ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1293 ซุนซื่อสองแม่ลูกก่อเรื่อง + ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1294 แม่ลูกถูกทุบตี

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1293 ซุนซื่อสองแม่ลูกก่อเรื่อง

บทที่ 1293 ซุนซื่อสองแม่ลูกก่อเรื่อง

ผู้คนล้วนได้ยินเสียงด่าทอของซุนซีเอ๋อร์ และทุกคนหันไปมองกู้เสี่ยวหวานเป็นสายตาเดียว

เดิมทีคิดว่าจะได้เห็นสีหน้าที่โกรธแค้นตีโพยตีพายของกู้เสี่ยวหวาน ที่ไหนได้กลับเห็นกู้เสี่ยวหวานเดินลงมาอย่างใจเย็น แม้ว่าสีหน้าโกรธเคืองจะปิดได้ไม่มิด แต่ก็ควบคุมให้เป็นปกติได้

กลิ่นอายที่แผ่ออกมาทำให้คนไม่กล้ามองตรง ๆ แขกรอบ ๆ ต่างถูกกดอยู่ภายใต้ความกดดันของกู้เสี่ยวหวาน ไม่มีใครกล้าเอ่ยสิ่งใดออกมา นับประสาอะไรกับเรื่องไร้สาระ

กู้หนิงผิงที่อยู่ในครัวและคนอื่น ๆ ต่างรีบออกมาดูความวุ่นวาย เมื่อได้ยินเสียงที่ประตู กู้ฟ่างสี่และป้าจางแทบจะเสียสติ ตะโกนด้วยความโกรธ “ซุนซีเอ๋อร์ หุบปากของเจ้าเสีย”

กู้ฟ่างสี่กับป้าจางรีบวิ่งไปที่ประตู จากนั้นก็มีเสียงตบตีดังตามมา

นอกจากนี้แล้ว ยังมีเสียงของหญิงคนหนึ่งดังขึ้น “พวกเจ้าอย่าทำร้ายแม่ข้า อย่าทำร้ายแม่ข้า”

น้ำเสียงงามหยาดเยิ้มนั้น นอกจากกู้ซินเถาจะยังมีใครอีก

ผู้คนหลีกทางให้กู้เสี่ยวหวาน นางเดินไปที่ประตูพร้อมกับเชิดหน้าขึ้น ครั้นเห็นกู้ฟ่างสี่และป้าจางกำลังจับผมกระเซอะกระเซิงของซุนซีเอ๋อร์

น้ำเสียงงามหยาดเยิ้มข้าง ๆ นั้นเป็นกู้ซินเถาที่กำลังร้องขอความเมตตา “พี่ใหญ่ฉิน ได้โปรด พวกนางหยุดเถอะ แม่ข้าไม่ได้ตั้งใจ”

ไม่เจอกันมาหลายปี กู้ซินเถาสวยขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าขาวสะอาด ชุดสีแดงรับกับใบหน้าขาวเนียนราวกับหยก ใบหน้ารูปไข่ ริมฝีปากแดงจากการทาชาด และดวงตากลมโตที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ท่ามกลางเสียงสะอื้นและความรู้สึกน้อยใจ

ตอนนี้นางยืนห่างจากฉินเย่จือเล็กน้อย เมื่อครู่ไม่รู้ว่าฉินเย่จือวิ่งพรวดเข้ามาจากที่ไหน รวดเร็วจนตนเองกับแม่ไม่ทันสังเกต

เมื่อเห็นว่าปากของซุนซื่อเต็มไปด้วยเลือด และยังกระอักเลือดออกมาจำนวนมาก ทั้งยังมีฟันหลายซี่ตกกระจายอยู่บนพื้น กู้ซินเถาหวาดผวาจนถอยหลังไปไกล

นางกลัวว่าฉินเย่จือจะหันทุบตีใบหน้าของตน หากฟันของนางหลุด หน้าตาของตัวเองคงจะดูแย่ไม่น้อย

กู้ซินเถากระโดดหลบไปไกล โชคดีหลังจากฉินเย่จือตบซุนซื่อก็ไม่ได้พูดอะไรหรือทำอะไรอีก และยืนขวางทางอยู่หน้าร้าน รูปร่างสูงเพรียวนั้นดูเหมือนเทพจากสวรรค์

เมื่อครู่ยังรู้สึกเป็นห่วงซุนซื่อ ตอนนี้กลายเป็นหมองหม่น ในสายตามีเพียงผู้ชายที่เหมือนเทพคนนี้ที่อยู่ตรงหน้า

กู้ซินเถาเผชิญหน้ากับฉินเย่จือเป็นครั้งที่สอง และนางก็ดีใจอย่างไม่อาจหาสิ่งใดเปรียบ

กู้ซินเถาหมายจะเดินเข้าไปหาฉินเย่จือด้วยความตื่นเต้น และไม่สนใจซุนซื่อที่ร้องไห้จนแทบจะขาดใจตรงนั้น

ถ้าไม่ใช่เพราะกู้ฟ่างสี่กับป้าจางรีบออกมาก่อน กู้ซินเถาคงจะเดินไปคุยกับฉินเย่จือแล้ว

นางกำลังจะก้าวเท้าออกไป ด้วยรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์และที่คิดว่าสวยงามน่าดึงดูดใจที่สุด แต่ทันใดนั้นก็มีคนสองคนรีบวิ่งออกมาและหยุดลงด้านหลังฉินเย่จือ ยังไม่ทันมองชัด ๆ ก็เห็นสองคนนั้นรั้งเอวของซุนซื่อไว้ ทำให้ซุนซื่อกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด

กู้ซินเถาตกใจจนพูดไม่ออก รอยยิ้มกับเท้าที่กำลังก้าวเดินกลับหยุดชะงัก

สายตาจ้องมองซุนซื่อถูกทุบตี กู้ซินเถาไม่กล้าเข้าไปห้ามเพราะกลัวจะถูกลูกหลง ถ้าได้รับบาดเจ็บขึ้นมานางจะทำอย่างไร

นางต้องหลบไปไกล ๆ ถ้าหน้าที่สวย ๆ ของนางได้เกิดรอยแผล ชีวิตทั้งชีวิตของนางก็จะจบลง นึกได้แบบนี้ กู้ซินเถาถอยหลังกลับไปโดยไม่รู้ตัว

แต่ จู่ ๆ ก็คิดได้อีกว่า คนที่ถูกตบคือแม่ของตัวเอง ตัวเองในฐานะลูกสาวถ้าไม่เข้าไปช่วย คนอื่นจะพูดอย่างไรเกี่ยวกับตัวเอง

เมื่อคิดได้แบบนี้ กู้ซินเถาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว หลังจากยืนนิ่ง น้ำตาก็คลอเบ้าพลางมองดูสถานการณ์ นางรู้สึกปวดใจมาก “ป้า ป้าจาง ขอเถอะ อย่าตีแม่ข้าเลย อย่าตีแม่ข้า พวกท่านมาตีข้าแทนเถอะ”

กู้ซินเถายืนห่างจากพวกเขาไม่กี่ก้าว ตะโกนออกไปอย่างปวดใจ ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ท่าทางที่เป็นทุกข์ราวกับคนจะร้องไห้ ช่างเป็นลูกที่กตัญญูจริง ๆ

กู้ซินเถาพูดไปร้องไห้ไป แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจนาง จึงหันไปมองฉินเย่จือที่อยู่ข้าง ๆ

ตัวเองในตอนนี้ร้องไห้ก็ยังดูงดงามเป็นธรรมชาติ รูปร่างหน้าตาที่น่ารักเช่นนี้ ฉินเย่จือได้เห็นจะต้องหลงรักอย่างแน่นอน

“พี่ใหญ่ฉิน ได้โปรด ให้นางหยุดเถอะ นั่นคือแม่ข้า” กู้ซินเถาร้องไห้จนแทบจะขาดใจ

ฉินเย่จือยังคงไม่ขยับเขยื้อนและไม่แม้แต่จะชายตามองนาง

กู้ซินเถาลอบมองฉินเย่จือ เมื่อเห็นเขายังยืนนิ่ง ในใจก็รู้สึกกระวนกระวายใจ ตัวเองสวยขนาดนี้ ทำไมเขาถึงไม่สนใจนางเลย

กู้ซินเถารู้สึกคันยุบยิบในใจ หลายปีแล้วที่ฉินเย่จืออยู่ในใจนางมาโดยตลอด

ใบหน้าที่หล่อเหลาและร่างที่สง่างามนั้น ความอ่อนโยนที่สามารถกลบผู้คนได้ด้วยรอยยิ้ม กู้ซินเถาจดจำทุกสิ่งที่อยู่ในใจ ตราตรึงใจ กลายเป็นมาตรฐานของผู้ชายที่นางตามหา เพียงแต่เมืองหลิวเจียไม่มี มาถึงเมืองรุ่ยเสียนแล้วหารอบ ๆ ก็ยังไม่มีเลย

กู้ซินเถารู้สึกผิดหวังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นางเคยเห็นใครบางคนที่ร่ำรวยกว่าและมีอำนาจมากกว่าฉินเย่จือ แต่ไม่เคยเห็นใครมีท่วงท่าอันสง่างามเหมือนฉินเย่จือ ซึ่งนี่ทำให้นางรู้สึกไม่ยุติธรรม

ในชีวิตนี้ ถ้าได้คบกับผู้ชายหล่อเหลาแบบนี้ หากต้องตายก็รู้สึกไม่เสียดาย

นอกจากนี้ การพบกันคราวนี้ ฉินเย่จือเป็นคนที่มัดใจใครหลายคน ชายผู้มีชื่อเสียงเช่นนี้ คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาควรเป็นผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตาดีเช่นนาง ไม่ใช่ผู้หญิงที่หน้าตาธรรมดา ๆ อย่างกู้เสี่ยวหวาน

กู้ซินเถาคิดเช่นนี้ก็ทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง เอนตัวไปทางด้านข้างของฉินเย่จือพลางร้องไห้ออกมา

มือที่ขาวผุดผ่องนั้นยื่นออกไปคว้าแขนของฉินเย่จือ ท่าทางอึดอัดราวกับมีเรื่องราวในใจที่กำลังรอเล่าให้ฉินเย่จือฟัง

 


 

บทที่ 1294 แม่ลูกถูกทุบตี

บทที่ 1294 แม่ลูกถูกทุบตี

หากแต่ใครเล่าจะรู้ ฉินเย่จือไม่รอให้นางได้ขยับเข้าใกล้ตนเองก็ชักมือหลบ กู้ซินเถารู้สึกได้เพียงลมที่พัดผ่านหน้า ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะคิดสิ่งใดออก ร่างทั้งร่างก็เซล้มลงหงายหลัง นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น

พื้นหินแข็งทำให้นางเจ็บปวดรวดร้าวที่ศีรษะ นอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้สักคำ

ฉินเย่จือเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ท่านอา ป้าจาง หยุดเถอะ”

กู้ฟางสี่และป้าจางหยุดชะงักพลางมองสภาพของซุนซีเอ๋อร์ ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อครู่มีคนเห็นและรู้ว่านางเป็นใครล่ะก็ สภาพนางตอนนี้ก็คงไม่มีใครรู้ว่านางเป็นใคร

ใบหน้าของซุนซีเอ๋อร์เต็มไปด้วยคราบเลือดจากบาดแผลขีดข่วน ไม่มีตรงไหนไม่มีชิ้นดี รอยแผลมีความลึกต่างกัน บางที่มีเลือดไหลซึม ทำให้จำใบหน้าเดิมไม่ได้เลย

มวยผมที่เคยสง่างามเมื่อครู่ ทว่าตอนนี้กลับยุ่งเหยิง เสื้อผ้าบนตัวถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ทั้งตัวไม่เหลือผ้าชิ้นดี เพียงแต่เกรงว่าถ้ามีคนมาดึงผ้าปิดส่วนล่างที่อยู่บนร่างกายนั้นออกก็จะหลุดหมด

ป้าจางและกู้ฟางสี่ปล่อยซุนซีเอ๋อร์และไม่ได้ลงมือแล้ว แม้ว่าจะได้ตีคนแล้ว แต่ในใจยังคงไม่หายโกรธเคือง

ป้าจางชี้ไปที่ซุนซีเอ๋อร์แล้วพูดด้วยเสียงดังกึกก้อง “ซุนซีเอ๋อร์ เจ้าก็เป็นแม่คน เจ้าเอ่ยวาจาน่ารังเกียจเช่นนั้นได้อย่างไร เจ้าไม่คิดสั่งสมคุณงามความดีให้ลูกเลยหรือ เจ้าอย่าลืมสิ เจ้าเองก็มีลูกสาวเช่นกัน”

กู้ฟางสี่ยังกล่าวอีกว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าคิดว่าท่านเป็นพี่สะใภ้ของข้า ข้าเคารพท่านมาตลอดและไม่เคยโกรธเคือง แต่วันนี้สิ่งที่ท่านทำมันมากเกินไป ในเมื่อกล่าววาจาน่ารังเกียจเช่นนั้น ทำไมพี่ใหญ่ถึงถูกจับไป หรือว่าในใจท่านไม่รู้ว่าพี่ใหญ่ร่วมมือกับคนอื่นเพื่อวางยาแล้วฆ่าคน ถูกคุมตัวเข้าคุกเป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับแล้ว แต่นั่นเกี่ยวอะไรกับเสี่ยวหวาน หากพวกท่านจะช่วยคนก็ไปที่ศาลาว่าการ ไม่ต้องมาที่นี่”

ซุนซีเอ๋อร์ยังคงตกใจ ครั้งแรกที่โดนตบหนึ่งฝ่ามือฟันก็หายไปหลายซี่ ความเจ็บปวดยังไม่บรรเทาลง กู้ฟางสี่และครอบครัวจางกำลังต่อสู้กับตัวเองอย่างสุดชีวิต ซุนซีเอ๋อร์ยังคงมึนงง ทำเหมือนคนโง่เขลาที่ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ ก้มหัวหมอบลงกับพื้นด้วยตัวที่สั่นเทา

กู้ฟางสี่และจางซื่อเห็นตุ่มหนองบนตัวของซุนซีเอ๋อร์แบบนั้นแล้วก็ทำได้เพียงถอนหายใจยาว ๆ ตีก็ตีแล้ว ด่าก็ด่าแล้ว ถ้าคิดอะไรไม่ได้อีกแล้วยังมาสร้างเรื่องวุ่นวายก็คงจะได้เห็นดีกัน

ตีจนกว่าจะกลับใจ

ทางฉินเย่จือมองมาที่นางราวกับกองขยะบนพื้น ทำอย่างไรก็เอากู้ซินเถาลุกขึ้นมาไม่ได้ และพูดอย่างเย็นชาว่า “เจ้าบอกใช่หรือไม่ว่าให้ตีหรือเพียงผลักเจ้าแทนนางก็คุ้มค่าแล้ว?”

กู้ซินเถานอนอยู่บนพื้นราวกับตัวตลก ร่างกายของนางสั่นไหวไปทั้งร่าง จู่ ๆ ก็ได้ยินฉินเย่จือพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา นางใช้แรงที่มีทั้งหมดหันไปมองฉินเย่จือ ก็เห็นดวงตาคู่นั้นมองหาตัวเองด้วยสีหน้าน่าขยะแขยง กู้ซินเถารู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งตัว เหมือนกับว่าตัวเองได้ตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง

“พี่ใหญ่ฉิน ข้า…” กู้ซินเถากำลังจะพูด แต่พอพูดได้เพียงประโยคเดียวก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงที่ดังมาจากร้านจิ่นฝู

“เป็นเจ้าอีกแล้วหรือที่มาก่อกวนที่ร้านจิ่นฝู เจ้าคิดว่าชีวิตของเจ้ามันดีจริง ๆ หรือ” คนที่มาคือกู้หนิงผิง และเขาเดินตามอยู่ด้านหลังกู้เสี่ยวหวานออกมาจากร้านจิ่นฝู

กู้ฟางสี่และป้าจางเห็นกู้เสี่ยวหวานออกมาก็รีบไปทักทายและพูดอย่างปวดใจว่า “เสี่ยวหวาน เจ้าออกมาทำไม รีบเข้าไปเถอะ ที่นี่มีพวกข้าก็พอแล้ว หนิงผิงรีบพาพี่สาวเจ้ากลับเข้าไปเร็ว”

ที่นี่เต็มไปด้วยคนที่มีแต่ความคิดสกปรกและไม่รับฟังเหตุผล กู้ฟางสี่และป้าจางไม่อยากให้กู้เสี่ยวหวานสัมผัสเรื่องสกปรกแบบนี้ โดยธรรมชาติแล้วพวกนางต้องขจัดสิ่งสกปรกออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

กู้หนิงผิงพยักหน้าแล้วดึงกู้เสี่ยวหวานเข้าไปในร้าน ใครจะไปรู้ว่าพอกู้เสี่ยวหวานก้าวไปไม่กี่ก้าวก็สะดุดพื้นต่างระดับ หยุดลงข้างกายฉินเย่จือ

ทั้งสองคนเหมือนชายหญิงผู้สง่างามที่หลุดออกมาจากภาพวาด พริบตาเดียวก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที

ร่างกายฉินเย่จือนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายเยือกเย็น ทำให้ผู้คนยากที่จะเข้าใกล้ แต่เมื่อกู้เสี่ยวหวานปรากฏตัว กลิ่นเยือกเย็นนั้นก็หายไป ถูกแทนที่ด้วยใบหน้าที่เย็นชาหากแต่ประดับไปด้วยรอยยิ้มที่น่าหลงใหล

ทุกคนถอนหายใจ ฉินเย่จือเคยเดินเที่ยวเล่นไปรอบ ๆ เมืองหลิวเจียหลายครั้ง ผู้ชายที่รูปงามราวกับเทพสวรรค์ ล้วนดึงดูดหัวใจแม่นางที่ยังไม่ได้แต่งงาน และมีหญิงขี้อายบางคนแอบชื่นชอบเขาอยู่เงียบ ๆ บางคนก็ทำใจสร้างความบังเอิญ ขอแค่เพียงฉินเย่จือได้รู้จักตนก็พอแล้ว

ใครจะรู้ ‘ความคิดเพ้อฝัน’ เช่นนี้ เป็นเหมือนฝุ่นในใจที่ไม่มีใครมองเห็น

แต่ไหนแต่ไรมา เขาก็ไม่เคยยิ้มให้แม่นางคนไหน และยิ่งกว่านั้นก็ไม่เคยเดินคนเดียวบนถนนให้แม่นางคนไหนบังเอิญพบ

ไม่มีโอกาสเช่นนี้

แม้ว่าจะโดนจับที่ร้านจิ่นฝู แต่ก็มีใบหน้าเย็นชาแบบนั้นมาตลอด ดวงตาเรียวยาวเผยแววเย็นชา อุณหภูมิรอบ ๆ ทุกคนลดต่ำลงหลายองศา บางคนหวาดกลัวจนไม่กล้าพูดสักคำ ไม่ใช่กลัวจนปัสสาวะราด แต่กลับวิ่งหนีเตลิดไป บางคนใจกล้าแค่ไหนก็ต้องหวาดกลัวราวกับฝันร้าย ฉินเย่จือรูปงามทว่าเหมือนปีศาจในนรก ท่าทางที่เยือกเย็นแบบนั้นราวกับว่าเขาจะปลิดชีพพวกนางได้ตามใจทุกเมื่อ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาเลย

ไม่เคยมีใครเห็นเขาแสดงสีหน้าและรอยยิ้มใด ยิ่งไม่เคยมีใครเห็นเขาใจดีกับใคร

ในความคิดของทุกคนในเมืองหลิวเจีย ฉินเย่จือเป็นคนเลือดเย็นที่ยิ้มไม่เป็นและมีใบหน้าเย็นชาราวกับก้อนน้ำแข็งตลอดเวลา

ฉินเย่จือเป็นเช่นนี้ พวกเขายอมรับได้ว่าคนแบบนี้ การแสดงออกบนใบหน้าย่อมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดไป

เมื่อเผชิญหน้ากับท่าทางที่น่ารักของกู้เสี่ยวหวาน ด้วยเหตุนี้ ความเย็นชาบนใบหน้าของฉินเย่จือก็หายไป จนทำให้ทุกคนอ้าปากค้าง

ดวงตาเรียวคู่นั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ริมฝีปากบางโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่งดงามอย่างธรรมชาติและจริงใจ

………………………………………………….

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท