ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1318+1319 ทั้งหมดนี้คือสินสอด/มีความสุขในวันแต่งงาน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1318+1319 ทั้งหมดนี้คือสินสอด/มีความสุขในวันแต่งงาน

บทที่ 1318 ทั้งหมดนี้คือสินสอด

หลังจากที่ฟ่านต้าฉวีพูดจบ หยาดน้ำตาเม็ดใหญ่ก็หลั่งรินลงมาจากดวงตาที่ขุ่นมัวของเขา สำหรับฟ่านต้าฉวี ลูกสาวคนนี้คือครึ่งหนึ่งของชีวิตเขา หากนางมีชีวิตที่ไม่ดี เขาจะต่อสู้กับฉือโถวด้วยชีวิตของเขา

ฟ่านอวี้ที่อยู่ด้านข้างก็พูดว่า “พี่ฉือโถว ข้ามีสาวเพียงคนเดียว ท่านต้องสัญญาว่าจะดูแลพี่สาวของข้าอย่างดี อย่ารังแกนางเป็นอันเด็ดขาด

แม้ว่าครอบครัวฟ่านจะยากจน แต่คนในครอบครัวก็มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น เมื่อครอบครัวไม่มีผู้ทำหน้าที่มารดา ฟ่านต้าฉวีจึงต้องเลี้ยงลูกสองคนด้วยตัวเอง และเด็กทั้งสองคนก็เป็นคนมีเหตุผล สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ฟ่านต้าฉวีมีความสุขที่สุด

ฉือโถวบอกกับฟ่านหลิงว่า เขาจะปฏิบัติต่อนางอย่างดีตลอดชีวิตของเขา และตอนนี้เขาก็กล่าวต่อครอบครัวนางอย่างนักแน่น “ท่านไม่ต้องกังวล จากนี้และตลอดไป ข้าจะถือว่าฟ่านหลิงเปรียบดั่งชีวิต ข้าจะเคารพและรักนางไปตลอดชีวิต”

ฟ่านต้าฉวีพยักหน้าอย่างถึงพอใจ ก่อนจะชี้นิ้วไปที่ของหมั้นทั้งหมด “สิ่งเหล่านี้คือสินสอดของเสี่ยวหลิง ทั้งหมดคือสินสอดทองหมั้นที่เจ้าส่งมาครั้งก่อน ตอนนี้ข้าจะมอบทั้งหมดให้เป็นสินสอดของเสี่ยวหลิง ครอบครัวของข้ายากจน ดังนั้นจึงไม่สามารถซื้ออะไรที่เหมาะสมได้ และข้าหวังว่าเจ้าคงไม่ดูถูกเสี่ยวหลิง”

แม้ว่าฟ่านต้าฉวีจะค่อนข้างถ่อมตัว หากแต่น้ำเสียงของเขาก็ดังกึกก้องและทรงพลัง

“พ่อตา เดิมทีของขวัญหมั้นเหล่านี้มีไว้สำหรับเสี่ยวหลิง ท่านสามารถทำอะไรกับมันก็ได้ตามที่ต้องการ” ครั้งนั้นที่ส่งของขวัญหมั้นมาให้จำนวนมากมาย แม่ของเขาเองก็เดาไว้แล้วว่าตระกูลฟ่านคงจะเก็บมันไว้บางส่วน เพราะอย่างไรเสียฟ่านหลิงก็ยังมีน้องชายที่ถึงวัยแต่งงานแล้ว ดังนั้นจึงควรเก็บบางสิ่งไว้เพื่อแต่งภรรยามให้เขาในอนาคต

ทุกคนคาดเดาสิ่งนี้ไว้ในใจ แต่ตอนนี้พวกเขากลับค้นพบว่าครอบครัวฟ่านไม่ได้เก็บสิ่งใดไว้เลย การกระทำของเขาทำให้ฉือโถวงุนงงเล็กน้อย “พ่อตา ฟ่านอวี้อายุถึงวัยแต่งงานแล้ว ทำไม…”

ฟ่านต้าฉวีรีบโบกมือพัลวัน “การแต่งงานเป็นเรื่องของครอบครัวฟ่าน ถ้าใครคิดว่าครอบครัวฟ่านของเรายากจนก็อย่าแต่งงานกับเรา ข้าเชื่อว่าลูกชายของข้าสามารถมีชีวิตที่ดีได้ด้วยสองมือของเขา”

ฟ่านต้าฉวีพูดอย่างหนักแน่น และฟ่านอวี้ที่อยู่ด้านข้างก็พยักหน้าเห็นด้วย “ท่านพ่อของข้าพูดถูก พี่เขย เดิมทีสิ่งนี้เป็นของพี่สาวข้า และพวกเราไม่สามารถรับมันมาได้ โปรดปฏิบัติต่อพี่สาวข้าอย่างดี ตราบใดที่พี่สาวของข้ามีชีวิตที่ดี นั่นจะเป็นการปลอบโยนข้าและท่านพ่อที่ดีที่สุด”

ฉือโถวรู้สึกประทับใจยิ่งนัก เขาต้องการพูดบางสิ่ง แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ โชคดีที่ในขณะนี้ภรรยาของหลิวต้าจ้วงบอกว่าถึงเวลาอันเป็นมงคลแล้ว ดังนั้นเขาจึงยอมแพ้และโค้งคำนับฟ่านต้าฉวีและฟ่านอวี้ด้วยความจริงใจอย่างสุดซึ้ง จากนั้นก็พาตัวเจ้าสาวกลับบ้านไป

ตอนนี้เขาไม่เห็นฟ่านหลิง ผู้ส่งสารของเสี่ยวหวานเป็นคนนำชุดแต่งงานมามอบให้กับนาง ฟ่านหลิงลงนาทำไร่ตั้งแต่ยังเด็ก จึงทำให้นางไม่รู้วิธีการเย็บปักเสื้อผ้า

เสี่ยวหวานเป็นคนรอบคอบ และสายตาของนางไม่เคยผิดพลาด

เครื่องดนตรีกำลังเป่าบรรเลง เกี้ยวเจ้าสาวและฝูงชนเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง ระหว่างนั้น ฉือโถวก็หันกลับไปยังทิศทางของบ้านตระกูลฟ่าน ในสายตายังคงเห็นฟ่านต้าฉวีและฟ่านอวี้ยืนอยู่ที่ประตูลานบ้าน สองพ่อลูกประคองกันและกัน เฝ้าดูขบวนกำลังเคลื่อนห่างออกไปเรื่อย ๆ คนสองคนที่เคยมีผู้คนรายล้อม ตอนนี้กลับเหลือกันเพียงแค่สองคน

เมื่อมองไปที่ฉากนี้ หัวใจของฉือโถวรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก

…….

บทที่ 1319 มีความสุขในวันแต่งงาน

นานมาแล้ว แม่ของเขาเคยบอกกับตนเองว่า โชคดีแล้วที่นางให้กำเนิดลูกชายไม่ใช่ลูกสาว มิเช่นนั้นหากถึงช่วงเวลาหนึ่ง ลูกสาวก็ต้องแต่งงานออกเรือนกลายเป็นสมาชิกในครอบครัวของคนอื่น จากนั้นก็เหลือเพียงสองตายายที่ต้องใช้ชีวิตกันอยู่ตามลำพัง

ตอนนี้ฟ่านหลิงได้แต่งงานออกเรือนแล้ว ฟ่านต้าฉวีและฟ่านอวี้ก็ทำได้เพียงอยู่กันตามลำพัง พึงพากันและกันเท่านั้น

ขนมแต่งงานถูกโปรยไปตลอดทาง ด้านหลังขบวนเกี้ยวเจ้าสาวมีฝูงชนติดตามไปไม่ขาดสาย มีเด็กมากมายมาขอเงินและขนมแต่งงาน ตระกูลจางไม่ใช่คนตระหนี่ถี่เหนียว พวกเขาโปรยเหรียญจำนวนหนึ่งร้อยเหรียญตามทางเป็นระยะ ๆ ให้ผู้คนแย่งชิงกันด้วยความสนุกสนาน เป็นการแต่งงานที่มีชีวิตชีวาที่สุดในเมืองหลิวเจีย

ครั้นมาถึงสวนกู้ พิธีการทั้งหมดก็ดำเนินต่อไปตามลำดับ หลังจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาของงานเลี้ยง ความตื่นเต้นไม่ได้ลดน้อยลงแม้แต่น้อย ป้ายคำยินดีสีแดงสดขนาดใหญ่ และโคมไฟสีแดงถูกแขวนไว้ทุกมุมบ้าน มองดูแล้วมีชีวิตชีวายิ่งนัก

เดิมทีฉือโถวไม่อยากจะดื่มมากนัก แต่วันนี้เป็นวันของเขา การเป็นเจ้าบ่าวซึ่งเป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิต ทุกคนจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร ถึงแม้ปากจะบอกไม่อยากดื่ม แต่สุดท้ายก็ดื่มจนเมามาย

แขกเหรื่อต่างกลับบ้านด้วยความอิ่มเอมใจ และในที่สุดความวุ่นวายตลอดทั้งคืนก็หยุดลง

กู้เสี่ยวหวานเชิญหญิงสาวจำนวนมากจากโดยรอบเพื่อมาช่วยงานวันนี้ เมื่อแขกเหรื่อต่างแยกย้ายกลับบ้าน พวกนางต่างเก็บข้าวของและรับเงินที่กู้ฟางสี่มอบให้ เช่นเดียวกับผัก ของว่าง และลูกกวาดที่เหลือก็นำกลับไปให้ลูกเด็กเล็กแดงที่บ้านตนเอง

ทุกคนต่างดีใจและเอ่ยชมไม่หยุดปากว่า การแต่งงานครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก

กู้เสี่ยวหวานเองก็วิ่งวุ่นมาตลอดทั้งคืน ดังนั้นหลังจากงานจบลงจึงรีบอาบน้ำและเข้านอนอย่างรวดเร็ว

ค่ำคืนนี้ไม่มีอะไรนอกจากความตื่นเต้นและความอบอุ่นในบ้านหลังใหญ่ ทุกคนต่างนอนหลับสนิท

เช้าวันรุ่งขึ้น กู้เสี่ยวหวานยังคงอยู่ในห้วงแห่งความฝัน แต่แล้วก็ถูกปลูกขึ้นด้วยเสียงเคาะประตู อาหญิงของนางเป็นคนมาปลุกนางแต่เช้า และเอ่ยถามว่ากู้เสี่ยวหวานตื่นหรือยัง แต่อาจั่วที่เฝ้าอยู่ข้างนอกบอกว่านางยังไม่ตื่น

เมื่อคืนนี้กู้เสี่ยวหวานนอนหลับสนิท ตอนนี้เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยข้างนอก นางจึงตื่นขึ้นเต็มตา “ท่านอา ข้าตื่นแล้ว”

ไม่นานหลังจากสิ้นเสียงของกู้เสี่ยวหวาน อาจั่วก็เขามาพร้อมกับอ่างน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำอุ่น โดยมีกู้ฟางสี่เดินตามมาด้านหลัง

ระหว่างที่กู้เสี่ยวหวานกำลังแต่งตัว กู้ฟางสี่เริ่มบทสนทนาขึ้น

ความจริงแล้วการที่กู้ฟางสี่ปรากฏตัว ไม่มีอะไรมากไปกว่าวันนี้เป็นวันแรกของการแต่งงานของฉือโถว และต้องการยกน้ำชาให้พ่อสามีและแม่สามี เนื่องจากกู้เสี่ยวหวานเป็นเจ้าของสวนกู้ ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงต้องไปด้วย

เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วมุ่น “ท่านอา นี่เป็นเรื่องในครอบครัวของท่านป้า ข้าจะไปทำไมกัน ข้าคิดว่าเป็นข้าด้วยซ้ำที่ควรจะเป็นคนแสดงความเคารพต่อพี่สะใภ้”

“แต่พี่สะใภ้บอกว่าเจ้าเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ และเจ้าจะต้องรับถ้วยชาจากฟ่านหลิง” กู้ฟางสี่รู้สึกด้วยว่าคำพูดของพี่สะใภ้จางนั้นไม่ค่อยน่าพอใจ แต่นางไม่สามารถห้ามอีกฝ่ายได้ ดังนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมาตามกู้เสี่ยวหวาน

กู้เสี่ยวหวานทำความสะอาดมือพลางส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ท่านอา ท่านป้าและครอบครัวก็เป็นเจ้าของสวนกู้แห่งนี้เช่นกัน ข้าเป็นเด็ก ข้าควรไปแสดงความเคารพต่อพี่สะใภ้”

กู้ฟางสี่รีบพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นจึงรีบมุ่งหน้าไปห้องป้าจางทันที และบังเอิญได้เจอกับฟ่านหลิงและฉือโถวที่เพิ่งออกมาจากห้องของตัวเอง

………………………………………………….

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท