บทที่ 1320 ชีวิตที่สวยงาม
บทที่ 1320 ชีวิตที่สวยงาม
ครั้นกู้เสี่ยวหวานก้าวเข้าไปด้านใน นางรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างหญิงสาวที่เพิ่งแต่งงานและหญิงสาวทั่วไป ดังนั้นจึงจ้องมองอีกฝ่ายอย่างโจ่งแจ้งด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหมาย
ฟ่านหลิงกลายเป็นเจ้าสาวเต็มตัว การแต่งงานนี้ทำให้สถานะของนางเปลี่ยนไปทันที และเมื่อเห็นสายตาของกู้เสี่ยวหวาน นางจึงรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
เมื่อฉือโถวเห็นสายตาที่อยากรู้อยากเห็นของกู้เสี่ยวหวาน ใบหน้าของเขาก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ ครั้นเห็นท่าทางของพวกเขา ป้าจางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ “เสี่ยวหวาน เจ้าอย่าไปมองพวกเขาเลย ดูสิ พวกเขาอายจนแทบจะเอาหน้ามุดดินแล้ว”
กู้เสี่ยวหวานเพียงแค่มองเพราะอยากรู้อยากเห็น หลังจากได้ยินคำพูดของป้าจาง นางก็มีความสุขเช่นกันที่ทำให้เห็นฉือโถวและฟ่านหลิงเขินอายได้ นางรีบนั่งลงตรงตำแหน่งของตัวเอง มองฟ่านหลิงยกน้ำชาให้ป้าจางและลุงจาง
หลังจากนั้นเมื่อฟ่านหลิงหยุดลงหน้ากู้เสี่ยวหวาน กู้เสี่ยวหวานก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและพูดด้วยรอยยิ้มหวาน “สวัสดี ท่านพี่สะใภ้”
ฟ่านหลิงต้องการจะโค้งคำนับแก่กู้เสี่ยวหวาน หากแต่กู้เสี่ยวหวานก็รีบประคองนางไว้ท่ามกลางความประหลาดใจของฉือโถวและฟ่านหลิง จากนั้นกู้เสี่ยวหวานก็ทักทายฟ่านหลิงในฐานะพี่สะใภ้
“เสี่ยวหวาน…” ฉือโถวเบิกตากว้างและมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างตะลึงงัน
ฟ่านหลิงและฉือโถวมองหน้ากัน ดวงตาของทั้งคู่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ การกระทำของกู้เสี่ยวหวานนั้นจริงใจ และนางก็เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ ท่านเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวใหญ่ของเราจากนี้ไป ขอต้อนรับเข้าสู่สวนกู้”
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวของเรา
เป็นเจ้าของสวนกู้ ไม่ใช่ทาสของสวนกู้
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ นางก็ยกมือขึ้นปิดปากด้วยความประหลาดใจ กู้เสี่ยวหวานกำลังจะบอกว่าตนเองเป็นเจ้านายคนอีกคนของสวนกู้
ป้าจางและลุงจางก็รู้สึกตื้นตันใจเกินกว่าจะพูดออกมาได้
“เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ข้าเป็นเจ้าของสวนกู้ ท่านเองก็ถือว่าเป็นเจ้าของสวนกู้เช่นกัน และทุกคนที่นี่ต่างก็เป็นเจ้าของสวนกู้เช่นกัน” ที่นี่ไม่มีคนนอก ทุกคนล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน
แม้ว่าฟ่านหลิงจะเพิ่งแต่งงานเข้ามา แต่นางก็ยังขยันขันแข็ง หลังจากแต่งงานกับตระกูลจาง นางรีบทำงานทุกอย่างโดยไม่เกี่ยงงอน เดิมทีนางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกู้เสี่ยวหวานอยู่แล้ว ในช่วงเวลานี้ การได้พูดคุยกันตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเป็นจึงกลายเป็นเหมือนพี่สาวกับน้องสาว
ช่วงเวลาแต่ละวันผ่านไปอย่างราบรื่น หลังจากเสร็จสิ้นงานแต่งของฉือโถว ในวันต่อมา กู้เสี่ยวหวานก็เตรียมตัวเข้าเมืองหลวง
ในวันที่สงบสุขนี้ ไม่มีใครรู้ว่าวันข้างหน้าจะมีอะไรรอพวกเขาอยู่
การที่พวกเขาจะเดินทางไปเมืองหลวง ควรจะจัดการสิ่งต่าง ๆ ในร้านจิ่นฝูให้เรียบร้อยเสียก่อน เหลียงอวี้เฉิงสามารถดูแลร้านด้วยตนเองได้แล้ว ส่วนครัวด้านหลัง กู้เสี่ยวหวานไม่ได้กังวลเลยแม้แต่น้อย เพราะทักษะการทำอาหารของเกาจื่อและหลี่พ่างจื่อดีมาก
เรื่องใหญ่เพียงอย่างเดียวคือ เจ้าของร้านจิ่นฝูจะต้องถูกแทนที่ด้วยคนอื่น
กู้เสี่ยวหวานเองก็มีความคิดในใจแล้ว และหลังจากพูดคุยกับฉินเย่จือแล้ว ชายหนุ่มก็เห็นด้วยอย่างไม่มีข้อแม้
ไปเมืองหลวงครั้งนี้ก็เกรงว่าจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกนาน
“ฉือโถวเป็นคนขยัน อีกทั้งยังคุ้นเคยกับร้านจิ่นฝูเป็นอย่างดี การยกร้านแห่งนี้ให้เขาดูแลนับว่าเป็นความคิดที่ดี” ฉินเย่จือพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ท่านก็คิดว่าพี่ฉือโถวเหมาะสมเช่นกันใช่หรือไม่” กู้เสี่ยวหวานมีความสุขมากที่เห็นว่าฉินเย่จือมีความคิดแบบเดียวกับตนเอง ดังนั้นนางจึงดึงฉินเย่จือไว้และพูดด้วยสองสามคำ
“อืม ไปเมืองหลวงครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อไร หากฉือโถวเป็นผู้ดูแลร้าน เราคงวางใจได้”
“ข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน พี่ฉือโถวแต่งงานแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ชอบพูด แต่นิสัยของเขาก็มั่นคง ข้าจะไปคุยกับท่านป้ากับท่านลุงทีหลัง”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานไปคุยกับลุงจางและป้าจางเกี่ยวกับเรื่องนี้ ป้าจางก็รีบปฏิเสธทันที “เสี่ยวหวาน ฉือโถวสามารถทำงานบ้านได้ แต่ถ้าให้เขาเป็นเจ้าของร้านอาหารขนาดใหญ่เช่นนี้ ข้าเกรงว่าเขาจะทำไม่ได้ ทุกวันนี้กิจการของร้านจิ่นฝูดีมาก อย่าปล่อยให้ฉือโถวทำลายมันเลย”
แม้ว่าป้าจางจะมีความสุขมากที่กู้เสี่ยวหวานจะมอบภาระที่หนักอึ้งให้กับฉือโถว แต่นางก็กลัวว่าฉือโถวจะไม่สามารถแบกรับภาระนี้ได้จนทำให้กู้เสี่ยวหวานต้องผิดหวัง
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านป้า ร้านจิ่นฝูเดินมาถูกทางแล้ว ตำแหน่งคนทำบัญชีและพ่อครัวที่สำคัญสองตำแหน่งก็เป็นคนที่คุ้นเคยของข้า อีกอย่างพวกเขาก็มีความสามารถมาก หากเขาได้เรียนรู้ เขาก็ต้องทำได้แน่ ไม่มีใครทำอะไรเป็นมาตั้งแต่เกิดหรอก จริงหรือไม่?”
เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานยืนกรานที่จะให้ฉือโถวดูแลร้านจิ่นฝู ป้าจางก็ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากความซาบซึ้งใจ ถ้าฉือโถวมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นเจ้าของร้านจิ่นฝูจริง ๆ นั่นเป็นควันจากหลุมฝังศพของบรรพบุรุษของตระกูลจางจริง ๆ
“เสี่ยวหวาน ข้าขอบคุณเจ้ามาก หากไม่ใช่เพราะเจ้า เราคงยังอยู่ในหมู่บ้านนั้น เราจะมีชีวิตที่มีความสุขอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ได้อย่างไร” น้ำตาไหลอาบใบหน้าของป้าจาง
เมื่อเห็นว่านางกำลังร้องไห้ กู้เสี่ยวหวานจึงรีบเข้าไปปลอบนาง “ท่านป้า ท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไร? ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ชีวิตของข้าคงจะไม่ได้รุ่งเรืองอย่างทุกวันนี้ ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าจากตั้งแต่ข้ายังเด็ก ถ้าไม่ใช่เพราะท่านป้า ท่านลุง และพี่ฉือโถว เช่นนั้นพวกเราจะมีวันนี้ได้อย่างไร ท่านไม่ต้องคิดมาก ที่เรามีทุกวันนี้ได้เป็นเพราะพวกเราเอง”
ป้าจางรับฟังและพยักหน้า “ตกลง ตกลง ข้าจะไม่ค้านอะไรเจ้าอีกแล้ว ต่อจากนี้ไปเรามามีชีวิตที่ดีกันเถอะ มาทำให้ชีวิตนี้ดีขึ้นและเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น”
“ในอนาคต ชีวิตของเราจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เชื่อข้าสิ มันจะเป็นอย่างนั้นแน่นอน” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยอย่างหนักแน่น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต
ในขณะนี้ป้าจางนึกถึงอะไรบางอย่างได้จึงเอ่ยว่า “เสี่ยวหวาน เจ้าจะให้ฉือโถวเป็นเจ้าของร้านจิ่นฝู แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าไปเมืองหลวงเพื่อเข้าเฝ้า เจ้าจะไม่กลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ?”
ลุงจางที่นั่งเงียบมาตลอด ตอนนี้เขาจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “ใช่แล้ว เสี่ยวหวาน ครั้งนี้เจ้าจะไปอยู่ที่เมืองหลวงนานเลยหรือ”
กู้เสี่ยวหวานมีความคิดอยู่ในใจ ถ้านางไปที่เมืองหลวงครั้งนี้ นางยังมีหลายสิ่งที่ต้องทำ เมื่อนางมาถึงที่นี่ครั้งแรก นางมีแผนการนี้อยู่ในใจ ยิ่งไปไกลได้เท่าไรก็ยิ่งดี ไปเพื่อดูทุกสิ่งในยุคนี้
ตอนนี้ความปรารถนาของนางค่อย ๆ เป็นจริงทีละข้อ และในอนาคตนางก็ต้องการไปที่อื่น ๆ อีกตามความต้องการ
………………………………………………….
บทที่ 1321 ฉือโถวเป็นเจ้าของร้าน
บทที่ 1321 ฉือโถวเป็นเจ้าของร้าน
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “ข้าเกรงว่าการไปเมืองหลวงครั้งนี้คงจะใช้เวลาไม่น้อย”
ลุงจางและป้าจางชำเลืองมองกันและกัน สายตาของพวกเขาดูไม่ค่อยเต็มใจนัก “แล้วเจ้าเตรียมตัวจะไปเมื่อใด”
“เมื่อจัดการเรื่องทุกอย่างพร้อมก็จะออกเดินทางทันที” ตามที่กู้เสี่ยวหวานบอกว่าจัดการเรื่องทุกอย่างแล้วนางค่อยไป ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับลุงจางและป้าจาง
“ท่านลุง ท่านป้า ถ้าข้าไปที่เมืองหลวง ข้าฝากให้ท่านทั้งสองช่วยดูที่นาและสวนกู้ด้วย” มีที่ดินหลายสิบหมู่ ในอนาคตการเก็บค่าเช่า เรื่องการทำไร่ทำนา ทั้งหมดต้องได้รับการดูแลจากลุงและป้าจาง กู้เสี่ยวหวานกังวลมากว่าพวกเขาจะไม่สามารถจัดการกับสิ่งเหล่านี้ได้
ในอนาคต ฉือโถวจะยุ่งอยู่กับกิจการของจ้านจิ่นฝู เพราะตอนนี้ยังหาคนที่เหมาะสมกว่านี้ไม่ได้จริง ๆ
“เสี่ยวหวาน เจ้าไปอย่างสบายใจเถอะ เรื่องที่บ้าน ข้ากับลุงจางจะเป็นคนช่วยจัดการเอง อีกอย่างฉือโถวก็ยังอยู่ เจ้าไม่มีอะไรต้องกังวล” ป้างจางพูดเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับกู้เสี่ยวหวาน
“ใช่ เสี่ยวหวาน ไม่ต้องห่วง เจ้าวางใจเถอะ ที่บ้านยังมีพวกข้าอยู่ เจ้าไปอย่างสบายใจเถอะ” ลุงจางก็รีบพูด “ก็เหลือแค่ฉือโถวนั่นแหละ กลัวอย่างเดียวว่าจะไม่กล้าเป็นเจ้าของร้าน”
ฉือโถวไม่เคยเรียนรู้การจัดการหรือการเป็นผู้นำ แล้วร้านจิ่นฝูเป็นร้านอาหารขนาดใหญ่
ถ้าร้านจิ่นฝูเป็นร้านเล็ก ๆ ก็คงไม่เท่าไร แต่กุญแจสำคัญคือ ตอนนี้ในเมืองหลิวเจียมีร้านจิ่นฝูแห่งนี้เพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่เป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ เจ้าของร้านอาหารเล็ก ๆ จำนวนมากที่อยู่ข้างหลัง ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่เกลียดร้านจิ่นฝูและคอยแต่ภาวนาให้ร้านจิ่นฝูเกิดเรื่องไม่ดี
หากร้านอาหารนี้ถูกส่งมอบให้กับฉือโถว ฉือโถวที่ไม่เคยเข้าใจสิ่งเหล่านี้จะจัดการกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับร้านจิ่นฝูได้อย่างไร
ลุงจางและป้าจางเองก็กังวลมากเช่นกัน “ใช่ เสี่ยวหวาน ข้ากลัวว่าฉือโถวจะไม่เห็นด้วย ข้ากับลุงจางก็กังวลมากเช่นกัน ร้านจิ่นฝูกำลังเป็นไปได้ด้วยดีภายใต้การดูแลของเจ้า หากมันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นภายใต้การดูแลของฉือโถวล่ะ…”
พวกข้าจะกล้าสู้หน้ากู้เสี่ยวหวานได้อย่างไร
กู้เสี่ยวหวานเห็นความกังวลบนใบหน้าของคนทั้งสอง จึงรีบพูดว่า “ท่านลุงกับท่านป้าไม่ต้องกังวลไป ข้าจะไปหาพี่ฉือโถวเพื่อโน้มน้าวใจเขา นอกจากนี้การจัดการร้านอาหารก็ไม่ยาก พี่ฉือโถวเขาแค่ไม่กล้าพูด แต่เขาเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบ ตอนนี้ร้านจิ่นฝูมาถูกทางแล้ว ตราบเท่าที่มีการจัดการที่ดี มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีกอย่างร้านจิ่นฝูนั้นมีแต่คนที่มีอายุ พี่ฉือโถวเองก็เคยทำงานร้านอาหารมาก่อน ข้าเชื่อว่ามันจะราบรื่น”
อย่างไรก็ตาม เมื่อกู้เสี่ยวหวานไปพูดเรื่องที่จะให้เขาเป็นเจ้าของร้านจิ่นฝู ฉือโถวก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก “เสี่ยวหวาน ข้า…”
ใบหน้าของฉือโถวเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ “เสี่ยวหวาน ข้าคงรับไว้ไม่ได้หรอก ข้าคงทำไม่ได้ ข้า…”
ฉือโถวส่ายหัว น้ำเสียงของเขาสั่นเครือและปฏิเสธที่จะยอมรับเรื่องนี้
กู้เสี่ยวหวานรู้ดีถึงความกังวลของฉือโถว และเมื่อรู้ว่าเขาไม่เห็นด้วย นางจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ฉือโถว ถ้าท่านกังวลว่าจะไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ไม่เป็นไร มันไม่มีอะไรน่ากังวล เกาจื่อและหลี่พ่างจื่อจะช่วยท่านเอง ก่อนจากไปข้าจะพาท่านไปปรับตัวให้เข้ากับงานในร้านอาหาร ท่านไม่ต้องกังวลว่าจะไม่เก่งเลย”
“ข้ารู้แค่วิธีทำไร่ทำนา ข้าทำอย่างอื่นไม่ได้จริง ๆ” ฉือโถวรู้ว่าเขาไม่เข้าใจสิ่งต่าง ๆ ในร้านอาหาร ตอนนี้กิจการของร้านอาหารดีมาก และมีผู้คนมากมายเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงของร้านจิ่นฝู เขาทำไม่ได้และรู้สึกละอายใจกับร้านจิ่นฝู เขาจะอธิบายเรื่องนี้กับกู้เสี่ยวหวานอย่างไรดี
“พี่ฉือโถว ข้าต้องเดินทางไปยังเมืองหลวง ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะกลับมา แล้วใครจะดูแลร้านจิ่นฝูนี้ มันไม่ง่ายเลยที่จะสร้างร้านจิ่นฝูให้มาถึงวันนี้ได้ ท่านอยากเห็นร้านนี้ล้มไม่เป็นท่าหรือ”
ฉือโถวเป็นคนจิตใจอ่อนไหว เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานพูดเช่นนี้ เขาจะกล้าคัดค้านคำพูดของกู้เสี่ยวหวานได้อย่างไร จึงรีบพูดว่า “เอาล่ะ เช่นนั้นเจ้าก็พาข้าไปเรียนรู้สิ่งนี้ก่อน ถ้าข้าทำได้ข้าก็จะทำ แต่ถ้าข้าทำไม่ได้ ข้าก็จะไม่ขอรับไว้”
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ง่าย แต่ก็มีช่องว่างสำหรับการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับการปฏิเสธโดยที่ยังไม่ได้ลองลงมือทำ เมื่อเห็นว่าฉือโถวใจอ่อน กู้เสี่ยวหวานจึงรีบพยักหน้าเห็นด้วย “ได้ ๆๆ เช่นนั้นตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ท่านไปที่ร้านจิ่นฝูกับข้า”
หลังจากวันที่ตกลงกันแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็พาฉือโถวไปที่ร้านจิ่นฝูทุกวันเพื่อศึกษาทุกสิ่งภายในร้าน และเพื่อไม่ให้กู้เสี่ยวหวานผิดหวัง ฉือโถวก็เรียนรู้อย่างจริงจังเช่นกัน
แม้ว่าฉือโถวจะเรียนรู้ได้ช้ามาก แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อนที่เริ่มมากจากกระดาษเปล่าแผ่นหนึ่ง
กู้เสี่ยวหวานใส่ใจในการสอนมาก และฉือโถวก็ใส่ใจในการเรียนรู้มาก เขาเรียนทั้งที่ร้านจิ่นฝูและเรียนที่บ้านด้วย ฟ่านหลิง ลุงจาง และป้าจาง ทุกคนเห็นสิ่งนี้ในสายตาของพวกเขา และต่างก็มีความสุขกับมัน
ต่อมากู้เสี่ยวหวานพยายามให้ฉือโถวไปร้านจิ่นฝูเพื่อจัดการสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ฉือโถวสามารถจัดการเรื่องต่าง ๆ ด้วยตัวเองได้เมื่อต้องเผชิญกับเรื่องง่าย ๆ ซึ่งทำให้กู้เสี่ยวหวานรู้สึกโล่งใจมาก
“ดูเหมือนว่าวิสัยทัศน์ของข้าจะดีจริง ๆ พี่ฉือโถวเป็นเจ้าของร้านได้ดี” ฉือโถวระมัดระวังและกระตือรือร้นกับตำแหน่งผู้ดูแลร้านอาหารนี้มาก ยิ่งเวลาผ่านไป ข้อดีของเขาจะถูกเปิดเผยอย่างเต็มที่
“แล้วเจ้าจะไปเมืองหลวงเมื่อใด” ฉินเย่จือเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานมีความสุข จึงปรากฏรอยยิ้มเลศนัยบนใบหน้า
“เมื่อพี่ฉือโถวสามารถเริ่มต้นกับร้านจิ่นฝูได้ พวกเราก็จะออกเดินทางทันที คงใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือน” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างหนักแน่น
ครึ่งเดือน…
นั่นก็เพียงพอแล้วเช่นกัน
ฉินเย่จือคลี่ยิ้ม ดวงตาเรียวยาวคู่นั้นเปล่งประกายแวววับ
นิ้วเรียวยกถ้วยชาตรงหน้าขึ้นมาจิบ
รสชาติของชาหลันเสวี่ยนี้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
ดูเหมือนว่าในช่วงเวลานี้ทุกคนจะยุ่งกับงานมาก ฉินเย่จือออกไปก่อนเวลาและกลับดึกทุกวัน ไม่รู้ว่าเขายุ่งอยู่กับอะไร กู้เสี่ยวหวานเองก็อยู่กับการสอนงานฉือโถว ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีเวลาดูแลฉินเย่จือ
กู้ฟางสี่และกู้เสี่ยวอี้กำลังยุ่งอยู่กับการจัดสัมภาระเดินทาง ทุกคนในครอบครัวต่างยุ่งและมีงานของตัวเองที่ต้องทำกันหมด
วันนี้กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ไปร้านจิ่นฝูกับฉือโถว เนื่องจากนางกำลังเก็บของอยู่กับกู้ฟางสี่ที่บ้าน ฟ่านหลิงเองก็เข้ามาช่วยด้วยเช่นกัน แต่จู่ ๆ กู้หนิงผิงก็วิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก “ท่านพี่ มีบางอย่างเกิดขึ้นกับพี่ฉือโถว”
………………………………………………….