ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1297 หงซื่อและลูกสาวปรากฏตัว + ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1298 เปลี่ยนใจอวิ๋นเอ๋อร์

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1297 หงซื่อและลูกสาวปรากฏตัว

บทที่ 1297 หงซื่อและลูกสาวปรากฏตัว

กู้เสี่ยวหวานไม่คิดจะโต้เถียงกับคนที่คิดว่าตัวเองถูกเสมอและเอาแต่คิดว่าคนทั้งโลกติดหนี้นาง

เถียงไปก็ไร้ประโยชน์

นางไม่มองว่าสิ่งที่นางทำเป็นเรื่องที่ผิดและไร้เหตุผล แต่กับคนอื่น ไม่ว่าทำสิ่งใดก็ล้วนไร้เหตุผล

และผิดไปเสียหมด

คนเช่นนี้ ต่อให้อธิบายอีกกี่ครั้งก็ไร้ประโยชน์ เตือนอย่างไรก็ไม่สำนึก

กู้เสี่ยวหวานโบกมือพร้อมพูดว่า “ท่านอา หยุดเถียงกับนางเถอะ พวกเรารีบเข้าไปข้างในกันดีกว่า”

พูดจบ กู้เสี่ยวก็หันหลังกลับเพื่อเดินเข้าไปในร้านจิ่นฝู ส่วนฉินเย่จือก็เดินตามหลังนางไปไม่ห่าง

คนอื่น ๆ เห็นเช่นนั้นก็พากันแยกย้ายกลับไปประจำที่ของตน

ในพริบตาเดียว คนที่ควรจะเดินจากไปก็ไปแล้ว คนที่ควรจะนั่งทานอาหารในร้านจิ่นฝูก็กลับเข้าไปนั่งที่โต๊ะของตนแล้วเช่นกัน บัดนี้ถนนที่เคยแออัดกลับมาว่างเปล่า

มีเพียงซุนซื่อที่กำลังแสดงสีหน้าน่าเกลียดและยังคงยืนอยู่ที่เดิม ผู้ที่พบเห็นต่างก็มองนางพร้อมทำท่าทางกระซิบกระซาบกัน

ตระกูลกู้สายหลักทำสิ่งใด กู้ฉวนลู่ทำสิ่งใด ซุนซื่อทำสิ่งใด แน่นอนว่าผู้คนในเมืองหลิวเจียต่างรู้กันดี

ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่รู้จักกู้เสี่ยวหวาน รู้จักแค่กู้ฉวนลู่กับซุนซื่อ

พวกเขารู้เรื่องที่กู้ฉวนลู่และภรรยาไปบุกรุกที่นาของกู้เสี่ยวหวานอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ ซุนซื่อถึงได้ถูกขังคุก เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้คนทั้งเมืองเรียกกู้ฉวนลู่ว่าคนไร้ยางอาย

ต่อมากู้เสี่ยวหวานก็ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองหลิวเจีย จากนั้นผู้คนจึงค่อย ๆ รู้จักนางมากขึ้น สำหรับเรื่องบาดหมางระหว่างทั้งสองฝ่าย ผู้คนย่อมต้องรู้ดีว่าสิ่งใดเป็นสิ่งใด

ตระกูลกู้เป็นคนอย่างไร ในใจมีความคิดเช่นไร พวกเขาต่างก็รู้เห็นอย่างแจ่มแจ้ง

วันนี้ซุนซื่อมาสร้างปัญหา แน่นอนว่าที่ทำไปเพราะไม่อยากเห็นกู้เสี่ยวหวานได้ดี

เมื่อเห็นว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้ามาแล้ว ไม่มีอะไรให้ดู ดังนั้นพวกเขาจึงเยาะเย้ยซุนซื่ออย่างประชดประชัน และเรียกกู้ฉวนลู่ว่าคนไร้ค่า ดังนั้นพวกเขาจึงกระจัดกระจายไปเหมือนนกและสัตว์ร้าย และทั้งหมดก็แยกย้ายกันไป

ซุนซื่อถูกทิ้งให้ยืนอยู่คนเดียวที่หน้าประตูร้านจิ่นฝู

เมื่อครู่ผู้คนร่วมกันประณามนาง ทั้งเยาะเย้ยและถากถางกู้ฉวนลู่ว่าอย่างไรบ้าง นางล้วนได้ยินชัด ๆ ทั้งสองรูหู

ฆ่าคนตาย ไอ้ฆาตกร ไปตายเสีย!

นางไม่อยากได้ยิน แต่ก็ไม่อาจหาคำพูดใดมาโต้แย้งผู้คนได้

แต่มันก็จริงที่ว่า สิ่งที่ตระกูลกู้สายหลักทำนั้นมันสุดแสนจะไร้ความเป็นคน

แม้แต่ซุนซื่อยังรู้สึกละอายใจเมื่อนึกย้อนไปถึงสิ่งที่นางทำลงไปในตลอดหลายปีที่ผ่านมา

แล้วนางยังมีหน้ามายืนดุด่า ต่อว่ากู้เสี่ยวหวานอยู่ที่นี่อีก

ที่นางและสามีต้องติดคุก มันก็เพราะพวกเราทำตัวเองไม่ใช่หรือ?

คิดจะให้ร้ายกู้เสี่ยวหวาน เมื่อไม่สำเร็จ มันก็ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง

ทำร้ายตัวเองยังไม่พอ ยังทำร้ายลูกของตัวเองที่ไม่ได้รู้เห็นสิ่งใดด้วย ทำให้พวกเขาต้องเสียความรู้สึก

เมื่อนึกถึงการจากไปอย่างเด็ดเดี่ยวของกู้ซินเถา ความเกลียดชังตัวเองก็ทำให้ซุนซื่อตัวสั่นราวกับอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง

แม้แต่เหวินเอ๋อร์ยังเอ่ยปากว่าไม่อยากมีบุพการรีเช่นนี้ หาเงินใช้เองไม่ได้ นอกจากจะไม่สามารถให้ชีวิตดี ๆ แก่เขาได้แล้ว ยังทำให้เขาต้องอับอายขายหน้าอีก

ยิ่งกว่านั้น ซินเถาที่หวังว่าจะได้แต่งงานกับคนในตระกูลร่ำรวย หวังจะใช้ชีวิตแบบสตรีผู้สูงศักดิ์ ทว่ายามนี้ฝันต้องมาสลายไปในอากาศ

เป็นเช่นนี้แล้ว จะทำอย่างไรดี…

นางไม่ฉลาดอย่างกู้เสี่ยวหวาน จึงหาเงินไม่ได้

ถ้าฉลาดได้สักครึ่งหนึ่งของกู้เสี่ยวหวาน นางก็อยากจะหาเงินให้ลูก ๆ ใช้เช่นกัน

บ้านรองตระกูลกู้ฐานะเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ

มีร้านอาหารใหญ่โตโอ่อ่า สถานะสูงส่ง… ฮือ ๆ

สิ่งเหล่านั้นตัวนางเองยังไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น

คงจะดีหากร้านอาหารนี้เป็นของนาง นางก็จะได้เป็นเถ้าแก่เนี้ยนั่งนับเงินทุกวันจนมือเป็นตะคริว

เมื่อมีเงิน ลูก ๆ ของนางต้องการทำสิ่งใดก็ย่อมทำได้ตามใจอยาก ให้พวกเขามีชีวิตที่มั่งคั่งดั่งคุณหนูคุณชาย

หากซินเถาได้เป็นเสี้ยนจู่ก็คงดียิ่งขึ้นไปอีก นางอยากแต่งกับผู้ใดก็จะต้องสมหวังดังใจปรารถนา

ซุนซื่อสะอื้นไห้เงียบ ๆ มองดูร้านจิ่นฝูที่ผู้คนพลุกพล่านอยู่ข้างใน น้ำตาหลั่งไหลออกมาเงียบ ๆ คิดไปก็ได้แต่คิด

อย่างไรเสียสิ่งที่คิดก็ไม่มีวันเป็นจริง

ต่อให้ไม่อยากจะยอมรับ แต่สุดท้ายทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเพียงความว่างเปล่า ไม่สามารถเป็นจริงได้

แต่ว่า… นางไม่อาจตัดใจได้จริง ๆ นั่นแหละ

ซุนซื่อเบิกตากว้างทันใด นัยน์ตาสีแดงเลือดฉายแววความเกลียดชังที่มีอยู่เต็มเปี่ยม

นางไม่ยอม ไม่ยอมเด็ดขาด

เหตุใดต้องยอม ทั้งหมดนี้ควรเป็นของนาง

นางเป็นสะใภ้ใหญ่ สามีเป็นลูกชายคนโต ลูกชายเป็นหลานชายคนโต และลูกสาวเป็นหลานสาวคนโต

สิ่งดี ๆ ของตระกูลกู้ควรเป็นของนาง

เป็นของสามี ลูกชาย และลูกสาวของนาง

แม้ว่าสิ่งดี ๆ เหล่านั้นจะเป็นกู้เสี่ยวหวานที่หามาแล้วอย่างไร?

นางอยากได้ นางก็ต้องได้!

นางอยากจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างด้วยมือตัวเอง และยิ่งกว่านั้นคือ นางจะปล่อยให้คนพวกนั้นกดหัวลูก ๆ ของนางไว้ไม่ได้

ไม่ได้!

ไม่ได้เด็ดขาด!

สายตาแห่งความเกลียดชังของซุนซื่อจ้องมองเข้าไปในร้านจิ่นฝูอย่างอาฆาตมาดร้ายหมายทำลายทุกสิ่ง

นางไม่มีวันยอมแพ้ง่าย ๆ แน่

ทุกอย่างเกิดจากกู้เสี่ยวหวาน เป็นกู้เสี่ยวหวานที่บังคับให้มันเกิดขึ้น

หากกู้เสี่ยวหวานยอมแบ่งปันนางบ้าง นางคงไม่ต้องทำเรื่องมากมายอย่างนี้หรอก

นางเพียงต้องการสิ่งที่นางสมควรได้รับ

หลังจากจดจ้องจนพอใจแล้ว ซุนซื่อค่อย ๆ ลุกขึ้น ก่อนจะก้าวไปตามทางที่กู้ซินเถาเดินไป

แต่นางไม่ทันสังเกตว่าข้างหลังนางมีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองตลอดเวลาพร้อมยิ้มน้อย ๆ อย่างมีเลศนัย

ข้างกายมีหญิงสาวส่วมชุดหรูหราสง่างาม

เห็นได้ชัดว่าทั้งสองเป็นแม่ลูกกัน

หญิงสาวผู้นั้นชะเง้อคอดู พร้อมพึมพำอย่างไม่พอใจ “ท่านแม่ ซุนซื่อผู้นี้พูดจาได้น่าเกลียดมาก พูดอย่างกับว่ากู้เสี่ยวหวานไม่เคยลำบาก แต่ซุนซื่อผู้นี้ก็น่าสมเพชพอตัว คิดจะด่าให้กู้เสี่ยวหวานเสียหน้า แต่ก็ทำได้แค่นี้ ข้าว่านอกจากหน้านางจะไม่บุบสลายแล้ว แม้แต่รอยยังไม่รู้ว่าจะมีหรือไม่”

ฮูหยินรองที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยถาม “อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าได้ยินที่ซุนซื่อพูดเมื่อครู่นี้หรือไม่”

ปรากฏว่าคนที่กำลังพูดคุยกันทั้งสองคือหงซื่อ อนุของจ้าวสวิ่น ส่วนอีกคนคือจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ ลูกสาวของนาง

ทั้งสองกำลังเดินเที่ยวเล่นอยู่ข้างนอก และบังเอิญได้ยินเสียงความชุลมุนจากที่นี่ จึงวิ่งมาดูสักหน่อย

ไม่คิดว่าจะได้เห็นซุนซื่อดุด่ากู้เสี่ยวหวานอยู่ที่นี่

มันทำให้พวกนางมัวแต่สนใจใคร่รู้เรื่องที่กู้เสี่ยวหวานโดนต่อว่าจนลืมตัว

 


 

บทที่ 1298 เปลี่ยนใจอวิ๋นเอ๋อร์

บทที่ 1298 เปลี่ยนใจอวิ๋นเอ๋อร์

คนหนึ่งไม่พอใจกู้เสี่ยวหวานที่ไม่ยอมแต่งให้ลูกชายของนาง อีกคนหนึ่งไม่พอใจกู้เสี่ยวหวานยิ่งกว่า เพราะคิดว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นต้นเหตุที่ทำให้ฉินเย่จือไม่สนใจตน

นางทั้งสองยืนสังเกตการณ์อยู่ไม่ไกล ในใจรู้สึกสะใจยิ่งนัก

ด่าเลย ด่าอีก ยิ่งด่าแรงเท่าไรยิ่งดี

แต่ทว่า… ด่าได้แค่สองครั้ง เสียงด่าก็เงียบหายราวกับเป่าสาก

สุดท้ายซุนซื่อผู้นั้นก็ถูกตีเป็นหัวหมูเสียเอง ฟันในปากก็ไม่รู้ว่าหักไปกี่ซี่แล้ว

หันกลับมาดูกู้เสี่ยวหวาน นางไม่มีแม้แต่รอยขีดขวน

สุดท้ายคนที่เป็นฝ่ายต้องเดินคอตกกลับไปก็คือสองแม่ลูก กู้ซินเถาและซุนซื่อ อันที่จริงก็ต้องขอบคุณพวกนางที่ทำให้ผู้คนได้ชมการแสดงสนุก ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากจะไม่มีผู้ใดพูดถึงกู้เสี่ยวหวานในทางไม่ดีแล้ว พวกเขายังเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนาง และหันไปด่าสองแม่ลูกนั่นจนแทบต้องแทรกแผ่นดินหนี

จุ๊ ๆ เป็นเสี้ยนจู่นี่ดีจริง ๆ ทำผิดก็ยังมีคนปกป้อง

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์พยักหน้า “ข้าได้ยินหมดแล้ว สองแม่ลูกนั่นด่าได้เจ็บแสบมาก แต่มันก็ไม่เป็นผลอันใดกับกู้เสี่ยวหวานหรอก ถ้าเป็นข้า… ข้าจะหาช่องว่างแฝงตัวเข้าไปเป็นพวกเดียวกับนาง แสร้งทำดีกับนางให้นางตายใจ ทว่าสองแม่ลูกนั่นสิ้นคิดนัก ออกมาป่าวประกาศอย่างโจ่งแจ้งไม่พอ ยังลงมือทำร้ายคนอีก จุ๊ ๆ แม้แต่ป้าสะใภ้ใหญ่ของนางเองยังอยากดึงนางลงมาให้ตกต่ำ”

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ค่อนขอดทางปาก ถากถางทางสายตา

ยิ่งมองร้านจิ่นฝูที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าก็ยิ่งรู้สึกอิจฉา

เมื่อก่อนนางเป็นลูกสาวของจ้าวสวิ่น เป็นคุณหนูใหญ่จากตระกูลจ้าว

หากจะถามว่าตระกูลจ้าวสำคัญอย่างไรน่ะหรือ?

ในเมืองหลิวเจียนี้ หากตระกูลจ้าวกระทืบเท้า ทั้งเมืองหลิวเจียจักต้องสั่นสะท้าน

แม้ว่านางจะเป็นลูกสาวของอนุภรรยา แต่ในตระกูลจ้าวมีเพียงคุณชายสองคน และนางที่เป็นคุณหนูเพียงคนเดียว

เช่นนั้นนางจึงเป็นคุณหนูตระกูลจ้าว สตรีผู้สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองหลิวเจีย อยากจะเที่ยวใช้อำนาจบาตรใหญ่เพียงใดก็ไม่มีผู้ใดกล้าปริปากหรือหลีกเลี่ยงนาง

เพราะว่านางคือสตรีผู้สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองหลิวเจียอย่างไรเล่า

แต่ทว่าหลังจากที่กู้เสี่ยวหวานได้เป็นเสี้ยนจู่ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

สตรีผู้สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองหลิวเจียไม่ใช่นางอีกต่อไป แต่เป็นกู้เสี่ยวหวาน หญิงสาวชาวบ้านผู้ที่ไม่เคยอยู่ในสายตานางมาก่อน

หญิงสาวชาวบ้านมาจากชนบท รูปร่างหน้าตาก็ดูบ้าน ๆ กลายเป็นเสี้ยนจู่ระดับห้าที่ฝ่าบาททรงพระราชทานให้

มีทั้งเกียรติ มีทั้งศักดิ์ศรี

นอกจากนั้นแล้วยังมีเงินทองอีกมากมาย

ร้านจิ่นฝูใหญ่โต ได้ครอบคลุมกิจการร้านอาหารเกือบทั้งหมดในเมืองหลิวเจีย

ตระกูลจ้าวเองก็มีร้านอาหาร ก่อนหน้านี้กิจการเป็นไปได้ดี ทว่าตั้งแต่มีร้านจิ่นฝู ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กิจการก็ค่อย ๆ ตกต่ำลง สุดท้ายก็ต้องปิดร้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เมื่อร้านอาหารที่เคยรุ่งเรืองปิดตัวลง

ตระกูลจ้าวเสียรายได้จำนวนมาก ทุกครั้งที่บิดาของนางพูดถึงเรื่องนี้ เขาจะต้องโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ โกรธจนควันออกหู

เขาคือนายท่านตระกูลจ้าวผู้ไม่เป็นสองรองผู้ใด แต่กลับต้องมาพ่ายแพ้ให้หญิงชาวบ้านผู้หนึ่ง

จ้าวสวิ่นได้แต่เก็บความโกรธแค้นไว้ในอกจนมันแทบจะระเบิดอยู่ร่ำไร แต่ก็ไม่รู้จะตอบโต้นางได้อย่างไร

ยามนี้กู้เสี่ยวหวานเป็นถึงเสี้ยนจู่ หากบังเอิญพบหน้านาง เขายังต้องก้มหัวให้

จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมพ่ายแพ้ให้แก่นาง

เพียงนึกถึงท่าทางโกรธเกรี้ยวแต่ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ของบิดา จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็ยิ่งทวีความโกรธแค้นที่มีต่อกู้เสี่ยวหวานขึ้นไปอีก จนคิ้วเรียวทั้งสองของนางขดตัวเข้าหากันแน่น พร้อมใช้สายตาจ้องมองร้านจิ่นฝูที่คับคั่งไปด้วยผู้คน มืองามทั้งสองข้างดึงทึ้งผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก ๆ ในมือจนมันยับยู่ยี่

หากมันคือกู้เสี่ยวหวาน เกรงว่าคงถูกนางฉีกออกเป็นชิ้น ๆ แล้ว

หากเป็นไปได้ จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็อยากฉีกกู้เสี่ยวหวานออกเป็นชิ้น ๆ ใจจะขาดอยู่แล้ว

หงซื่อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางแปลก ๆ ของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ เพราะนางมัวแต่มองไปทางอื่น พร้อมกับพูดว่า “เด็กโง่ เจ้าจะไปใส่ใจอันใดกับคำพูดของซุนซื่อผู้นั้น? สิ่งที่นางพูดมันเหลวไหลทั้งเพ กู้เสี่ยวหวานในยามนี้ เรื่องซุบซิบนินทาพวกนั้นไม่ได้กีดขวางทางเดินในเมืองหลิวเจียของนางเลยสักนิด ไม่มีผู้ใดกล้าพูดถึงมันด้วยซ้ำ เจ้าไม่เห็นหรือว่าขนาดลวี่เทา นางยังทำให้เขาถูกปลดจากตำแหน่งได้เลย อวิ๋นเอ๋อร์… เจ้าอย่าได้ประเมินคนผู้นี้ต่ำเกินไปนักเลย นางน่ะ ร้ายกาจกว่าที่เราจะคาดเดาได้”

“หึ ร้ายกาจ…” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เอ่ยอย่างเหยียดหยาม “หากไม่มีพี่ฉินอยู่ข้าง ๆ นางจะเป็นอย่างทุกวันนี้ได้อย่างไร ก็แค่สาวชาวบ้านที่มาจากชนบท หากไม่ใช่เพราะท่านพี่ฉิน ป่านนี้นางคงกำลังคุ้ยเขี่ยหาอาหารอยู่ในโคลนตมนั่นแหละ”

จ้าอวิ๋นเอ๋อร์เชื่อว่าทุกอย่างที่กู้เสี่ยวหวานได้มาคือสิ่งที่ฉินเย่จือมอบให้นาง

ไม่อย่างนั้น นางคงไม่ได้มีชีวิตอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้แน่ ๆ

หงซื่อขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น พร้อมกับหันไปมองจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์อย่างไม่พอใจ “เจ้ายังคิดถึงฉินเย่จือผู้นั้นอีกอยู่หรือ อวิ๋นเอ๋อร์… ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับฉินเย่จือ เขาไม่ใช่คนที่คู่ควรให้เจ้าสนใจ ยิ่งกว่านั้นคือเขาเป็นเพียงขอทานที่กู้เสี่ยวหวานเก็บมาเลี้ยง เขาจะไปมีความสามรถขนาดนั้นมาจากที่ใดกัน”

จ้าอวิ๋นเอ๋อร์ทำหน้ามุ่ย แต่ก็ไม่วายที่จะเอ่ยเถียง “ท่านแม่ เหตุใดท่านถึงพูดเช่นนั้น ขอทานอันใดเล่า วันนั้นท่านไม่เห็นหรือว่าวันปักปิ่นของกู้เสี่ยวหวาน เขาจ่ายเงินซื้อของหมั้นตั้งมากมายให้นาง ข้าว่าขุนนางขั้นห้าแต่งภรรยายังไม่ขนาดนี้เลย อย่าว่าแต่เทียบไม่ติดเลย ข้าว่าท่านพี่ฉินต้องร่ำรวยกว่าคนพวกนั้นเป็นแน่ ท่านแม่พิจารณาให้ดีอีกครั้งเถอะ ท่านว่ารูปร่างหน้าตาอย่างท่านพี่ฉิน ท่าทางสง่าผ่าเผย หน้าตาหล่อเหลา ฉลาดปราดเปรื่อง กิริยามารยาทไม่ต้องพูดถึง ในเมืองหลิวเจียจะมีคุณชายตระกูลใดประพฤติตนได้อย่างเขา ข้าว่าท่านพี่ฉินจะต้องมาจากตระกูลที่ไม่ธรรมดา”

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์แสดงท่าทีชื่นชมฉินเย่จืออย่างไม่มีเหนียมอาย ความอิจฉาในใจก็ทวีขึ้นอย่างรุนแรง

จะดีเพียงใดหากนางได้เป็นคนในใจของฉินเย่จือ

ขบวนของหมั้นยาวสิบลี้ก็จะต้องเป็นของนาง

ใบหน้าหล่อเหลา คิ้วคมเข้มเรียวยาว สายตาอ่อนโยนของท่านพี่ฉิน ควรเป็นนางที่ได้รับมันทั้งหมด

ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า กระทั่งความโกรธในดวงตาฉายแววออกมาอย่างปิดไม่มิด

หงซื่อเห็นสีหน้าโกรธเกรี้ยวของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ ทั้งนางยังเอาแต่โต้เถียงเรื่องฉินเย่จือหัวชนกำแพง ในใจของหงซื่อรู้สึกเป็นกังวลยิ่งนัก

เคยบอกเคยเตือนไปตั้งนานแล้ว แต่ลูกสาวของตนก็ยังคงปักใจรักใคร่ฉินเย่จือผู้นั้นอยู่ดี นางจะรู้หรือไม่ว่านางทำให้ผู้เป็นแม่โกรธจนแทบบ้าแล้ว

มือขาวเรียวยาวกับเล็บสีแดงยกขึ้นลูบหัวจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์อยู่อย่างนั้น ก่อนจะพูดอย่างขมขื่นว่า “เจ้าเด็กโง่ แม่พูดกี่ครั้งแล้ว เหตุใดเจ้าถึงไม่เข้าใจเสียที ฉินเย่จือผู้นั้นเป็นแค่เด็กหนุ่มกินข้าวนุ่ม*[1] ความจริงก็คือกู้เสี่ยวหวานต่างหากที่เป็นผู้ดูแลร้านจิ่นฝูจนกิจการเฟื่องฟูได้อย่างทุกวันนี้ เจ้าลองตรองดูสิว่า กู้เสี่ยวหวานจะหาเงินได้มากเพียงใด? นางมีเงิน มีสิ่งใดบ้างที่นางซื้อไม่ได้ เรื่องของหมั้นยาวสิบลี้ที่เจ้าว่าน่ะ ผู้ใดจะรู้ว่ามีสิ่งใดอยู่ข้างใน แม้แต่เจ้าเองก็ยังไม่รู้ เจ้าเคยเห็นของข้างในนั้นหรือไม่? ก็ไม่ เช่นนั้นก็ไม่แน่ว่าของทั้งหมดนั้นเป็นกู้เสี่ยวหวานที่จ่ายเงินซื้อเอง”

ที่ท่านแม่พูดมันก็ถูก แต่ว่า…

*[1] ผู้ชายที่ต้องพึ่งพาผู้หญิงเพื่อเอาตัวรอด

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท