่มีงานอดิเรกที่ไม่ดีและก็ชอบช่วยเหลือผู้อื่น การประเมินนั้นดีมาก

“ไม่ได้คัดค้านนะ ตอนแรกที่ฟังข้าพูด บิดาของนางสีหน้ายังตื่นเต้น มาคิดดูแล้วก็คงจะพอใจมาก แต่ว่าหลังจากที่เด็กคนนั้นเข้ามา ได้ฟังเรื่องที่มาสู่ขอนางก็ปฏิเสธทันที บิดาของนางเห็นว่านางไม่เห็นด้วยก็ไม่พูดอะไร บอกเพียงว่านางคิดมาดีแล้ว ทุกอย่างนั้นเคารพความคิดเห็นของลูกสาวเขา” ภรรยาของหลิวต้าจ้วงพูด

“เช่นนั้นน้องชายนางเล่า” กู้เสี่ยวหวานถามต่อ

“ไม่ได้พูดอะไร พูดแค่ว่าพี่สาวพูดอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น” ภรรยาของหลิวต้าจ้วงพูดด้วยท่าทางเสียดายที่ไม่เป็นไปตามหวัง

“เสี่ยวหวาน เจ้าถามเยอะแยะเช่นนี้จะทำอะไร” กู้ฟางสี่เห็นกู้เสี่ยวหวานถามเยอะแยะเช่นนี้ก็สงสัยบ้างจึงถามขึ้น

หลังจากกู้เสี่ยวหวานฟังคำพูดของภรรยาของหลิวต้าจ้วงจบก็ยิ่งชื่นชมตระกูลฟ่านมากขึ้นเรื่อย ๆ “ท่านอา ข้ากลับพอใจแม่นางตระกูลฟ่านมาก ถ้าหากสามารถโน้มน้าวให้นางเห็นด้วยได้ ต่อไปก็เป็นคู่ที่หวานชื่นแล้ว”

ตระกูลฟ่านนี้เป็นครอบครัวที่เป็นประชาธิปไตยจริง ๆ

ตามความคิดของกู้เสี่ยวหวาน ถ้าหากเป็นคนธรรมดาแล้วมีคนอย่างตระกูลจางไปสู่ขอ ไม่ต้องบอกว่าเป็นครอบครัวอย่างตระกูลฟ่านเลย แม้แต่ครอบครัวที่ร่ำรวยก็กลัวว่าจะรีบร้อนตอบตกลงเสียด้วยซ้ำ

เพราะอะไร

เพราะว่าข้างหลังตระกูลจางมีกู้เสี่ยวหวาน

สถานะของตระกูลจางในใจของกู้เสี่ยวหวานก็เป็นเหมือนกับบิดามารดาและพี่ชาย ไม่ว่าจะเป็นของกินของใช้ พวกเขาก็มีเหมือนกับกู้เสี่ยวหวาน

ถ้าหากป้าจางไม่ได้ยืนกรานที่จะทำงานบ้าน กู้เสี่ยวหวานก็คงจ้างสาวใช้ไปนานแล้ว ป้าจางและพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไร

ในความคิดของกู้เสี่ยวหวาน ฉือโถวก็คือพี่ชายของตัวเอง

ตัวเองจะให้ฉือโถวแต่งงานกับสะใภ้อย่างน่าภูมิใจ ได้เกี่ยวดองกับฉือโถวก็ย่อมต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลกู้ ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่คิดเช่นนี้

บางคนมีเจตนาร้าย พอนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลจางกับตระกูลกู้ก็พูดจาบิดเบือนอ้อมค้อมกับป้าจาง ไม่รู้ว่ามีตั้งเท่าไรแล้ว

โชคดีที่ป้าจางรู้ความคิดของคนเหล่านี้และไม่เห็นด้วย

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรอฉือโถวอายุสิบแปด ชีวิตในครอบครัวก็ค่อย ๆ เริ่มเข้าที่เข้าทาง ป้าจางจึงเริ่มวุ่นอยู่กับเรื่องการแต่งงานของฉือโถวอีกครั้ง

โชคดีที่นางมีคนเลือกลูกสะใภ้ในใจ

………………………………………………….

