ตอนที่ 752 สุนัขขี้ประจบ
ลมพัดแรงมาก พัดแรงจนเถ้าแก่โจวเอวเกือบหัก โดยเฉพาะคำสุดท้ายของหลี่ว์เฉิงเหวินที่เรียก ‘แม่’ นั้น เหมือนรถหักโค้งโลงศพลื่นไหลออกมา สุดยอดมาก แต่ตอนแรกก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย ความรู้สึกอื่นกลับไม่มี อาจจะเป็นเพราะผู้เฒ่าหลี่ว์เย่าจู่เป็นผู้ชายที่ค่อนข้างรักเดียวใจเดียวหรือเปล่า
เรื่องชีวิตส่วนตัวก็เป็นเรื่องส่วนตัว เถ้าแก่โจวขี้เกียจสนใจ เขาไม่ได้เข้ามาแอบฟังเรื่องลับของคนอื่น ขณะเดียวกันก็ไม่สนใจเรื่องของแม่ม่ายอะไรแบบนี้
หลี่ว์เฉิงเหวินกับ ‘แม่’ ของเขามีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา ทั้งสองคนสวมกอดกัน มือของหลี่ว์เฉิงเหวินเลื่อนไปมาเป็นบางครั้ง ดูเหมือนตรงนี้ สถานที่แบบนี้ ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ สามารถนำความตื่นเต้นมาสู่ประสาทสัมผัสของเขามากขึ้นใช่หรือไม่
เวลานี้โทรศัพท์ของหลี่ว์เฉิงเหวินดังขึ้น เขารับสาย ปล่อยมือ ‘แม่’ ของตัวเอง พลางส่งสัญญาณว่าเขาจะไปจัดการธุระที่ตึกด้านหน้าก่อน แม่ม่ายสาวคนนี้จึงนั่งคุกเข่าเผาเงินกระดาษอยู่ตรงนั้นต่อไป
โจวเจ๋อฉวยโอกาสนี้แอบเข้าไปในโถงที่ตั้งศพ ศพของหลี่ว์เย่าจู่อยู่ในตู้แช่เย็น บนกำแพงทั้งสี่ด้านแขวนคำกลอนคู่ไว้อาลัยผู้ตาย จริงๆ แล้วหน่วยงานและบริษัทต่างๆ มอบของพวกนี้ให้คนเป็นดูเท่านั้น โดยเฉพาะในงานศพ กลอนคู่ไว้อาลัยพวกนี้ต้องจัดวางตามลำดับอิทธิพลของตัวตนผู้มอบให้ ผู้ตายจากไป คนเป็นทำเท่
โจวเจ๋อเปิดตู้แช่เย็น พลิกศพของหลี่ว์เย่าจู่ ในเมื่อเพิ่งเกิดฉากดราม่าข้างนอกเมื่อครู่ จึงง่ายมากที่คนอื่นจะเกิดความสงสัยและคาดเดาเกี่ยวกับสาเหตุการตายของผู้เฒ่าหลี่ว์เย่าจู่
โจวเจ๋อไม่ใช่หมอนิติเวช แต่จากประสบการณ์ ก็พอมองออกบ้าง ในความเป็นจริง ร่างของหลี่ว์เย่าจู่ก็พอมองอะไรออกบางอย่าง และมีหลายจุดมาก เพราะร่องรอยเยอะแยะเกินไป เขาน่าจะตายเพราะมะเร็ง เนื่องจากมีร่องรอยหลังจากการรักษาที่หลงเหลืออยู่
อย่างน้อย โจวเจ๋อยังหาร่องรอยการฆาตกรรมไม่เจอ และดูจากการแสดงออกของผู้เฒ่าหลี่ว์เย่าจู่หลังจากเข้ามาในร้านหนังสือ ก็ไม่เหมือนตัวเองถูกฆ่าตาย
เมื่อวางศพกลับไป และปิดฝาตู้แช่เย็น โจวเจ๋อจึงกวาดตามองไปที่สิงโตสีดำที่อยู่ข้างๆ บนนั้นมีเชือกสีแดงผูกไว้ น่าจะเป็นของที่จะฝังไปพร้อมกับผู้เฒ่าหลี่ว์เย่าจู่ ผู้เฒ่าเชิดสิงโตมาตลอดชีวิต นำมาเป็นของที่ฝังไปพร้อมกับศพ ถือว่าเหมาะสมดี กระทั่งบนโต๊ะที่อยู่ถัดไป ไม่น่าเชื่อว่าจะมีหม้อ จาน ชาม กระทะจัดวางอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ดูท่าแล้วไม่เหมือนจะส่งไปเผา หรือว่าอยากจะแอบเอาศพไปฝัง ทว่ามันก็ไม่เกี่ยวกับเขา ต่อให้คนอื่นอยากจะเอาไปฝังจริงๆ โจวเจ๋อก็ไม่ว่างมากถึงขั้นโทรไปแจ้งความ
เมื่อไม่พบเบาะแสที่มีมูลค่า โจวเจ๋อจึงแอบออกมาจากโถงที่ตั้งศพอย่างเงียบๆ แต่เขาพอจะมั่นใจว่า เสียงคำรามของสิงโตก่อนหน้านั้น น่าจะอยู่ในบริเวณบ้านหลังนี้
ตึกทรงตะวันตกขนาดเล็กมีสามชั้น การปลูกสร้างมีรสนิยม ชั้นล่างของตึกเป็นห้องครัวและห้องรับแขก ทว่าโจวเจ๋อไม่ได้ขึ้นไปจากชั้นล่าง แต่ปีนกำแพงขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าโดยตรง
พื้นที่หนึ่งในสามของชั้นดาดฟ้าสุดเป็นซุ้มกระจกขนาดเล็ก ด้านบนคลุมด้วยผ้าดำหนึ่งชั้น โจวเจ๋อเดินเข้าไปเปิดผ้าดำออก แสงจันทร์สาดส่อง มองเห็นสิงโตวางอยู่ข้างใน บางส่วนเห็นได้ชัดว่ามีอายุพอสมควร มีความเก่า และบางส่วนนน่าจะเป็นของใหม่ที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน
กรอบรูปที่แขวนอยู่บนซุ้ม มีรูปเก่าอยู่ไม่น้อย ส่วนใหญ่เป็นรูปที่ออกแสดง หลี่ว์เย่าจู่ในตอนนั้นยังหนุ่มมาก หนึ่งในรูปภาพที่อยู่ในนั้น โจวเจ๋อยังเห็นหลี่ว์เย่าจู่ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าจูงมือของหลี่ว์เฉิงเหวินตอนวัยเยาว์มาถ่ายรูปคู่กัน
โจวเจ๋อเดินข้างในหนึ่งรอบ ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร ชั้นดาดฟ้ามีบันได สามารถลงไปที่ระเบียงของชั้นสามได้โดยตรง ตอนที่โจวเจ๋อเดินลงไป เพียงแค่ผ้าม่านกั้น เขาได้ยินหลี่ว์เฉิงเหวินกำลังคุยโทรศัพท์ แต่ไม่รอให้โจวเจ๋อฟังว่าเขากำลังพูดอะไร เขาก็ตัดสายด้วยอารมณ์ตื่นเต้นทันที ถอยหลังสองสามก้าวแล้วหันตัว หลี่ว์เฉิงเหวินผลักประตูห้อง รีบเดินออกไปด้วยความตื่นเต้น ลงไปชั้นล่างโดยตรง
โจวเจ๋อกวาดตามองเงาหลังของอีกฝ่ายที่เดินออกไป ไม่ได้เดินตาม แต่เดินเข้าไปในห้องหนังสือของเขาโดยตรง เป็นห้องหนังสือจริงๆ ตกแต่งอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย ไม่ประหยัดเลยสักนิด โดยเฉพาะตู้เซฟใบใหญ่ตรงกลางที่ยึดติดกับพื้นและผนัง เหมือนแปะกระดาษโน้ตใบหนึ่งบนหน้าผาก บนนั้นเขียนว่า ‘ข้ามีเงินเยอะมาก’
พื้นพรม สิ่งห้อยแขวนบนผนัง รวมทั้งม้วนภาพวาดที่เขียนด้วยลายมือแท้ของผู้เขียนสองสามภาพ ถึงราคาไม่สูงเทียมฟ้า แต่ก็มีราคาแพงไม่ธรรมดา
“เชิดสิงโตทำเงินได้เยอะขนาดนี้เชียว” โจวเจ๋อเดินไปหน้าโต๊ะทำงาน บนโต๊ะสะอาดมาก ไม่มีเอกสารหรือสิ่งของอะไร เป็นแค่ของประดับตกแต่งเท่านั้นจริงๆ เขามองดูสักพัก ก็ยังไม่เห็นความผิดปกติอะไร โจวเจ๋อสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพ่นออกมาอย่างแรง
ประเด็นสำคัญคือเสียงคำรามของสิงโตตัวนั้น หลังจากปรากฏออกมาหนึ่งครั้งก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอีก หรือว่าต้องรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ไปเล่นเกมนกอินทรีจับลูกไก่กินที่งานวัดตอนกลางวันใช่ไหม
เถ้าแก่โจวอยากจะจับเจ้าสิ่งนั้นออกมาแล้วจัดการให้แล้วรู้รอดไปภายในวันนี้เลย
“จิ๊ๆ” โจวเจ๋อกัดฟัน ยอมแพ้แล้ว ตัดสินใจจะออกไป เพียงแต่ตอนที่โจวเจ๋อเพิ่งจะเดินออกจากห้อง กลับได้ยินเสียงคำรามเสียงต่ำ น่าจะมาจากชั้นล่างสุด
โจวเจ๋อไม่ได้ปีนลงทางกำแพง แต่เดินไปตามบันไดแทน ในห้องรับแขกที่ชั้นล่างสุด ผู้ชายตัวผอมสี่คนสองคนต่อหนึ่งกลุ่มกำลังฝึกเชิดสิงโตอยู่ ท่าทางเป็นระเบียบเรียบร้อย ถึงแม้จะไม่ได้ใส่อุปกรณ์ แต่แววตาและท่าทางลื่นไหล ทำได้ดีเยี่ยม นี่คือคนเก่งและมีความสามารถอย่างแท้จริง ถือว่าเป็นฐานที่มั่นของอุตสาหกรรมการเชิดสิงโต
เพียงแต่โจวเจ๋อไม่เห็นหลี่ว์เฉิงเหวิน เนื่องจากหลี่ว์เฉิงเหวินเป็นคนเป็น ไม่ใช่ผี และโจวเจ๋อก็ไม่ใช่คนที่ฝึกวิชา ดังนั้นจึงไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของหลี่ว์เฉิงเหวินว่าเชิดสิงโตเป็นหรือไม่
ลูกชายรับช่วงต่อกิจการมาจากพ่อเป็นเรื่องปกติ แต่โจวเจ๋อมักจะรู้สึกว่า หลี่ว์เฉิงเหวินไม่เหมือนคนที่ตั้งใจฝึกเชิดสิงโต โจวเจ๋อเห็น ‘แม่’ ของหลี่ว์เฉิงเหวินแล้ว เหมือนเพิ่งกลับมาจากเผาเงินกระดาษ ตอนที่เดินผ่านห้องรับแขก คนที่กำลังฝึกวิชาสามสี่คนนั้นโน้มตัวทักทายเธอ ด้วยท่าทางที่ให้ความเคารพเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าในใจจะคิดอย่างไร อย่างน้อยก็ให้หน้าอย่างเต็มที่แล้ว และเป็นช่วงที่ไม่อยู่ต่อหน้าคนนอกอีกด้วย
โจวเจ๋อยืนข้างบันได มองซ้ายแลขวา หลี่ว์เฉิงเหวินเพิ่งเดินลงมาไม่ใช่เหรอ หรือว่ามีธุระออกไปข้างนอกแล้ว โจวเจ๋อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรศัพท์หาเหล่าจาง
“ฮัลโหล เถ้าแก่”
“หลี่ว์เฉิงเหวินออกไปข้างนอกหรือเปล่า”
“เปล่า ผมคอยเฝ้าประตูใหญ่อยู่ตอลด เขาไม่ได้ออกมา”
“โอเค”
โจวเจ๋อตัดสาย เขาเชื่อสายตานักสืบของตำรวจอาชญากรรมอาวุโสที่ทำงานมาแล้วยี่สิบปีอย่างเหล่าจาง นอกเสียจากว่าหลี่ว์เฉิงเหวินเหมือนตัวเขา เลือกกำแพงที่ลับตาคนเล็กน้อยแล้วกระโดดข้ามไป
แต่ถ้าออกจากบ้านของตัวเองยังกระโดดข้ามกำแพง เขาสมองมีปัญหาเหรอ เมื่อวางสายจากเหล่าจางแล้วโทรศัพท์ได้สั่นขึ้นมาอีกครั้ง โจวเจ๋อกวาดตามองหนึ่งที พบว่าเป็นสายของทนายอัน “ฮัลโหล เถ้าแก่ ฮ่าๆๆ คุณตั้งใจฟังการวางแผนของผมให้ดีนะ…”
“พูดย่อๆ”
“เอ่อ…” ความกระตือรือร้นของทนายอันหายไปทันที และได้แต่พูดว่า “เถ้าแก่ลองเข้าไปในเวยป๋อ ตอนนี้เรื่องราวพลิกผันแล้ว ฮ่าๆๆๆ พวกคนโง่ที่กราดด่านักพรตเฒ่าบนอินเทอร์เน็ตก่อนหน้านั้น ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นเยอะมากและยังเปิดเผยข้อมูลเสริม เรื่องราวจึง…”
“โอเค ผมรู้แล้ว เดี๋ยวผมกลับไปแล้วผมค่อยดูข่าวนะ”
“เอ่อ ครับ เถ้าแก่คุณอยู่ที่ไหน”
“ทำไม”
“ผมจะเอาอาหารมื้อดึกไปส่งให้คุณ”
“กินแล้ว”
“อ้อ อย่างนั้นก็ไม่เป็นไร”
“ผมคิดว่าคุณจะพูดว่าอยากมาช่วยงานผม”
“คุณปล่อยผมไปเถอะ เถ้าแก่ เรื่องอื่นยังพอพูดกันได้ ผมไม่อยากเล่นเกมสืบสวนเหมือนโคนันยอดนักสืบอะไรแบบนั้นกับเหล่าจางจริงๆ”
“แต่ครั้งนี้ไม่…”
“อ๊าก!”
เสียงร้องน่าเวทนา จู่ๆ ดังมาจากชั้นดาดฟ้า ทุกคนที่กำลังฝึกวิชาหยุดทันทีด้วยความงุนงงไม่เข้าใจ
โจวเจ๋อตัดสายทันที ขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็ว ชั้นดาดฟ้าๆๆ! ทว่าตอนที่โจวเจ๋อวิ่งมาถึงชั้นดาดฟ้าแล้ว กลับพบว่าไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด ยังเหมือนตอนที่ตัวเขาขึ้นมาครั้งแรก โจวเจ๋อยังจงใจเข้าไปดูซุ้มขนาดเล็ก แต่ก็ไม่มีร่องรอยการรื้อค้นหรือของหล่นอะไร
และในเวลานี้เอง คนที่ฝึกเชิดสิงโตอยู่ข้างล่างได้วิ่งขึ้นมาเหมือนกัน แต่พวกเขาไม่ทันได้ขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้า ก็ถูกขวางไว้ที่ชั้นสามแล้ว
“ผมไม่เป็นไร เมื่อกี้ไม่ระวังสะดุดล้มในห้องทำงาน ไม่เป็นไรแล้ว” หลี่ว์เฉิงเหวินใช้มือข้างหนึ่งกุมหน้าผากของตัวเองพลางอธิบายให้ศิษย์น้องของตัวเองฟัง “พวกศิษย์น้องลงไปฝึกกันต่อเถอะ พลังห้ามอ่อน โดยเฉพาะช่วงที่พ่อของผมอาจารย์ของพวกเธอเพิ่งจากไป อย่างน้อยก็ให้ท่านได้เห็นความจริงใจของพวกเรา”
“ครับ ศิษย์พี่”
“ครับ ศิษย์พี่”
ศิษย์น้องเหล่านั้นเห็นว่าหลี่ว์เฉิงเหวินไม่เป็นอะไร จึงหันหน้าเดินลงไปข้างล่างเพื่อฝึกวิชา โจวเจ๋อที่ยืนอยู่ริมขอบชั้นดาดฟ้าขมวดคิ้ว เขาเห็นหลี่ว์เฉิงเหวินเดินลงไปข้างล่างอยู่หยกๆ จากนั้นตอนที่ได้ยินเสียงร้องดังมาจากชั้นดาดฟ้า ตัวเขาเองก็ขึ้นมาเป็นคนแรก แต่หลี่ว์เฉิงเหวินกลับปรากฏตัวที่ชั้นสาม ขวางทางศิษย์น้องที่วิ่งขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาหลี่ว์เฉิงเหวินขึ้นมาได้อย่างไรกันแน่ หลังจากโน้มน้าวศิษย์น้องให้ลงไปข้างล่างแล้ว หลี่ว์เฉิงเหวินจึงกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเองอีกครั้งแล้วปิดประตู
โจวเจ๋อเดินลงมาจากชั้นดาดฟ้า มายืนอยู่ตรงตำแหน่งเดิมที่ตัวเองยืนก่อนหน้านั้น เปิดผ้าม่านช้าๆ แล้วเบี่ยงตัวมองเข้าไป เขาเห็นหลี่ว์เฉิงเหวินกำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ถือโทรศัพท์อยู่ในมือ เหมือนกำลังส่งข้อความแชต
หรือว่า ในบ้านหลังนี้มีบันไดลับ
ดูเหมือนว่าตอนนี้มีคำอธิบายเพียงเท่านี้ และดูจะฝืนนิดหน่อย แค่คนเชิดสิงโตเท่านั้น ไม่ใช่หน่วยงานลับอะไรเสียหน่อย ไม่จำเป็นต้องสร้างอะไรในบ้านเช่นนี้
เขาคิดเรื่องพวกนี้อยู่ในใจ สายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ตอนที่โจวเจ๋อเพ่งความสนใจไปที่หลี่ว์เฉิงเหวินอีกครั้ง กลับเห็นหลี่ว์เฉิงเหวิน ‘ยืน’ อยู่บนโต๊ะทำงาน ถึงจะแม้จะพูดว่ายืน แต่จริงๆ แล้วสองมือสองเท้ากำลังหมอบอยู่บนโต๊ะ แลบลิ้นออกมาเลียมือของตัวเอง เลียอย่างเคลิบเคลิ้ม เลียอย่างหลงใหล พร้อมกับส่งเสียง ‘สวบๆ’ ออกมาเป็นระยะ น้ำลายไหลลงมาขณะที่เลียอยู่ เหมือนสุนัขขี้เลีย (ขี้ประจบ)…ตัวหนึ่ง
……………………………………………………………………….