บทที่ 1309 เห็นใจเขา
บทที่ 1309 เห็นใจเขา
“อย่ากังวลไปเลยอวี้เอ๋อร์ หากเจ้าคิดถึงพี่สาวก็จงไปหานางที่สวนกู้”
“ลูกเอ๋ย แม้ว่าเจ้าจะอาศัยอยู่ในสวนกู้ แต่ข้าก็อยากจะบอกว่าสวนกู้เป็นของเจ้าของที่ดิน เจ้าและฉือโถวอาศัยอยู่ที่นั่นก็ควรคิดถึงสถานะของตนเองด้วย อย่าทำให้เจ้าของที่ดินโกรธรู้หรือไม่?” เมื่อฟ่านต้าฉวีนึกถึงกู้เสี่ยวหวาน นางผู้นั้นมีสถานะเป็นถึงเสี้ยนจู่ระดับห้าซึ่งเป็นขุนนางระดับสูง
อย่าได้ทำให้นางโกรธเคืองเป็นอันเด็ดขาด
ฟ่านหลิงรู้ว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นคนอย่างไร กู้เสี่ยวหวานจะไม่โกรธนางเพราะเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ฟ่านต้าฉวีมั่นใจ ฟ่านหลิงยังคงพยักหน้า “ท่านพ่อไม่ต้องกังวล ข้าจะใส่ใจกับคำพูดและการกระทำของตัวเองอย่างแน่นอน”
“เมื่อเจ้าไปถึงสวนกู้ก็ควรจะขยันขันแข็งเพื่อให้พ่อแม่สามีชอบเจ้ามากขึ้น เจ้าเข้าใจหรือไม่” ฟ่านต้าฉวียังคงพูดอย่างจริงจัง
ถ้าภรรยาของตัวเองยังอยู่ที่นี่ เขาคงไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่…
เฮ้อ…
ฟ่านหลิงจดจำคำพูดของฟ่านต้าฉวีไว้ในใจ เมื่อนางคิดว่าตัวเองกำลังจะออกจากบ้านหลังเก่าและไปอาศัยอยู่ในสถานที่ใหม่ ก็รู้สึกว่าน้ำตากำลังจะไหลออกมาอีกครั้ง
ขณะที่ทั้งสามคนกำลังจะร้องไห้ ก็มีน้ำเสียงเร่งรีบดังขึ้นมาด้านนอก “ท่านลุงฟ่าน ท่านลุงฟ่าน อยู่หรือไม่”
ก่อนที่ฟ่านต้าฉวีจะตอบสนองก็มีคนวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นพวกเขากำลงเช็ดน้ำตาจึงรู็สึกสงสัยเล็กน้อย จากนั้นอ้าปากค้างและพูดว่า “ท่านลุงฟ่าน รีบออกไปดูข้างนอกสิ มีมากมายเลย”
“มีอะไรมากมาย?” เมื่อเห็นว่าคนผู้นี้ใช้เวลานานและไม่ได้พูดอะไรนอกจาก ‘มีมากมาย’ ฟ่านต้าฉวีก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลและรีบถาม
“มีคนมาที่นี่มากมาย และพวกเขานำสิ่งของมากมายมาด้วย ตระกูลจาง ตระกูลจางมาที่นี่”
คนผู้นั้นถอนหายใจด้วยความโล่งอก รีบชี้นิ้วออกไปแล้วพูดในขณะที่กำลังเหนื่อยหอบ
เมื่อฟ่านต้าฉวีได้ยินสิ่งนี้ เขาและฟ่านหลิงก็มองหน้ากัน แล้วมุ่งหน้าไปที่คันนา เมื่อมาถึงก็เห็นผู้ชายจำนวนมากกำลังขนสิ่งของมามากมายเพื่อส่งมันมายังบ้านของพวกเขา
บนไม้คานหาบมีกล่องไม้หวงฮวาหลีกล่องหนึ่ง มันหนักมากเสียจนไม้หาบเสียรูปทรง
ฟ่านหลิงรู้สึกหนักใจเล็กน้อยและไม่รู้จะทำอย่างไร ฟ่านต้าฉวีเองก็เช่นกัน ในกลุ่มคนนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมา ถ้าไม่ใช่ฉือโถวแล้วจะเป็นใครได้อีก
ฉือโถวเข้ามาพร้อมถือกล่องผ้าไว้ในมือ เขาเดินไปหาฟ่านหลิงด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
เมื่อเดินไปด้านหน้าฟ่านหลิง ฉือโถวก็ทักทายฟ่านต้าฉวีและฟ่านอวี้อย่างสุภาพ จากนั้นหยิบกล่องผ้าในมือออกมาแล้วส่งให้หญิงสาว ชายหนุ่มก้มศีรษะลงเล็กน้อยเพราะไม่กล้ามองฟ่านหลิง และพูดอย่างเขินอายว่า “นี่สำหรับเจ้า โปรดรับไว้”
ฟ่านหลิงหยิบมันขึ้นมาเปิดออก และเห็นชุดเครื่องประดับทองคำที่ประดับด้วยมรกต เครื่องประดับทองที่สวยงามไม่มีใครเทียบได้ และไม่ว่าใครก็สามารถบอกได้ว่าของสิ่งนี้มีมูลค่ามากเพียงใด
ฟ่านหลิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “สิ่งนี้คือ…”
“มันคือสินสอดสำหรับเจ้า” ฉือโถวคิดเกี่ยวกับเรื่องที่กู้เสี่ยวหวานพูดกับตัวเอง ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยสิ่งที่จะพูดกับฟ่านหลิง
ฟ่านหลิงมองไปที่เครื่องประดับทองอันบอบบางในมือของนาง จากนั้นเมื่อได้เห็นสินสอดทองหมั้นมากมายที่ถูกนำเข้ามา ความรู้สึกต่าง ๆ พลันแล่นเข้ามาในหัวใจของนาง
“เสี่ยวหลิง ข้าอยากคุยกับเจ้า” ฉือโถวรวบรวมความกล้า และในที่สุดเขาก็พูดสิ่งที่คิดออกมา
ฟ่านหลิงหน้าแดงเมื่อฉือโถวพูดจบ เมื่อรู้ว่าเขาเองก็เขินอาย นางจึงตอบตกลงและเดินตามฉือโถวเข้าไปในห้องของนาง
ภายในบ้านเป็นระเบียบเรียบร้อยและมีกล่องใหม่เอี่ยมหลายใบอยู่ข้างใน เดาว่าน่าจะเป็นสินสอดที่ตระกูลฟ่านเตรียมไว้ให้ฟ่านหลิง
“เสี่ยวหลิง ข้าฉือโถวขอสาบานว่า ในชีวิตนี้ข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีและซื่อสัตย์ ตลอดชีวิตนี้ ข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีที่สุด” หลังจากเข้ามาในห้องก็มองบ้านที่เป็นระเบียบเรียบร้อย และคิดว่าตัวเองมาที่นี่ตามที่ท่านแม่และกู้เสี่ยวหวานพูดกับตัวเอง
“พี่ฉือโถว วันนี้เป็นวันรับของหมั้น หากท่านไม่ต้องการส่งของขวัญสินสอดที่เตรียมไว้เหล่านี้ด้วยตนเอง ข้ากลัวว่าฟ่านหลิงจะคิดมาก เหตุใดท่านไม่ไปปลอบนางล่ะ”
“ฉือโถว เสี่ยวหวานพูดถูก วันนี้ทำไมเจ้าไม่ไปด้วยตัวเองล่ะ บ้านเราไม่มีใครจะเหมาะสมเท่าเจ้าอีกแล้ว” ป้าจางเอ่ยเกลี้ยกล่อมลูกชาย
เมื่อทั้งสองคนพูดอย่างนั้น ฉือโถวก็มีบางอย่างจะพูดกับฟ่านหลิงด้วยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงมาที่นี่ด้วยตนเอง
ระหว่างทางมาที่นี่ ฉือโถวครุ่นคิดหลายสิ่งหลายอย่างในใจ และมีเรื่องมากมายที่ต้องการพูดกับฟ่านหลิง แต่เมื่อเขาเจอกับฟ่านหลิงตามลำพังจริง ๆ ก็รู้สึกพูดไม่ออก
“ข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีไปตลอดชีวิต และข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานแม้แต่น้อย” ฉือโถวไม่สามารถสรรหาคำพูดที่ดีกว่านี้ได้อีกแล้ว ทว่าสิ่งที่เขาพูดทำให้สีหน้าของฟ่านหลิงเปลี่ยนไป
นางไม่รู้ว่าฉือโถวจะมามอบของหมั้นด้วยตนเอง และไม่คาดคิดว่าเขาจะมาสาบานว่าจะปฏิบัติต่อตนเองอย่างดี
ฟ่านหลิงรู้สึกตื่นเต้น หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากเพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองร้องไห้ออกมา
นางนึกถึงเรื่องราวในค่ำคืนนั้นที่ฉือโถวและป้าจางออกไปจากงานเลี้ยงเป็นเวลานาน และยังไม่มีวี่แววที่จะกลับมา นางจึงรู้สึกเป็นห่วงพวกเขา ฟ่านหลิงจึงอาสาออกไปตามหาพวกเขา
แต่นางจะรู้ได้อย่างไรว่าขณะที่นางอยู่นอกห้องเก็บฟืน จะบังเอิญได้ยินบางอย่างเข้า
ฉือโถวชอบเสี่ยวหวาน และแอบชอบนางมาหลายปีแล้ว
เมื่อฟ่านหลิงได้ยินเช่นนั้น นอกจากความหวั่นไหวแล้วก็ไม่ได้มีความรู้สึกโกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย
กู้เสี่ยวหวานเป็นคนแบบไหน นางเองนั้นรู้ดี
นางเป็นคนที่สง่างาม สูงศักดิ์ และมีความสามารถ นับประสาอะไรกับฉือโถว หากนางเป็นผู้ชาย เกรงว่านางเองก็จะตกหลุมรักกู้เสี่ยวหวานเช่นกัน
ฟ่านหลิงไม่แปลกใจเลยที่ได้ยินว่าฉือโถวชื่นชอบกู้เสี่ยวหวาน แต่เนื่องจากฉือโถวแอบรักกู้เสี่ยวหวานมานานหลายปี และสุดท้ายก็ไม่มีข้อสรุปใด ๆ ในความสัมพันธ์นี้ ตอนนี้จึงถึงเวลาแล้วที่การแอบรักจะต้องจบลง
ฉือโถวรู้สึกโศกเศร้าและฟ่านหลิงก็เช่นกัน
………………………………………………….
บทที่ 1310 พูดจริงทำจริง
บทที่ 1310 พูดจริงทำจริง
ฉือโถวเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับบุคคลอื่น การที่เขาแอบรักคนคนหนึ่งมาหลายปีนั้นแสดงให้เห็นว่า เขาเป็นคนที่มีความยึดมั่น ฟ่านหลิงยินดีที่จะแต่งงานกับคนแบบนี้ และสามารถแต่งงานกับเขาได้ด้วยความสบายใจ ทั้งที่รู้ว่าสามีของนางจะมีคนอื่นอยู่ในใจ แต่นางรู้… วันหนึ่งถ้าตนเองเดินเข้าไปในหัวใจของฉือโถวได้ ตนก็จะเป็นคนเดียวในใจของเขาไปตลอดชีวิต
นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าวันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้ และฉือโถวบอกกับตัวเองว่าเขาจะดีกับนางไปตลอดชีวิต
ฟ่านหลิงรู้สึกประหลาดใจมากจนพูดไม่ออก
ฉือโถวรอคำตอบจากนาง ครั้นเห็นว่านางไม่ตอบคำถามก็กลัวว่าฟ่านหลิงจะไม่เชื่อ ดังนั้นจึงรีบพูดว่า “เสี่ยวหลิง อย่าได้กังวลไปเลย ข้า… ฉือโถวเป็นคนที่รักษาสัญญา สิ่งที่ข้าพูดกับเจ้า ข้าได้คิดอย่างรอบคอบแล้ว และสิ่งที่ข้าพูด ข้าต้องทำให้ได้”
ฉือโถวยังคงอธิบายต่อไป แต่ยิ่งเขาอธิบายมากเท่าไร ฟ่านหลิงก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น น้ำตาไหลอาบแก้มราวกับแม่น้ำสายเล็ก ๆ สองสายทำให้ดวงตาของนางและหัวใจของชายหนุ่มชุ่มชื่น
ยกเว้นท่านแม่ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนในชีวิตนี้ที่หลั่งน้ำตาเพื่อเขา
ฉือโถวรู้สึกราวกับว่าหัวใจที่มีร่องรอยของการแตกร้าว และมีสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิพัดเข้าสู่หัวใจ… พัดพาหัวใจของเขาให้อบอุ่น
ฟ่านหลิงรู้สึกประหลาดใจและประทับใจมากขึ้น นางร้องไห้สะอึกสะอื้นและตอบรับซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าตนเองรับรู้แล้ว
คำพูดของฟ่านหลิงทำให้ก้อนหินหนักอึ้งในหัวใจของฉือโถวถูกยกออกไป
ในขณะนี้ ใบหน้าที่มืดมนของฟ่านหลิงดูเหมือนจะถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงระเรื่อ ขับความงดงามของนางให้เปล่งปลั่ง โดยเฉพาะดวงตากลมโตสีดำคู่นั้นที่มองมาที่เขาอย่างเสน่หา
เมื่อทั้งสองออกไป พวกเขาเห็นฟ่านต้าฉวีและฟ่านอวี้ยืนอยู่ที่ประตูโดยไม่ขยับเขยื้อนราวกับว่าพวกเขาถูกแช่แข็ง
“ท่านพ่อ อวี้เอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้นกับกับพวกท่าน?” เมื่อพวกเขาออกไปข้างนอก แต่พวกเขาไม่เห็นฟ่านต้าฉวีและฟ่านอวี้พูดอะไรสักคำ พวกเขาทำเพียงแค่จ้องมองไปข้างนอกด้วยตาที่เบิกกว้าง
เมื่อเห็นการกระทำที่โง่เขลาของพวกเขา ฟ่านหลิงก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย นางรีบเรียกฟ่านต้าฉวีและฟ่านอวี้พลางถามอย่างกระวนกระวาย “ท่านพ่อ อวี้เอ๋อร์ พวกท่านเป็นอะไรไป”
หลังจากถูกเรียก พ่อและน้องชายก็กลับมาได้สติอีกครั้ง เมื่อพวกเขาเห็นฉือโถวและฟ่านหลิง ฟ่านอวี้ก็ชี้นิ้วไปตรงหน้าและพูดด้วยความประหลาดใจ “ท่านพี่ ดูที่ลานบ้านสิ”
ฟ่านหลิงมองไปตามนิ้วของฟ่านอวี้ที่กำลังชี้ออกไป และเมื่อเห็นสิ่งของภายในลานบ้านก็ได้แต่รู้สึกประหลาดใจเกินกว่าจะพูดอะไรสักคำ
“นี่คือ…” จากนั้นนางมองไปที่ฉือโถวข้างกายด้วยสายตาตกใจ
ลานบ้านเล็ก ๆ เต็มไปด้วยของขวัญหมั้นหมายที่ฉือโถวนำมา กล่องไม้หวงฮวาหลีวางซ้อนกันจนเต็มลานบ้าน
ดวงตาของฟ่านหลิงเบิกกว้างและไม่สามารถนับได้ว่ามีกล่องทั้งหมดกี่กล่อง
“ยี่สิบแปด ยี่สิบเก้า สามสิบ สามสิบหก สวรรค์ มีของหมั้นครบสามสิบหกแล้ว สวรรค์” เดิมทีไม่ค่อยมีคนมาบ้านตระกูลฟ่านมากนัก แต่ตอนนี้ด้านนอกถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย ทุกคนต่างตกตะลึงกับสินสอดที่ตระกูลจางมอบให้
สิ่งที่อยู่ข้างในกล่องไม้หวงฮวาหลีนั้นเป็นสิ่งมีค่าหลายสิบตำลึงเงิน
การที่ตระกูลจางมอบสิ่งของมากมายให้สะใภ้มากมายเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าตระกูลจางพอใจกับฟ่านหลิงมากเพียงใด
ผู้ที่มาดูหลายคนเป็นหญิงสาวที่แต่งงานแล้วและยังไม่ได้แต่งงานที่อายุน้อยกว่าฟ่านหลิง เมื่อเห็นว่าฟ่านหลิงกำลังจะแต่งงาน อีกทั้งชายคนนั้นยังมามอบสินสอดให้ด้วยตนเอง และนำสินสอดมาถึงสามสิบหกกล่อง จำนวนนี้ไม่ต้องพูดถึงในเมืองหลิวเจีย แม้แต่ในเมืองรุ่ยเสียนนี่เรียกได้ว่าเป็นสินสอดที่มากเป็นอับดับหนึ่งของเมืองด้วยซ้ำ
ไม่กี่วันก่อน มีครอบครัวที่ร่ำรวยในเมืองหลิวเจียจัดงานมงคล แต่มีสินสอดเพียงสิบแปดกล่อง แต่ถึงอย่างนั้นก็ถือว่าดีมากแล้ว คราวนี้เป็นงานมงคลของฟ่านหลิง หญิงสาวยากจนจากชนบทที่กำลังจะแต่งงาน และสามีของนางก็มาพร้อมสินสอดทองหมั้นมากมาย
ครั้งนี้ฟ่านหลิงราวกับเป็นหนูตกถังข้าวสารจริง ๆ
ผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุไล่เลี่ยกับฟ่านหลิงที่แต่งงานและมีลูกแล้ว นางเคยล้อเลียนฟ่านหลิงที่ยังไม่ได้แต่งงาน แต่คราวนี้ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปทันที
ด้วยของขวัญหมั้นหมายมากมาย แม้ว่านางจะแต่งงานช้า แต่นางก็มีความสุข
เด็กสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานทุกคนมองไปที่ฟ่านหลิงอย่างอิจฉา ฟ่านหลิงมีรูปลักษณ์ธรรมดาและแก่กว่าฉือโถวมาก ทำไมนางถึงได้แต่งงานกับครอบครัวที่ดีเช่นนี้
ฟ่านหลิงมองไปที่กล่องไม้ในลานบ้านด้วยความประหลาดใจ และถามฉือโถวด้วยความสงสัยและตะลึงงัน “ฉือโถว ของเหล่านี้…?”
“ทั้งหมดนี้เป็นของขวัญหมั้นสำหรับเจ้า” ฉือโถวชี้ไปที่สิ่งเหล่านั้นแล้วพูด “ของขวัญหมั้นสามสิบหกชิ้นที่นี่ เสี่ยวหวานเป็นคนจัดการ และบอกว่าเป็นของขวัญสำหรับการแต่งงานของเรา”
“อะไรนะ” ของขวัญหมั้นทั้งสามสิบหกชิ้น เสี่ยวหวานเป็นคนมอบให้อย่างนั้นหรือ
เมื่อนึกถึงกู้เสี่ยวหวาน ฟ่านหลิงก็รู้สึกขอบคุณมาก
“นางกำลังจะไปเมืองหลวงเพื่อฉลองวันเกิดไทเฮา และนางต้องการเข้าร่วมงานแต่งงานของเราก่อนที่นางจะจากไป นางบอกว่าการแต่งงานของเราต้องจัดขึ้นอย่างเร่งด่วน และการเตรียมการก็ต้องรีบเร่ง จากนั้นนางก็จัดการเรื่องสินสอดทองหมั้นสามสิบหกชิ้น โดยบอกว่าเป็นการขอโทษเรา” ฉือโถวยิ้มเมื่อพูดถึงกู้เสี่ยวหวาน ดวงตาของเขาเปล่งประกายแวววับ หากแต่ในแววตายังเจือไปด้วยความโศกเศร้า
ฟ่านหลิงจะไม่มีทางเยาะเย้ยเขาเด็ดขาด
ในวัยแรกรัก ใครจะไม่มีคนที่แอบชอบมาตั้งแต่เด็กบ้าง?
ปีนี้นางอายุยี่สิบแล้ว นับว่าอายุมากแล้ว
เดิมทีเมื่อคิดว่าจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปจนแก่เฒ่า แต่จู่ ๆ ก็มีชีวิตแต่งงานที่ดีเช่นนี้อย่างไม่คาดฝัน แม้ในความฝันนางก็ไม่เชื่อว่ามันจะเป็นจริง แต่เมื่อมองดูของที่ป้าจางมอบให้ตอนนี้ นางก็รู้แล้วว่ามันไม่ใช่ความฝัน
นางกำลังจะแต่งงาน กำลังจะแต่งงานกับผู้ชายอายุน้อยที่ซื่อสัตย์และอบอุ่น แม้ต่อมาเมื่อนางรู้ว่าเขามีใครในใจ แต่ก็ไม่ได้ทำให้นางเกลียดเขา ตรงกันข้ามความเจ็บปวดจากการรักกลับไม่ได้ทำให้นางรู้สึกสงสาร และอยากจะทะนุถนอมเขาให้มากขึ้น
………………………………………………….