 

บทที่ 1280 ฉือโถวเห็นด้วย

บทที่ 1280 ฉือโถวเห็นด้วย

“เด็กคนนั้นเป็นคนดื้อรั้น” ภรรยาของหลิวต้าจ้วงเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานยังคงยืนกรานจึงพูดต่อไปว่า “เสี้ยนจู่ ข้ากับตระกูลฟ่านเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาหลายปี ตระกูลฟ่านนี้เป็นครอบครัวที่ดีจริง ๆ แต่ทว่าคนของตระกูลฟ่านนั้นหัวแข็ง ถ้าหากเรื่องนี้ตัดสินใจแล้ว ให้ตายอย่างไรก็ไม่มีทางเปลี่ยน ยกตัวอย่างผู้เฒ่าฟ่านคนนั้นที่ภรรยาเสียไปแล้วก็ยังเป็นพ่อม่ายมาหลายสิบกว่าปี มีคนอื่นแนะนำให้เขาตั้งมากมาย แต่เขากลับไม่เอา เลี้ยงลูกสองคนอย่างยากลำบากจนเติบมาได้เช่นนี้ ไม่ง่ายเลยที่ฟ่านหลิงเด็กคนนั้นจะเติบโตขึ้น หากได้แต่งงานกับตระกูลที่ดีเหมือนกับตระกูลจางก็คงจะดี พี่สะใภ้ที่เป็นคนของตัวเอง ข้าเปิดใจที่จะพูดความจริงและไม่ขอปิดบังแล้ว ครอบครัวของท่านเป็นครอบครัวที่ดี เป็นครบครัวของเสี้ยนจู่ ความสัมพันธ์เช่นนี้ใครเล่าจะไม่อยากจะประจบประแจง ยิ่งไปกว่านั้น ครอบครัวของท่านก็เป็นคนพูดง่าย วันดีคืนดีถ้าหากเด็กคนนั้นแต่งเข้ามา ครอบครัวของท่านก็ไม่มีทางทำให้ตระกูลฟ่านเสียเปรียบอย่างแน่นอน จะต้องให้สินสอดทองหมั้นแก่ตระกูลฟ่าน ถ้าหากมีสินสอด ฟ่านหลิงก็สามารถแต่งงานมีสามีได้แล้ว ดีมากเช่นนั้นแต่เด็กคนนั้นให้ตายก็ไม่ยอมเห็นด้วย เฮ้อ ครอบครัวที่ดีเช่นนี้แต่นางกลับไม่เอา ชีวิตนางช่างอาภัพเสียจริง” ภรรยาของหลิวต้าจ้วงพูดได้ตรงและชัดเจน แม้ว่าคำพูดนั้นจะตรงไปตรงมา แต่คำพูดนั้นกลับไม่หยาบคายและมีเหตุผล

“คนในหมู่บ้านของข้าไม่ได้หยาบคาย เป็นความจริงที่พวกเจ้าพูดว่ามีหลายครอบครัวที่มีลูกสาวแล้วมาถามข้าถึงเรื่องลูกสะใภ้ในครอบครัวท่าน ข้ารู้ว่าพวกนางหมายถึงอะไรและก็รู้ว่าพวกนางคิดอะไร ข้าบอกพวกนางว่าอย่าคิดอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ตระกูลจางนั้นไม่ใช่ครอบครัวที่พวกเราจะสามารถปีนขึ้นไปได้”

ภรรยาของหลิวต้าจ้วงถอนหายใจว่า “เด็กคนนั้นก็ไร้วาสนาที่หัวแข็ง”

กู้เสี่ยวหวานหัวเราะพูดว่า “งั้นวันพรุ่งนี้ข้าจะต้องไปสักครั้งแล้ว”

แม่นางที่ดีเช่นนี้กลับปล่อยชีวิตดี ๆ ให้หลุดลอยไป คิดแล้วก็น่าจะมีเรื่องอะไรในใจที่พูดยาก

“เสี้ยนจู่ ข้ากลัวว่าเด็กคนนั้นจะพูดอะไรที่ทำให้ท่านรู้สึกไม่สบายใจ เด็กคนนั้นเป็นคนดื้อรั้น” ภรรยาของหลิวต้าจ้วงรีบร้อนพูดกับกู้เสี่ยวหวาน หากตอนนั้นกู้เสี่ยวหวานไปที่ตระกูลฟ่าน แล้วฟ่านหลิงพูดอะไรที่ไม่น่าฟังออกมาก็กลัวว่าจะเป็นการล่วงเกินทำให้กู้เสี่ยวหวานไม่พอใจ

เสี้ยนจู่กับตัวเองนั้นไม่เหมือนกัน

หากนางไล่ตัวเองออกมานั้นไม่เป็นไร แต่ถ้าตรงหน้าเป็นเสี้ยนจู่แล้วพูดผิดไปสักคำ ถึงตอนนั้นทำให้เสี้ยนจู่ไม่พอใจนั่นก็ไม่ดีแล้ว

กู้เสี่ยหวานเห็นท่าทางที่กังวลของภรรยาของหลิวต้าจ้วงก็คิดว่ากังวลเพราะฟ่านหลิง

จึงรีบพูดว่า “ท่านวางใจเถอะ ในเมื่อแม่นางฟ่านยังไม่มีคนในใจ ข้าก็มีวิธีพูดทำให้นางแต่งงานกับพี่ฉือโถว”

“ตุ๊บ” ทันใดนั้นก็มีเสียงของตกหนักดังมาจากด้านนอกประตู

ป้าจางได้ยินก็ร้องว่าแย่แล้ว และรีบวิ่งออกไปข้างนอกด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง

กู้เสี่ยวหวานเห็นนางเช่นนั้นก็รีบร้อนวิ่งออกไปเช่นกัน ก็เห็นฉือโถวยืนอยู่ข้างนอกด้วยสีหน้าซีดเซียว ผลไม้ร่วงกระจัดกระจายอยู่บนพื้น

กู้เสี่ยวหวานชอบทานผลไม้มาก บ่อยครั้งที่ฉือโถวจะเข้าไปในป่าแล้วเก็บผลไม้ป่ามา

ตอนนี้ผลไม้สีแดง ๆ หรือสีเขียว ๆ นั้นกลิ้งออกมาจากตระกร้าจนหมดและกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้น

เห็นเพียงฉือโถวมองป้าจางด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ สายตามองไปมาระหว่างป้าจางกับกู้เสี่ยวหวาน แววตานั้นมีความโศกเศร้าที่ยากจะอธิบาย

ป้าจางเห็นก็รีบเข้าไปจับมือฉือโถว แล้วพูดว่า “เจ้าดูเด็กคนนี้สิ กลัวว่าจะอายแล้ว เด็กโง่ เจ้าอายุไม่น้อยแล้ว ตอนนี้ข้ากำลังช่วยเจ้าหาแม่นางที่ดี เสี่ยวหวานบอกว่านางเป็นแม่นางที่ดี เจ้าจะต้องชอบนางแน่ เสี่ยวหวานเองก็ชอบแม่นางผู้นั้นมาก และยังบอกว่าวันพรุ่งนี้จะไปหาครอบครัวของแม่นางผู้นั้นด้วยตัวเองเพื่อไปสู่ขอให้เจ้า”

ในคำพูดของป้าจางทำให้สีหน้าของฉือโถวจากที่เมื่อครู่มีสีขาวซีดก็ค่อย ๆ กลับมามีสีเลือดแล้ว ดวงตาของเขาฉายแววความเจ็บปวดและโศกเศร้า เขาเหลือบมองใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานอย่างรวดเร็ว รวดเร็วเสียจนนอกจากป้าจางที่อยู่ข้าง ๆ แล้วก็ไม่มีใครสัมผัสถึงความโศกเศร้าในดวงตาได้

ป้าจางจับมือของฉือโถว นางยิ้มและพูดไม่หยุดเหมือนกับจะบอกฉือโถวว่ากู้เสี่ยวหวานหมายถึงอะไร พูดเน้นย้ำไม่หยุดถึงความหมายของกู้เสี่ยวหวาน ราวกับจะเตือนสติของฉือโถว

สายตาของฉือโถวมองหน้าของทุกคนในห้องไปมา แต่ว่าสายนั้นไม่ได้จดจ่อหยุดอยู่ที่ใคร เพียงแค่มองเฉย ๆ จากนั้นก็ละสายตาจากไปทันที

เขาก้มหน้าลงแล้วพูดกับป้าจางว่า “ท่านแม่ ข้าเชื่อฟังท่าน”

หลังจากนั้นก็ย่อตัวลงเก็บผลไม้ที่ตกอยู่บนพื้นทั้งหมดขึ้นมา จากนั้นก็รีบหมุนตัวจากไปทันที

ปล่อยให้ทุกคนยังคงปรึกษาพูดคุยกันเรื่องการแต่งงานของเขา

เมื่อเห็นฉือโถวจากไปด้วยความโดดเดี่ยวอ้างว้าง ในใจก็ถอนหายใจ

เมื่อวานได้ยินป้าจางพูดว่า ฉือโถวขัดแย้งเรื่องที่หาลูกสะใภ้ เดิมทีตอนนั้นตัวเองก็คิดอยากให้ป้าจางไปพูดคุยกับฉือโถวก่อน แต่ว่าความตื่นเต้นดีใจของป้าจางทำให้กู้เสี่ยวหวานเองก็อยากที่จะพูดอะไรกับเขาสักหน่อย

จะรู้เสียที่ไหนว่าเรื่องนี้เพิ่งจะเริ่มพูดขึ้น ฉือโถวก็มาได้ยินเข้าแล้ว

เพียงแต่โชคดีที่ฉือโถวตอบรับแล้ว

ในยุคโบราณก็เป็นเช่นนี้ การแต่งงานเป็นไปตามคำสั่งของพ่อแม่และการชักนำของแม่สื่อ

ฉือโถวก็อายุสิบแปดแล้ว ตระกูลจางมีเขาเป็นลูกชายคนเดียว เขาเองก็ต้องอยากให้ลุงจางกับป้าจางได้อุ้มหลานในเร็ววัน

ป้าจางไม่คิดว่าฉือโถวจะรับปาก นางจึงดีใจอย่างยิ่ง แม้ว่าก่อนจะจากไปนั้น ฉือโถวจะดูโดดเดี่ยวเปล่าเปลี่ยวมากก็ตาม แต่ว่าเขารับปากแล้วว่าจะแต่งงานก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้ว

ดังนั้นจึงรีบดึงกู้ฟางสี่กับกู้เสี่ยวหวานและภรรยาของหลิวต้าจ้วงกลับเข้าไปในห้อง ปรึกษาเรื่องที่จะไปพูดโน้มน้าวหญิงสาวจากตระกูลฟ่านกันอย่างไร

ดูเหมือนว่าป้าจางนั้นจะให้ความสำคัญหญิงสาวจากตระกูลฟ่านมาก

กู้เสี่ยวหวานรู้แล้วก็คิดว่าตัวเองจะต้องพูดจาหว่านล้อมโน้มน้าวให้แม่นางฟ่านนั้นแต่งงานกับฉือโถวให้ได้ ก็ถือว่าเป็นความปรารถนาอย่างหนึ่งของป้าจางแล้ว

ทุกคนอยู่ในห้อง พูดคุยกันไม่หยุดว่าควรจะไปสู่ขอหญิงสาวจากตระกูลฟ่านอย่างไรดี กู้เสี่ยวหวานมีความคิดอยู่ในใจมานานแล้ว เมื่อเห็นพวกเขาสนใจกันมากก็ไม่ได้ขัดจังหวะพวกเขาพูด

นางดื่มชาและมองท่าทางของคนทั้งสองอยู่ข้าง ๆ

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน พวกนางได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไปพูดคุยกับแม่นางตระกูลฟ่านอย่างไร

เพราะว่าพรุ่งนี้กู้เสี่ยวหวานกับกู้ฟางสี่จะไปที่บ้านตระกูลฟ่าน ดังนั้นกู้ฟางสี่จึงท่องจำคำพูดที่ควรจะพูดทั้งหมด จนกระทั่งไร้ที่ติแล้ว การพูดคุยนี้ถึงจะสิ้นสุดลง ทุก ๆ คนมีสีหน้ายินดีเหมือนกับจะได้ดื่มเหล้ามงคลแสดงความยินดีของฉือโถวและแม่นางตระกูลฟ่านได้ทันทีอย่างไรอย่างนั้น

รอจนพวกนางพูดจบ ท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท