ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 357 ทวงหนี้

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 361 สูญเสีย

สวี่ซีก้าวเท้ายาวกลับมา ชี้ไปทางหลายคนที่ถูกทหารกุมตัวอยู่ พลางเอ่ยว่า “นี่คือหวังอู่ นี่คือหลัวเฮย…พวกเขาล้วนเป็นข้ารับใช้จวนโหว ข้าจำได้หมด!”

ผู้ดูแลสีหน้าเปลี่ยน “คุณชายใหญ่ ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไรขอรับ!”

ลูกล้างผลาญนอกคอกคนนี้ ทำไมถึงสามารถกระทำเรื่องเช่นการทำลายตระกูลตนเองออกมาได้

สวี่ซียิ้มเยาะ “ท่านผู้ดูแล ตอนนี้ข้าคือสวี่ต้าหลางที่ท่านพูดถึง ไม่ใช่คุณชายใหญ่อะไรนั่น”

ความแค้นเคืองที่ถูกไล่ออกจากตระกูลพลันระเบิดออกมาทันที ทำให้เขาเกิดความบุ่มบ่ามที่จะพินาศไปพร้อมกับจวนโหว

ตอนเห็นแม่เลี้ยงนำห้าพันตำลึงเงินออกมาคืนหนี้พนันแทนเขาอย่างรวดเร็ว เขาถึงกับซาบซึ้งใจ

ทำไมเขาถึงได้โง่ขนาดนี้!

แม่เลี้ยงเบื้องหน้าคืนหนี้พนัน ด้านหลังก็แย่งกลับมา สมมติว่าข้ารับใช้เหล่านี้ไม่ได้ถูกทหารจับเอาไว้ อันธพาลหลายคนนั้นจะละเว้นเขาซึ่งถูกไล่ออกจากตระกูลคนหนึ่งหรือ

เขาโง่ แต่ไม่ถึงขนาดที่ไม่เข้าใจเรื่องง่ายๆ ขนาดนี้

สวี่ซียิ่งคิดก็ยิ่งเหน็บหนาวหัวใจ โมโหจนสั่นไปทั้งร่าง

โมโหความใจดำของบิดากับแม่เลี้ยง และโมโหความโง่งมของตนเองยิ่งกว่า

ผู้ดูแลได้ยินก็เหงื่อไหลโทรมกาย “คุณชายใหญ่ ท่านไม่อาจกล่าววาจาเหลวไหลได้นะขอรับ หลายคนนี้ไม่ใช่คนจวนโหวด้วยซ้ำ!”

ตอนนี้ทำได้แค่ยืนกรานปฏิเสธ ไม่เช่นนั้นหน้าตาของจวนโหวคงขายขี้หน้าไม่เหลือ

เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ดูแลที่ปากแข็งไม่ยอมรับผิด สวี่ซีไม่เคยมีสติขนาดนี้มาก่อน “เจ้าบอกว่าพวกเขาไม่ใช่คนของจวนโหว แต่บอกว่าข้ากำลังโกหกหรือ”

เด็กหนุ่มมองไปทางกลุ่มคนที่มุงดูรอบๆ แล้วเอ่ยเสียงดังว่า “เพื่อนบ้านมองดูอยู่เยอะแยะขนาดนี้ ไม่มีสักคนที่จะจำพวกเขาได้เลยหรือ”

ทุกคนยุ่งเรื่องคนอื่นเพราะกลัวว่าจะไม่บานปลาย[1] ในไม่ช้าก็มีคนที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มคนตะโกนว่า “ข้ารู้จักหลัวเฮยคนนั้น ภรรยาเขาบดถั่วทำเต้าหู้ที่หัวมุมถนน รูปโฉมงดงาม อ่อนโยนและสดใสมาก”

“ข้ารู้จักหวังอู่…”

ผู้ดูแลสีหน้าย่ำแย่ลงเรื่อยๆ แล้วรีบส่งสายตาให้คนไปรายงานฉางชุนโหว

หัวหน้าทหารยิ้มๆ “ในเมื่อหลายคนที่ปล้นทรัพย์ในเวลากลางวันแสกๆ นี้เป็นข้ารับใช้จวนโหว เช่นนั้นก็ต้องเชิญท่านโหวมาอธิบายสถานการณ์ให้ชัดเจนสักหน่อยแล้ว”

ผู้ดูแลโมโหแทบตาย เอ่ยในใจว่า คนของกองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองกล้าไร้เหตุผลต่อหน้าจวนโหว ผีเข้าแล้วจริงๆ

แต่ทว่าต่อให้ในใจโมโหอย่างไร ใบหน้าก็ทำได้แค่ยิ้มแย้ม

“ใต้เท้าหลายท่านเข้าไปสนทนากันข้างในเถอะขอรับ ยืนอยู่ข้างนอกทั้งที่หิมะปลิวว่อนนั้นไม่สบายเท่าใดนัก”

แน่นอนว่าหัวหน้าทหารอยากเข้าไปสนทนา

หลังเข้าไปแล้วสามารถดื่มชาร้อนๆ ได้นั้นไม่พูดถึง แต่ได้รับเงินก้อนหนึ่งนั้นเป็นเรื่องแน่นอน

แต่ทว่าไม่สามารถทำได้ คุณหนูลั่วกำลังมองอยู่นะ!

หากจัดการได้ไม่ดี กลับไปคุณหนูลั่วตบเขาแล้ว จะไปชี้แจงเหตุผลกับใครได้

หัวหน้าทหารทุกข์ใจ และไม่สามารถเอ่ยออกมาได้เช่นกัน ทำได้แค่แสร้งทำหน้าตึง แสดงท่าทางเข้มงวดกวดขัน “คุยกันข้างนอกให้ชัดเจนดีกว่าขอรับ”

ฉางชุนโหวซึ่งได้รับข่าวคราวรีบร้อนเดินออกมา

“นี่มันเรื่องอะไรกัน”

หัวหน้าทหารประสานมือคารวะ “ท่านโหว เป็นแบบนี้ขอรับ พวกข้าน้อยหลายคนกำลังลาดตระเวน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนว่าปล้นทรัพย์จึงรีบไปดู ก็เห็นหลายคนนี้ขวางคนเอาไว้ในตรอก เพื่อทำการปล้นทรัพย์อยู่ พวกเราจึงจับโจรปล้นทรัพย์เอาไว้ เมื่อถามถึงได้รู้ว่าโจรปล้นทรัพย์ถึงกับเป็นข้ารับใช้ของจวนท่าน บอกว่าจะนำตั๋วเงินห้าพันตำลึงที่อันธพาลหลายคนนี้เอาไปกลับคืนมา”

ฉางชุนโหวไม่รู้ว่า นี่คือการจัดการของหยางซื่อ ตอนนี้จึงทั้งตะลึง ทั้งโมโห มองไปทางข้ารับใช้หลายคนนั้น

ข้ารับใช้หลายคนอยากคุกเข่าอธิบายให้ฉางชุนโหวฟัง แต่ก็กลัวว่าจะเป็นการยืนยันฐานะ แต่ละคนอดกลั้นจนใบหน้าแดงก่ำ

พวกเขาไม่ได้สารภาพสักหน่อย ทหารเหล่านี้อ้าปากพูดมั่วซั่วเองต่างหาก!

ก็แปลกนะ ทหารเหล่านี้รู้ได้อย่างไรว่า พวกเขาเป็นคนของจวนฉางชุนโหว ทั้งยังรู้ว่า การไปขวางทางอันธพาลหลายคนนั้นเอาไว้ก็เพื่อไล่ตามตั๋วเงินห้าพันตำลึงกลับคืนมา

และที่แปลกยิ่งกว่าก็คือ ทหารเหล่านี้ฝีมือไม่ได้ดีอะไร แต่ตอนประมือกัน ใต้เท้ามักจะลื่น ไม่นานนักก็ถูกอีกฝ่ายจับเอาไว้ได้

ข้ารับใช้หลายคนเผชิญหน้ากับฉางชุนโหวซึ่งมีดวงหน้าเขียวคล้ำด้วยความตื่นตระหนก ทั้งรู้สึกไม่เป็นธรรมและรู้สึกเพียงแค่ว่าหมดทางมีชีวิตรอดแล้ว

ข้ารับใช้จวนโหวมากมาย ฉางชุนโหวเดิมก็จำได้ไม่หมด แต่ช่วยไม่ได้ที่หลายคนนี้ล้วนเป็นคนที่โดดเด่นในบรรดาข้ารับใช้จึงย่อมคุ้นหน้าอยู่

ฉางชุนโหวมองผู้ดูแลแวบหนึ่งทันที

ผู้ดูแลแอบส่งสายตามาให้

หัวใจของฉางชุนโหวพลันจมดิ่งลงไป

ดูท่าสิ่งที่คนของกองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองพูดจะเป็นความจริง!

เขาเพิ่งจะจัดการเรื่องของบุตรชายคนโต เดิมนึกว่าจะสามารถสงบเงียบได้ระยะหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อนเช่นนี้เกิดขึ้นอีก

หัวหน้าทหารกระแอมไอ “ท่านโหว เมื่อครู่ได้รับหลักฐานจากปากเหล่าเพื่อนบ้านแล้ว โจรปล้นทรัพย์หลายคนนี้เป็นข้ารับใช้ของจวนท่านโหวจริงๆ ไม่ทราบว่าท่านรู้เรื่องนี้ชัดเจนหรือไม่ หากว่าปล่อยให้ข้ารับใช้ทำร้ายร่างกาย…”

ฉางชุนโหวตัวสั่น เพลิงโทสะถูกความตระหนกกลัวกดทับลงไปทันที

เรื่องนี้โวยวายมาถึงเบื้องหน้าผู้คนแล้ว เขาไม่สามารถแบกโทษฐานปล่อยให้ข้ารับใช้มีพฤติกรรมทำร้ายผู้อื่นได้!

ในสายพระเนตรของฝ่าบาท เดิมจวนฉางชุนโหวจะมีหรือไม่มีก็ได้ หากมีคนกัดเรื่องนี้ไม่ปล่อย แล้วโวยวายไปถึงหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท ฝ่าบาทไม่มีทางปกป้องเขาแน่นอน

ลูกหลานเชื้อพระวงศ์และขุนนางชนชั้นสูงในเมืองหลวงมีมากมาย เกรงว่าฝ่าบาทกำลังกลัดกลุ้มเรื่องไร้หนทางลดค่าใช้จ่ายคลังหลวงอยู่พอดี

ฉางชุนโหวจ้องผู้ดูแลด้วยสายตาเย็นชา พลางถามเสียงเฉียบขาดว่า “สรุปว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไร เจ้าเป็นคนจัดการให้คนเหล่านี้ไปหรือ”

ผู้ดูแลได้ยินวาจานี้ของฉางชุนโหวก็เบื้องหน้าดำมืด คล้ายถูกอสนีบาตฟาดใส่เหนือศีรษะ

จบสิ้นแล้ว นี่ท่านโหวต้องการให้เขาแบกรับความผิด!

“ข้าถามเจ้านะ” เสียงเย็นชาของฉางชุนโหวดังลอยมา แต่ละคำกระแทกลงบนหัวใจผู้ดูแลอย่างแรง

ผู้ดูแลดวงหน้าซีดขาว ค้อมกาย เอ่ยเสียงสั่น “ล้วนเป็นข้าน้อยที่เลอะเลือนไปชั่วขณะขอรับ ปวดใจที่ต้องยกผลประโยชน์โดยมอบเงินมากมายขนาดนั้นให้อันธพาลไม่กี่คนจึงให้พวกเขาหลายคนไปไล่เอาตั๋วเงินกลับมา…”

ยังเอ่ยไม่ทันจบ ผู้ดูแลทรุดลงกับพื้น นั่งตัวสั่นเทิ้มไปทั้งร่างอยู่บนพื้นหิมะ

เขาไม่แบกรับความผิดนี้ได้หรือ

เห็นได้ชัดว่าไม่ได้

ครอบครัวเขาทั้งคนชราและเด็กสิบกว่าคนล้วนอยู่ในมือท่านโหวกับฮูหยิน หากไม่ก้าวออกมาแบกรับความผิดนี้ คนที่ตายจะไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวแล้ว

ผู้ดูแลคิดเช่นนี้ หยาดน้ำตาสีขุ่นก็รินไหลลงจากหางตา

หยาดน้ำตานั้นอุ่นร้อน กระทบลงบนพื้นหิมะจนกลายเป็นหลุมเล็กๆ และถูกหิมะที่โปรยปรายกลบทับไปอย่างรวดเร็ว

สวี่ซีมองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างเย็นชาด้วยความรู้สึกสะใจและซับซ้อน

ผู้ดูแลที่เมื่อครู่ยังประชดประชันเขา พริบตาเดียวก็กลายเป็นคนเลวซึ่งตกที่นั่งลำบากแล้ว ชีวิตคนเรานั้นช่างไม่แน่นอนจริงๆ

เขาอดมองไปทางฉางชุนโหวไม่ได้

ฉางชุนโหวไม่มองมาทางที่เด็กหนุ่มอยู่สักแวบเดียว เขาฝืนยิ้ม พลางเอ่ยกับหัวหน้าทหารว่า “น่าละอายใจจริงๆ ต้องโทษข้าที่ไม่ได้ควบคุมการกระทำของข้ารับใช้ในจวนให้ดี ให้เขาทำเรื่องเหลวไหลออกมา ใต้เท้าพาเจ้าคนเลอะเลือนนี่ไปเถอะ จวนโหวไม่มีทางปกป้องและเข้าข้างเขาเด็ดขาด”

หัวหน้าทหารพยักหน้า “ขอบคุณท่านโหวที่เข้าใจ พวกเราต้องนำตัวคนกลับไปส่งที่ศาลาว่าการจริงๆ ขอรับ”

หลักๆ ก็คือมอบให้กับคุณหนูลั่ว

จับผู้ดูแลใหญ่ของจวนฉางชุนโหวได้แล้ว คิดว่ากูไหน่ไนท่านนั้นน่าจะพอใจแล้วสินะ

ฉางชุนโหวลอบโล่งใจ

สละผู้ดูแลคนหนึ่งเป็นการยุติเรื่องนี้ ก็ถือว่าสามารถยอมรับได้

แน่นอน การควบคุมข้ารับใช้ไม่เข้มงวดนั้นไม่ได้ชื่อเสียงที่ดีอะไร แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้ข้ารับใช้มีพฤติกรรมทำร้ายผู้อื่นมาก

“เช่นนั้นไม่รบกวนท่านโหวแล้ว นำตัวไป!”

เมื่อเห็นว่าทหารตรงหน้าจะจากไป ตาสามเหลี่ยมก็อดเอ่ยขึ้นไม่ได้ว่า “เดี๋ยวก่อน…”

สายตานับไม่ถ้วนมองมาทางเขา

ตาสามเหลี่ยมยืดตัวตรงโดยไม่รู้ตัวแล้วถามเสียงดังว่า “เช่นนั้นห้าพันตำลึงของพวกข้าน้อยจะทำอย่างไรขอรับ”

ฉางชุนโหวตะลึง “อะไรนะ ห้าพันตำลึงเงินหรือ”

พวกขี้เมาที่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่างหลายคนนั้นไม่ได้ถูกคนของกองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองจับกุมได้แล้วหรือ ยังมีเรื่องเงินอันใดอีก

“เป็นแบบนี้ขอรับ ตอนข้ารับใช้จวนท่านปล้นทรัพย์พวกข้าน้อย กล่องที่บรรจุตั๋วเงินเอาไว้ถูกขอทานเด็กฉวยโอกาสที่ชุลมุนแย่งไปแล้ว ขอทานเด็กคนนั้นวิ่งเร็วมาก ย่อมตามกลับมาไม่ได้ จวนโหวต้องชดเชยความสูญเสียให้กับพวกข้าน้อยใช่หรือไม่ขอรับ”

[1] ทุกคนยุ่งเรื่องคนอื่นเพราะกลัวว่าจะไม่บานปลาย หมายถึง ผู้คนที่ชอบยุ่งเรื่องผู้อื่น ไม่เพียงแต่ยุ่งเพื่อความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังทำให้เรื่องราวบานปลายอีกด้วย เพราะคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง

ตอนที่ 357 ทวงหนี้

กระดาษสีขาว ตัวอักษรสีดำ หลักฐานการยืมเงินซึ่งมีการลงนามของลูกหนี้กองหนึ่งฟาดลงตรงหน้าสวี่ซี

หลักฐานการยืมเงินซึ่งมีการลงนามของลูกหนี้เหล่านี้ก็แค่เงินไม่กี่ตำลึง มากสุดก็ไม่เกินยี่สิบตำลึง แต่กลับสะสมจนได้จำนวนมหาศาลเช่นห้าพันตำลึง

สวี่ซีไม่อาจเชื่อสายตาตนเองได้เลยด้วยซ้ำ

“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมากขนาดนี้!”

“ให้เขาเบิกตาดูให้ชัดเจน” ตาสามเหลี่ยมยิ้มเยาะ

คนหนึ่งกดเด็กหนุ่มที่ถอยหลังไม่หยุดเอาไว้ไม่ให้เขาขยับ อีกคนก็ยื่นหลักฐานการยืมเงินซึ่งมีการลงนามของลูกหนี้ไปตรงหน้าเขา

หลักฐานการยืมเงินซึ่งมีการลงนามของลูกหนี้แต่ละแผ่นที่พลิกไป คล้ายกับยันต์ทวงวิญญาณที่ฟาดลงมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน ทำให้สวี่ซีเหมือนตกอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง

“เห็นชัดเจนแล้วสินะ” ตาสามเหลี่ยมยิ้มตาหยี

สวี่ซีสูดลมหายใจอย่างแรง กัดฟันเอ่ยว่า “ข้า…ข้าจะชนะเอาเงินคืนมา!”

“ชนะหรือ” หลายคนสบตากันแล้วหัวเราะ

ตาสามเหลี่ยมตบไหล่สวี่ซีอย่างแรง “คุณชายใหญ่สวี่ คิดจะชนะเอาเงินคืนมานั้นก็ได้ แต่คืนห้าพันตำลึงนี้มาก่อนค่อยว่ากัน ไม่เช่นนั้น ท่านคิดจะแสวงหาประโยชน์โดยที่ตนเองไม่ต้องลงทุนหรือ”

“ข้าไม่มีเงิน!” สวี่ซีดุร้ายขึ้นมา นัยน์ตาแดงก่ำ “มีความสามารถ พวกเจ้าก็ฆ่าข้าให้ตายเลยสิ!”

วันนั้นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งถูกคนตัดนิ้วเพราะคืนหนี้ไม่ได้ เขาก็เห็นแล้ว

เขาเคยกลัว แต่ว่าควบคุมเท้าที่วิ่งมาบ่อนทองพันชั่งไม่ได้

ตาสามเหลี่ยมยิ้ม “คุณชายใหญ่สวี่เป็นคุณชายตระกูลโหว ชีวิตมีค่ากว่าทองนะขอรับ พวกข้าน้อยไหนเลยจะกล้าทำให้ท่านได้รับบาดเจ็บแม้แต่ขนเส้นหนึ่ง”

“เช่นนั้นพวกเจ้าจะเอาอย่างไร”

“ติดหนี้ก็คืนเงิน นี่เป็นหลักการที่ถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัย แน่นอนว่าต้องเรียกเก็บกับบิดามารดาของคุณชายใหญ่สวี่”

เมื่อได้ยินว่าจะไปทวงหนี้ที่จวนโหว สวี่ซีก็ตื่นตกใจ

เขาก่อเรื่องมาหลายครั้ง บางครั้งก็แบกรับเอาไว้เงียบๆ บางครั้งก็ทะเลาะกันไปถึงหน้าผู้ใหญ่

เห็นความผิดหวังในสายตาท่านพ่อมากแล้ว นานวันเข้าก็ไม่สำคัญอะไรอีกแล้ว

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าทำอย่างไร เขาก็ไม่มีทางทำให้ท่านพ่อพอใจได้

แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน หากท่านพ่อรู้ว่า เขาแพ้ห้าพันตำลึงเพราะเล่นพนัน จะต้องตีเขาตายแน่นอน

“พวกเจ้าให้ข้ายืมอีกครั้ง ครั้งสุดท้าย…”

ตาสามเหลี่ยมส่ายหน้า “ครั้งที่แล้วคุณชายใหญ่สวี่ก็พูดเช่นนี้”

นัยน์ตาสวี่ซีมีประกายสับสนพาดผ่าน

เมื่อก่อนเขาพูดแบบนี้ไปแล้วหรือ

ไม่รอให้มีปฏิกิริยาใดๆ ก็ถูกผลักจนเดินเซไป

“ข้าไม่ไป!” สวี่ซีดิ้นรนสุดชีวิต

ตาสามเหลี่ยมออกแรงกดไหล่เขาเอาไว้ด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ “คุณชายใหญ่สวี่ ท่านเป็นคุณชายใหญ่ของจวนฉางชุนโหว บุตรชายสุดที่รักของฉางชุนโหว ยังต้องกลัวว่าจวนพวกท่านจะนำเงินเล็กๆ น้อยๆ ห้าพันตำลึงนี้ออกมาไม่ได้หรือ”

การดิ้นรนอย่างรุนแรงของสวี่ซีหยุดโดยไม่รู้ตัว

วาจาของตาสามเหลี่ยมทิ่มแทงเด็กหนุ่มจนเจ็บปวดอย่างไม่ต้องสงสัย

ครั้งนั้น คุณหนูลั่วหลอกเอาเงินท่านพ่อไปจำนวนหนึ่ง ก็ห้าพันตำลึงเหมือนกันพอดี

ท่านพ่อมองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบเป็นเวลานาน เหมือนกับมองของสิ่งหนึ่ง

ห้าพันตำลึง…ท่านพ่อจะนำออกมาอีกหรือไม่

สวี่ซีที่ความคิดยุ่งเหยิงไปแวบหนึ่งก็ถูกผลักไปบนถนนแล้ว

ทุกแห่งบนถนนล้วนถูกปกคลุมด้วยสีขาวอ่อนๆ คนเดินถนนฝีเท้าเร่งรีบ

สวี่ซีตัวสั่น รู้สึกหนาวยิ่ง

ด้านหลังมีมือผลักให้เขาเดินไปข้างหน้า

เด็กหนุ่มเดินโซซัดโซเซ สภาพย่ำแย่ยิ่ง

ในไม่ช้าก็มีคนเดินทอดทอดสายตามองมาด้วยความประหลาดใจ และส่ายหน้า ถอนสายตากลับไป

ไม่รู้ว่าเป็นลูกล้างผลาญตระกูลใดที่สร้างหายนะให้บิดามารดาอีก บ่อนทองพันชั่งเป็นสถานที่ซึ่งทำร้ายผู้คนแห่งหนึ่ง

คนที่เดินผ่านบ่อนทองพันชั่งคุ้นเคยจนเห็นเป็นเรื่องปกติ กระทั่งความกระตือรือร้นที่จะตามไปดูเรื่องสนุกก็ไม่มี ทว่ารอถึงตอนที่หลายคนนี้พาสวี่ซีไปถึงหน้าประตูใหญ่จวนฉางชุนโหว ความคึกคักก็พลันพุ่งขึ้นสูง

เด็กดวงซวยคนนี้ก็คือคุณชายจวนฉางชุนโหวหรือ

ในไม่ช้าตาสามเหลี่ยมและคนอื่นๆ ก็ร้องเรียกให้เปิดประตูใหญ่จวนฉางชุนโหว

มีตัวอย่างเช่นคุณหนูลั่วมาก่อเรื่องก่อนหน้านี้ คนเฝ้าประตูจึงรีบส่งข่าวไปโดยไม่กล้าล่าช้า

ฉางชุนโหวกำลังคุยเรื่องสัพเพเหระในครอบครัวกับหยางซื่อ ฮูหยินฉางชุนโหวอยู่

ใกล้จะฉลองปีใหม่แล้ว ในบ้านและนอกบ้านมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการ

ข้ารับใช้คนหนึ่งรีบร้อนเดินเข้ามา “ท่านโหว ฮูหยิน ข้างนอกเกิดเรื่องแล้วขอรับ”

ฉางชุนโหวสบตากับหยางซื่อแวบหนึ่ง

“เรื่องอะไร” ฉางชุนโหวถามเสียงเข้ม

“มีคนหลายคนมาทวงหนี้ขอรับ บอกว่าคุณชายใหญ่เล่นพนัน ติดค้างเงินพวกเขา…”

ฉางชุนโหวสีหน้าเปลี่ยน “เจ้าเดรัจฉานนี่! เขาล่ะ?”

ข้ารับใช้ก้มหน้าลง “คุณชายใหญ่อยู่ในมือพวกเขาขอรับ”

ฉางชุนโหวมองหยางซื่อแวบหนึ่งแล้วก้าวเท้ายาวเดินไปข้างนอก

หยางซื่อซ่อนรอยยิ้มในก้นบึ้งนัยน์ตาเรียบร้อยแล้วก็เร่งเท้าตามไป

นอกประตูจวนฉางชุนโหวมีคนมุงดูไม่น้อยแล้ว

ฉางชุนโหวเดินออกมา เห็นทิวทัศน์อันคุ้นตาก็พลันปวดศีรษะขึ้นมา

“ท่านก็คือท่านโหวสินะ” ตาสามเหลี่ยมยิ้มแล้วโค้งคำนับ

ฉางชุนโหวฉีกยิ้มบาง “หลายท่านมีธุระ เข้ามาหารือข้างในก่อน”

ตาสามเหลี่ยมรีบโบกมือ เสียงดังลั่น “พวกเราชาวบ้านธรรมดาไม่มีคุณสมบัติที่จะหารืออะไรกับท่านโหวหรอกขอรับ พูดกันให้ชัดเจนที่นี่ดีกว่า”

ฉางชุนโหวสีหน้าบึ้งตึง เอ่ยวาจาเจือตักเตือน “หลายท่านจะไม่เห็นแก่หน้าจวนโหวให้ได้เลยสินะ”

ตาสามเหลี่ยมหัวเราะฮาฮา “ข้าน้อยไม่กล้าหักหน้าท่านโหวหรอกขอรับ ทว่าข้าน้อยให้ความสำคัญกับชีวิตที่ยากลำบากนี้มากกว่า หากพวกเราเข้าไป ประตูใหญ่จวนโหวปิดลง ใครจะรู้บ้างว่า ยังสามารถเดินออกมาได้หรือไม่ เหล่าสหายว่าใช่หรือไม่”

“ใช่!” คนอื่นๆ อีกหลายคนก็หัวเราะระรื่น

ตาสามเหลี่ยมผลักสวี่ซีไปข้างหน้า “คิดว่าท่านโหวก็ไม่อยากพูดจาไร้สาระกับพวกเราซึ่งเป็นชาวบ้านผู้ต่ำต้อยเหล่านี้ เช่นนั้นก็พูดตรงๆ เลยแล้วกัน คุณชายใหญ่สวี่ติดเงินพวกเราจำนวนหนึ่ง ท่านโหวคืนเงินแทนบุตรชายของท่านแล้ว พวกข้าน้อยก็จะจากไปทันทีขอรับ”

ฉางชุนโหวตวัดสายตามองสวี่ซีอย่างดุร้ายแวบหนึ่ง

สวี่ซีก้มหน้าลงเล็กน้อย สีหน้าเฉยชา

ผ่านการวิวาทกับคุณหนูลั่วในครั้งนั้นก็คล้ายจะมีวิธีในการรับมือกับความขายหน้าหลายส่วน

“เท่าไหร่”

ตาสามเหลี่ยมยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง

“ห้าร้อยตำลึงหรือ” ฉางชุนโหวข่มเพลิงโทสะ สั่งผู้ดูแล “ให้เขา!”

ตาสามเหลี่ยมมองฉางชุนโหวอย่างประหลาดใจ “ท่านโหวล้อเล่นแล้ว เงินเล็กน้อยเฉกเช่นห้าร้อยตำลึงจะทำให้พวกข้าน้อยมาที่จวนเป็นเพื่อนคุณชายใหญ่สวี่ได้อย่างไรขอรับ”

ลางสังหรณ์ไม่เป็นมงคลผุดขึ้นในใจ ฉางชุนโหวมองตาสามเหลี่ยมด้วยแววตาเย็นชา

ตาสามเหลี่ยมประสานมือ “ท่านโหวคืนหนี้พนันห้าพันตำลึงที่บุตรชายท่านติดค้างพวกเราแล้ว พวกข้าน้อยก็จะจากไปทันทีขอรับ”

“ห้าพันตำลึงหรือ” ฉางชุนโหวหลุดปากเอ่ยออกมา สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

ห้าพันตำลึงอีกแล้ว เจ้าเดรัจฉานนี่ต้องการเอาชีวิตของเขาหรือ

หากเป็นแบบนี้ต่อไป ครอบครัวนี้คงถูกเจ้าเดรัจฉานนี้ทำให้หมดตัวไม่ช้าก็เร็วแน่นอน!

“นี่พวกเจ้ากำลังรีดไถคน!”

“พวกข้าน้อยมิกล้ารีดไถจวนโหวหรอกขอรับ” ตาสามเหลี่ยมยื่นหลักฐานการยืมเงินซึ่งมีการลงนามของลูกหนี้กองหนึ่งไปตรงหน้าฉางชุนโหว “ท่านโหวอ่านให้ละเอียด สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่บุตรชายของท่านเขียนด้วยมือตนเองใช่หรือไม่”

ฉางชุนโหวจ้องตัวอักษรที่คุ้นตาเหล่านั้นก็โมโหจนตัวสั่น

“สำหรับจวนโหว ห้าพันตำลึงก็แค่เล็กน้อย ท่านโหวคงไม่มีทางตัดใจไม่ลงหรอกนะขอรับ”

ฉางชุนโหวเกือบจะกระอักเลือดออกมา

ห้าพันตำลึงนั้นเล็กน้อยหรือ คนเหล่านี้นึกว่าเงินของจวนโหวเปลี่ยนมาจากเกล็ดหิมะหรือไร

ครั้งที่แล้วถูกคุณหนูลั่วหลอกเอาไปห้าพันตำลึง เจ็บปวดยังไม่หาย คราวนี้อีกห้าพันตำลึง กระทั่งฉลองปีใหม่ จวนโหวก็ต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ยากจนข้นแค้นแล้ว

เจ้าเดรัจฉานนี่!

เมื่อเห็นดวงหน้าไม่นำพาของบุตรชายคนโต ฉางชุนโหวก็โมโหขึ้นมา เอ่ยเสียงเย็นว่า “เงินไม่มี พวกเจ้าอยากทำอะไรก็เชิญ”

สวี่ซีพลันเงยหน้ามองไปทางฉางชุนโหว

นัยน์ตาฉางชุนโหวเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

เจ้าลูกทรพีคนนี้ สมควรจะได้รับบทเรียนบ้างแล้ว

“ทำอะไรก็ได้หรือขอรับ” ตาสามเหลี่ยมโค้งมุมปาก “หากท่านโหวให้พวกเราจัดการตามใจชอบแล้วล่ะก็ ตรงข้ามบ่อนทองพันชั่งคือหอคณิกาชายแห่งหนึ่งพอดี เช่นนั้นพวกข้าน้อยก็จะทำตามใจชอบแล้วนะขอรับ…”

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท