บทที่ 1301+1302 ยอมจำนนต่อโชคชะตา/หยอกล้อ
บทที่ 1301 ยอมจำนนต่อโชคชะตา
กู้เสี่ยวหวานเริ่มมึนเมาแล้ว ดวงตาของนางมองไปที่ฉินเย่จือที่อยู่ด้านข้าง และสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในดวงตาของอีกฝ่าย กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าหัวใจของนางเต็มไปด้วยความหอมหวาน
ใช่แล้ว… พี่ฉือโถวกำลังจะแต่งงาน แล้วนางล่ะ?
นางไม่รีบร้อน แต่เขาล่ะ…
นางเคยบอกว่านางต้องการแต่งงานกับเขา
แต่ทำไมเขาถึงยังไม่ขอนางแต่งงานเสียที? กู้เสี่ยวหวานรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านเล็กน้อย นางส่งสัญญาณที่ชัดเจนกับเขาแล้ว ทำไมเขาถึงยังไม่รู้สึกตัวสักที
ครั้นมองเข้าไปในดวงตาของเขาอีกครั้ง กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกว้าวุ่นในใจ เต็มไปด้วยความหอมหวาน ความหงุดหงิด และความผิดหวัง
เกาจื่อหันจ้องมองสลับไปมาระหว่างทั้งสองด้วยสายตากระตือรือร้น รอให้ทั้งสองตอบคำถามของตัวเอง
ฉินเย่จือคอยมองดูนางอยู่ตลอดด้วยสายตาเปล่งประกาย จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเย้ายวนใจเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ใกล้แล้ว!”
ใกล้แล้วจริง ๆ
เขาได้วางแผนทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว ก่อนจะไปเมืองหลวงจะต้องจัดการธุระของทั้งสองคนให้เสร็จ
กู้เสี่ยวหวานคลี่ยิ้ม ใบหน้าของนางแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย และมองไปที่ฉินเย่จื่อด้วยความรักใคร่ แววตาของคนทั้งคู่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน
ภายใต้แสงเทียนที่สว่างไสว เหล่าคนโสดบางคนมองพวกเขาด้วยความอิจฉา
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ เกาจื่อก็ปรบมือของเขาและหัวเราะร่าอย่างมีความสุข
“พ่างจื่อ ปีนี้เป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยว ปีนี้จะมีงานมงคลเกิดขึ้นเรื่อย ๆ”
“ใช่แล้ว เกาจื่อ เราไม่สามารถดื่มเหล้าฉลองงานแต่งงานทั้งหมดในปีนี้ได้ แต่ข้าก็มีความสุขมากจริง ๆ มา ๆๆ ทุกคน เพื่อเจ้าของร้านและนายน้อยฉิน มาดื่มฉลองกันเถอะ”
กู้ฟางสี่และป้าจางกระซิบกระซาบกันเมื่อได้ยินข่าวอันน่ายินดี ดวงตาของกู้ฟางสี่แดงก่ำและพร้อมจะร้องไห้ออกมาทุกเมื่อ
หลาน ๆ ของนางเติบโตขึ้นทีละคน ตอนนี้พวกเขามีชีวิตที่ดี พี่รองและพี่สะใภ้คงจะได้พักผ่อนอย่างสงบสักที
บนโต๊ะมีกิจกรรมมากมาย จอกเหล้า จานอาหาร พวกเขากินอาหารเคล้าสุราด้วยความสุข โดยไม่มีใครสังเกตว่าเหตุใดฉือโถวที่หายจากโต๊ะนานแล้วยังไม่กลับมาเสียที
ป้าจางลอบมองหาลูกชายของตนเองอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นว่ากำลังสนุกสนาน นางจึงบอกกู้ฟางสี่ว่าจะไปห้องน้ำ และรีบออกไปทันที
ฉือโถวยังไม่กลับมา อาจเป็นเพราะเขาได้ยินสิ่งที่พูดคุยกันบนโต๊ะเมื่อครู่นี้ ป้าจางรู้สึกกังวลเล็กน้อย ป้าจางออกมาตามหาอยู่นาน และในที่สุดก็พบฉือโถวที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องเก็บฟืน
ภายใต้แสงจันทร์สว่างไสว ฉือโถวนั้นทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น ซ่อนตัวอยู่หลังกองฟืน ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงสะอื้นไห้เบา ๆ ป้าจางคงจะหาเขาไม่เจอ
เมื่อเห็นฉือโถวนั่งอยู่คนเดียวเหมือนเด็กที่โดดเดี่ยวไร้ทางสู้ และร้องไห้เงียบ ๆ
ป้าจางไม่เคยเห็นฉือโถวดูเศร้าขนาดนี้นานเท่าไรแล้วนะ
แม้ว่าพ่อของเขาจะถูกหมาป่ากัดในตอนนั้น ฉือโถวก็ไม่เคยรู้สึกเศร้าเท่านี้มาก่อน สองแม่ลูกมีหัวใจเชื่อมต่อกัน ป้าจางรู้สึกว่าหัวใจของนางกำลังถูกกัดกิน ความเจ็บปวดนั้นทำให้นางหายใจไม่ออก
นางกลั้นน้ำตาที่เอ่อคลอและก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะยอบกายนั่งยอง ๆ พลางมองดูฉือโถวด้วยความทุกข์ใจ
เมื่อฉือโถวสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวด้านข้าง จากนั้นค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นก็เห็นมารดาของตนยืนอยู่ตรงหน้าและมองมาอย่างทุกข์ใจ
“ท่านแม่…” ฉือโถวร้องเรียก หยาดน้ำตารินไหลราวกับลูกปัดที่ด้ายขาด จากนั้นทิ้งตัวโผเข้าไปในอ้อมแขนของป้าจาง กัดริมฝีปากแน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองส่งเสียงออกมา
หากแต่น้ำตายังคงไหลออกมาไม่หยุด
ป้าจางสวมเสื้อผ้าสำหรับฤดูร้อน จึงรู้สึกว่าหลังจากนั้นไม่นานเสื้อของนางก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาของฉือโถว หยาดน้ำตาอันร้อนผ่าวของลูกชายแผดเผาหัวใจของนางราวกับโดนไฟลวก
ป้าจางกอดฉือโถวไว้แน่น และเมื่อเสียงสะอื้นของเขาสงบลงจึงลูบหลังเขาเบา ๆ “ข้ารู้ว่าเจ้าเจ็บ แต่ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี เจ้าฟังข้านะ ยอมรับชะตากรรมของพวกเราเถอะ”
ยอมรับชะตากรรมของเราเถอะ
ฉือโถวนิ่งงั้นไม่ขยับเขยื้อนไปชั่วขณะ เหมือนสัตว์ร้ายที่บาดเจ็บ ทันใดนั้นเขาก็คำรามด้วยเสียงต่ำ แต่เสียงนั้นถูกกลบด้วยเสียงร้องเพลงและเสียงหัวเราะจากโถงด้านหน้า
ฉือโถว เจ้ามีอะไรไปเทียบฉินเย่จือได้บ้าง?
รูปลักษณ์ ความรู้ ทักษะ หรือภูมิหลังของครอบครัว
จะมีอะไรไปคู่ควรกับกู้เสี่ยวหวาน
ฉือโถวกำหมัดแน่น พยายามกลั้นเสียงสะอื้น
เขาไม่สามารถเทียบได้เลย
เขาไม่คู่ควร
ความจริงดังกล่าววางอยู่ตรงหน้าเขา ให้เขายอมรับชะตากรรม ให้เขายอมรับความจริง ยังมีอะไรไม่ชัดเจนอีก
การชอบใครสักคนและเก็บนางไว้ในใจมาหลายปี พอบอกให้ปล่อยวางก็จะปล่อยได้เลยอย่างนั้นหรือ?
เขาไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลย
ฉือโถวเอาแต่ส่ายหน้า… จากนั้นก็พยักหน้าอย่างสิ้นหวัง
“ท่านแม่ ข้าชอบนาง ข้าชอบนางมาตั้งแต่เด็ก ข้ารู้ว่าข้าไม่คู่ควรกับนาง ข้าเทียบเขาไม่ได้ เขาปฏิบัติต่อนางอย่างดีจนข้าอิจฉา เขารักนาง แต่ข้าก็รักนางเหมือนกัน ท่านแม่ ข้าชอบนางมาหลายปี ข้าจะปล่อยไปได้อย่างไร ท่านแม่ บอกข้าที” ฉือโถวโอบไหล่ป้าจางไว้แน่นและร้องไห้ฟูมฟายออกมา
ป้าจางกลัวว่าจะมีใครเดินผ่านมาแถวนี้ และถ้าพวกเขามาเห็นสภาพของฉือโถว ความจริงที่พวกเขาพยายามเก็บซ่อนก็จะถูกค้นพบ
“ฉือโถว ในเมื่อเรื่องกลายเป็นแบบนี้แล้ว ต่อให้เศร้าแค่ไหนก็ต้องปิดบังไว้ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน และเจ้ากับนางก็สนิทกัน นางบอกแล้วว่าเจ้าจะเป็นพี่ใหญ่ของนางตลอดไป” ป้าจางรู้สึกประหม่าเช่นกัน แต่ก็ยังต้องคอยปลอบโยนเขา
……
บทที่ 1302 หยอกล้อ
นางจะไม่เข้าใจความคิดของฉือโถวได้อย่างไร?
“พี่ใหญ่” ฉือโถวดูสับสนเล็กน้อย ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สว่างไสว ท่าทีของเขาดูหดหู่
“นางบอกว่านางจะปฏิบัติต่อข้าเหมือนพี่ใหญ่เสมองั้นหรือ?” ฉือโถวไม่อยากจะเชื่อและถามออกมาครั้ง
“ฉือโถว เรากับนางอยู่กันคนละระดับแล้ว ฉือโถว เจ้ายอมจำนนต่อโชคชะตาของเราเถอะ” ป้าจางพูดอย่างอ่อนแรงพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้า “แม่ชอบนางมาก แต่ไม่ว่าจะชอบนางมากอย่างไรก็ช่วยไม่ได้ ข้าทำได้เพียงปฏิบัติกับนางเหมือนลูกสาว แต่นางจะไม่มีวันเป็นลูกสะใภ้ของข้า เข้าใจไหม ยอมรับความเป็นจริงและเผชิญกับความจริงเถอะ เราไม่ได้อยู่ในโลกใบเดียวกันอีกแล้ว”
แม้ว่าประโยคนี้จะโหดร้าย แต่มันก็เป็นความจริง
ป้าจางไม่ต้องการทำร้ายฉือโถวเลย นางได้แต่ทำให้เขาเข้าใจว่าพวกเขาเป็นโคลนบนพื้นดิน และกู้เสี่ยวหวานเป็นเมฆบนท้องฟ้า ซึ่งไม่มีวันที่จะมาบรรจบกันได้
“ท่านแม่ ข้ายอมรับโชคชะตากรรมของข้า ท่านแม่ ข้ายอมรับโชคชะตากรรมของข้า”
ฉือโถวกอดป้าจางและเอาแต่พูดประโยคนั้นซ้ำ ๆ
“เจ้าเด็กโง่ เสี่ยวหลิงเป็นเด็กดี จากนี้ไปพวกเจ้าจะเป็นสามีภรรยากัน เจ้าต้องปฏิบัติต่อนางอย่างดีรู้ไหม” ป้าจางกอดฉือโถวด้วยความรัก
ฉือโถวไม่พูดอะไร และสีหน้าของเขาดูหม่นหมองเล็กน้อย เมื่อนึกถึงสิ่งที่พูดเมื่อครู่ ครั้งนี้ก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้ เสียงหัวเราะดังสนั่นเคล้าคลอ เมื่อคิดดูแล้ว พวกเขาคงมีความสุขมากมาย นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาหัวเราะอย่างมีความสุข
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามีร่างหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในความมืดนอกห้องเก็บฟืน ฟังทุกคำพูดของพวกเขาและรีบเดินออกไปเมื่อได้ยินความเคลื่อนไหวจากข้างใน
ป้าจางออกมานานแล้วจึงกลัวว่าจะมีใครมาตามหานาง เมื่อเห็นฉือโถวสงบลง ทั้งสองจึงรีบออกไป
เมื่อมาถึงห้องโถงด้านหน้าก็เห็นทุกคนนั่งพูดคุยหัวเราะกันสนุกสนาน ป้าจางได้แต่มองภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม
เกาจื่อเห็นว่าฉือโถวหายไปนานแล้วจึงพูดติดตลกว่า “เกิดอะไรขึ้น ทำไมตาเจ้าแดงเช่นนั้น”
หลี่พ่างจื่อเริ่มเกลี้ยกล่อม “เกรงว่าเพราะจะแต่งงานในอีกไม่กี่วันนี้ เขาจึงประหม่าเกินไป”
“ฉือโถว เจ้าคงไม่รู้ เขาวิ่งมาที่บ้านข้าและอาศัยอยู่ในบ้านของข้าเป็นเวลาสามวันสามคืนก่อนเขาแต่งงาน และบอกว่าเขากังวลและหวาดกลัวเกินไป ดังนั้นเขาจึงเรียนรู้จากข้าและครอบครัวเป็นเวลาสามวัน จากนั้นเขาก็แต่งงานกันอย่างมีความสุข” เกาจื่อพูดถึงเรื่องน่าอายของหลี่พ่างจื่อในตอนนั้น และทุกคนก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง
ฉือโถวก็หัวเราะตาม ทว่าหางตาก็เหลือบไปเห็นกู้เสี่ยวหวานที่มีใบหน้าแดงเล็กน้อยกำลังเอนตัวไปพิงด้านข้างของฉินเย่จือ
ดวงตาเรียวยาวของฉินเย่จือมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างเงียบ ๆ และไม่ละสายตาไปไหน ความเสน่หาที่ลึกซึ้งในดวงตานั้นล้ำลึกราวกับน้ำหมึกที่ไม่อาจละลายได้
ฉือโถวรู้สึกอึดอัดมากขึ้นเมื่อเห็นมัน แต่เขาก็รู้อยู่แก่ใจ
ตอนนี้เสี่ยวหวานได้เจอผู้ชายที่ปฏิบัติต่อนางอย่างจริงใจ และเขาก็ควรจะยินดีกับนาง