ตอนที่ 361 สูญเสีย
สวี่ซีก้าวเท้ายาวกลับมา ชี้ไปทางหลายคนที่ถูกทหารกุมตัวอยู่ พลางเอ่ยว่า “นี่คือหวังอู่ นี่คือหลัวเฮย…พวกเขาล้วนเป็นข้ารับใช้จวนโหว ข้าจำได้หมด!”
ผู้ดูแลสีหน้าเปลี่ยน “คุณชายใหญ่ ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไรขอรับ!”
ลูกล้างผลาญนอกคอกคนนี้ ทำไมถึงสามารถกระทำเรื่องเช่นการทำลายตระกูลตนเองออกมาได้
สวี่ซียิ้มเยาะ “ท่านผู้ดูแล ตอนนี้ข้าคือสวี่ต้าหลางที่ท่านพูดถึง ไม่ใช่คุณชายใหญ่อะไรนั่น”
ความแค้นเคืองที่ถูกไล่ออกจากตระกูลพลันระเบิดออกมาทันที ทำให้เขาเกิดความบุ่มบ่ามที่จะพินาศไปพร้อมกับจวนโหว
ตอนเห็นแม่เลี้ยงนำห้าพันตำลึงเงินออกมาคืนหนี้พนันแทนเขาอย่างรวดเร็ว เขาถึงกับซาบซึ้งใจ
ทำไมเขาถึงได้โง่ขนาดนี้!
แม่เลี้ยงเบื้องหน้าคืนหนี้พนัน ด้านหลังก็แย่งกลับมา สมมติว่าข้ารับใช้เหล่านี้ไม่ได้ถูกทหารจับเอาไว้ อันธพาลหลายคนนั้นจะละเว้นเขาซึ่งถูกไล่ออกจากตระกูลคนหนึ่งหรือ
เขาโง่ แต่ไม่ถึงขนาดที่ไม่เข้าใจเรื่องง่ายๆ ขนาดนี้
สวี่ซียิ่งคิดก็ยิ่งเหน็บหนาวหัวใจ โมโหจนสั่นไปทั้งร่าง
โมโหความใจดำของบิดากับแม่เลี้ยง และโมโหความโง่งมของตนเองยิ่งกว่า
ผู้ดูแลได้ยินก็เหงื่อไหลโทรมกาย “คุณชายใหญ่ ท่านไม่อาจกล่าววาจาเหลวไหลได้นะขอรับ หลายคนนี้ไม่ใช่คนจวนโหวด้วยซ้ำ!”
ตอนนี้ทำได้แค่ยืนกรานปฏิเสธ ไม่เช่นนั้นหน้าตาของจวนโหวคงขายขี้หน้าไม่เหลือ
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ดูแลที่ปากแข็งไม่ยอมรับผิด สวี่ซีไม่เคยมีสติขนาดนี้มาก่อน “เจ้าบอกว่าพวกเขาไม่ใช่คนของจวนโหว แต่บอกว่าข้ากำลังโกหกหรือ”
เด็กหนุ่มมองไปทางกลุ่มคนที่มุงดูรอบๆ แล้วเอ่ยเสียงดังว่า “เพื่อนบ้านมองดูอยู่เยอะแยะขนาดนี้ ไม่มีสักคนที่จะจำพวกเขาได้เลยหรือ”
ทุกคนยุ่งเรื่องคนอื่นเพราะกลัวว่าจะไม่บานปลาย[1] ในไม่ช้าก็มีคนที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มคนตะโกนว่า “ข้ารู้จักหลัวเฮยคนนั้น ภรรยาเขาบดถั่วทำเต้าหู้ที่หัวมุมถนน รูปโฉมงดงาม อ่อนโยนและสดใสมาก”
“ข้ารู้จักหวังอู่…”
ผู้ดูแลสีหน้าย่ำแย่ลงเรื่อยๆ แล้วรีบส่งสายตาให้คนไปรายงานฉางชุนโหว
หัวหน้าทหารยิ้มๆ “ในเมื่อหลายคนที่ปล้นทรัพย์ในเวลากลางวันแสกๆ นี้เป็นข้ารับใช้จวนโหว เช่นนั้นก็ต้องเชิญท่านโหวมาอธิบายสถานการณ์ให้ชัดเจนสักหน่อยแล้ว”
ผู้ดูแลโมโหแทบตาย เอ่ยในใจว่า คนของกองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองกล้าไร้เหตุผลต่อหน้าจวนโหว ผีเข้าแล้วจริงๆ
แต่ทว่าต่อให้ในใจโมโหอย่างไร ใบหน้าก็ทำได้แค่ยิ้มแย้ม
“ใต้เท้าหลายท่านเข้าไปสนทนากันข้างในเถอะขอรับ ยืนอยู่ข้างนอกทั้งที่หิมะปลิวว่อนนั้นไม่สบายเท่าใดนัก”
แน่นอนว่าหัวหน้าทหารอยากเข้าไปสนทนา
หลังเข้าไปแล้วสามารถดื่มชาร้อนๆ ได้นั้นไม่พูดถึง แต่ได้รับเงินก้อนหนึ่งนั้นเป็นเรื่องแน่นอน
แต่ทว่าไม่สามารถทำได้ คุณหนูลั่วกำลังมองอยู่นะ!
หากจัดการได้ไม่ดี กลับไปคุณหนูลั่วตบเขาแล้ว จะไปชี้แจงเหตุผลกับใครได้
หัวหน้าทหารทุกข์ใจ และไม่สามารถเอ่ยออกมาได้เช่นกัน ทำได้แค่แสร้งทำหน้าตึง แสดงท่าทางเข้มงวดกวดขัน “คุยกันข้างนอกให้ชัดเจนดีกว่าขอรับ”
ฉางชุนโหวซึ่งได้รับข่าวคราวรีบร้อนเดินออกมา
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
หัวหน้าทหารประสานมือคารวะ “ท่านโหว เป็นแบบนี้ขอรับ พวกข้าน้อยหลายคนกำลังลาดตระเวน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนว่าปล้นทรัพย์จึงรีบไปดู ก็เห็นหลายคนนี้ขวางคนเอาไว้ในตรอก เพื่อทำการปล้นทรัพย์อยู่ พวกเราจึงจับโจรปล้นทรัพย์เอาไว้ เมื่อถามถึงได้รู้ว่าโจรปล้นทรัพย์ถึงกับเป็นข้ารับใช้ของจวนท่าน บอกว่าจะนำตั๋วเงินห้าพันตำลึงที่อันธพาลหลายคนนี้เอาไปกลับคืนมา”
ฉางชุนโหวไม่รู้ว่า นี่คือการจัดการของหยางซื่อ ตอนนี้จึงทั้งตะลึง ทั้งโมโห มองไปทางข้ารับใช้หลายคนนั้น
ข้ารับใช้หลายคนอยากคุกเข่าอธิบายให้ฉางชุนโหวฟัง แต่ก็กลัวว่าจะเป็นการยืนยันฐานะ แต่ละคนอดกลั้นจนใบหน้าแดงก่ำ
พวกเขาไม่ได้สารภาพสักหน่อย ทหารเหล่านี้อ้าปากพูดมั่วซั่วเองต่างหาก!
ก็แปลกนะ ทหารเหล่านี้รู้ได้อย่างไรว่า พวกเขาเป็นคนของจวนฉางชุนโหว ทั้งยังรู้ว่า การไปขวางทางอันธพาลหลายคนนั้นเอาไว้ก็เพื่อไล่ตามตั๋วเงินห้าพันตำลึงกลับคืนมา
และที่แปลกยิ่งกว่าก็คือ ทหารเหล่านี้ฝีมือไม่ได้ดีอะไร แต่ตอนประมือกัน ใต้เท้ามักจะลื่น ไม่นานนักก็ถูกอีกฝ่ายจับเอาไว้ได้
ข้ารับใช้หลายคนเผชิญหน้ากับฉางชุนโหวซึ่งมีดวงหน้าเขียวคล้ำด้วยความตื่นตระหนก ทั้งรู้สึกไม่เป็นธรรมและรู้สึกเพียงแค่ว่าหมดทางมีชีวิตรอดแล้ว
ข้ารับใช้จวนโหวมากมาย ฉางชุนโหวเดิมก็จำได้ไม่หมด แต่ช่วยไม่ได้ที่หลายคนนี้ล้วนเป็นคนที่โดดเด่นในบรรดาข้ารับใช้จึงย่อมคุ้นหน้าอยู่
ฉางชุนโหวมองผู้ดูแลแวบหนึ่งทันที
ผู้ดูแลแอบส่งสายตามาให้
หัวใจของฉางชุนโหวพลันจมดิ่งลงไป
ดูท่าสิ่งที่คนของกองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองพูดจะเป็นความจริง!
เขาเพิ่งจะจัดการเรื่องของบุตรชายคนโต เดิมนึกว่าจะสามารถสงบเงียบได้ระยะหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อนเช่นนี้เกิดขึ้นอีก
หัวหน้าทหารกระแอมไอ “ท่านโหว เมื่อครู่ได้รับหลักฐานจากปากเหล่าเพื่อนบ้านแล้ว โจรปล้นทรัพย์หลายคนนี้เป็นข้ารับใช้ของจวนท่านโหวจริงๆ ไม่ทราบว่าท่านรู้เรื่องนี้ชัดเจนหรือไม่ หากว่าปล่อยให้ข้ารับใช้ทำร้ายร่างกาย…”
ฉางชุนโหวตัวสั่น เพลิงโทสะถูกความตระหนกกลัวกดทับลงไปทันที
เรื่องนี้โวยวายมาถึงเบื้องหน้าผู้คนแล้ว เขาไม่สามารถแบกโทษฐานปล่อยให้ข้ารับใช้มีพฤติกรรมทำร้ายผู้อื่นได้!
ในสายพระเนตรของฝ่าบาท เดิมจวนฉางชุนโหวจะมีหรือไม่มีก็ได้ หากมีคนกัดเรื่องนี้ไม่ปล่อย แล้วโวยวายไปถึงหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท ฝ่าบาทไม่มีทางปกป้องเขาแน่นอน
ลูกหลานเชื้อพระวงศ์และขุนนางชนชั้นสูงในเมืองหลวงมีมากมาย เกรงว่าฝ่าบาทกำลังกลัดกลุ้มเรื่องไร้หนทางลดค่าใช้จ่ายคลังหลวงอยู่พอดี
ฉางชุนโหวจ้องผู้ดูแลด้วยสายตาเย็นชา พลางถามเสียงเฉียบขาดว่า “สรุปว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไร เจ้าเป็นคนจัดการให้คนเหล่านี้ไปหรือ”
ผู้ดูแลได้ยินวาจานี้ของฉางชุนโหวก็เบื้องหน้าดำมืด คล้ายถูกอสนีบาตฟาดใส่เหนือศีรษะ
จบสิ้นแล้ว นี่ท่านโหวต้องการให้เขาแบกรับความผิด!
“ข้าถามเจ้านะ” เสียงเย็นชาของฉางชุนโหวดังลอยมา แต่ละคำกระแทกลงบนหัวใจผู้ดูแลอย่างแรง
ผู้ดูแลดวงหน้าซีดขาว ค้อมกาย เอ่ยเสียงสั่น “ล้วนเป็นข้าน้อยที่เลอะเลือนไปชั่วขณะขอรับ ปวดใจที่ต้องยกผลประโยชน์โดยมอบเงินมากมายขนาดนั้นให้อันธพาลไม่กี่คนจึงให้พวกเขาหลายคนไปไล่เอาตั๋วเงินกลับมา…”
ยังเอ่ยไม่ทันจบ ผู้ดูแลทรุดลงกับพื้น นั่งตัวสั่นเทิ้มไปทั้งร่างอยู่บนพื้นหิมะ
เขาไม่แบกรับความผิดนี้ได้หรือ
เห็นได้ชัดว่าไม่ได้
ครอบครัวเขาทั้งคนชราและเด็กสิบกว่าคนล้วนอยู่ในมือท่านโหวกับฮูหยิน หากไม่ก้าวออกมาแบกรับความผิดนี้ คนที่ตายจะไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวแล้ว
ผู้ดูแลคิดเช่นนี้ หยาดน้ำตาสีขุ่นก็รินไหลลงจากหางตา
หยาดน้ำตานั้นอุ่นร้อน กระทบลงบนพื้นหิมะจนกลายเป็นหลุมเล็กๆ และถูกหิมะที่โปรยปรายกลบทับไปอย่างรวดเร็ว
สวี่ซีมองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างเย็นชาด้วยความรู้สึกสะใจและซับซ้อน
ผู้ดูแลที่เมื่อครู่ยังประชดประชันเขา พริบตาเดียวก็กลายเป็นคนเลวซึ่งตกที่นั่งลำบากแล้ว ชีวิตคนเรานั้นช่างไม่แน่นอนจริงๆ
เขาอดมองไปทางฉางชุนโหวไม่ได้
ฉางชุนโหวไม่มองมาทางที่เด็กหนุ่มอยู่สักแวบเดียว เขาฝืนยิ้ม พลางเอ่ยกับหัวหน้าทหารว่า “น่าละอายใจจริงๆ ต้องโทษข้าที่ไม่ได้ควบคุมการกระทำของข้ารับใช้ในจวนให้ดี ให้เขาทำเรื่องเหลวไหลออกมา ใต้เท้าพาเจ้าคนเลอะเลือนนี่ไปเถอะ จวนโหวไม่มีทางปกป้องและเข้าข้างเขาเด็ดขาด”
หัวหน้าทหารพยักหน้า “ขอบคุณท่านโหวที่เข้าใจ พวกเราต้องนำตัวคนกลับไปส่งที่ศาลาว่าการจริงๆ ขอรับ”
หลักๆ ก็คือมอบให้กับคุณหนูลั่ว
จับผู้ดูแลใหญ่ของจวนฉางชุนโหวได้แล้ว คิดว่ากูไหน่ไนท่านนั้นน่าจะพอใจแล้วสินะ
ฉางชุนโหวลอบโล่งใจ
สละผู้ดูแลคนหนึ่งเป็นการยุติเรื่องนี้ ก็ถือว่าสามารถยอมรับได้
แน่นอน การควบคุมข้ารับใช้ไม่เข้มงวดนั้นไม่ได้ชื่อเสียงที่ดีอะไร แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้ข้ารับใช้มีพฤติกรรมทำร้ายผู้อื่นมาก
“เช่นนั้นไม่รบกวนท่านโหวแล้ว นำตัวไป!”
เมื่อเห็นว่าทหารตรงหน้าจะจากไป ตาสามเหลี่ยมก็อดเอ่ยขึ้นไม่ได้ว่า “เดี๋ยวก่อน…”
สายตานับไม่ถ้วนมองมาทางเขา
ตาสามเหลี่ยมยืดตัวตรงโดยไม่รู้ตัวแล้วถามเสียงดังว่า “เช่นนั้นห้าพันตำลึงของพวกข้าน้อยจะทำอย่างไรขอรับ”
ฉางชุนโหวตะลึง “อะไรนะ ห้าพันตำลึงเงินหรือ”
พวกขี้เมาที่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่างหลายคนนั้นไม่ได้ถูกคนของกองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองจับกุมได้แล้วหรือ ยังมีเรื่องเงินอันใดอีก
“เป็นแบบนี้ขอรับ ตอนข้ารับใช้จวนท่านปล้นทรัพย์พวกข้าน้อย กล่องที่บรรจุตั๋วเงินเอาไว้ถูกขอทานเด็กฉวยโอกาสที่ชุลมุนแย่งไปแล้ว ขอทานเด็กคนนั้นวิ่งเร็วมาก ย่อมตามกลับมาไม่ได้ จวนโหวต้องชดเชยความสูญเสียให้กับพวกข้าน้อยใช่หรือไม่ขอรับ”
[1] ทุกคนยุ่งเรื่องคนอื่นเพราะกลัวว่าจะไม่บานปลาย หมายถึง ผู้คนที่ชอบยุ่งเรื่องผู้อื่น ไม่เพียงแต่ยุ่งเพื่อความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังทำให้เรื่องราวบานปลายอีกด้วย เพราะคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
ตอนที่ 357 ทวงหนี้
กระดาษสีขาว ตัวอักษรสีดำ หลักฐานการยืมเงินซึ่งมีการลงนามของลูกหนี้กองหนึ่งฟาดลงตรงหน้าสวี่ซี
หลักฐานการยืมเงินซึ่งมีการลงนามของลูกหนี้เหล่านี้ก็แค่เงินไม่กี่ตำลึง มากสุดก็ไม่เกินยี่สิบตำลึง แต่กลับสะสมจนได้จำนวนมหาศาลเช่นห้าพันตำลึง
สวี่ซีไม่อาจเชื่อสายตาตนเองได้เลยด้วยซ้ำ
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมากขนาดนี้!”
“ให้เขาเบิกตาดูให้ชัดเจน” ตาสามเหลี่ยมยิ้มเยาะ
คนหนึ่งกดเด็กหนุ่มที่ถอยหลังไม่หยุดเอาไว้ไม่ให้เขาขยับ อีกคนก็ยื่นหลักฐานการยืมเงินซึ่งมีการลงนามของลูกหนี้ไปตรงหน้าเขา
หลักฐานการยืมเงินซึ่งมีการลงนามของลูกหนี้แต่ละแผ่นที่พลิกไป คล้ายกับยันต์ทวงวิญญาณที่ฟาดลงมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน ทำให้สวี่ซีเหมือนตกอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง
“เห็นชัดเจนแล้วสินะ” ตาสามเหลี่ยมยิ้มตาหยี
สวี่ซีสูดลมหายใจอย่างแรง กัดฟันเอ่ยว่า “ข้า…ข้าจะชนะเอาเงินคืนมา!”
“ชนะหรือ” หลายคนสบตากันแล้วหัวเราะ
ตาสามเหลี่ยมตบไหล่สวี่ซีอย่างแรง “คุณชายใหญ่สวี่ คิดจะชนะเอาเงินคืนมานั้นก็ได้ แต่คืนห้าพันตำลึงนี้มาก่อนค่อยว่ากัน ไม่เช่นนั้น ท่านคิดจะแสวงหาประโยชน์โดยที่ตนเองไม่ต้องลงทุนหรือ”
“ข้าไม่มีเงิน!” สวี่ซีดุร้ายขึ้นมา นัยน์ตาแดงก่ำ “มีความสามารถ พวกเจ้าก็ฆ่าข้าให้ตายเลยสิ!”
วันนั้นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งถูกคนตัดนิ้วเพราะคืนหนี้ไม่ได้ เขาก็เห็นแล้ว
เขาเคยกลัว แต่ว่าควบคุมเท้าที่วิ่งมาบ่อนทองพันชั่งไม่ได้
ตาสามเหลี่ยมยิ้ม “คุณชายใหญ่สวี่เป็นคุณชายตระกูลโหว ชีวิตมีค่ากว่าทองนะขอรับ พวกข้าน้อยไหนเลยจะกล้าทำให้ท่านได้รับบาดเจ็บแม้แต่ขนเส้นหนึ่ง”
“เช่นนั้นพวกเจ้าจะเอาอย่างไร”
“ติดหนี้ก็คืนเงิน นี่เป็นหลักการที่ถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัย แน่นอนว่าต้องเรียกเก็บกับบิดามารดาของคุณชายใหญ่สวี่”
เมื่อได้ยินว่าจะไปทวงหนี้ที่จวนโหว สวี่ซีก็ตื่นตกใจ
เขาก่อเรื่องมาหลายครั้ง บางครั้งก็แบกรับเอาไว้เงียบๆ บางครั้งก็ทะเลาะกันไปถึงหน้าผู้ใหญ่
เห็นความผิดหวังในสายตาท่านพ่อมากแล้ว นานวันเข้าก็ไม่สำคัญอะไรอีกแล้ว
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าทำอย่างไร เขาก็ไม่มีทางทำให้ท่านพ่อพอใจได้
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน หากท่านพ่อรู้ว่า เขาแพ้ห้าพันตำลึงเพราะเล่นพนัน จะต้องตีเขาตายแน่นอน
“พวกเจ้าให้ข้ายืมอีกครั้ง ครั้งสุดท้าย…”
ตาสามเหลี่ยมส่ายหน้า “ครั้งที่แล้วคุณชายใหญ่สวี่ก็พูดเช่นนี้”
นัยน์ตาสวี่ซีมีประกายสับสนพาดผ่าน
เมื่อก่อนเขาพูดแบบนี้ไปแล้วหรือ
ไม่รอให้มีปฏิกิริยาใดๆ ก็ถูกผลักจนเดินเซไป
“ข้าไม่ไป!” สวี่ซีดิ้นรนสุดชีวิต
ตาสามเหลี่ยมออกแรงกดไหล่เขาเอาไว้ด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ “คุณชายใหญ่สวี่ ท่านเป็นคุณชายใหญ่ของจวนฉางชุนโหว บุตรชายสุดที่รักของฉางชุนโหว ยังต้องกลัวว่าจวนพวกท่านจะนำเงินเล็กๆ น้อยๆ ห้าพันตำลึงนี้ออกมาไม่ได้หรือ”
การดิ้นรนอย่างรุนแรงของสวี่ซีหยุดโดยไม่รู้ตัว
วาจาของตาสามเหลี่ยมทิ่มแทงเด็กหนุ่มจนเจ็บปวดอย่างไม่ต้องสงสัย
ครั้งนั้น คุณหนูลั่วหลอกเอาเงินท่านพ่อไปจำนวนหนึ่ง ก็ห้าพันตำลึงเหมือนกันพอดี
ท่านพ่อมองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบเป็นเวลานาน เหมือนกับมองของสิ่งหนึ่ง
ห้าพันตำลึง…ท่านพ่อจะนำออกมาอีกหรือไม่
สวี่ซีที่ความคิดยุ่งเหยิงไปแวบหนึ่งก็ถูกผลักไปบนถนนแล้ว
ทุกแห่งบนถนนล้วนถูกปกคลุมด้วยสีขาวอ่อนๆ คนเดินถนนฝีเท้าเร่งรีบ
สวี่ซีตัวสั่น รู้สึกหนาวยิ่ง
ด้านหลังมีมือผลักให้เขาเดินไปข้างหน้า
เด็กหนุ่มเดินโซซัดโซเซ สภาพย่ำแย่ยิ่ง
ในไม่ช้าก็มีคนเดินทอดทอดสายตามองมาด้วยความประหลาดใจ และส่ายหน้า ถอนสายตากลับไป
ไม่รู้ว่าเป็นลูกล้างผลาญตระกูลใดที่สร้างหายนะให้บิดามารดาอีก บ่อนทองพันชั่งเป็นสถานที่ซึ่งทำร้ายผู้คนแห่งหนึ่ง
คนที่เดินผ่านบ่อนทองพันชั่งคุ้นเคยจนเห็นเป็นเรื่องปกติ กระทั่งความกระตือรือร้นที่จะตามไปดูเรื่องสนุกก็ไม่มี ทว่ารอถึงตอนที่หลายคนนี้พาสวี่ซีไปถึงหน้าประตูใหญ่จวนฉางชุนโหว ความคึกคักก็พลันพุ่งขึ้นสูง
เด็กดวงซวยคนนี้ก็คือคุณชายจวนฉางชุนโหวหรือ
ในไม่ช้าตาสามเหลี่ยมและคนอื่นๆ ก็ร้องเรียกให้เปิดประตูใหญ่จวนฉางชุนโหว
มีตัวอย่างเช่นคุณหนูลั่วมาก่อเรื่องก่อนหน้านี้ คนเฝ้าประตูจึงรีบส่งข่าวไปโดยไม่กล้าล่าช้า
ฉางชุนโหวกำลังคุยเรื่องสัพเพเหระในครอบครัวกับหยางซื่อ ฮูหยินฉางชุนโหวอยู่
ใกล้จะฉลองปีใหม่แล้ว ในบ้านและนอกบ้านมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการ
ข้ารับใช้คนหนึ่งรีบร้อนเดินเข้ามา “ท่านโหว ฮูหยิน ข้างนอกเกิดเรื่องแล้วขอรับ”
ฉางชุนโหวสบตากับหยางซื่อแวบหนึ่ง
“เรื่องอะไร” ฉางชุนโหวถามเสียงเข้ม
“มีคนหลายคนมาทวงหนี้ขอรับ บอกว่าคุณชายใหญ่เล่นพนัน ติดค้างเงินพวกเขา…”
ฉางชุนโหวสีหน้าเปลี่ยน “เจ้าเดรัจฉานนี่! เขาล่ะ?”
ข้ารับใช้ก้มหน้าลง “คุณชายใหญ่อยู่ในมือพวกเขาขอรับ”
ฉางชุนโหวมองหยางซื่อแวบหนึ่งแล้วก้าวเท้ายาวเดินไปข้างนอก
หยางซื่อซ่อนรอยยิ้มในก้นบึ้งนัยน์ตาเรียบร้อยแล้วก็เร่งเท้าตามไป
นอกประตูจวนฉางชุนโหวมีคนมุงดูไม่น้อยแล้ว
ฉางชุนโหวเดินออกมา เห็นทิวทัศน์อันคุ้นตาก็พลันปวดศีรษะขึ้นมา
“ท่านก็คือท่านโหวสินะ” ตาสามเหลี่ยมยิ้มแล้วโค้งคำนับ
ฉางชุนโหวฉีกยิ้มบาง “หลายท่านมีธุระ เข้ามาหารือข้างในก่อน”
ตาสามเหลี่ยมรีบโบกมือ เสียงดังลั่น “พวกเราชาวบ้านธรรมดาไม่มีคุณสมบัติที่จะหารืออะไรกับท่านโหวหรอกขอรับ พูดกันให้ชัดเจนที่นี่ดีกว่า”
ฉางชุนโหวสีหน้าบึ้งตึง เอ่ยวาจาเจือตักเตือน “หลายท่านจะไม่เห็นแก่หน้าจวนโหวให้ได้เลยสินะ”
ตาสามเหลี่ยมหัวเราะฮาฮา “ข้าน้อยไม่กล้าหักหน้าท่านโหวหรอกขอรับ ทว่าข้าน้อยให้ความสำคัญกับชีวิตที่ยากลำบากนี้มากกว่า หากพวกเราเข้าไป ประตูใหญ่จวนโหวปิดลง ใครจะรู้บ้างว่า ยังสามารถเดินออกมาได้หรือไม่ เหล่าสหายว่าใช่หรือไม่”
“ใช่!” คนอื่นๆ อีกหลายคนก็หัวเราะระรื่น
ตาสามเหลี่ยมผลักสวี่ซีไปข้างหน้า “คิดว่าท่านโหวก็ไม่อยากพูดจาไร้สาระกับพวกเราซึ่งเป็นชาวบ้านผู้ต่ำต้อยเหล่านี้ เช่นนั้นก็พูดตรงๆ เลยแล้วกัน คุณชายใหญ่สวี่ติดเงินพวกเราจำนวนหนึ่ง ท่านโหวคืนเงินแทนบุตรชายของท่านแล้ว พวกข้าน้อยก็จะจากไปทันทีขอรับ”
ฉางชุนโหวตวัดสายตามองสวี่ซีอย่างดุร้ายแวบหนึ่ง
สวี่ซีก้มหน้าลงเล็กน้อย สีหน้าเฉยชา
ผ่านการวิวาทกับคุณหนูลั่วในครั้งนั้นก็คล้ายจะมีวิธีในการรับมือกับความขายหน้าหลายส่วน
“เท่าไหร่”
ตาสามเหลี่ยมยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง
“ห้าร้อยตำลึงหรือ” ฉางชุนโหวข่มเพลิงโทสะ สั่งผู้ดูแล “ให้เขา!”
ตาสามเหลี่ยมมองฉางชุนโหวอย่างประหลาดใจ “ท่านโหวล้อเล่นแล้ว เงินเล็กน้อยเฉกเช่นห้าร้อยตำลึงจะทำให้พวกข้าน้อยมาที่จวนเป็นเพื่อนคุณชายใหญ่สวี่ได้อย่างไรขอรับ”
ลางสังหรณ์ไม่เป็นมงคลผุดขึ้นในใจ ฉางชุนโหวมองตาสามเหลี่ยมด้วยแววตาเย็นชา
ตาสามเหลี่ยมประสานมือ “ท่านโหวคืนหนี้พนันห้าพันตำลึงที่บุตรชายท่านติดค้างพวกเราแล้ว พวกข้าน้อยก็จะจากไปทันทีขอรับ”
“ห้าพันตำลึงหรือ” ฉางชุนโหวหลุดปากเอ่ยออกมา สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
ห้าพันตำลึงอีกแล้ว เจ้าเดรัจฉานนี่ต้องการเอาชีวิตของเขาหรือ
หากเป็นแบบนี้ต่อไป ครอบครัวนี้คงถูกเจ้าเดรัจฉานนี้ทำให้หมดตัวไม่ช้าก็เร็วแน่นอน!
“นี่พวกเจ้ากำลังรีดไถคน!”
“พวกข้าน้อยมิกล้ารีดไถจวนโหวหรอกขอรับ” ตาสามเหลี่ยมยื่นหลักฐานการยืมเงินซึ่งมีการลงนามของลูกหนี้กองหนึ่งไปตรงหน้าฉางชุนโหว “ท่านโหวอ่านให้ละเอียด สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่บุตรชายของท่านเขียนด้วยมือตนเองใช่หรือไม่”
ฉางชุนโหวจ้องตัวอักษรที่คุ้นตาเหล่านั้นก็โมโหจนตัวสั่น
“สำหรับจวนโหว ห้าพันตำลึงก็แค่เล็กน้อย ท่านโหวคงไม่มีทางตัดใจไม่ลงหรอกนะขอรับ”
ฉางชุนโหวเกือบจะกระอักเลือดออกมา
ห้าพันตำลึงนั้นเล็กน้อยหรือ คนเหล่านี้นึกว่าเงินของจวนโหวเปลี่ยนมาจากเกล็ดหิมะหรือไร
ครั้งที่แล้วถูกคุณหนูลั่วหลอกเอาไปห้าพันตำลึง เจ็บปวดยังไม่หาย คราวนี้อีกห้าพันตำลึง กระทั่งฉลองปีใหม่ จวนโหวก็ต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ยากจนข้นแค้นแล้ว
เจ้าเดรัจฉานนี่!
เมื่อเห็นดวงหน้าไม่นำพาของบุตรชายคนโต ฉางชุนโหวก็โมโหขึ้นมา เอ่ยเสียงเย็นว่า “เงินไม่มี พวกเจ้าอยากทำอะไรก็เชิญ”
สวี่ซีพลันเงยหน้ามองไปทางฉางชุนโหว
นัยน์ตาฉางชุนโหวเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เจ้าลูกทรพีคนนี้ สมควรจะได้รับบทเรียนบ้างแล้ว
“ทำอะไรก็ได้หรือขอรับ” ตาสามเหลี่ยมโค้งมุมปาก “หากท่านโหวให้พวกเราจัดการตามใจชอบแล้วล่ะก็ ตรงข้ามบ่อนทองพันชั่งคือหอคณิกาชายแห่งหนึ่งพอดี เช่นนั้นพวกข้าน้อยก็จะทำตามใจชอบแล้วนะขอรับ…”