Invincible โลกอมตะ – ตอนที่ 239

ตอนที่ 239

พอสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายอันแข็งแกร่งหลายคนกำลังมุ่งหน้ามาทางเขา หวงเสี่ยวหลงก็ยังคงสงบนิ่ง ภายในไม่กี่ลืมหายใจ บรรณารักษ์หลายคนต่างก็ได้เข้าล้อมกรอบหวงเสี่ยวหลง

 

ในหมู่บรรณารักษ์หลายคนนี้ ส่วนใหญ่มองเขาด้วยความตื่นตระหนก เห็นได้ชัดว่ามีในพวกนั้นหลายคนจำหวงเสี่ยวหลงได้

 

ณ จุดๆนี้  บรรณารักษ์คนแรกที่ถูกหวงเสี่ยวหลงซัดลอยออกไปด้วยฝ่ามือนั้นก็ได้ลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วเดินกระโผลกกระเผลกไปหาศิษย์ร่วมชั้นของเขา  เขาก็ได้รายงานให้หนึ่งนั้นอย่างเฉพาะเจาะจง “ศิษย์พี่เฉิน ไอ้สารเลวนี่พยายามจะบุกรุกเข้าไปในหอสมุดโดยปลอมตัวเป็นศิษย์สถาบันต้วนเริ่นของเรา ข้าพยายามจะหยุดมันแต่มันกลับโจมตีข้าและทำให้ข้าบาดเจ็บ!”

 

บรรณารักษ์คนอื่นที่จำได้ว่าเป็นหวงเสี่ยวหลงพอได้ฟังคำพูดนี้ใบหน้าก็ขาวซีดราวกับผี โดยเฉพาะศิษย์พี่เฉิน เขาได้ใช้ฝ่ามือตบบรรณารักษ์คนนั้นอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยแรงที่พอจะให้เขาล้มลงก่อนที่จะหันไปหาหวงเสี่ยวหลงและคุกเข่า “นายน้อยหวง ข้าตาบอดเองที่ไม่สามารถจำไดว่าเป็นท่านผู้อาวุโส ได้โปรดอภัยให้พวกเราด้วย!”

 

คนที่เหลือที่จำหวงเสี่ยวหลงได้ก็เร่งรีบคุกเข่าตามศิษย์พี่ของเขาแต่ทว่าบรรณารักษ์คนแรกนั้นกลับตื่นตะลึงและยืนอยู่อย่างสับสนในขณะที่เขามองกลุ่มศิษย์สถาบันคุกเข่ารวมถึงศิษย์พี่เฉินด้วย

 

ไม่สามารถจำได้ว่าเป็นผู้อาวุโสงั้นหรือ?” หวงเสี่ยวหลงก็มอง ‘ศิษย์พี่เฉินคนนี้’ที่กำลังคุกเข่าต่อหน้าเขา  นี่เขาดูแก้ขนาดนั้นเลยหรอ?

 

“ไม่เป็นไร ทุกคนยืนขึ้นได้”หวงเสี่ยวหลกงก็พูดขึ้น

 

ศิษย์พี่เฉินคนนั้นก็ลังเลสักครู่ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้น แม้ว่าเขาจะลุกขึ้น แต่เขาก็ยังโค้งตัวพร้อมกับก้มหัวลงอย่างเคารพ ซึ่งเขาไม่กล้าจะมองหวงเสี่ยวหลงตรงๆ ศิษย์บรรณารักษ์ที่เหลือก็ยืนในท่าทางเดียวกัน

 

“ตอนนี้ข้าสามารถข้าไปได้หรือไม่?”หวงเสี่ยวหลงถามขึ้น

 

ศิษย์พี่เฉินก็มึนงงกับคำถามของหวงเสี่ยวหลง ซึ่งเขานั้นไม่เข้าใจเลยสักนิด ทำให้เขายังคงยืนอยู่อย่างมึนงง

 

“ตอนนี้ข้าเข้าไปได้หรือยัง?”เมื่อไม่มีใครตอบ หวงเสี่ยวหลงจึงได้ถามขึ้นอีกครั้ง

 

ครั้งนี้ศิษย์พี่เฉินก็มีปฏิกิริยาจึงพยักหน้าอย่างกระฉับกระเฉง “แน่นอน แน่นอน นายน้อยหวง

เชิญๆ ทางนี้นายน้อยหวง!”เขาก็หลบไปด้านข้างและเปิดทางให้หวงเสี่ยวหลงเดินผ่าน ศิษย์ที่เหลือก็แยกตัวหลบไปด้านข้างเปิดทางเดินตรงกลางให้

 

หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้าและยกเท้าเดินไปเข้าไปหอสมุด

 

หลังจากที่หวงเสี่ยวหลงได้หายลับไปจากสายตาแล้ว ศิษย์พี่เฉินก็กลับมายืนตรงซึ่งดุเหมือนว่าแผ่นหลังของเขาจะเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เขาได้เอามือเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก

 

ศิษย์คนอื่นที่ยังสับสนว่าหวงเสี่ยวหลงเป็นใครนั้นก็ได้เข้ามาถามศิษย์พี่เฉินอย่างระมัดระวัง “ศิษย์พี่เฉิน  เอ่อ เด็กคนเมื่อกี้เป็นใครกัน?”

 

ศิษย์พี่เฉินก็มองตรวจสอบของใบหน้าของหลายๆคนที่อยู่รอบเขา แล้วค่อยๆพูดออกมา 3 คำ “หวง เสี่ยว หลง”

 

หวงเสี่ยวหลง!

 

ราวกับฟ้าผ่าฉับพลันในวันที่อากาศแจ่มใส ศิษย์หลายคนก็ตัวสั่นไหวและดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวแต่ทว่าศิษย์บรรณารักษ์คนแรกที่พึ่งจะลุกขึ้นมาจากพื้นเป็นครั้งที่ 2 นั้นก็รู้สึกว่าขาอ่อนแรงซึ่งมันสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ ทำให้เขาล้มลงพื้นไป

 

คนๆนั้นที่แท้จริงแล้วเขาก็คือหวงเสี่ยวหลง ! หวงเสี่ยวหลง คนที่แม้กระทั่งจักรพรรดิต้วนเริ่นยังต้องทักทายว่านายน้อยหวงด้วยความเคารพ!

 

“โอ้ แม่จ๋า นั่นเขา ผู้อาวุโส!”หลังจากผ่านไปนาน ก็มีหนึ่งในบรรณารักษ์อุทาขึ้นอย่างเสียงดังเมื่อเขารู้ความจริง

 

ศิษย์พี่เฉินก็ได้มองศิษย์บรรณารักษ์คนแรก “ข้าหวังว่านายน้อยหวงจะไม่โทษพวกเรา  ถ้าไม่หล่ะก็ ไม่เพียงแค่เขา แม้กระทั่งตระกูลของพวกเราก็คงจะเกี่ยวข้องด้วยแน่!”

 

ในขณะการพูดคุยกันที่น่าตกตะลึงได้เกิดขึ้นที่หน้าทางเข้าหอสมุด หวงเสี่ยวหลงก็เข้ามาถึงส่วนภาษาโบราณของห้องสมุดแล้ว จากนั้นเขาก็เปิดอ่านหนังสือจากชั้นวางทีละเล่มแล้วเอาพวกมันมาเทียบกับรูปแบบอักษรรูนโบราณที่ถูกสลักไว้บนขอบแท่นบูชา

 

อักษรโบราณนั้นมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ตระกูลสัตว์อสูรโบราณและชนเผ่ามนุษย์โบราณมีวีเขียนแตกต่างกันไปและแค่ชนเผ่ามนุษย์โบราณอย่างเดียวนั้นมีตัวอักษรมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งนั่นเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละเผ่า

 

 

“ชนเผ่าหลิงลง”จากหนังสือหลายเล่มที่เขาดึงออกมาจากชั้นวาง หงเสี่ยวหลงก็ได้พบตัวกอักษณโบราณของชเผ่าหลิงหลงในหน้าเหลืองของหนังสือเล่มเก่าทีมีความคล้ายคลึง พอเอามาเทียบกับข้อความที่เขาได้เห็นบนแท่นบูชาแล้ว สายตาของหวงเสี่ยวหลงก็เปร่งประกายไปด้วยความสุข

 

ตามหนังสือเล่มเก่านี้ ชนเผ่าหลิงหลงนั้นเป็นหนึ่งใน10 ชนเผ่ามนุษย์ที่ใหญ่ที่สุด

 

“กายาหลิงหลงทองคำ?!”ทันที หวงเสี่ยวหลงก็ตกตะลึงในสิ่งที่เขาอ่านได้ หนังสือที่เขาหยิบมานั้นคือกายาหลิงหลงทองคำ ซึ่งมันทำให้เขาหรี่ตาอย่างครุ่นคิด  ความตกใจของเขาก็เพิ่มขึ้นในขณะที่หนังสือนั้นได้กล่าวว่ากายาหลิงหลงทองคำนั้นมีต้นกำเนิดมาจากบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่าหลิงหลงโบราณ!

 

“หรือว่าชนเผ่าหลิงหลงโบราณนั้นจะเป็นผู้สร้างเจดีย์หลิงลงขึ้น?!”ก็ได้มีคลื่นแห่งความสุขปะทุขึ้นในจิตใจของหวงเสี่ยวหลง และสำหรับเคล็ดวิชาที่ถ่ายทอดของเจดีย์หลิงหลงนั้น ก็ไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกจากกายาหลิงหลงทองคำ!

 

ยิ่งไปกว่านั้นคือ รูปแบบข้อความบนแท่นบูชาในชั้นที่ 3 ของเจดีย์หลิงหลงนั้น ก็มีความใกล้เคียงกับข้อความของชนเผ่าหลิงหลงโบราณ เจดีย์หลิงหลงนั้นจะต้องมีส่วนเกี่ยวของกับชนเผ่าโบราณนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

 

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ในที่สุดหวงเสี่ยวหลงก็แปลงข้อความบนแท่นบูชาในชั้นที่ 3 ของเจดีย์หลิงหลงเสร็จ

 

เคล็ดวิชาหุ่นเชิด!

 

นี่คำที่หวงเสี่ยวหลงแปลออกมา แท่นบูชานั้นที่จริงแล้วเป็นสถานที่บันทึกเคล็ดวิชาหุ่นเชิดโบราณ

 

ตามที่บันทึกกล่าวไว้ว่าการฝึกเคล็ดวิชาหุ่นเชิดโบราณนั้นช่วยบ่มเพาะและเพิ่มพูนพลังจิตของผู้ฝึก ที่พลังจิตของคนนั้นแข็งแกร่งขึ้นมากเพียง เขาคนนั้นก็ยิ่งมีโอกาสที่จะสามารถควบคุมหุ่นเชิดชั้นสูงที่แข็งแกร่งกว่าได้

 

หวงเสี่ยวหลงก็ดีใจมากกับคำที่แปลออกมา เคล็ดวิชาเชิดหุ่นโบราณนี้จะสามารถช่วยบ่มเพาะและเพิ่มพูนพลังจิตได้!

 

ตอนที่หวงเสี่ยวหลงออกจากหอสมุดข้างนอก็ได้มืดลงแล้ว เมื่อเขาเดินออกมาหน้าทางเข้า ก็ยังคงมีศิษย์บรรณารักษ์หลายคนยืนอยู่ที่นั่น

 

พอเห็นหวงเสี่ยวหลงโผล่มาจากหอสมุด พวกเขาทุกคนต่างก็สั่นกลัวแบบไม่มีสาเหตุ จากนั้นพวกเขาจะพยายามเดินมาในขณะที่ตะโกนออกมาว่า “นายน้อยหวง ท่านออกมาแล้ว!”

 

สายตาของหวงเสี่ยวหลงก็กวาดมองพวกเขา ซึ่งเขารู้ถึงเหตุผลที่ศิษย์พวกนี้ยังรอเขาอยู่ที่นี่ดี เขาก็ได้พูดออกไปอย่างตรงๆ “ดีมาก ข้าจะโทษเจ้าเรื่องพวกนี้ กลับบ้านไปซะ”

 

หวงเสี่ยวหลงที่จริงแล้วเขาไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้เลยสักนิด เพราะในตอนนั้น เขากำลังอารมณ์ดีมากเนื่องจากเคล็ดวิชาเชิดหุ่นโบราณที่เขาเจอ

 

หวงเสี่ยวหลงก็ได้เดินออกไปหลังจากพูดคำพูดนั้นออกไปให้แก่ศิษย์บรรณารักษ์ทั้งหลาย หลังจากนั้นศิษย์พี่เฉินและคนที่เหลือก็สามารถอนหายใจได้อย่างโล่งอกราวกับเขาพึ่งหนีภัยพิบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตนี้ได้อย่างปลอดภัย

 

เมื่อหวงเสี่ยวกลับมาที่คฤหาสน์เนินเขาทิศใต้ เขาก็ได้เขาไปในชั้นที่ 3 ของเจดีย์หลิงหลงทันที เพียงเคลื่อนไหวก้าวเดียวเขาก็ไปโผล่บนกลางแท่นบูชา จากนั้นเขาก็เดินผ่านไปที่อักษรโบราณนั่นอีกครั้งและจึงจดจำมันลงในความทรงจำของเขา และแล้วเขาก็นั่งขัดสมาธิและเริ่มบ่มเพาะตามวิธีที่กล่าวไว้

 

แก่นแท้ของการบ่มเพาะเคล็ดวิชาเชิดหุ่นโบราณนั้นก็คือการทำสมาธิ ทำสมาธิ และทำสมาธิ การทำสมาธินั้นทำให้สามารถสัมผัสได้ถึงทุกสิ่งอย่างในโลก จากนั้นเขาก็ได้วิญญาณของเขานั้นเข้าไปรวมเป็นส่วนหนึ่งในมิตินี้  ซึ่งทำให้ขาสัมผัสได้ทุกสายลมที่ไหลเวียน ทุกหยดน้ำ ทุกเปลวไฟในมิติรอบตัวเขา และสิ่งพวกนั้นจะเป็นส่วนช่วยในการบ่มเพาะพลังจิตวิญญาณของเขา

 

คืนนึงได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว

 

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงคืนเดียว หวงเสี่ยวหลงก้สัมผัสได้ถึงการพัฒนาในพลังจิตขิงเขาอย่างเห็นได้ชัด

 

ดูเหมือนว่าเขาจะต้องบ่มเพาะมันอย่างน้อย 3 เดือนก่อนที่เขาจะเริ่มควบคุ่มหุ่นเชิดพวกนี้ หวงเสี่ยวหลงจ้องมองไปที่หุ่นเชิดทั้ง 19 ตัว

 

เขาประเมินดูว่าด้วยความเร็วในการบ่มเพาะของเขานั้น เขาจะต้องใช้เวลา 3 เดินในบ่มเพาะให้ถึงความสำเร็จระดับต้นในเคล็ดวิชาหุ่นเชิดโบราณ เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนที่ 1 การประทับตราจิตวิญญาณ หลังจากประทับตราจิตวิญญาณลงในหุ่นเชิดพวกนี้นั่นจึงจะถึงว่าควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์

Invincible โลกอมตะ

Invincible โลกอมตะ

จากลูกศิษย์ของวัดเส้าหลินบนแผ่นดินใหญ่ หวงเสี่ยวหลงกลับคืนสู่โลกแห่งการต่อสู้โดยได้อาศัยความรู้จากความลับของหัวเซี่ย ซึ่งเป็นวิชาลับจากคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น ในโลกของจิตวิญญาณการต่อสู้โดยเฉพาะผู้ที่มีจิตวิญญาณการต่อสู้เท่านั้นที่จะสามารถฝึกในปราณฉีและกลายเป็นนักรบได้ หวงเสี่ยวหลงเกิดมาพร้อมกับวิญญาณการต่อสู้ที่หายากจากภายในสวรรค์แห่งนี้ได้ถูกปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ ในช่วงพิธีปลุกเสกโดยคนของโลกแห่งนี้ อย่างไรก็ตามหวงเสี่ยวหลง กับ “ตัวแปร” จิตวิญญาณการต่อสู้ต้องลุกขึ้นต่อสู้อีกครั้งและแสดงความสามารถพิเศษอื่น ๆ เพื่อเอาชนะเหล่าอัจฉริยะสร้างความตกตะลึงให้กับตระกูลและเหล่าผู้คนของโลกจิตวิญญาณการต่อสู้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท