ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 316 อดีตของสวี่ชิง

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 316 อดีตของสวี่ชิง

ตัวอักษรเหล่านี้ เขาเขียนอย่างตั้งใจ ออกแรง ทุกเส้นที่ตวัดขีดล้วนมีจิตสังหารอยู่เข้มข้น

เลือดสดในฝ่ามือไหลอาบเหล็กแหลมเข้าไปอยู่ในเส้นขีด จนทำให้อักษรนี้กลายเป็นสีเลือด

ในสีเลือดนี้ อดีตช่วงหนึ่งก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นในความทรงจำสวี่ชิง

นั่นคือเมื่อสิบสามปีก่อน

เขายังมีบ้านอยู่

และทั้งหมดนี้ก็สิ้นสุดลงเมื่อวันนั้นมาถึง

จู่ๆ เสี้ยวหน้าเทพเจ้าบนท้องฟ้าก็ลืมตาขึ้น

สายตาขององค์ท่านทอดลงมายังเมืองที่เขาอยู่ เพียงพริบตา…ฟ้าดินก็เลือนลาง สรรพสิ่งบิดเบี้ยว ทั่วทั้งเมืองสลายหายไป

เหลือไว้เพียงกองกระดูกและฝนเลือดนับไม่ถ้วน ร่วงหล่นมาจากฟากฟ้า เหลือเพียงเขาคนเดียวที่รอดชีวิต ร้องไห้อย่างไร้ที่พึ่งอย่างหวาดกลัวในกองเลือดนั้น

ตอนนั้นเขาที่เพิ่งจะหกเจ็ดขวบ เขาไม่มีทางลืมว่าตนเองหนีออกมาอย่างไร และไม่มีทางลืมว่าตนเองใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเพียงใด กินอาหารที่กลืนลงคอไม่ได้ไปมากเท่าไร กระเสือกกระสนระหว่างความเป็นตายเช่นไรมา

เขาค่อยๆ กลายเป็นคนเร่ร่อน ทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยเปื้อนสกปรก เห็นความชั่วร้ายของนิสัยมนุษย์มานับไม่ถ้วน

เขาเรียนรู้ที่จะแย่งอาหารกับสุนัขป่า เรียนรู้การแยกคมเขี้ยว และเรียนรู้ที่จะปิดซ่อนกับระแวดระวัง เริ่มชอบที่จะหลบอยู่ในเงามืด

ไม่นาน เขาก็เรียนรู้วิธีการสังหารคน และในที่สุดในถ้ำยาจกเมืองเล็กแห่งหนึ่ง หลังจากที่สังหารชายฉกรรจ์ที่จะจับเขากิน ค่อยๆ แล่หัวของเขาออกมาแขวนไว้บนต้นไม้ ก็ทำให้ตนเองมีที่หลับนอน

เขาเริ่มใช้ชีวิตในเมือง อิจฉาคนในนั้นที่มีเสื้อผ้าสะอาดกว่าของตนเอง และปรารถนาจะกลายเป็นผู้บำเพ็ญ ทำให้ตนเองมีชีวิตที่ดีขึ้น

ในที่สุด การมีชีวิตต่อไป ก็กลายมาเป็นความคิดเพียงหนึ่งเดียวในก้นบึ้งจิตใจเขา

เขาจึงโหดเหี้ยมต่อศัตรู มีแค้นต้องตอบแทนให้สาสม

เขาจึงรู้สึกซาบซึ้งบุญคุณคนที่เคยช่วยเหลือตนเอง

นี่จึงเป็นสาเหตุที่เขาไม่เกรงกลัวเมืองเล็กถ้ำยาจกนั้น ท่ามกลางหายนะการลืมตาของเสี้ยวหน้าเทพเจ้า ด้านหนึ่งคือชีวิตเองก็มาถึงเพียงนี้แล้ว ขนาดความตายเขายังไม่กลัว แล้วจะมีอะไรทำให้เขากลัวได้อีก

อีกด้านหนึ่ง คือ…เขาผ่านมันมาแล้ว

และทั้งหมดนี้ ก็ทำให้เขาไม่ร้องไห้มานานแล้ว

แต่ในใจเขายังมีความหวังอยู่ตลอด เขารู้สึกว่าบิดามารดายังไม่ตาย เพียงแต่พวกเขาหาตนเองไม่เจอเท่านั้น

นี่คือความลับของเขา เขาไม่เคยพูดกับใคร

ท้องฟ้าสายอัสนีครืนครัน สายฟ้าฟาดผ่าลงมายังป่าที่อยู่ห่างจากพันธมิตรแปดสำนักเจ็ดวันผืนนี้อีกครั้ง ส่องสะท้อนร่างเงาของสวี่ชิงอีกครั้ง

สวี่ชิงก้มหน้า มองอักษรสีเลือดบนตำราไม้ไผ่

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงสลักพ่อลูกเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง สลักนกเขาราตรีลงไป

“ต้องตายให้หมด!”

สวี่ชิงพึมพำ ลุกขึ้นยืนท่ามกลางหิมะ

เขาที่ผ่านประสบการณ์ขมขื่นในโลกมนุษย์ตั้งแต่เล็กจนโต หล่อหลอมกำแพงจิตใจที่แข็งแกร่งไม่แพ้พ่ายออกมานานแล้ว ไม่มีเรื่องใดที่จะทำให้เขาแตกสลายได้ มีแต่จะทำให้จิตสังหารในใจเขาเพิ่มพูนมากขึ้นเท่านั้น

และวิธีการหนึ่งเดียวของเขาในการสักการะแด่ผู้ล่วงลับ คือใช้เลือดล้างเลือด หัวหน้าเหลย ปรมาจารย์ไป๋ เขาก็ทำเช่นนี้

ตอนนี้เขาเดินออกไปเงียบๆ แผ่นหลังมีความดุดัน ขณะที่ดูเหมือนกับหมาป่าเดียวดายก็ยังมีความสุกงอมที่หล่อหลอมออกมาอีกด้วย

ไม่หันหลังกลับ

จู่ๆ เขาก็รู้สึกไม่หวาดกลัวความหนาวเย็นของลมหิมะแล้ว

สวี่ชิงจำสิ่งที่หัวหน้าเหลยพูดได้ ในใจคนผู้หนึ่ง ยิ่งมีเรื่องราวที่กลบฝังไว้มากมายเท่าไร ก็จะยิ่งเติบโตขึ้น

สวี่ชิงรู้สึกว่า ตนเองในตอนนี้เติบโตแล้ว

เขาจะกลับไปสำนัก จากนั้นรอให้ตนเองแข็งแกร่งเพียงพอ ก็จะออกจากมณฑลรับเสด็จราชัน แล้วไปค้นหาเขาประกายอรุณนั่นให้เจอ

ขณะเดียวกัน คนที่เขาสังหารไม่ใช่แค่แค่ที่สลักไว้เหล่านั้น สวี่ชิงก็มีจิตสังหารกับกลุ่มเทียนประทีปอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

เสียงสวี่ชิงแหบพร่า ล้วงชเรือเวทออกมา พริบตาที่เหยียบขึ้นไปก็พุ่งทะยานเป็นสายรุ้งยาว ผ่านห่าหิมะนี้ตรงไปยังพันธมิตรแปดสำนัก

ในห้องเรือเวท สวี่ชิงนั่งสมาธิอยู่เงียบๆ

ปล่อยให้เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป

หลังผ่านไปสามวัน สวี่ชิงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น

เขาก้มหน้าลงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ มองถุงเก็บของตนเองอยู่นาน จากนั้นล้วงเอาสุราออกมากาหนึ่ง หลังจากวางไปที่ริมฝีปากก็ดื่มลงไปอึกใหญ่ ความเผ็ดร้อนก็ไหลลงไปตามคอหอย สวี่ชิงคิดถึงครั้งแรกที่ตนเองดื่มสุราขึ้นมา

ตอนนั้นหัวหน้าเหลยหัวเราะเขา บอกว่าเขายังเด็ก ไม่เข้าใจรสชาติของสุรา

หลังจากมายังเจ็ดเนตรโลหิต สวี่ชิงก็เข้าใจแล้ว และวันนี้ เขารู้สึกว่าสุรายังแรงไม่พอ

หลังจากดื่มลงไปอีกอึกหนึ่ง เขาก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องเรือ ยืนอยู่ที่ดาดฟ้าเรือแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามราตรี สัมผัสสายลมคลั่งที่มาจากท้องนภา เขาค่อยๆ ถอนสายตากลับมา มองทอดยาวไป

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น สวี่ชิงก็ล้วงขลุ่ยออกมา จับไว้ด้วยสองมือ แตะทที่ริมฝีปาก

เสียงขลุ่ยค่อยๆ บรรเลง สะท้อนก้องออกมาจากเรือเวทลำนี้

ในทำนองที่สะส้อนก้อง ขับขานเรื่องราวในอดีต

บทเพลงนี้ ชื่อว่าโสกกำสรด

ตอนนี้ ในมณฑลรับเสด็จราชัน กลางที่รกร้าง ในขบวนของเทียนประทีปที่กำลังเดินหน้า ตลอดทางไม่มีใครพูดจา

ชายหนุ่มชุดคลุมดำด้านหน้าเย็นชา กลุ่มคนด้านหลังก็เงียบงัน

ผ่านไปสักพัก นกเขาราตรีก็เงยหน้าขึ้นมองเจ้านายข้างหน้า เอ่ยเสียงต่ำขึ้นหลังจากที่ลังเล

“นายท่าน เด็กหนุ่มคนนั้นคือ…”

“น้องชายในชาตินี้ของข้า” ชายหนุ่มชุดคลุมดำตอบเสียงเรียบ

นกเขาราตรีสูดปาก ลังเลอีกครู่หนึ่ง

“เขาก็เป็นผู้มีอดีตชาติเหมือนกับท่านหรือขอรับ”

ชายหนุ่มชุดดำเบื้องหน้าส่ายศีรษะ ตอบกลับเสียงเย็น

“สวี่ชิงไม่มีชาติที่แล้ว เขาเป็นแค่เด็กจากครอบครัวธรรมดา แต่ก่อนหน้าที่ความทรงจำของข้าจะตื่นขึ้นในชาตินี้ ก็สัมผัสถึงความเป็นพี่น้อง กลายมาเป็นความผูกมัดหลังจากที่ข้าตื่นขึ้น”

“นายท่าน ถ้าหากในเจ็ดเนตรโลหิต ข้าพลั้งมือสังหาร…เขาขึ้นมา จะเป็นอย่างไรขอรับ” หลังจากนกเขาราตรีคาดเดา เขาก็ถามคำถามในใจออกมา

“เจ้าจะตาย” ชายหนุ่มชุดคลุมดำไม่หันหน้ากลับ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ

นกเขาราตรีเงียบนิ่ง เขาเข้าใจแล้วว่าเจ้านายของตนเองไม่ได้สนใจความเป็นความตายของสวี่ชิงคนนั้นแม้แต่น้อย ครั้งนี้ที่พบกันก็แค่มองแวบหนึ่งเท่านั้น

ไม่เช่นนั้นตอนที่เขาลงมือก่อนหน้า อีกฝ่ายต้องเข้าขวางแล้ว

เพราะว่าไม่สนใจ ดังนั้นใครก็สังหารได้ เขาจะมองเฉยๆ ไม่ขัดขวาง

แต่เพราะความผูกพัน ดังนั้นคนที่สังหารสวี่ชิง เขาก็จะลงมือสังหารทิ้งเสีย

ทั้งหมดนี้ อันที่จริงล้วนเป็นการทำลายตนเองทั้งสิ้น

สุดท้ายก็คือ ในใจเจ้านายตน เขาไม่ใช่พี่ชายของสวี่ชิงในชาตินี้ ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาคือองค์ชายจื่อชิงที่ทำให้สวรรค์ต้องประหลาดใจ กระทั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ยังคิดจะรับเป็นศิษย์อยู่หลายครั้ง คือคนที่ก่อนจะตายได้อธิษฐานต่อเทพเจ้าให้มอบตัวเลือกชาติที่สองแก่เขา

“นายท่าน ถ้าหากสังหารผู้ผูกมัดสามารถทำให้จิตเต๋าของท่านบริบูรณ์ เรื่องนี้นกเขาราตรีเช่นข้าก็ยินดีที่จะทำ!” นกเขาราตรีก้มหน้า เอ่ยขึ้นเสียงขรึม

“ข้าไม่ได้ฝึกบำเพ็ญเต๋า ไม่ต้องการจิตเต๋า สิ่งที่ข้าฝึกบำเพ็ญ คือเทพเจ้า” ชายหนุ่มชุดคลุมดำสายตาเรียบสงบ เดินห่างออกไป

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท