ทั้งสองคนก็ได้เข้าไปใกล้ในระยะหนึ่งร้อยเมตรได้ไม่นานนัก หวงเสี่ยวหลงฝึกวิชานั้นฝึกวิชากำลังจะเสร็จสิ้นพอดี พอหวงเสี่ยวหลงสลายเคล็ดวิชากรงเล็บเทพอสูร เขาก็ได้ตรวจพบว่ามีคนสองคนกำลังใกล้เข้ามา คนหนึ่งมาจากข้างหน้าและอีกคนมาจากด้านหลัง
ความจริงแล้ว หวงเสี่ยวหลงสังเกตเห็นสองคนนี้ในช่วง ที่ทั้งสองปรากฏตัวบนยอดพอดี อย่างไรก็ตาม เพราะทั้งสองคนนั้นมีระดับการบ่มเพาะอยู่แค่เพียงระดับเซียนเทียนขั้นที่ 6 หวงเสี่ยวหลงจึงไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก
แต่พอ ณ ตอนนี้ ชายวัยกลางคนทั้งสองก็ได้หยุดก้าวเดินเมื่อห่างจากหวงเสี่ยวหลงสิบเมตรและยืนตรงนั้นอยู่เฉยๆ
ดวงตาของชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็มองตรวจสอบหวงเสี่ยวหลงจากล่างขึ้นบนในขณะที่เขายิ้มออกมาเป็นมิตร “สหาย เจ้าจะบอกข้าได้ใหมว่าเจ้ามาจากนิกายใหน แล้วจะให้ข้าเรียกเจ้าว่าอะไรดี?”
แม้ว่าชายที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าจะวางแผนจับกุมและบังคับให้หวงเสี่ยวหลงคายเคล็ดวิชาต่อสู้นี้ออกมา ซึ่งก่อนที่เขาจะรู้ถึงเบื้องหลังของหวงเสี่ยวหลงนั้นว่าเป็นคนจากนิกายใหน เขาก็ไม่รีบจะทำแบบนั้น
ในมาตรฐานของดินแดนแห่งความโกลาหลนั้น นิกายพ่อมดนภานั้นถือว่าไม่ได้อ่อนแอ แต่ก่อนต่อหน้านิกายยักษ์ใหญ่นั้นพวกเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากมด มีโอกาสที่ชายหนุ่มคนนี้จะเป็นหนึ่งในศิษย์นิกายพวกนั้น หรือแย่สุดอาจจะเป็นศิษย์หลัก มันเลยทำให้ชายหน้าที่มี่แผลเป็นบนใบหน้าต้องคิดหลายครั้งก่อนจะทำการเคลื่อนไหว
มิฉะนั้น หากเขาไปยั่วยุตัวตนอันน่าหาดกลัวขนาดนั้นโดยไม่รู้เรื่องหล่ะก็ มันจะกลายเป็นปัญหาได้
ดูจากใบหน้าของคนพวกนี้ หวงเสี่ยวหลงก็รู้แล้วว่าสองคนนี้คิดอะไรอยู่ หวงเสี่ยวหลงก็เย้ยหยันอย่างลับๆในขณะที่เขาพูดทบทวนอย่างเข้มขรึม “ศิษย์นิกายใหนงั้นหรือ?”
ชายหน้าม้าก็เผยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร “ใช่แล้ว ใครจะรู้ บางทีอาจารย์ของสหายอาจจะเป็นเพื่อนเก่าของอาจารย์เรา….”
“เจ้าก็คิดมากเกินไป ข้าไม่ได้เป็นศิษย์ของนิกายใหนเลยในดินแดนแห่งความโกลาหลแห่งนี้” หวงเสี่ยวหลงก็พูดตัดจบ “แล้วเจ้าก็ไม่ต้องกังวลว่าปัญหาที่ตามหลังจากฆ่าข้า”
ชายที่มีแผลเป็นบนใหบหน้าและชายหน้าม้าก็มึนงง พวกเขาไม่คาดคิดว่าหวงเสี่ยวหลงจะ ‘ตรง’ จากนั้นพวกเขาก็มองกันและกันซึ่งในสายตาของพวกเขานั้นมีควาสงสัยเล็กน้อยในขณะที่พวกนั้นมุ่งความสนใจไปที่หวงเสี่ยวหลงอีกครั้ง
ไม่ได้เป็นคนของดินแดนแห่งความโกลาหลงั้นหรือ?!
แล้ว ชายหนุ่มคนนี้ไปเอาความมั่นใจมากจากใหน? ทั้งสองคนสามารถบอกได้ว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นเป็นแค่เพียงผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 6 ชั้นกลาง แต่ทว่าพวกเขาทั้งสองคนนั้นเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7 ชั้นปลาย ด้วยการโจมตีของพวกเขาทั้งสองพร้อมๆกันแล้ว ชายหนุ่มคนนี้นไม่มีโอกาสหลบหนีได้อย่างแน่นอน
“ลงมือสิ”ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังนิ่งเงียบอยู่นั้น หวงเสี่ยวหลงพูดขึ้น “ข้าจะให้โอกาสเจ้าโจมตีก่อน”
พอได้ยินคำพูดนี้ ทั้งสองคนก็ขมวดคิ้วในขณะที่พวกเขาจ้องมองหวงเสี่ยวหลงด้วยความสับสนและหวาดระแวงในขณะที่พวกเขามองหน้ากันอีกรอบ แต่กลับไม่มีใครลงมอ
หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัวและยิ้มออกมาเย้ยหยันในขณะที่มองความลังเลของทั้งสองคน “ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าทั้งสองอยากรู้ว่าข้านั้นกำลังฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับสวรรค์อยู่งั้นหรือ? ตอนนี้ข้าจะบอกพวกเจ้าให้ วิชานี้หน่ะเป็นเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับสวรรค์และมันก็ไม่ได้เป็นเพียงเคล็ดวิชาระดับสวรรค์ขั้นต่ำด้วย”
ไม่ได้เป็นเพียงเคล็ดวิชาระดับสวรรค์ขั้นต่ำ! ดวงตาของทั้งสองก็เปล่งประกาย
ก่อนที่พวกเขาจะตระหนักได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นนั้น หวงเสี่ยวหลงก็ได้พุ่งไปแล้วงอนิ้วมือเป็นกรงเล็บฟันใส่ทางสองคนนั้น จากากรโจมตีของหวงเสี่ยวหลงนั้นทำให้ เกิดกรงเล็บทมิฬพุ่งออกไปพร้อมกับมีหมอกดำคลุมอยู่รอบๆกรงเล็บในขณะที่ในหมอกนั้นมีภูตินับถ้วนกรีดร้องออกมาอย่างชั่วร้าย และรอบด้านต่างก็มืดลงทันที
พอมองเห็นกรงเล็บยักษ์สีดำพุ่งมาหาพวกเขา ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าและชายหน้าม้าก็ตื่นตระหนกและกระโดดหลบทันทีในขณะที่เขาปล่อยปราณฉีออกมาต้านการโจมตีของหวงเสี่ยวหลงพร้อมๆกัน
“หมัดศพนภา!”
“ผีดิบดุร้าย!”
ทั้งสองคนก็ตะโกนออกมาพร้อมกัน
การโมตีของพวกเขานั้นปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายพร้อมกับกลิ่นน่ารังเกียจที่ทำให้อากาศเหือดแห้งราวกับศพที่ถูกทิ้งให้เน่าเหม็นมาหลายร้อยปี
ทันใดนั้น การโจมตีของพวกเขาก็ปะทะกับการโจมตีของหวงเสีย่วหลง
บึ้ม! ได้เกิดเสียงปะทะดังขึ้นราวกับเสียงแตกหักที่เกิดจากสายฟ้าฟาด ทำให้อากาศต่างสั่นไหวในขณะที่ฝุ่นผงควันต่างกระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศทางพร้อมกับมีรอยแตกหักลึกปรากฏขึ้นบนยอดเขาแห่งนี้
สิ่งที่ทำให้ชายทั้งสองหวาดกลัวมากที่สุดคือการโจมตีกรงเล็บเทพอสูรของหวงสี่ยวหลงนั้นไม่ได้หายไปหลังจากการปะทะกันแต่มันกลับพุ่งเข้าหาพวกเขาต่อ
ในขณะที่พวกเขาต้องการจะหลบออกไป กรงเล็บทมิฬก็ได้เข้ามาถึงตรงหน้าและพุ่งใส่ตัวพวกเขาอย่างแม่นยำ
ทั้งสองต่างล้มลงกับพื้นด้วยเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดซึ่งมันได้ทำให้ฝุ่นผงกระจัดกระจายขึ้นอีกรอบ
พรูด! พอล้มกระแทกพื้น พวกเขาก็กระอักเลือด ทำให้พื้นดินสีเหลืองกลายเป็นสีแดงเข้ม
“เจ้า เจ้าทำแบบนี้ไม่ได้!”ทั้งสองคนก็มองไปที่หวงเสี่ยวหลงอย่างหวาดกลัว ในสายตาของพวกเขานั้นมีความตกใจ ความอยากไม่เชื่อและความหวาดกลัวที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทั้งสองคนนั้นเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7 ชั้นปลาย แต่ด้วยการโจมตีประสานของพวกเขา พวเขากลับได้รับบาดเจ็บเพราชายหนุ่มคนนี้!
หวงเสี่ยวหลงค่อยๆเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆโดยไม่สนใจความตกตะลึงบนใบหน้าของทั้งสอง จากนั้นเขาก็พูดออกไปด้วยเสียงเย็นชาว่า “เหมือนที่ข้าพูดก่อนหน้านี้ ข้าจะให้โอกาสเจ้าลงมือก่อน”
พอพวกเขาพยายามลุกขึ้นได้สำเร็จ พวกเขาก็รีบถอยหนีด้วยความตื่นตระหนก
“เจ้า เจ้าต้องการทำอะไรกัน?!”ชายที่มีแผลแปลเป็นบนใบหน้าก็ยับยั้งความหวัดกลัวในใจของตัวเองแล้วถามหวงเสี่ยวหลงออกมาเสียงดัง
“ข้าต้องการทำอะไรงั้นหรือ?”หวงเสี่ยวหลงก็เย้ยหยัน “ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการจับข้าแล้ว ‘ถาม’ข้าเรื่องเคล็ดวิชากรงเล็บเทพอสูรงั้นหรือ?”
พอจุดประสงค์ของพวกเขาถูกเปิดโปงอย่างชัดเจน พวกเขาก็ลุกลี้ลุกลนขึ้นมา ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นมองเห็นแผนการของพวกเขาทะลุปรุโปร่งตั้งแต่แรกแล้ว
ชายหน้าม้าก็บีบนรอยยิ้มออกมาอย่างเก้ๆกังๆ “สหาย พวกเรา พวกเรา…”
ก่อนที่พวกเขาจะได้พูดจบ ร่างเงาของหวงเสี่ยวหลงก็หายไป และในครู่ต่อมา เขาก็ปรากฏตรงหน้าพวกเขาพร้อมกับตั้งท่าโจมตีอีกรอบ แต่ชายทั้งสองก็ยกแขนขึ้นป้องกันแต่กลับช้าไป เพราะหมัดของหวงเสี่ยวหลงได้โจมตีใส่อกของพวกเขาแล้วซึ่งมันทำให้พวกเขาลอยออกไป
ร่างของพวกเขาทั้งสองได้พุ่งไปชนกำแพงบริเวณหน้าผาซึ่งได้ทำให้ก่อนหินตกลงมา จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็เดินเข้าไปหาทั้งสองคนอีกครั้งแล้วจึงไปยืนอยู่ด้านหน้าร่างทั้งสองที่กระจัดกระจาย
“สหาย พวกเราผิดไปแล้ว เรามีตาหามีแววไม่ ได้โปรด โปรดปล่อยเราไปเถอะ”ชายหน้าม้าก็ได้ร้องไห้ออกมาอย่างเวทนาด้วยน้ำเสียงสั่นไหว ไม่ว่าพวกเขาจะเชื่อหรือไม่ ความแข็งแกร่งของหวงเสี่ยวหลงนั้นไปไกลเกินกว่าที่เขาคาดเดาไว้และยังเกินกว่าที่ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะเทียบได้
“ปล่อยพวกเจ้า?”หวงเสี่ยวหลงก็ประหลาดใจ “ฆ่าจะไม่ข้า แต่มีข้อแม้”
ทั้งสองก็มองหวงเสี่ยวหลงอย่างมึนงงซึ่งพวกเขาไม่สามารถตอบสนองได้ทัน อย่างแรกพวกเขาคิดว่าพวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน และเป็นไปไม่ได้ที่หวงเสี่ยวหลงจะปล่อยพวกเขาไป แต่หวงเสี่ยวหลงกลับไม่ฆ่าพวกเขาจริงๆ?
“เจ้า…จะไม่ฆ่าพวกเรางั้นหรือ?”ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็ถามออกมาอย่างระมัดระวัง
“ใช่แล้ว”หวงเสี่ยวหลงก็ตอบออกมาแต่ก็ยังคงความไม่แยแส
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็ลังเลก่อนจะพูดออกมาว่า “เจ้าต้องการให้ข้าเป็นลูกน้องเจ้างั้นหรือ?”นอกจากเรื่องนี้ก็ไม่มีเรื่องอื่นที่หวงเสี่ยวหลงจะปล่อยให่ทั้งสองคนมีชีวิตอยู่ต่อ
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้าอย่างเมินเฉย ซึ่งทำให้ทั้งสองคนนั้นครุ่นคิดอยู่เงียบๆ จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็รอคอยอย่างอดทนโดยไม่รีบร้อนให้ทั้งสองคนตัดสินใจ
แผนการของเขาคือการยึดครองดินแดนแห่งความโกลาหลที่ละขั้น ซึ่งจริงแล้วเขาคิดว่าจะรับสองคนนี้เข้าร่วมเมื่อทั้งสองปรากฏตัวขึ้นเพื่อใช้ทั้งสองเป็นตัวช่วยในการยึดนิกายของสองคนนี้ และด้วยการใช้นิกายของทั้งสองเป็นฐานที่มั่น เขาก็จะแผ่อำนาจออกไปทั่วดินแดนแห่งความโกลาหล ถ้าหกสองคนนี้ไม่มีค่าหล่ะก็ พวกมันคงต่ายไปนานแล้ว
“ข้ายอมรับ” ครู่ต่อมาไม่นาน ชายหน้าม้าก็เป็นคนแรกที่พูด”ข้ายินดีเป็นลูกน้องท่าน”
จากนั้นชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็พูดคำพูดเดียวกันว่า เขาเต็มตใจจะเป็นลูกน้องหวงเสี่ยวลง
“ดี ตอนนี้ ปล่อยทะเลปราณของเจ้าออกมา ข้าจะประทับทะเลปราณของพวกเจ้าด้วยตราประทับจิตวิญญาณ”หวงเสี่ยวหลงก็พูดออกมาในขณะที่พยักหน้าไปด้วย
“ประทับตราจิตวิญญาณ!”ทั้งสองคนก็ตะโกนออกมาด้วยความตกตะลึงในขณะที่ใบหน้าของพวกเขานั้นขาวซีดลง
พอมองเห็นปฏิกิริยารุนแรงจากทั้งสอง หวงเสี่ยวก็เย้ยหยันอยู่ภายใน เขาจะไม่คาดเดาว่าเมื่อกี้ทั้งสองคิดอะไรอยู่ได้อย่างไร ตอนแรก ทั้งสองคนจะยอมรับเป็นลูกน้อง จากนั้นพอพวกเขาก้าวเข้านิกายพ่อมดนภาไป พวกเขาก็จะแจ้งนิกายให้เรียกรวมตัวทุกคนมาจับกุมเขา
“อะไรกัน? ไม่เต็มใจงั้นหรือ?”หวงเสี่ยวหลงก็ใช้สายตาแหลมคมมองไปที่ทั้งสอง