บทที่ 1326 ความคิดของหงซื่อ
บทที่ 1326 ความคิดของหงซื่อ
หากตอนนี้ตนเองถูกพันธนาการไว้ในห้องนี้ หากขุนนางและเจ้าหน้าที่ในศาลาว่าการรู้ว่าตนเองกำลังนอนอยู่ในห้องเจ้าเมือง และถ้าคนเหล่านั้นเห็นเข้าแล้วเอาไปบอกเจ้าเมืองคนใหม่ล่ะ
ผู้ติดตามเซี่ยงไม่กล้าแม้แต่จะคิดเปรียบเทียบระหว่างอนาคตกับเงินว่าอะไรสำคัญกว่ากัน เขาทำงานนี้มาหลายปี แค่ใช้ปลายเท้าคิดก็รู้ว่าอันไหนมีความสำคัญมากกว่า
ผู้ติดตามเซี่ยงยอมบอกทุกอย่าง และแน่นอนว่ากู้เสี่ยวหวานคาดเดาถูกต้อง คนเหล่านั้นกำลังพุ่งเป้ามาที่นางจริง ๆ
“เสี้ยนจู่ หงซื่อมอบเงินสองสามร้อยตำลึงเงินให้ข้า โดยบอกว่านางต้องการจะจับคนผู้หนึ่ง จากนั้นเมื่อนางมีเขาอยู่ในกำมือ นางจะสามารถควบคุมท่านได้” ผู้ติดตามเซี่ยงอยากร้องไห้ หากแต่ก็ไม่มีน้ำตา เงินหลายร้อยตำลึงอยู่ในกำมือของตน แต่สุดท้ายก็ถูกค้นพบก่อนจะได้ใช้มัน
“หงซื่อ…” กู้เสี่ยวหวานถามกลับด้วยความสงสัย “อนุภรรยาของจ้าวสวิ่นหรือ?”
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ยินเรื่องของนางหรือเจอนางมานานแล้ว ไม่คาดคิดว่านางจะปรากฏตัวอีกครั้งหลังจากผ่านไปหลายปี กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าเรื่องนี้นั้นแปลกประหลาด หงซื่อต้องการจะทำอะไรกันแน่?
“ใช่ใ ๆๆ นางคืออนุภรรยาของใต้เท้าจ้าว” ผู้ติดตามเซี่ยงรีบพูด “นางมาพบข้าและบอกว่าต้องการจะร่วมมือกับข้า”
“ร่วมมือกับท่านหรือ ดูเหมือนว่าหงซื่อใช้ประโยชน์จากการที่พี่เย่จือกลั่นแกล้งท่านเป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อมาข่มขู่ข้า จะได้ฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียว”
จากนั้นหงซื่อก็จะสามารถควบคุมกู้เสี่ยวหวานได้ และผู้ติดตามเซี่ยงก็สามารถควบคุมฉินเย่จือได้ มันเป็นกลยุทธ์ที่ดีจริง ๆ แต่ตัวเองไม่คุ้นเคยกับฟ่านอวี้ แม้ว่าจะเป็นญาติกัน แต่ก็เพิ่งเป็นได้แค่ไม่กี่วัน เขาจะรู้เรื่องของข้าได้มากแค่ไหน?
ทันใดนั้น กู้เสี่ยวหวานดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ในใจ จากนั้นชี้ไปที่ผู้ติดตามเซี่ยงและถามอย่างกระตือรือร้น “ตอนนี้ฟ่านอวี้อยู่ที่ไหน หงซื่อจับเขาไปไว้ที่ไหน”
“ไม่รู้สิ นางยืมคนจากข้าไปสองคน นางบอกว่านางต้องการใช้งานพวกเขาและจะคืนให้ข้าหลังจากใช้เสร็จงานแล้ว ส่วนเรื่องที่เหลือข้าไม่รู้เลย” ผู้ติดตามเซี่ยงไม่รู้จริง ๆ เพราะเขาได้เงินหลายร้อยตำลึงเงิน เขาจึงมีความสุขมาก และพาเจ้าหน้าที่ในศาลาว่าการออกไปกินดื่มข้างนอก
เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าหงซื่อพาฟ่านอวี้ไปไว้ที่ไหน
กู้เสี่ยวหวานกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับฟ่านอวี้ นางจึงชี้ไปที่ผู้ติดตามเซี่ยงและพูดว่า “อาโม่ จับตาดูเขาให้ดี”
ฉินเย่จือก็สามารถเดาออกได้เช่นกัน และออกไปข้างนอกพร้อมกับกู้เสี่ยวหวาน
“พี่เย่จือ ถ้าข้าจำไม่ผิด เกรงว่าหงซื่อจะขังฟ่านอวี้ไว้และนางต้องการเอาชนะด้วยกลอุบายชั่วร้าย” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างกระตือรือร้น
ฟ่านหลิงเพิ่งแต่งงานกับฉือโถวได้ไม่กี่วัน ดังนั้นฟ่านอวี้จึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวนางเลย แต่หงซื่อบอกว่าถ้านางต้องการควบคุมตัวเอง จะต้องทำให้ฟ่านอวี้มาอยู่ในมือของนาง
ถ้าฟ่านอวี้ทนไม่ได้ เขาจะพูดอะไรที่น่าอายออกมา
กู้เสี่ยวหวานไม่กลัวสิ่งที่ฟ่านอวี้จะพูด แต่…
หากฟ่านอวี้ทนไม่ได้และใส่ร้ายตัวเอง คนที่ทนไม่ได้ที่สุดก็จะไม่ใช่ตัวนาง แต่เป็นฟ่านหลิง
กู้เสี่ยวหวานไม่เต็มใจที่จะเดิมพันการแต่งงานระหว่างพี่ฉือโถวและฟ่านหลิง ตอนนี้นางต้องการพบฟ่านอวี้ให้เร็วที่สุดก่อนที่หงซื่อจะทรมานฟ่านอวี้
“หวานเอ๋อร์ อย่ารีบร้อน ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลอะไรเกี่ยวกับหงซื่อ กลับไปรอก่อน อาโม่จะสังเกตการณ์ต่อไป”
ทั้งสองกลับไปที่สวนกู้ และเมื่อพวกเขาผ่านห้องของฟ่านหลิง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้ยินเสียงดังเล็กน้อยข้างในราวกับว่าฟ่านหลิงกำลังลุกขึ้นและทำอะไรบางอย่าง
หลังจากเข้ากันได้ดีในช่วงเวลานี้ ครอบครัวของลุงจางปฏิบัติต่อฟ่านหลิงเหมือนลูกสาวของพวกเขาเอง และกู้เสี่ยวหวานก็มีความสุขมากกับทัศนคติของฉือโถวที่มีต่อฟ่านหลิง
วันที่มีความสุขเช่นนี้คือสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานฝันถึง และไม่อยากจะทำร้ายมัน
เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ดึกมากแล้ว กู้เสี่ยวหวานกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของฟ่านอวี้ และยังคงนอนไม่หลับ ฉินเย่จือจึงอยู่เคียงข้างนาง
“หวานเอ๋อร์ เจ้ากังวลว่าสิ่งที่ฟ่านอวี้พูดจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างฟ่านหลิงและฉือโถวใช่ไหม” ฉินเย่จือและกู้เสี่ยวหวานนั่งลงบนเตียง และพูดคุยกันอย่างเงียบ ๆ
กู้เสี่ยวหวานโอบแขนกอดเอวของฉินเย่จือ ศีรษะของนางซบอยู่ในอ้อมแขนของเขา “ข้ารู้สึกกังวลเล็กน้อย”
ฟ่านอวี้ไม่ได้อาศัยอยู่ในสวนกู้ และไม่เคยติดต่อกับกู้เสี่ยวหวาน ถ้าเขาพูดอะไรจริง ๆ คนอื่นจะคิดว่าฟ่านหลิงบอกฟ่านอวี้ทุกอย่างเกี่ยวกับกู้เสี่ยวหวาน และนั่นเป็นสาเหตุที่ฟ่านอวี้รู้เรื่องมากมาย คนอื่นก็จะคิดว่าฟ่านหลิงเป็นคนขี้นินทา
อาจพูดได้ว่านางไม่สนใจครอบครัวของสามี นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับฟ่านหลิง ในเวลานั้น สิ่งที่ฟ่านอวี้พูดไม่เพียงแต่จะใส่ร้ายกู้เสี่ยวหวานเท่านั้น แต่ยังใส่ร้ายฟ่านหลิงอีกด้วย เรื่องนี้อาจจะทำให้ความรักและความสัมพันธ์ระหว่างฟ่านหลิงกับฉือโถวในช่วงเวลานี้พังทลายลง และสร้างขวากหนามในหัวใจของทั้งสอง
เห็นได้ชัดว่าจิตใจที่ชั่วร้ายของหงซื่อไม่ต้องการให้ทุกคนในสวนกู้มีช่วงเวลาที่ดี
แต่ถ้าฟ่านอวี้ไม่พูดอะไร หงซื่อก็จะมีวิธีจับกู้เสี่ยวหวานเช่นกัน
เขาอยู่ในมือของนาง ชีวิตและความตายของเขาก็อยู่ในมือของนาง เมื่อถึงเวลา หากควบคุมฟ่านอวี้ได้ก็จะสามารถควบคุมฟ่านหลิงได้
จากนั้นก็จะสามารถควบคุมกู้เสี่ยวหวานได้โดยธรรมชาติ
กู้เสี่ยวหวานซบศีรษะของนางไว้ในอ้อมแขนของฉินเย่จือ และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “พี่เย่จือ ท่านคิดว่าฟ่านอวี้จะฟังคำพูดของหงซื่อหรือไม่”
ฉินเย่จือไม่คุ้นเคยกับฟ่านอวี้ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว เขาไม่สามารถคาดเดาได้เลย
แต่ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอย่างไร มันก็ไม่มีผลกับกู้เสี่ยวหวาน แต่มันมีผลกับฟ่านหลิง และสามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตของฟ่านหลิงและฉือโถวได้
ฉินเย่จือไม่พูดอะไรและบรรยากาศในห้องก็เงียบลง
กู้เสี่ยวหวานเป็นกังวลในใจ นางพิงแขนของฉินเย่จือ อ้อมกอดอันอบอุ่นและลมหายใจที่คุ้นเคยทำให้จิตใจของนางสงบลงทันที และภายในเวลาสั้น ๆ ก็มีเสียงกรนดังขึ้น
เมื่ออาโม่กลับมาก็เป็นเวลาเช้าของวันรุ่งขึ้น
บทที่ 1327 มาบ้านจ้าวเพื่อถกปัญหา
บทที่ 1327 มาบ้านจ้าวเพื่อถกปัญหา
“คุณหนู เมื่อคืนข้าเฝ้าอยู่ที่บ้านของหงซื่อทั้งคืน ฟ่านอวี้ไม่ได้อยู่ที่บ้านของหงซื่อ แต่ข้าได้ค้นพบเรื่องแปลกประหลาดเรื่องหนึ่ง กู้ซินเถาและซุนซื่ออยู่ที่บ้านของหงซื่อ” อาจั่วเข้าไปในห้องของกู้เสี่ยวหวาน เห็นกู้เสี่ยวหวานกำลังอยู่ในอ้อมแขนของฉินเย่จือ ความสัมพันธ์ของทั้งสองดูใกล้ชิดกันมาก
อาจั่วคุ้นเคยกับมันแล้ว นางจึงก้มศีรษะลงเล็กน้อย
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานหน้าแดงและรีบผละออกจากอ้อมกอดของฉินเย่จือ โชคดีที่เสื้อผ้าบนร่างกายของนางมีรอยย่นเพียงเล็กน้อย กู้เสี่ยวหวานลุกขึ้นและไปยืนอยู่ข้างหน้าอาจั่ว
ใบหน้าของฉินเย่จือสงบลง และลุกยืนขึ้นข้างกู้เสี่ยวหวาน
เมื่ออาจั่วพูดถึงเรื่องที่บ้านของหงซื่อ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกแปลก ๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น “ซุนซื่อกับลูกอยู่ที่บ้านของหงซื่อหรือ”
“ข้าเห็นพวกนางสองคนแม่ลูก” อาจั่วตอบอย่างมั่นใจ
แปลกจริง ๆ กู้ซินเถาเผชิญหน้ากับหงซื่อและคนอื่น ๆ อีกครั้งได้อย่างไร
“พี่เย่จือ ท่านคิดอย่างไร” กู้เสี่ยวหวานหันศีรษะของนางไปถามฉินเย่จือ
ฉินเย่จือแตะคางของเขาและพูดด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้มันชักจะน่าสนุกขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสิ”
แต่ช่างมันเถอะ ก่อนที่จะไปเมืองหลวง ลงไปเล่นสนุกกับพวกเขาเสียหน่อยแล้วกัน ไม่ใช่ว่าพวกนางวางแผนทำร้ายกู้เสี่ยวหวานหรือ? ให้พวกนางรู้ว่าหากพวกนางกล้าที่จะล้อเล่นกับความรู้สึกของหวานเอ๋อร์ ก็อย่าโทษว่าเขานั้นโหดร้ายเพียงใด
เมื่อตอนที่กู้เสี่ยวหวานได้พบจ้าวสวิ่น จ้าวสวิ่นอยู่ที่จวนตระกูลจ้าว
คนรับใช้ที่เปิดประตูเห็นกู้เสี่ยวหวานกำลังมา เขาเชิญกู้เสี่ยวหวานเข้ามาและต้อนรับด้วยความยินดี ส่วนอีกคนหนึ่งวิ่งไปบอกฮูหยินจ้าว
ฮูหยินจ้าวและจ้าวสวิ่นกำลังรับประทานอาหารเช้า เมื่อพวกเขาได้ยินคนมารายงานว่ากู้เสี่ยวหวานมาเยือน ใบหน้าของจ้าวสวิ่นและภรรยาของเขาแสดงท่าทีประหลาดใจ “เสี้ยนจู่มาได้อย่างไร”
“เจ้าถามข้าหรือ ถ้าข้าย้อนถามเจ้า เจ้าจะรู้หรือไม่” จ้าวสวิ่นเองก็งงงวยเช่นกัน
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ช่วงนี้ข้าเองก็ไม่ได้ติดต่อกับเสี้ยนจู่” ฮูหยินจ้าวกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“ข้าบอกให้เจ้าแวะเวียนไปหาเสี้ยนจู่มากขึ้น มันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับอนาคตของชงเอ๋อร์ มันมีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสีย” จ้าวสวิ่นพูดด้วยความโกรธเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินคำพูดของฮูหยินจ้าว
ฮูหยินจ้าวบ่นพึมพำ “ท่านคิดว่าข้าไม่ต้องการคบหากับนางหรือ ใช่ว่าท่านจะไม่รู้นิสัยของเสี้ยนจู่ ข้าอยากไปมาหาสู่กับนางตลอดเวลา แต่นางเองไม่ได้อยากทำเช่นนั้น ดีแค่ไหนแล้วที่นางไม่เกลียดชงเอ๋อร์ของเรา ถ้าข้าทำให้นางรำคาญโดยไม่ได้ตั้งใจ และทำให้นางรู้สึกไม่ดีต่อครอบครัวของเรา สิ่งที่สูญเสียไปคงจะมีมากกว่าประโยชน์ที่ได้รับ สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ดีเท่ากับ
ตอนนี้”
ฮูหยินจ้าวเป็นคนฉลาด
ทุกวันนี้กู้เสี่ยวหวานเป็นบุคคลที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดในเมืองหลิวเจีย และนางก็เป็นคนใจอ่อน แม้ว่านางจะเป็นผู้หญิง แต่นางก็มีจิตวิญญาณที่โดดเด่นกว่าผู้ชาย
ในอดีตฮูหยินจ้าวต้องการให้กู้เสี่ยวหวานเป็นลูกสะใภ้ของนาง แต่ต่อมาหลังจากประจันหน้ากับกู้เสี่ยวหวาน นางก็ล้มเลิกความคิดนี้เช่นกัน
แม่นางที่ทรงพลังเช่นนี้ แม้ว่าจะมีฮูหยินจ้าวสักสิบคน แต่ก็คงสู้กับกู้เสี่ยวหวานไม่ได้ นับประสาอะไรกับชงเอ๋อผู้อัปลักษณ์ที่นางเลี้ยงมากับมือ
ไม่ใช่เพราะจะถูกกู้เสี่ยวหวานควบคุมหรอกหรือ?
คิดไปก็เท่านั้น ลืม ๆ มันไปเสียเถอะ!
ตั้งแต่นั้นมา ฮูหยินจ้าวก็ไม่เคยคิดว่าจะเอากู้เสี่ยวหวานเป็นลูกสะใภ้ของตนอีก และความสัมพันธ์กับกู้เสี่ยวหวานก็ห่างเหินไปทีละน้อย ถือได้ว่าเป็นความโชคดีในโชคร้าย ไม่ประจบประแจงและไม่เข้าหามากเกินไป ความสัมพันธ์ระหว่างฮูหยินจ้าว ชงเอ๋อร์ และกู้เสี่ยวหวานถือว่าค่อนข้างดี
แม้ว่าเราจะเป็นสหายที่ดีต่อกันไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ศัตรูเช่นกัน
จ้าวสวิ่นได้ฟังความคิดของฮูหยินจ้าวมามากกว่าหนึ่งครั้ง
ในอดีตเขาดูถูกฮูหยินจ้าวมาโดยตลอด โดยคิดว่าหญิงผู้นี้ค่อนข้างใจร้าย แต่ต่อมาเขาก็ค้นพบอย่างช้า ๆ ว่าภรรยาของเขามีสมองมากกว่าหงซื่อ หากมีเรื่องอะไร นางก็สามารถให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะได้ ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าแนวคิดของนางไม่เลว
ถึงมันจะช้าไปสักหน่อย แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่จ้าวสวิ่นมีความคิดที่ชื่นชมฮูหยินจ้าวด้วยความจริงใจเป็นครั้งแรก
“ฮูหยิน เจ้าพูดถูก ชงเอ๋อร์แต่งงานกับนางไม่ได้เพราะเขาเองก็คงเทียบไม่ได้กับความสามารถของนาง เป็นการดีกว่าที่จะอยู่ห่างจากกันเพื่อที่นางจะได้ไม่เกลียดและไม่มีความรู้สึกแย่ ๆ ต่อกัน เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน ฮูหยินช่างฉลาดเสียจริง” จ้าวสวิ่นพยักหน้าและชื่นชมว่าความคิดของฮูหยินจ้าวนั้นดี
สีหน้าของฮูหยินจ้าวเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและรีบพูดว่า “ข้าฉลาดแค่ไหน? ทั้งหมดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ท่านเคยสอนหรอกหรือ? ข้าถึงเรียนรู้มันได้”
แน่นอนว่าทันทีที่นางพูดจบ จ้าวสวิ่นก็พอใจกับตัวเองมาก สายตาที่เขามองนางอ่อนโยนมากขึ้นเรื่อย ๆ ฮูหยินจ้าวลอบหัวเราะ โดยคิดว่าชีวิตที่ยากลำบากในอดีตนั้นเกิดจากตัวนางเองจริง ๆ
เห็นได้ชัดว่าจ้าวสวิ่นนั้นเหมือนเด็ก นางเกลี้ยกล่อมเยินยอเขาสองสามครั้ง เขาก็มีความสุขมากแล้ว พวกเขาสองคนดูพึงพอใจมาก และเมื่อพวกเขาเตรียมตัวพร้อมแล้วก็ไปที่ห้องโถง เสี้ยนจู่มาหาพวกเขาถึงที่นี่ย่อมไม่ใช่เรื่องปกติ
เมื่อสามีภรรยามาถึงห้องโถง พวกเขาเห็นกู้เสี่ยวหวานยืนอยู่กลางห้องโถงด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
“ไม่รู้ว่าเสี้ยนจู่จะมาถึงที่นี่ ข้าขออภัยด้วยที่ไม่ได้เตรียมการต้อนรับ ข้าหวังว่าเสี้ยนจู่จะไม่ตำหนิ” จ้าวสวิ่นกล่าวด้วยความเคารพต่อกู้เสี่ยวหวาน และใบหน้านั้นก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อเขาเห็นกู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานเป็นบุคคลที่มีสถานะสูงสุดในเมืองหลิวเจีย แน่นอนว่านางสามารถรับคำเคารพของจ้าวสวิ่นได้ แต่จ้าวสวิ่นผู้นี้ก็เป็นผู้อาวุโส กู้เสี่ยวหวานจึงกล่าวคำทักทายอย่างสุภาพกลับไปเช่นเดียวกัน “นายท่านจ้าวสุภาพเกินไปแล้ว เสี่ยวหวานมาที่นี่โดยไม่ได้รับเชิญ ข้าหวังว่านายท่านจ้าวแลฮูหยินจ้าวจะไม่ตำหนิเสี่ยวหวาน”
“เสี้ยนจู่ช่างสุภาพจริง ๆ อันที่จริงเราไม่มีคุณสมบัติที่จะพบท่านเสี้ยนจู่ วันนี้ท่านเสี้ยนจู่อยู่ที่นี่ ตระกูลจ้าวจึงเต็มไปด้วยความเป็นมงคล” ฮูหยินจ้าวยิ้มและเดินไปข้างหน้าเพื่อจับมือกู้เสี่ยวหวานและยิ้มอย่างอบอุ่น
กู้เสี่ยวหวานไม่สามารถพูดได้ว่านางไม่ชอบฮูหยินจ้าว ทว่าตอนนี้นางกับฮูหยินนี้ก็เข้ากันได้ดี เรียกได้ว่านางมีความเคารพ ให้เกียรติ และสุภาพมาก
ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวจื่อชงที่ถูกคนอื่นบอกว่าเขาเป็นคนเสเพล แต่เขาไม่เคยเป็นเช่นนั้นต่อหน้ากู้เสี่ยวหวาน ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงไม่ได้เกลียดครอบครัวนี้
“นายท่านจ้าวและฮูหยินจ้าวต่างก็เป็นคนตรงไปตรงมาเช่นกัน วันนี้ข้าต้องรบกวนท่านทั้งสองจริง ๆ เพราะเสี่ยวหวานต้องการความช่วยเหลือ” หลังจากที่ทุกคนนั่งลง กู้เสี่ยวหวานก็พูดอย่างตรงไปตรงมา
ทันทีที่พูดจบ สีหน้าของจ้าวสวิ่นก็เปลี่ยนไป “เสี้ยนจู่ผู้มีแต่ความสันติต้องการความช่วยเหลือจากข้าหรือ? เสี้ยนจู่ได้โปรดบอกข้ามาเถิด ถ้าข้าช่วยท่านได้ ข้าจะบุกน้ำลุยไฟอย่างเต็มที่ ข้าจะไม่ลังเลเลย”
ฮูหยินจ้าวเต็มไปด้วยความสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเสี้ยนจู่ นางไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเหตุใดเสี้ยนจู่ถึงต้องการมาหาพวกเขา
กู้เสี่ยวหวานโบกมือของนางและพูดว่า “นายท่านจ้าวอย่าตกใจ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ มันเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ข้าขอให้นายท่านจ้าวช่วยบอกกับหงซื่อว่า ถ้ามีเรื่องอะไรให้มาพูดกับเสี่ยวหวานและถามเสี่ยวหวานได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องมาถามคนในครอบครัวของเสี่ยวหวาน”
ทันทีที่กู้เสี่ยวหวานพูดจบ จ้าวสวิ่นก็นั่งไม่ติด เคราของเขากำลังจะม้วนขึ้น “เสี้ยนจู่ ท่านหมายความว่าอย่างไร”
กู้เสี่ยวหวานไม่พูดอ้อมค้อม “มีคนเห็นหงซื่อลักพาตัวคนในครอบครัวของข้า นั่นเป็นเหตุผลที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้เพื่อมาตามหาคนในครอบครัวของข้า”
เมื่อจ้าวสวิ่นได้ยินเช่นนั้น เขาก็ตบโต๊ะอย่างแรงและพูดว่า “ข้าว่าแล้ว! ไม่แปลกใจเลยที่นางเล่าเรื่องให้ข้าฟังตั้งมากมายในคืนนั้น ที่แท้นางก็ยังไม่คิดยอมแพ้และยังมีความคิดที่คดโกงเหล่านี้อยู่!”
จ้าวสวิ่นกัดฟันในขณะที่เขาพูด ฮูหยินจ้าวรีบดึงแขนเสื้อของเขาและพูดเบา ๆ “นายท่านเกิดอะไรขึ้น เราจะคุยกันในภายหลัง ตอนนี้เสี้ยนจู่อยู่ที่บ้านของเราแล้ว อย่าทำตัวหยาบคายต่อหน้าเสี้ยนจู่”
หลังจากได้ยินคำพูดของฮูหยิน จ้าวสวิ่นก็รู้สึกตัว เขาพยักหน้าและพูดอย่างขอบคุณ “สิ่งที่ฮูหยินพูดมีเหตุผล”
จากนั้นจ้าวสวิ่นก็จับมือของนางแล้วเดินไปทางกู้เสี่ยวหวาน เขาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เสี้ยนจู่ ท่านวางใจได้ เรื่องนี้จะถูกตรวจสอบอย่างแน่นอน ข้ารับปากว่าจะส่งคนกลับไปให้เสี้ยนจู่ได้อย่างแน่นอน”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและพูดด้วยความพึงพอใจ “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดี”
ก่อนจากไป กู้เสี่ยวหวานพูดบางอย่างที่มีความหมาย “นายท่านจ้าว ท่านลุงของข้าทำชั่วมากมาย และเขายังคงถูกขังอยู่ในห้องขัง ไม่ใช่ว่าหลานสาวอย่างข้าไม่สนใจคนในครอบครัว แต่ความจริงก็คือ ใครก่ออาชญากรรมอะไรไว้ก็ต้องน้อมรับด้วยตนเอง หากข้าไม่ปล่อยให้เขาได้เผชิญกับชะตากรรมและมีความทรงจำที่ยาวนานเช่นนี้ ข้าเกรงว่าในอนาคตเขาอาจจะออกไปทำร้ายผู้อื่นอีก”
….
กู้เสี่ยวหวานนั่งรถม้าออกไป จ้าวสวิ่นและภรรยาของเขายังคงยืนอยู่ที่ประตู เมื่อเห็นว่ารถม้าของกู้เสี่ยวหวานลับตาไป พวกเขาจึงกลับเข้าไปในบ้าน
“หญิงผู้นั้นยิ่งอยู่ยิ่งออกลาย ข้าเคยคิดว่านางมีการศึกษา มีเหตุผล อ่อนโยนและน่าคบหา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าที่ผ่านมานางจะเสแสร้ง” ยิ่งจ้าวสวิ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็โกรธมากขึ้น เขาอยากที่จะพุ่งตัวไปหาหงซื่อเสียตั้งแต่ตอนนี้เพื่อที่จะจัดการคนอย่างนาง
หลังจากได้ยินคำพูดของจ้าวสวิ่น ฮูหยินจ้าวพลันรู้สึกโล่งใจมาก
หลังจากผ่านไปหลายปี นางเพิ่งเคยได้ยินเรื่องเลวร้ายมากมายของหงซื่อ และคำพูดทั้งหมดก็ออกมาจากปากของนายท่าน
หมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ? มันก็หมายความได้อย่างเดียวว่า ตอนนี้ในหัวใจของนายท่านจ้าวไม่มีหงซื่ออยู่อีกแล้วน่ะสิ!
หัวใจของนายท่านไม่ได้มุ่งไปหานางอีกต่อไป
ยิ่งฮูหยินจ้าวคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไร นางก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น แต่มันไม่ใช่เวลาที่จะมีความสุข หงซื่อทำอะไรให้เสี้ยนจู่โกรธ นั่นเป็นเรื่องใหญ่มากกว่า
………………………………………………….