ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1322.1323 ฉือโถวกับฟ่านอวี้ถูกทำร้าย/ว่างเปล่า

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1322.1323 ฉือโถวกับฟ่านอวี้ถูกทำร้าย/ว่างเปล่า

บทที่ 1322 ฉือโถวกับฟ่านอวี้ถูกทำร้าย

กู้เสี่ยวหวานหยุดมือที่กำลังเก็บของ นางหันกลับไปมองก็พบกู้หนิงผิงวิ่งเหงื่อออกโซมกายเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

ของในมือของฟ่านหลิงร่วงหล่นด้วยความตกใจ และรีบถามขึ้นด้วยความตื่นตระหนกว่า “เกิดสิ่งใดขึ้นกับฉือโถว”

กู้ฟางสี่ก็มองไปที่กู้หนิงผิงด้วยความเป็นห่วง

กู้หนิงผิงวิ่งเข้ามาพร้อมกับอาการเหนื่อยหอบ “ท่านพี่ พี่สะใภ้ พี่ฉือโถวเขา… เขา…”

กว่าที่เขาจะพูดประโยคอย่างสมบูรณ์ออกมาได้นั้นใช้เวลานาน มันทำให้ฟ่านหลิงตื่นตระหนก พลางจับแขนของกู้หนิงผิงแน่นไม่ยอมปล่อย “หนิงผิง เกิดอะไรขึ้นกับฉือโถว เจ้าอย่าทำให้ข้าตกใจเลย”

หยาดน้ำตาหลั่งพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย

วันนี้กู้หนิงผิงไปร้านอาหารกับฉือโถว แต่แล้วมันก็เกิดเรื่องขึ้น

เมื่อเห็นว่าฟ่านหลิงกังวลเกี่ยวกับฉือโถวมาก กู้เสี่ยวหวานก็ยิ่งกังวลมากขึ้น และรู้สึกสะเทือนใจมาก แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะตีโพยตีพาย ดังนั้นนางจึงรีบเทน้ำหนึ่งแก้วแล้วยื่นให้กู้หนิงผิง “หนิงผิง ดื่มน้ำก่อน หายใจเข้าลึก ๆ แล้วอธิบายช้า ๆ”

“ใช่ ๆๆ เสี่ยวหลิง เจ้าใจเย็นก่อน อย่าเพิ่งร้อนใจไป พวกเราค่อย ๆ คุยกันเถอะ” กู้ฟางสี่รีบปลอบโยนฟ่านหลิงทันที

กู้หนิงผิงดื่มน้ำอึกใหญ่แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดว่า “ท่านพี่ พี่สะใภ้ ท่านอา ข้าและพี่ฉือโถวกำลังจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ในร้านอาหาร และจู่ ๆ เราก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างนอก ท่านพี่ฉือโถวเป็นคนใจดีจึงรีบออกไปดูทันที แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น พวกท่านรู้ไหมว่าคนที่ข้าเห็นข้างนอกคือฟ่านอวี้”

“ฟ่านอวี้? ฟ่านอวี้เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น” ฟ่านหลิงรู้สึกประหม่าขึ้นอีกครั้งหลังจากได้ยินสิ่งนี้

กู้หนิงผิงยังคงกล่าวต่อไปว่า “ท่านพี่ถูกชายฉกรรจ์สองคนทำร้ายที่ทางเข้าของร้านจิ่นฝู พี่ฉือโถวเห็นสองคนนั้นกำลังทุบตีฟ่านอวี้ จึงไปช่วยโดยไม่คิดถึงชีวิตของเขา แต่ใครจะรู้ว่าชายฉกรรจ์สองคนนั้นไม่คิดจะหยุด คนพวกนั้นหันกลับมาและรุมทำร้ายพี่ฉือโถวจนได้รับบาดเจ็บ พี่ฉือโถวไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ และผลที่ตามมาก็คือ…” กู้หนิงผิงรู้สึกเศร้าจนพูดไม่ออก

“ผลที่ตามมาเป็นอย่างไร” กู้เสี่ยวหวานได้ยิน คิ้วของนางขมวดเป็นปม

ทว่าฟานหลิงแย่ยิ่งกว่านั้น ทั้งสองคนเป็นชายที่นางรักมากที่สุด และเมื่อนางได้ยินว่าทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บ นางก็จับมือของกู้หนิงผิงอย่างประหม่า

“หนิงผิง เจ้ารีบบอกมาไว ๆ ข้ากังวลจนหัวใจจะวายตายแล้ว” หัวใจของกู้ฟางสี่เองก็รู้สึกหวาดหวั่นเช่นกัน

“พี่ฟ่านอวี้สบายดี อาการบาดเจ็บไม่สาหัส มีเจ้าหน้าที่จับชายที่ฉกรรจ์สองคนนั้นไป แต่คนเลวพวกนั้นยืนยันว่านพี่ฟ่านอวี้โกหก เจ้าหน้าที่ก็เลยพาพี่ฟ่านอวี้ไปด้วย แต่ว่าพี่ฉือโถวบาดเจ็บสาหัส เราส่งพี่ฉือโถวไปโรงหมอแล้ว ข้าถึงได้รีบกลับมาแจ้งพวกท่าน”

หลังจากกู้หนิงผิงพูดจบในลมหายใจเดียว ฟ่านหลิงไม่สามารถยืนทรงตัวได้ ร่างกายซวนเซเหมือนกำลังจะล้มลงไปข้างหลัง โชคดีที่กู้ฟางสี่อยู่ข้างหลังและรีบวิ่งไปประคองนางไว้

“ฉือโถวบาดเจ็บหนัก พาข้าไปหาเขาเดี๋ยวนี้ พาข้าไปหาเขาเร็ว ๆ” ฟ่านหลิงร้องไห้ราวกับทำนบแตก เอาแต่สะอึกสะอื้นและต้องการจะออกไปหาฉือโถวเดี๋ยวนี้

ฟ่านหลิงเป็นคนที่มีรูปร่างสูง นางรีบวิ่งออกไปอย่างสิ้นหวัง กู้เสี่ยวหวานรีบวิ่งไปข้างหน้ารั้งนางไว้ แต่กลับถูกฟ่านหลิงผลักจนเกือบล้มลง

เมื่อเห็นสิ่งนี้ กู้หนิงผิงและกู้ฟางสี่รีบจึงร้องอุทานออกมา

จากนั้นฟ่านหลิงก็รู้ตัวว่าตนเองเกือบผลักกู้เสี่ยวหวานล้มลง จึงรีบหันกลับไปมองกู้เสี่ยวหวานอีกครั้งและพูดอย่างเร่งรีบว่า “เสี่ยวหวาน ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ”

น้ำตาของนางร่วงหล่นเหมือนกับสร้อยลูกปัดที่ด้ายขาด

……

บทที่ 1323 ว่างเปล่า

“ไม่เป็นอะไรพี่สะใภ้ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง รีบไปหาท่านพี่ฉือโถวที่โรงหมอเถอะ” กู้เสี่ยวหวานเดินเข้าไป หวังว่าจะปลอบใจฟ่านหลิง หากแต่ก็ไม่ทันกาลเนื่องจากอีกฝ่ายร้อนใจและเร่งรีบ

นางเดินนำไปที่รถม้าโดยไม่รีรอ…

หลังจากที่ทุกคนขึ้นรถม้าเรียบร้อยแล้ว รถม้าก็มุ่งหน้าสู่เมืองหลิวเจียทันที และอาจั่วเองก็ขับรถม้าด้วยความเร็ว แม้ว่าจะใช้เวลาเพียงไม่นานในการไปถึงเมืองหลิวเจีย กู้เสี่ยวหวานก็ยังรู้สึกว่าเวลานั้นยาวนานมาก

เมื่อมาถึงโรงหมอก็เห็นฉือโถวใบหน้าซีดเซียวราวไร้สีเลือดนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง เสื้อผ้าสีเทาของเขาเปรอะเปื้อนเลือดสีแดง ครั้นเห็นสิ่งนี้ ฟ่านหลิงก็ร้องไห้โฮออกมา และทิ้งตัวลงบนเตียงข้างฉือโถว

เมื่อเห็นอาการของอีกฝ่าย กู้เสี่ยวหวานจึงรีบถามท่านหมอเกี่ยวกับอาการของฉือโถว

“ท่านหมอพาน ท่านพี่ของข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือไม่” เมื่อเห็นว่าฉือโถวยังไม่ยอมฟื้นขึ้นมา กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกเป็นกังวล

“เสี่ยวหวานไม่ต้องกังวล แม้ว่าดูจากภายนอกพี่ใหญ่ของเจ้าจะดูได้รับบาดเจ็บอย่างน่ากลัว แต่ก็เป็นเพียงบาดแผลตื้น ๆ เขาไม่ได้รับบาดเจ็บที่อวัยวะภายใน ไม่เป็นไร คืนนี้ให้เขาพักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้ก็น่าจะฟื้นแล้ว ไม่ต้องกังวล” หมอพานเป็นหมอที่เก่งคนหนึ่ง เขาบอกว่าพี่ฉือโถวไม่เป็นอะไร ดังนั้นฉือโถวก็ต้องไม่เป็นอะไร

“แล้วทำไมพี่ใหญ่ของข้าถึงยังไม่ฟื้น” กู้เสี่ยวหวานถามต่อไป

“ไม่ต้องกังวล เขาแค่มีเลือดออกมาเกินไปและเหนื่อยนิดหน่อย ให้เขาพักผ่อนไม่นานก็จะดีขึ้น” หมอพานรีบปลอบโยนหัวใจของกู้เสี่ยวหวาน “ข้าสั่งยาให้เขาแล้วและจะปรุงยาให้พี่ชายของเจ้าตรงเวลา ตอนกลับไปที่บ้านก็ให้เขาดื่มเพิ่มเพื่อบำรุงเลือดซึ่งจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ไม่ติดขัด”

เพื่อป้องกันไม่ให้กู้เสี่ยวหวานกังวล หมอพานจึงย้ำว่าทุกอย่างจะไม่มีปัญหา

คำพูดเหล่านี้ลอยเข้าหูกู้เสี่ยวหวาน มันเป็นยาครอบจักรวาล และด้วยคำพูดไม่กี่คำนี้ก็สามารถเกลี้ยกล่อมพี่สะใภ้ของนางได้

กู้เสี่ยวหวานรีบปรี่ไปประคองฟ่านหลิงให้ลุกขึ้นและเอ่ยปลอบโยน “พี่สะใภ้ ไม่ต้องกังวลไป ข้าถามท่านหมอแล้ว ท่านหมอบอกว่าพี่ฉือโถวได้รับบาดเจ็บแค่ภายนอกเท่านั้น ไม่มีอะไรร้ายแรง แต่ตอนนี้เขาเลือดออกมาเกินไป เพียงแค่ให้เขาพักผ่อนให้เพียงพอ พรุ่งนี้เขาจะตื่นขึ้นแน่นอน”

“จริงหรือ จะไม่เป็นไรจริง ๆ หรือ?” ฟ่านหลิงรีบจับมือกู้เสี่ยวหวานแน่น และถามอีกครั้งด้วยความไม่เชื่อ “หมอบอกว่าจะไม่เป็นไรจริง ๆ หรือ?”

“ท่านหมอพานเป็นหมอที่ข้าเคารพนับถือ ข้าว่าท่านอย่าเศร้าไปเลย เช็ดน้ำตาเสีย ถ้าพี่ฉือโถวตื่นขึ้นมาเห็นท่านตาบวม พี่ฉือโถวจะปวดใจเอาได้”

ฟ่านหลิงพยักหน้าและตอบรับ หากแต่สีหน้าของนางก็ยังไม่ดีขึ้นนัก แต่ดีแล้วที่ฉือโถวปลอดภัย

“แต่ยังมีคนถูกขังอยู่ในห้องขัง”

กู้เสี่ยวหวานสามารถเดาได้ทันทีว่าฟ่านหลิงหมายถึงอะไร นางรีบยืนขึ้นและพูดว่า “พี่สะใภ้ ท่านอา พวกท่านอยู่ดูแลพี่ฉือโถวที่นี่ไปก่อน ข้าจะไปที่ศาลาว่าการ แล้วจะรับกลับมา”

เมื่อครั้งที่แล้วลวี่เทาถูกจับกุม ไม่มีใครรับผิดชอบศาลาว่าการ ตอนนี้ผู้รับผิดชอบคือผู้ติดตามเซี่ยง ผู้ซึ่งเคยสร้างความคิดที่มืดบอดทุกรูปแบบที่อยู่เบื้องหลังลวี่เทา

เมื่อกู้เสี่ยวหวานเดินนำอาจั่วไปที่ศาลาว่าการ ก็พบว่าประตูของศาลาว่าการถูกปิดอย่างแน่นหนา ก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าที่สองคนเฝ้าประตู แต่ตอนนี้ที่ตำแหน่งเจ้าเมือยังไม่มีคนเข้ารับตำแหน่ง ไม่มีแม้แต่พิธีการใด ๆ

อาจั่วก้าวขึ้นไปเคาะประตู เคาะอยู่นานแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ การเคลื่อนไหวภายในเงียบสนิทราวกับไม่ผู้คนอยู่ข้างใน

อาจั่วทุบประตูเสียงดัง หากแต่ก็ยังไม่มีใครออกมา นางมองไปที่กู้เสี่ยวหวานราวกับขอความช่วยเหลือ

หญิงสาวมองไปที่กู้เสี่ยวหวานพร้อมกับยกนิ้วชี้ขึ้นปิดริมฝีปาก แสดงท่าทางบอกให้กู้เสี่ยวหวานเงียบเสียงลง

กู้เสี่ยวหวานเข้าใจแล้วว่าอาจั่วหมายถึงอะไร ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย อาจั่วก้าวเท้าอย่างรวดเร็ว และกระโดดขึ้นไปบนกำแพงของศาลาว่าการ จากนั้นกู้เสี่ยวหวานก็ได้ยินเสียงกลอนประตูคลายออก และประตูก็ถูกเปิดออก

อาจั่วอยู่ข้างใน…

กู้เสี่ยวหวานเข้าไปข้างในและเดินไปทางด้านหลังด้วยความคุ้นเคย ในระหว่างทางเดินนี้ นางไม่พบเจอผู้ใดเลย เจ้าหน้าที่ที่เคยอยู่เฝ้าศาลาว่าการนี้ก็เหมือนจะหายไปในอากาศ

ข้างในนี้ว่างเปล่า…

ทั้งสองค้นหาอยู่เป็นเวลานาน แต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของคน

มันทำให้กู้เสี่ยวหวานรู้สึกสงสัย

“คุณหนู ไม่มีใครอยู่ที่นี่เลย” จู่ ๆ อาจั่วก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคา มองไปรอบ ๆ แต่ก็ยังไม่เห็นใครสักคนเดียว นางจึงหันกลับมารายงานกู้เสี่ยวหวาน

กู้เสี่ยวหวานเองก็เดาได้ว่าในนี้ไม่มีคนอยู่เลยแม้แต่คนเดียว

ลวี่เทาถูกจับและถูกนำตัวไปที่เมืองหลวง แล้วผู้ติดตามที่ไร้ยางอายกับเจ้าหน้าที่เหล่านั้นล่ะ? คนเหล่านั้นมักจะต้องรอจนกว่าเจ้าเมืองคนใหม่มารับตำแหน่ง จึงจะตัดสินใจว่าจะไปหรืออยู่

ศาลาว่าการเพียงแห่งเดียวในเมืองหลิวเจีย เป็นสถานที่ร้องทุกข์เพื่อประชาชนและปกป้องประชาชน บัดนี้ได้กลายเป็นสถานที่ว่างเปล่า

กู้เสี่ยวหวานหัวเราะเยาะ เจ้าหน้าที่ก็ไม่มีใครอยู่แล้ว แล้วใครกันที่พาฟ่านอวี้ไป?

“พวกเขาพาตัวฟ่านอวี้ไป แต่ไม่ได้พาตัวมาที่ศาลาว่าการ แล้วเจ้าหน้าที่ที่เคยอยู่ที่นี่ พวกเขาไปไหนกันหมด?”

ทั้งสองมาถึงห้องที่คุมขังนักโทษ ซึ่งโดยปกติแล้วมันจะเป็นสถานที่คุมขัง แต่ตอนนี้ภายนอกนั้นมีเพียงชายชราเฝ้าอยู่ข้างนอกเท่านั้น ถามอะไรไปก็เหมือนจะไม่ได้ความ

เมื่ออาจั่วกลับมาก็ทวนคำตอบของผู้คุมเก่าอีกครั้ง “คุณหนู เขาบอกว่าเช้านี้ไม่มีใครพานักโทษมา และเขายังบอกด้วยว่าเขาไม่เห็นเจ้าหน้าที่มาหลายวันแล้ว”

“หายไปไหนกันหมด? คนเหล่านี้มีเงินเดือน แต่พวกเขากลับพากันหายตัวไปกันหมด” กู้เสี่ยวหวานเย้ยหยัน

“ใช่ เจ้าเมืองคนใหม่ยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่ง แต่คนเหล่านี้ล้วนละเลยหน้าที่ของตน มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายจริง ๆ” อาจั่วกล่าว

กู้เสี่ยวหวานส่ายหัว “ข้าเกรงว่าคนเหล่านี้กำลังรวมตัวกัน”

“คุณหนู….” อาจั่วมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างไม่เข้าใจ

“เมืองหลิวเจียแห่งนี้ไม่เล็กไม่ใหญ่ หลายคนเคยเห็นเจ้าหน้าที่ไปที่ประตูร้านจิ่นฝูเพื่อจับกุมผู้คน ซึ่งหมายความว่าเจ้าหน้าที่สองคนต้องมีตัวตนจริง แต่พวกเขากลับไม่ได้พาตัวไปสอบสวน เขาไม่ได้อยู่ในศาลาว่าการ และเจ้าหน้าที่ในศาลาว่าการก็พากันหายตัวไป เรื่องนี้อธิบายปัญหาเดียวได้”

“ปัญหาอะไรหรือ” อารมณ์ของอาจั่วตึงเครียด

“คนเหล่านี้ต้องการรู้บางอย่างจากฟ่านอวี้ หรือไม่ก็ต้องการให้ฟ่านอวี้พูดอะไรบางอย่าง” กู้เสี่ยวหวานเย้ยหยัน

………………………………………………….

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท