ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1303 กลับบ้าน + ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1304 เครื่องเรือนมาถึงแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1303 กลับบ้าน

บทที่ 1303 กลับบ้าน

ฉือโถวที่มีอาการเมาเล็กน้อยจ้องมองกู้เสี่ยวหวานด้วยสายตาที่ว่างเปล่า และไม่ได้สังเกตเลยว่ามีดวงตาที่เป็นทุกข์คู่หนึ่งเฝ้ากำลังเฝ้ามองตนเองอยู่

เมื่อครู่ที่ห้องเก็บฟืน ฟ่านหลิงบังเอิญได้ยินการสนทนาระหว่างฉือโถวและป้าจาง มันทำให้ตอนนี้นางไม่สามารถอธิบายอารมณ์ของตัวเองได้

ฉือโถวอายุน้อยกว่านาง หลังจากรู้จักกันมาหลายปี นางรู้ว่าฉือโถวเป็นคนอย่างไร

เขาเป็นคนไม่ชอบพูด แต่ว่ามีจิตใจที่ดี เมื่อเขารู้ว่าสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวไม่ดี ฉือโถวจึงดูแลครอบครัวของนางเป็นอย่างดี หากมีอะไรเกิดขึ้นที่ทุ่งนา ฉือโถวจะมาถึงเป็นคนแรกเสมอ และฟ่านอวี้มักจะเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ทุกครั้ง

เมื่อรู้ว่าตนเองจะได้แต่งงานกับฉือโถว ฟ่านอวี้เป็นคนแรกที่เห็นด้วย แม้ว่าในตอนแรกตัวนางจะไม่เห็นด้วย แต่ฟ่านอวี้ก็ยังคอยเกลี้ยกล่อมนางเสมอ อย่างไรก็ตาม นางได้ตัดสินใจแล้ว ฟ่านอวี้ที่พยายามเกลี้ยกล่อมก็ไม่ได้พูดอะไรมาก

ฟ่านหลิงรู้สึกซาบซึ้งและตื้นตันใจกับครอบครัวนี้

ฟ่านหลิงยืนขึ้นด้วยสายตาที่มุ่งมั่น ทุกสายตาจับจ้องมาที่นางและเห็นว่าใบหน้าที่ค่อนข้างคล้ำของนางแดงขึ้นเล็กน้อย ภายใต้แสงเทียนที่สว่างไสว นางยังคงมีท่าทางที่อ่อนหวานดังเช่นหญิงสาวที่ได้เรียนเรื่องมารยาทมาเป็นอย่างดีอีกด้วย

“เสี่ยวหวาน” หลังจากที่ฟ่านหลิงออกเสียงผิดมาเป็นเวลานาน จากนั้นนางก็เรียนรู้ที่จะเรียกชื่อกู้เสี่ยวหวานอย่างถูกต้อง

แววตาของนางฉายแววตื่นเต้นเล็กน้อย “เสี่ยวหวาน ข้าขอบคุณเจ้ามากนะ ขอบคุณที่ช่วยเหลือข้ามาโดยตลอด ขอบคุณที่ช่วยให้ข้าได้มีบ้านดี ๆ ให้อยู่อาศัย” นางพูดจบก็กระดกเหล้าลงคอภายในอึกเดียว

เหล้าอวี้จุ้ยนี้มีรสชาติกลมกล่อมและไม่ได้ร้อนลวกคอจนทำให้ผู้ดื่มสำลัก ให้ความรู้สึกเหมือนผ้าเนื้อนุ่มที่ลื่นไหลลงไปในลำคอและเข้าไหลลงสู่ช่องท้อง

เหล้านี้ช่างดีจริง ๆ

แม้แต่ฟ่านหลิงที่ไม่เคยดื่มก็คิดว่าเหล้านี้ช่างหอมหวานจริง ๆ

การกระทำของฟ่านหลิงทำให้ทุกคนเบิกตากว้าง แม้แต่กู้เสี่ยวหวานที่ดื่มเข้าไปมากก็เห็นได้ชัด เมื่อเห็นว่าฟ่านหลิงดื่มอย่างกล้าหาญ จึงไม่ควรมองความข้ามความตั้งใจของนาง จากนั้นก็ยกจอกเหล้าขึ้นดื่ม

กู้เสี่ยวหวานจ้องอีกฝ่าย “เหตุใดท่านต้องมาดื่มเหล้าของข้าด้วย”

ฉินเย่จือได้ยินก็แค่นหัวเราะ และเอ่ยเสียงแผ่วเบา “หวานเอ๋อร์ เจ้าเมาแล้ว ถ้าเจ้าดื่มมากกว่านี้ ตอนกลางคืนเจ้าจะมีปัญหาเอาได้”

แม้ว่าเหล้านี้จะอร่อย แต่ก็ยังมีความทรหด จำได้ว่าครั้งหนึ่งนางตะกละดื่มไปสองจอก จนทำให้เมามายนอนกลายเป็นหมูตัวหนึ่ง

แต่นั่นก็คือความสุข

อย่างไรก็ตาม หากหวานเอ๋อร์สบายใจและมีความสุข เขาควรจะขอบคุณนางที่ไม่อ่อนไหว

ฟ่านหลิงถือแก้วเปล่าไว้ในมือ เฝ้าดูปฏิสัมพันธ์ของฉินเย่จือกับกู้เสี่ยวหวานด้วยรอยยิ้ม

ฉินเย่จือคือใคร ฟ่านหลิงเคยเห็นเขาหลายครั้งจากระยะไกล และรู้สึกว่าเขาเป็นที่เหมือนเทพสวรรค์ เขาผู้นี้มีความสง่างามราวกับออกมาจากภาพวาด

และกู้เสี่ยวหวานเป็นตำนานในหมู่หญิงสาว

หญิงเช่นนี้ควรคู่กับชายผู้กล้าหาญที่ยืนหยัดอย่างภาคภูมิ นั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

แน่นอนว่าใบหน้าของฉือโถวเริ่มมืดมนมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในที่สุดรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก และเขาก็มีความสุขกับกู้เสี่ยวหวานอย่างจริงใจ

ตราบใดที่เสี่ยวหวานยังสบายดี เขาจะมีความสุข

ในอนาคตเขาก็จะมีคนรัก และเขาจะลบความคิดทั้งหมดเกี่ยวกับกู้เสี่ยวหวานออกไป และจะปฏิบัติต่อภรรยาในอนาคตของเขาอย่างสุดหัวใจ

ฉือโถวนึกถึงฟ่านหลิง และการกระทำที่เกินจะควบคุมของนางตอนที่นางดื่มตอนนี้ ฉือโถวรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย

นี่คือภรรยาในอนาคตของเขา ซึ่งเขาจะใช้เวลาทั้งชีวิตด้วยกันกับนาง

ฉือโถวหันมองฟ่านหลิงอย่างรวดเร็ว เพียงเพื่อจะพบว่าฟ่านหลิงกำลังมองเขาด้วยความสุขและความอ่อนโยนในดวงตา

ใบหน้าของฉือโถวแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง เขารีบหันหน้าไปหยิบตะเกียบ ใช้มันคีบอาหารที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว คีบชิ้นเนื้อขึ้นมาแล้วรีบใส่เนื้อลงไปชามของฟ่านหลิง

จากนั้นเขาก็เบือนหน้าหนีอย่างรวดเร็ว ไม่กล้ามองไปที่ฟ่านหลิงอีกต่อไป

ฟ่านหลิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยในตอนแรก แต่ต่อมาก็ยิ้มด้วยความยินดี

การกระทำของฉือโถวที่คีบอาหารให้นาง มันเกินจินตนาการของนางไปมาก

ป้าจางที่อยู่ข้าง ๆ ยิ่งมีความสุข เมื่อเห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างฉือโถวและฟ่านหลิง ใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความสุข

ฉือโถวเป็นเด็กดี เขารู้ว่าต้องทำอะไร

ฟ่านหลิงก็เป็นเด็กดี นางสมควรได้รับการดูแลอย่างจริงใจ

หลังจากรับประทานอาหาร กู้เสี่ยวหวานเมามากจนไม่สามารถพูดอะไรได้ นางเอนกายพิงไปที่ฉินเย่จือเหมือนกับว่าเขาเป็นหมอนอิงและหลับสนิท

เมื่อเห็นว่านางเมามาย ฉินเย่จือจึงใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ยุติงานเลี้ยงฉลอง หลังจากทุกคนดื่มอย่างพอใจ

ฉือโถวขับรถม้ามาที่ประตูร้าน โดยฉินเย่จืออุ้มกู้เสี่ยวหวานไว้ในอ้อมแขนของเขาและใช้เสื้อตัวนอกคลุมร่างกายนางเอาไว้จนเหลือเพียงใบหน้าที่เปิดเผยออกมา

ฉินเย่จือกอดกู้เสี่ยวหวานแน่นมาก แม้แต่ลมหายใจที่มีกลิ่นของเหล้าของนางก็พ่นรดที่คอของเขาจนเขาขนลุกเล็กน้อย

หลังจากเข้าไปในรถม้าแล้ว กู้ฟางสี่ก็ยินดีที่เห็นว่าฉินเย่จือยังคงอุ้มกู้เสี่ยวหวานไว้ในอ้อมแขนของเขาและรีบพูดว่า “เสี่ยวฉิน กว่าจะถึงบ้านก็ใช้เวลาอีกสักพัก เจ้าวางเสี่ยวหวานลงก่อนก็ได้ เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”

ถ้าเขาประคองไปเช่นนี้ ระหว่างทางคงเมื่อยน่าดู

แม้ว่าเขาจะเข้าไปในรถม้า ฉินเย่จือก็ยังคงอุ้มกู้เสี่ยวหวานไว้ในอ้อมแขนของเขา โดยยังคงอยู่ในท่าเดียวกับตอนที่เขายืนขึ้นในตอนนี้โดยไม่ขยับเลย

ฉินเย่จือส่ายหัว “ไม่เป็นไร”

เมื่อเห็นว่าฉินเย่จือบอกว่าไม่เป็นไร กู้ฟางสี่ก็ไม่ได้พูดอีกต่อไป แต่มองไปที่หญิงร่างเล็กในอ้อมแขนของเขาโดยไม่พูดอะไร

แม้ว่านางจะอยู่กับฉินเย่จือมานานแล้ว แต่กู้ฟางสี่ก็ยังกลัวเขาอยู่เล็กน้อย

ร่างกายของฉินเย่จือดูเหมือนจะมีกลิ่นอายของตระกูลผู้สูงศักดิ์ เพียงแค่ใช้สายตาของเขา ก็สามารถทำให้ผู้คนรู้สึกหายใจไม่ออก

กู้ฟางสี่ถอยห่างจากเขาและนั่งลงข้างกายป้าจาง

ฉือโถวกำลังขับรถม้ามุ่งหน้ากลับสวนกู้ โดยมีฟ่านหลิงนั่งอยู่ด้านนอกเคียงคู่กับฉือโถว

 

 

บทที่ 1304 เครื่องเรือนมาถึงแล้ว

บทที่ 1304 เครื่องเรือนมาถึงแล้ว

สิ่งที่ฟ่านหลิงกำลังจะเอ่ยออกมานั้นทำให้ป้าจางประหลาดใจมากยิ่งขึ้น

“ข้า… ข้าจะไม่เข้าไป” ฟ่านหลิงคิดไม่ถึงว่าฉือโถวจะบอกให้ตัวเองเข้าไปด้านใน คิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าเขาจะพูดกับนาง เขาบอกว่าด้านนอกมันหนาวและให้นางเข้าไปนั่งด้านใน ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ และตอบกลับอย่างตะกุกตะกัก

“เข้าไปข้างในสิ ข้างนอกมันหนาว” ฉือโถวพูดเน้นย้ำอีกครั้ง

หลังจากที่เขาพูดจบก็ไม่ได้มองไปที่ฟ่านหลิงอีกต่อไป เขาจดจ่ออยู่กับการขับรถม้าและมองเส้นทางด้านหน้า

“ข้าไม่เข้าไป” ฟ่านหลิงพูดอย่างดื้อรั้น และประโยคต่อมาทำให้ฉือโถวแทบลืมที่จะบังคับม้า “ข้าจะอยู่ข้างนอกกับเจ้า”

ฉือโถวผงะเล็กน้อย เขาเป็นคนพูดไม่เก่ง ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าควรตอบออกไปอย่างไร

เสียงของฟ่านหลิงแผ่วเบาเล็กน้อย และประโยคที่พูดออกมาก็เต็มไปด้วยความเขินอาย

การบังคับม้าของฉือโถวหยุดลงทันที และความเร็วของม้าก็ช้าลง ป้าจางที่นั่งอยู่ในรถม้าตื่นเต้นมาก ดวงตาของนางเปล่งประกายขึ้นในความมืดมิดของท้องฟ้าในเวลากลางคืน

เมื่อกู้ฟางสี่ได้ยินเสียงวุ่นวายข้างนอก นางก็ปิดปากหัวเราะเบา ๆ และกระซิบข้างหูของป้าจาง “ดูเหมือนว่าในอนาคตพวกเขาคงจะน่ารักน่าดู พี่สะใภ้ ปีหน้าท่านน่าจะได้อุ้มหลานชาย”

จากนั้นก็รู้สึกว่ารถม้ากำลังชะลอตัวลง และได้ยินเสียงของฉือโถวดังขึ้น “ท่านแม่ ขอผ้าห่มผืนเล็กที่อยู่ด้านในหน่อย”

ป้าจางรีบยื่นผ้าห่มผืนเล็กข้าง ๆ นางให้ฉือโถวโดยตรง

หลังจากที่ฉือโถวรับไป เขาก็ส่งมันให้ฟ่านหลิง “เจ้าใช้ผ้าห่มนี่คลุมตัวสิ จะได้ไม่หนาว”

ฟ่านหลิงรับมันไว้แล้วนำมาคลุมที่ตัวนาง และมันก็สามารถบังลมเย็นจากภายนอกได้ ความหนาวจึงทุเลาลง ไม่เพียงแต่คลายความหนาวลงเท่านั้น แต่หัวใจของนางก็ยังอบอุ่นขึ้นอีกด้วย

ป้าจางยิ้มและถอยกลับเข้าไปในรถม้า เมื่อกลับเข้ามาได้นางก็ยิ้มไม่หุบด้วยความสุข กู้ฟางสี่ก็มีความสุขกับป้าจางเช่นกัน ทั้งสองแอบสื่อสารกันอย่างเงียบ ๆ และแบ่งปันความสุขให้กันและกัน

ฉินเย่จือนั่งข้างในโดยโอบกอดกู้เสี่ยวหวานไว้และไม่พูดอะไร ถ้าป้าจางและคนอื่น ๆ มองไปที่ฉินเย่จือ จะเห็นได้ว่าเขาแสดงความอ่อนโยนกับกู้เสี่ยวหวานเป็นอย่างมาก

ณ ขณะนี้ เวลาที่วุ่นวายก็ได้เริ่มต้นขึ้น

สวนกู้ได้รับการปรับปรุงใหม่ แต่ว่าภายในบ้านนั้นยังว่างเปล่า เหลือเพียงแค่รอเครื่องเรือนและตกแต่งภายในเท่านั้น

ป้าจางเองก็ไม่ได้นิ่งเฉย นางบอกว่าจะเข้าไปในเมืองเพื่อเลือกซื้อของทั้งหมด

กู้ฟางสี่บอกว่านางไม่ต้องไปซื้อหรอก ที่บ้านยังมีห้องว่างอีกหนึ่งห้องและภายในก็มีของตกแต่งครบครัน ให้ฉือโถวไปอาศัยอยู่ที่นั่นก็ได้

แต่ป้าจางไม่เห็นด้วย โดยบอกว่าพวกเขาไม่ควรอาศัยอยู่ในสวนกู้ตั้งแต่แรก อีกทั้งตอนนี้ฉือโถวก็กำลังจะแต่งงานแล้ว ครอบครัวของนางควรจะย้ายออกไปอยู่ที่อื่นคงจะดีกว่า นางบอกว่าหลายปีมานี้นางสะสมเงินไว้จำนวนหนึ่งสำหรับใช้จ่าย ส่วนฉือโถวก็ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายของตัวเองเช่นกัน

กู้ฟางสี่ไม่สามารถรั้งนางเอาไว้ได้ ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้ ทั้งสองกำลังจะไปหาซื้อเตียงนอนที่ร้านเครื่องเรือน แต่ใครจะรู้ว่าก่อนที่พวกนางจะได้ออกไป ก็มีคนมาที่หน้าประตูเสียก่อน

มีเกวียนหลายคันจอดอยู่หน้าสวนกู้

ป้าจางรีบเดินไปเปิดประตู ครั้นเห็นว่าที่ด้านนอกมีเกวียนหลายคันอีกทั้งยังบรรทุกสิ่งของจนเต็ม ก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย “มาส่งผิดที่หรือไม่ ที่บ้านนี้ไม่มีใครต้องการสิ่งของเหล่านี้”

คนส่งของมองดูของในมือและตะโกนด้วยความอบอุ่นใจ “พี่สาว ข้าไม่ได้ส่งผิด ลูกค้าที่ซื้อของทิ้งที่อยู่ไว้ที่นี่”

ป้าจางสงสัยเมื่อเห็นคนเหล่านั้นกำลังขนของลงมา

เตียง โต๊ะ เก้าอี้นั่ง และเครื่องเรือนอื่น ๆ ที่ใหม่เอี่ยม พวกเขาขนย้ายลงมาอย่างระมัดระวัง

คนที่คุยกับป้าจางเมื่อครู่บอกให้พวกเขาระมัดระวังให้มาก โดยบอกว่าเป็นเครื่องเรือนที่ใช้ในการแต่งงาน ดังนั้นห้ามทำให้มีตำหนิเด็ดขาด

ป้าจางแปลกใจมาก แม้แต่กู้ฟางสี่ที่อยู่ข้าง ๆ นางก็แปลกใจมากเช่นกัน

คนผู้นี้บอกว่ามีคนในครอบครัวกำลังจะแต่งงานและนำของมาส่งให้ แต่ใครเล่าเป็นคนสั่งสิ่งนี้?

“หรือว่าเสี่ยวหวานจะเป็นคนสั่ง” กู้ฟางสี่ถามทันที

เมื่อได้ยินว่าฉือโถวกำลังจะแต่งงาน เสี่ยวหวานก็มีความสุขมาก โดยบอกว่าจะมีงานมงคลที่บ้าน และนางต้องการที่จะดูแลเรื่องนี้ให้พี่ฉือโถว

อีกทั้งยังไม่ยอมให้ป้าจางออกไปซื้อของ ดังนั้นคนเดียวที่ทำได้คือกู้เสี่ยวหวาน

จนกระทั่งชายคนนั้นถามนางว่าจะให้วางสิ่งของไว้ในห้องไหน ป้าจางจึงรู้สึกตัวได้ทันที และเมื่อมองดูของในเกวียน นางก็ผงะเล็กน้อย

กู้ฟางสี่ที่อยู่ด้านข้างรีบพาคนเหล่านั้นเข้าไปข้างใน “มาทางนี้ มาทางนี้ วางไว้ในห้องนี้ได้เลย”

กู้ฟางสี่พาพวกเขาเข้าไปในบ้าน ป้าจางยังคงยืนอยู่ที่นั่น สีหน้าของนางเปลี่ยนจากความประหลาดใจในตอนแรกไปเป็นความตื่นเต้นในตอนท้าย จากนั้นนางก็รีบเดินเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว

นางเดินตรงไปที่ประตูห้องของกู้เสี่ยวหวานแล้วเคาะประตูเบา ๆ ไม่นานประตูก็ถูกเปิดจากด้านใน ทว่าเป็นฉินเย่จือที่เป็นคนเปิดประตูออกมา

“เสี่ยวฉิน เสี่ยวหวานตื่นหรือยัง” เมื่อคืนกู้เสี่ยวหวานดื่มมากเกินไป นางคงยังไม่อยากตื่น แต่อย่างไรก็ตาม ป้าจางมีคำขอบคุณมากมายและนางแทบจะรอไม่ไหวที่จะบอกกู้เสี่ยวหวาน

เมื่อเห็นใบหน้าที่ตื่นเต้นของป้าจาง ฉินเย่จือส่ายหัวและพูดเบา ๆ ว่า “ยัง นางยังหลับอยู่เลย”

หลังจากได้ยินเช่นนี้ ป้าจางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย นางชะเง้อหน้าเพื่อมองเข้าไปข้างใน แต่นางก็ไม่ได้เข้าไป จากนั้นนางก็พูดว่า “เสี่ยวฉิน ถ้าเสี่ยวหวานตื่นขึ้นก็บอกข้าทีนะ ข้ามีเรื่องจะพูดกับนาง”

ฉินเย่จือพยักหน้า ใบหน้าของป้าจางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็กล่าวขอบคุณและจากไป นางคงมีเรื่องอยากจะพูดกับเสี่ยวหวานจริง ๆ

เมื่อนึกถึงสิ่งที่เสี่ยวหวานบอกเขาเมื่อไม่กี่วันก่อน ฉินเย่จือก็เดาได้ว่าป้าจางกำลังจะพูดอะไร

ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “ท่านป้า เสี่ยวหวานบอกว่าท่านคือครอบครัวของนาง และฉือโถวคือพี่ชายของนางเช่นกัน เมื่อพี่ชายของนางแต่งงาน ในฐานะน้องสาว นางต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อพี่ชาย นี่คือความตั้งใจของเสี่ยวหวาน ดังนั้นท่านอย่าได้เกรงใจไปเลย”

ที่ป้าจางมาหากู้เสี่ยวหวาน เดิมทีนางต้องการจะให้เงินกับกู้เสี่ยวหวาน เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ครอบครัวจางของนางอาศัยอยู่ที่สวนกู้แห่งนี้ กินดื่มโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ

หลายปีที่ผ่านมานี้ นางแทบจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรและเก็บออมเงินได้เป็นจำนวนไม่น้อย ครั้งนี้การแต่งงานของฉือโถวเป็นเรื่องของครอบครังจาง จะให้เสี่ยวหวานเป็นคนจัดการและออกค่าใช้จ่ายได้อย่างไร

………………………………………………….

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท