บทที่ 1281+1282 แม่สื่อ/ความคิดของฉือโถว
บทที่ 1281 แม่สื่อ
เมื่อภรรยาของหลิวต้าจ้วงเห็นว่าเริ่มดึกแล้ว จึงลุกขึ้นเพื่อเดินทางกลับ
ภรรยาของหลิวต้าจ้วงกำลังจะออกไปข้างนอก และกู้เสี่ยวหวานเห็นว่ายังมีของบางอย่างอยู่บนโต๊ะ เมื่อคิดถึงป้าจางเชิญนางไปจับคู่วันนี้ นางจึงต้องนำของบางอย่างมาด้วย
ก่อนที่กู้เสี่ยวหวานจะพูดอะไร ป้าจางก็เอ่ยเรียกภรรยาของหลิวต้าจ้วง หยิบผ้าบนโต๊ะ และขนมสองสามถุงในมือของนางเตรียมจะมอบให้ภรรยาของหลิวต้าจ้วง “เดี๋ยวก่อน เจ้าลืมของสิ่งนี้”
เมื่อเห็นว่าป้าจางกำลังส่งของบางอย่างให้กับนาง ภรรยาของหลิวต้าจวงก็รีบก้าวถอยหลังพลางโบกมือ “ไม่ ๆ พี่สะใภ้ ข้ารับสิ่งนี้ไม่ได้”
“ทำไมเจ้าถึงไม่ต้องการสิ่งนี้ล่ะ เดิมทีเป็นสิ่งที่ข้านำมาให้เจ้าตั้งแต่แรก” ป้าจางพูดอย่างเร่งรีบ
“ข้าไม่ได้บอกว่าข้าเป็นแม่สื่อ แล้วทำไมข้าต้องรับสิ่งของของท่านด้วย” ปรากฏว่าภรรยาของหลิวต้าจ้วงส่งของคืนมาอีกครั้ง
ป้าจางไปหาภรรยาของหลิวต้าจวงในฐานะแม่สื่อ นางจึงนำบางอย่างมาด้วย
นางไม่เคยคิดว่าภรรยาของหลิวต้าจ้วงจะนำสิ่งเหล่านี้กลับมาอีกครั้ง และบอกว่าตอนเองไม่ได้เป็นแม่สื่อ นางจึงรับมันไว้ไม่ได้
ป้าจางยัดของใส่มือภรรยาของหลิวต้าจ้วง “ไอ๊หยา เจ้ารีบรับไปเถอะ นี่คือสิ่งที่เจ้าควรได้รับ เราคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานแล้ว บางทีพรุ่งนี้มันอาจจะสำเร็จ แม้ว่ามันจะไม่ได้ผลก็ไม่เป็นไร แค่ถือว่าเด็กสองคนนั้นไม่มีโชคชะตาต่อกัน”
ภรรยาของหลิวต้าจ้วงต้องการที่จะปฏิเสธ แต่ป้าจางยัดสิ่งของไว้ในอ้อมแขนของนางและพูดด้วยท่าทางโกรธ “ถ้าเจ้าไม่ยอมรับ ข้าคงไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากเจ้าอีกในอนาคต”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ภรรยาของหลิวต้าจ้วงจึงรีบตอบกลับว่า “พี่สะใภ้ อย่าพูดอย่างนั้น เป็นเกียรติของข้าที่ได้ให้ความช่วยเหลือท่าน เสี้ยนจู่ให้ความกรุณาแก่เรามาก ข้าแค่ทำบางอย่างให้เท่านั้นและมันยังไม่สำเร็จ ถ้าข้ารับของของท่านไป เมื่อกลับไป ข้าไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้กับสามีของข้าได้”
ปรากฏว่าภรรยาของหลิวต้าจ้วงได้ปรึกษาเรื่องนี้กับหลิวต้าจ้วง หากการตกลงเรื่องการแต่งงานสำเร็จ มันคงเป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้เก็บของเหล่านี้ไว้ แต่ถ้าไม่ ของเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างแน่นอน
เมื่อภรรยาของหลิวต้าจ้วงมา นางจึงนำสิ่งนี้มาด้วย แต่ตอนนี้นางไม่ยอมรับมัน และเตรียมที่จะออกไปข้างนอก
เมื่อเห็นว่านางยืนกรานปฏิเสธที่จะยอมรับ กู้เสี่ยวหวานจึงคลี่ยิ้มพลางก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “พี่สะใภ้ ยอมรับสิ่งนี้เถอะ ในวันพรุ่งนี้เราต้องไปที่บ้านตระกูลฟ่านเพื่อคุยเรื่องแต่งงานอีก ถ้าท่านยอมรับมันก็หมายความว่าเรื่องการแต่งงานจะสำเร็จไม่ใช่หรือ”
ป้าจางกำลังจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อให้นางยอมรับ แต่คำพูดของกู้เสี่ยวหวานตรงประเด็น
ตอนนี้ภรรยาของหลิวต้าจ้วงต้องยอมรับแม้ว่านางจะไม่ต้องการก็ตาม
ป้าจางรีบพูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่ ๆ พรุ่งนี้เราจะไปคุยเรื่องแต่งงานกันอีก”
เมื่อภรรยาของหลิวต้าจ้วงได้ยินกู้เสี่ยวหวานบอกว่า หากนางไม่ยอมรับก็หมายความว่าพรุ่งนี้จะไม่ประสบความสำเร็จไม่ใช่หรือ?
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ภรรยาของหลิวต้าจ้วงก็ไม่ปฏิเสธอีกต่อไป นางรีบเก็บข้าวของทั้งหมดไว้ในอ้อมแขนและกล่าวคำแสดงความยินดีด้วยรอยยิ้ม “สำเร็จสิ สำเร็จ พรุ่งนี้พวกเราไปกันใหม่ แล้วเราจะต้องประสบความสำเร็จ ปีหน้าก็จะมีหลานคนโต ถึงเวลานั้นพี่สะใภ้คงจะยุ่งมาก”
“ไม่ว่าข้าจะยุ่งแค่ไหน ข้าก็มีความสุข ฮ่า ๆ ขอบคุณสำหรับคำพูดดี ๆ ของเจ้า” ป้าจางหัวเราะเสียงดัง
—
บทที่ 1282 ความคิดของฉือโถว
ทุกคนหัวเราะและพูดคุยกันอีกเล็กน้อย เวลาก็ล่วงเลยมาถึงเย็น พวกเขาจึงแยกย้ายกันไป
ป้าจางและกู้ฟางสี่พูดคุยหัวเราะกันไปตลอดทางจนถึงห้องครัว ตอนนี้ได้เวลาเตรียมอาหารเย็นแล้ว
เมื่อเห็นว่าพวกนางมีความสุขมาก กู้เสี่ยวหวานก็มีความสุขเช่นกันและตามพวกนางเข้าไปในครัว
ป้าจางยังคงดูตื่นเต้น นางยังคงล้างจานสำหรับอาหารค่ำ และไม่ลืมที่จะคุยกับกู้ฟางสี่ อาจเป็นเพราะฉือโถวกำลังจะแต่งงานในอนาคต พวกนางจึงพูดถึงสิ่งที่ต้องเตรียม จะทำอย่างไรหากมีคนในครอบครัวมากขึ้น พวกเขาจะเข้ากันได้ดีไหม หรือแม้แต่หลานที่จะเกิดมาจะมีชื่อเล่นว่าอะไร
“ฟางสี่ เจ้าบอกว่าฉือโถวจะให้กำเนิดหลานชายให้ข้าในอนาคต ข้าจะต้องเลือกชื่อเล่นให้เขาดี ๆ ชื่อของฉือโถวเลือกมาไม่ดีนัก เขาเหมือนก้อนหินและไม่ยอมพูด ถึงเอาไม้ตีก็ไม่ร้องสักแอะ”
ป้าจางพูดอย่างหดหู่ใจ เมื่อคนในชนบทตั้งชื่อให้ลูกของพวกเขา พวกเขามักจะเลือกชื่อลูกที่ไพเราะและจำง่ายโดยธรรมชาติ ยิ่งกว่านั้น เพราะพวกเขากลัวว่าจะไม่สามารถเลี้ยงลูกได้ พวกเขาจึงเรียกลูก ๆ ของพวกเขาว่า โก่วต้าน หรือเสี่ยวโก่วจื่อ
อย่างไรก็ตาม โชคดีที่ป้าจางไม่ได้ตั้งชื่อฉือโถวว่าโก่วต้านหรือเสี่ยวโก่วจื่อในตอนนั้น ไม่อย่างนั้น…
กู้เสี่ยวหวานกลั้นยิ้มและมองไปที่ใบหน้าของป้าจาง ซึ่งดูเหมือนจะเครียดเล็กน้อยกับชื่อของหลานชายของนางในอนาคต
จากนั้นก็เห็นกู้ฟางสี่ยิ้มและพูดว่า “พี่สะใภ้ ในอนาคตท่านอย่าเลือกชื่อเช่นโก่วต้านหรือฉือโถวอะไรพวกนี้แล้ว ตอนนี้พวกเรามีพร้อมแล้ว เมื่อเด็กเกิดมาคงดีไม่น้อยถ้าเขามีชื่อที่ดี จำง่ายและติดหู”
“แบบไหนล่ะ?” ป้าจางถามอย่างสงสัย
“เช่นเสี่ยวฉิน ท่านลองฟังชื่อเสี่ยวฉิน เย่จือ ดูสิว่าชื่อของเขาเพราะแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นเด็กจากตระกูลบัณฑิต ชื่อของเขาจึงไม่ธรรมดา” กู้ฟางสี่พูดด้วยรอยยิ้ม
“อืม ไม่ผิด ชื่อฟังดูดีจริง ๆ” ป้าจางคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ปรบมือและตัดสินใจ
“เอาล่ะ ถึงเวลานั้นถ้าท้องแล้วก็ให้เสี่ยวฉินช่วยเลือกชื่อให้ข้า”
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ป้าจางก็ไม่ลังเลราวกับว่านางมีบางอย่างอยู่ในใจ
“พี่สะใภ้ ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า” กู้ฟางสี่ถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าของป้าจางแปลกไป
“เสี่ยวหวานกำลังจะไปเมืองหลวงเร็ว ๆ นี้ไม่ใช่หรือ ข้าเกรงว่าเสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ อาจไม่อยู่ที่นี่ในเวลานั้น” ป้าจางเกิดอารมณ์อ่อนไหวเล็กน้อยและถอนหายใจ “ช่างน่าอัศจรรย์ที่เสี่ยวหวานสามารถไปที่เมืองหลวงเพื่ออวยพรวันเกิดของไทเฮา นางสามารถไปที่วังเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้ได้ นั่นคือสิ่งที่ข้าไม่กล้าแม้แต่จะคิด เสี่ยวหวานคนนี้ นางพยายามมาได้ดี”
ป้าจางเต็มไปด้วยอารมณ์อ่อนไหว ไม่เต็มใจและภูมิใจ อารมณ์ที่ซับซ้อนทั้งหมดแสดงบนใบหน้าของนาง
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ งานในมือของนางก็หยุดลงและเริ่มรู้สึกเศร้าสร้อยขึ้นมา
กู้เสี่ยวหวานยืนอยู่นอกห้องครัวรู้สึกว่าฉากที่มีชีวิตชีวาตอนนี้ค่อนข้างหดหู่ลงเล็กน้อย
สิ่งที่ป้าจางพูดนั้นถูกต้องจริง ๆ นางกำลังจะจากไปในไม่ช้า และไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไร เมื่อถึงเวลานั้นก็ไม่รู้ว่าพวกนางจะกลับมาทันคลอดลูกหรือไม่
เป็นเวลาหลายปีที่กู้เสี่ยวหวานอาศัยอยู่กับครอบครัวของป้าจาง และถือว่าพวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันเช่นเดียวกับพ่อแม่และพี่ชายของนางเอง
เมื่อเห็นว่านางเศร้า กู้เสี่ยวหวานจึงรีบเข้ามาและพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านป้า มันเป็นเรื่องง่ายไม่ใช่หรือ เมื่อถึงเวลา ท่านก็ไปเมืองหลวงกับเรา”
นี่คือสิ่งที่นางวางแผนไว้
นางต้องการไปเมืองหลวง มีบ้าน ร้านค้า และร้านอาหารในเมืองหลวง ยิ่งกว่านั้น นางเป็นเสี้ยนจู่ และนางมีเงินเดือนของตำแหน่ง นางรู้สึกว่านางมีเงินพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัวของป้าจางเมื่อพวกเขาไปที่เมืองหลวงได้
นางคุ้นเคยกับการอยู่ร่วมกันกับทุกคนมานานแล้ว ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะพาพวกเขาไปทุกที่ที่นางไป
คำพูดของกู้เสี่ยวหวานทำให้ป้าจางอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ “เสี่ยวหวาน เจ้าพูดว่าอะไรนะ เจ้าต้องการพาเราไปที่เมืองหลวงหรือ”
“ใช่แล้ว เมื่อไปเมืองหลวงแล้ว ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าจะกลับมาได้เมื่อไร ข้าจึงอยากจะรบกวนให้พวกท่านไปกับข้าและรอให้ธุระในเมืองหลวงเสร็จสิ้น พวกเราก็จะกลับมาด้วยกัน พวกท่านคิดอย่างไร” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างจริงใจ ป้าจางรู้สึกประหลาดใจและซาบซึ้งใจ
นางรู้สึกถึงความชื้นที่หางตา จึงรีบก้มศีรษะลง ใช้แขนเสื้อเช็ดหางตาและมองดวงตาที่จริงใจของกู้เสี่ยวหวาน พลางยิ้มที่มุมปาก “เด็กโง่ เมืองหลวงอยู่ไกลมาก ไม่ใช่ว่าพวกเราคิดจะไปก็ไปได้”
“ทำไมจะไปไม่ได้ เราขึ้นรถม้าไปก็จะไปถึงที่นั่นในไม่ช้า” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างเร่งรีบ
“ลุงจางเคลื่อนไหวไม่สะดวก และฉือโถวกำลังจะแต่งงาน ถ้าทุกคนไปด้วยกันหมด…” ป้าจางรู้สึกอายเล็กน้อย
ถ้าเราไปจะไม่ใช่การสร้างปัญหาให้กู้เสี่ยวหวานหรอกหรือ?
พวกเขาไม่รู้อะไรเลย กู้เสี่ยวหวานไปที่เมืองหลวงเพื่อฉลองวันเกิดและพาพวกเขาไปด้วย แน่นอนว่าจะพาพวกเขาไปกับนางเพื่อพาพวกเขาไปเที่ยวเล่น
ป้าจางยอมรับความใจดีของกู้เสี่ยวหวาน แต่นางไม่สามารถสร้างปัญหาให้กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ได้
“ท่านป้าไม่ต้องห่วง ข้าเตรียมการไว้แล้ว เมื่อถึงเวลาเราจะไปที่เมืองหลวงด้วยกัน ท่านจะได้เที่ยวเล่นในเมืองหลวง เมื่อเสร็จแล้วเราจะกลับมาด้วยกัน เมืองหลวงคึกคักมาก พวกท่านยังไม่เคยไปก็ไปเปิดหูเปิดตาเถอะ” กู้เสี่ยวหวานทำตัวเหมือนเด็กจับมือป้าจางโดยไม่ยอมปล่อย
ป้าจางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่ากู้เสี่ยวหวานต้องการพาพวกนางไปเที่ยวเล่น แต่…
นางดูลังเลเล็กน้อยและกู้ฟางสี่ซึ่งอยู่ข้าง ๆ เห็นท่าทางลังเลของป้าจางก็รู้ว่านางกังวลอะไร “พี่สะใภ้อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ ลองไปปรึกษาเรื่องนี้กับสามีของท่านและฉือโถวก่อน”
ป้าจางรีบพูด ดวงตาของนางเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
เดิมทีกู้เสี่ยวหวานต้องการพาทุกคนไปที่เมืองหลวง ดูรอบ ๆ และชื่นชมความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวง
“ตกลง ตกลง ตกลง เสี่ยวหวาน เจ้าเป็นเด็กดี หลายปีมานี้มันเป็นพรสำหรับข้าที่ได้อยู่เคียงข้างเจ้า” ดวงตาของป้าจางรื้นไปด้วยน้ำตาที่ร่วงหล่นลงมาทีละหยด
กู้เสี่ยวหวานโอบไหล่ป้าจางและพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านป้า ตอนที่ข้ายังเด็ก ท่านก็ดูแลข้า ตอนนี้เมื่อข้าโตขึ้นและสามารถปกป้องท่านได้ ดังนั้นข้าจะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ท่าน”
สิ่งที่กู้เสี่ยวหวานพูดทำให้ป้าจางและกู้ฟางสี่หลั่งน้ำตา แต่กู้เสี่ยวหวานเพียงแค่ยิ้มและโอบกอดผู้หญิงสองคนไว้ในอ้อมแขนของนาง ทั้งสามคนกอดกัน ทั้งซาบซึ้งและมีความสุข
ฉือโถวบังเอิญเข้ามาพร้อมถังน้ำ เมื่อเห็นทั้งสามคนกอดกัน ฉือโถวรีบทิ้งถังในมือ วิ่งไปหาและอุทานว่า “เสี่ยวหวาน เจ้าเป็นอะไร ใครรังแกเจ้า”
กู้เสี่ยวหวานรีบเช็ดน้ำตาจากหางตาของนาง และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ฉือโถว ข้าสบายดี”
ป้าจางใช้แขนเสื้อเช็ดหางตาของนาง และเมื่อเห็นท่าทางประหม่าของฉือโถว นางรีบหัวเราะและประชด “เด็กคนนี้ แม่ของเจ้าก็ร้องไห้เหมือนกัน แต่เจ้ากลับไม่ถามด้วยซ้ำว่าแม่ของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
กู้เสี่ยวหวานและกู้ฟางสี่ต่างส่งเสียงหัวเราะ ฉือโถวรู้สึกอายเล็กน้อย ลูบศีรษะของตนเองและยิ้มอย่างงุ่มง่าม ดวงตาของเขากะพริบอย่างรวดเร็วและรีบออกไป
มีเพียงป้าจางเท่านั้นที่เห็นท่าทางสุดท้ายของฉือโถวซึ่งมีความห่วงใยและความรักที่ไม่มีที่สิ้นสุด
แต่…
ป้าจางถอนหายใจยาว
หลังอาหารเย็น ป้าจางล้างจานและตะเกียบ ฉือโถวยังเตรียมฟืนและน้ำสำหรับวันพรุ่งนี้ วางไว้ในเตาทีละชิ้นแล้วไปล้างตัว
ในฤดูร้อน นำเสื้อผ้าสะอาดมาเปลี่ยนและมีแม่น้ำใสสะอาดที่เชิงเขา
ฉือโถวเอาเสื้อผ้าที่เขากำลังจะเปลี่ยนในภายหลังมาด้วยและลงจากภูเขา
เมื่อมองไปที่น้ำในแม่น้ำที่ส่องประกายระยิบระยับ ฉือโถวก็กระโดดลงไปในแม่น้ำที่ใสสะอาดโดยเหลือเพียงกางเกงชั้นในตัวเดียวและว่ายน้ำอย่างอิสระ
เมื่อเขาขึ้นมาก็พบว่ามีคนนั่งอยู่ตรงที่เขาวางเสื้อผ้าไว้ นั่งเงียบ ๆ ราวกับกำลังรอเขาอยู่
เมื่อเขาเข้ามาใกล้ ฉือโถวก็พบว่าคนที่นั่งรอเขาอยู่ตรงนั้นคือมารดาของตน
มีบางอย่างไม่สะดวกที่จะพูดที่บ้าน แต่นางก็ยังต้องพูดมันกับฉือโถว
ฉือโถวเช็ดน้ำทั่วร่างกายด้วยผ้าสะอาด
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่บ้านในวันนี้ ฉือโถวก็เดาได้ว่าป้าจางจะคุยอะไรเขา
หลังจากที่ฉือโถวสวมเสื้อผ้าแล้ว สองแม่ลูกก็นั่งอยู่เคียงข้างกัน โดยไม่มีใครพูดอะไรก่อน
ค่ำคืนนี้ไม่มีพระจันทร์ แต่บนท้องฟ้ามีดวงดาวพร่างพราวส่องแสงระยิบระยับ
นอกจากนี้ยังมีเสียงกบในทุ่งนาและเสียงน้ำไหล
เมื่อเห็นว่ามารดาเงียบไป ฉือโถวก็ปล่อยความคิดและตั้งใจฟังเสียงของธรรมชาติ
“ฉือโถว ข้ากำลังจะหาภรรยาให้เจ้า เจ้าคงไม่คัดค้านหรอกใช่หรือไม่” ป้าจางพูดขึ้นในขณะนี้
นางมองไปข้างหน้า และไม่ได้ยินคำตอบของฉือโถว แต่ได้ยินเสียงเขาขยับตัว เมื่อหันกลับมา นางก็เห็นฉือโถวนอนอยู่บนพื้นหญ้าโดยเอามือวางรองศีรษะไว้ ดวงตาที่สดใสของเขามองแสงที่ส่องประกายของดวงดาวบนท้องฟ้า