ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1328 จัดการแล้ว + ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1329 ข้าพูดได้แค่ว่านางเป็นคนดี

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1328 จัดการแล้ว

บทที่ 1328 จัดการแล้ว

“นายท่าน ข้าขออนุญาต วันนี้เสี้ยนจู่มาบอกเราเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเสี้ยนจู่ยังคงให้ความสำคัญกับตระกูลจ้าวอย่างจริงจัง แต่ถ้าเราไม่สามารถทำให้เสี้ยนจู่พอใจกับเรื่องในวันนี้ได้ มันคงจะทำให้นางขุ่นเคืองแล้วจริง ๆ หลังจากผ่านไปหลายปี มันไม่ง่ายเลยที่เราจะสานความสัมพันธ์อันดีกับนาง หากความสำเร็จที่กล่าวมานี้เกิดล้มเหลวขึ้นมาล่ะ เราจะทำอย่างไร” ใบหน้าของฮูหยินจ้าวเต็มไปด้วยความกังวล

จ้าวสวิ่นฟังแล้วคิดตามว่ามันจะเป็นเช่นนั้นหรือ?

หากกู้เสี่ยวหวานขุ่นเคือง นางก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับตระกูลจ้าวอีก

“ไม่ต้องกังวลหรอกฮูหยิน ข้าจะจัดการเรื่องนี้อย่างดี” จ้าวสวิ่นพูดพร้อมกัดฟัน แล้วไปหาหงซื่อทันที

กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่าจ้าวสวิ่นบอกหงซื่ออย่างไร ฟ่านอวี้ถึงถูกส่งกลับมาในเวลาไม่นานหลังจากที่นางไปหาถึงบ้าน

แม้ว่าเขาจะถูกทำร้าย แต่มันก็เป็นเพียงบาดแผลที่ผิวหนังทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่มีอาการใด ๆ ที่น่าเป็นห่วง

นอกจากนี้ยังได้ยินมาว่า หงซื่อถูกทำร้ายและนอนอยู่บนเตียง นางไม่สามารถลุกขึ้นได้ และจ้าวสวิ่นบอกว่าจะขับไล่หงซื่อออกจากบ้าน ถ้าจ้าวจื่อเจี๋ยและจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ไม่คุกเข่าและขอร้องจ้าวสวิ่น หงซื่อคงบาดเจ็บทั่วตัวและโดนไล่ออกไป

ขณะเดียวกัน ซุนซื่อและกู้ซินเถาก็จนตรอกเสียแล้ว พวกนางถูกไล่ออกจากบ้านทันที จ้าวสวิ่นยังกล่าวอีกว่า พวกนางไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับคนในตระกูลจ้าวของเขาอีกต่อไป

กู้เสี่ยวหวานพอใจมากหลังจากได้ยินคำตอบของฮูหยินจ้าว

“ข้าขอบคุณนายท่านจ้าวและฮูหยินจ้าว แม้ว่าฟ่านอวี้จะเป็นน้องชายของพี่สะใภ้บ้านข้าที่เพิ่งแต่งงานเข้ามา แต่ก็ถือว่าเขาเป็นญาติกับตระกูลกู้ของข้าด้วย บางคนมีแรงจูงใจแอบแฝงต่อสมาชิกในครอบครัวของข้าเพื่อให้ได้ข่าวคราวของข้า อย่าตำหนิข้าเลยที่ไร้ความปรานี” กู้เสี่ยวหวานกล่าวขอบคุณจ้าวสวิ่นและฮูหยินจ้าว

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฮูหยินจ้าวก็รีบขอบคุณนางเช่นกัน “ข้าต้องขอบคุณเสี้ยนจู่ด้วย สมองของหญิงผู้นั้นเป็นคงจะมีปัญหา นางจึงทำสิ่งนั้นลงไป และมันก็ทำให้สามีของข้าเจ็บปวดมากที่ไปหลงเชื่อหญิงสมองไม่ดีเช่นนั้น ข้าได้ยินมาว่าซุนซื่อก็มีส่วนรู้เห็นเช่นกัน ดังนั้นเราจะลงโทษนางอย่างเคร่งครัด และเราจะไม่ปล่อยให้นางทำอะไรที่โง่เขลาเช่นนี้อีกแน่นอน”

ครั้งแรกไม่เป็นไร ถ้ามีครั้งหน้า นางคงไม่โดนแค่นี้แน่!

……

หลังจากที่เห็นฮูหยินจ้าวออกไป กู้เสี่ยวหวานก็เก็บข้าวของ และวางแผนที่จะไปที่บ้านตระกูลฟ่าน “ท่านอา รากโสมที่ข้าซื้อมาจากท่านหมอพานคราวก่อน ครั้งนี้ข้าจะนำมันไปด้วย”

กู้ฟางสี่ไปที่ห้องเก็บของเพื่อเตรียมสิ่งของที่ต้องใช้ออกมา จากนั้นก็เข้าไปในรถม้าและตรงไปยังบ้านตระกูลฟ่าน

ฟ่านหลิงได้ยินว่าฟ่านอวี้ถูกพบตัวแล้วและได้รับบาดเจ็บ นางจึงไปที่บ้านตระกูลฟ่านเพื่อดูแลฟ่านอวี้

กู้ฟางสี่พูดอย่างโกรธจัด “เสี่ยวหวาน ซุนซื่อนี่ไม่ยอมแพ้จริง ๆ! ครั้งนี้ก็พบว่าเป็นนางที่มีส่วนรู้เห็นในการทำร้ายพวกเรา ข้าทนไม่ไหวแล้วที่นางมาข่มเหงรังแกกันเช่นนี้”

เป็นญาติกันแท้ ๆ แต่ก็ดูเหมือนว่าหลังจากหลายปีที่ผ่านมานี้ซุนซื่อก็ยังไม่เข็ดหลาบ ก่อนหน้านี้นางก็เคยถูกหลอกใช้ในการทำร้ายกู้เสี่ยวหวาน แต่ครั้งนั้นถือว่านางไม่รู้เรื่อง แต่เหตุใดครั้งนี้นางถึงกลับมาทำร้ายกู้เสี่ยวหวานอีกครั้ง

ทำไมซุนซื่อถึงใจดำนัก

กู้ฟางสี่รำพันกับตัวเอง “ถ้าเช่นนั้น ซุนซื่อก็เป็นผู้หญิงใจร้ายและเลวทราม โชคดีที่ครั้งนี้เราได้เห็นเล่ห์เหลี่ยมของนาง ถ้ามีอีกครั้งเราจะทำอย่างไร”

น้ำเสียงของกู้ฟางสี่เต็มไปด้วยความกังวล

แต่นางต้องไม่กลัว ห้ามกลัวเด็ดขาด

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้กังวลมากเท่าไร

ทุกปัญหาล้วนมีทางออกเสมอ หากซุนซื่อและกู้ซินเถายังไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไรอย่างไร และพวกนางยังต้องการส้รางปัญหาโดยเปล่าประโยชน์เช่นนี้อีก ก็ต้องให้นางลิ้มรสรสชาติของปัญหาดูบ้าง

ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานนิ่งเฉย นางลูบมือของกู้ฟางสี่และเอ่ยปลอบใจว่าไม่ต้องกังวล “ไม่เป็นไรนะท่านอา”

ไม่นานนัก รถม้าก็วิ่งมาถึงสี่แยก กู้เสี่ยวหวานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลงจากรถและเดินข้ามสนาม อาจั่วและอาโม่ตามกู้เสี่ยวหวานไปทีละคนเพื่อปกป้องความปลอดภัยของกู้เสี่ยวหวานตลอดเวลา

เมื่อไปถึงบ้านครอบครัวฟ่าน ก็เห็นว่าฟ่านต้าฉวีกำลังหาบน้ำมาจากแม่น้ำ เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานมาถึง ตาของเขาเป็นประกาย และเขาตะโกนเข้าไปข้างใน “เสี่ยวหลิง เสี้ยนจู่มาแล้ว!”

ฟ่านต้าฉวีทิ้งสิ่งของในมือของเขาและพูดว่า “เสี้ยนจู่ มาที่นี่ได้อย่างไร? ที่นี่ไม่สะดวกสบาย ลำบากเปล่า ๆ”

กู้เสี่ยวหวานยิ้ม “ท่านลุงฟ่าน ข้าก็เป็นลูกของครอบครัวที่ยากจน ข้าคุ้นเคยกับสถานที่เช่นนี้เป็นอย่างดี ให้ข้าวิ่งก็ยังได้ พอดีว่าข้ามาที่นี่เพื่อเยี่ยมฟ่านอวี้”

หลังจากนั้นไม่นาน ฟ่านหลิงก็วิ่งออกจากบ้าน เมื่อนางเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานมา นางจึงรีบเชิญกู้เสี่ยวหวานเข้าไปข้างใน

หลังจากเข้าไปในห้อง มีกลิ่นยาจีนโบราณแรงมาก ฟ่านต้าฉวีลูบมือและพูดอย่างขอบคุณ “ท่านหมอพานมาที่นี่และสั่งยาจำนวนมากให้ฟ่านอวี้ เขาบอกว่าหลังจากพักฟื้นระยะหนึ่ง อาการบาดเจ็บนั้นก็จะดีขึ้นตามลำดับ”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า หลังจากนั้นฟ่านอวี้ก็ฟื้นขึ้นเช่นกัน เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวาน เขาก็พยายามลุกขึ้น กู้เสี่ยวหวานจึงรีบเข้าไปประคองเขาไว้ “อย่าขยับ ท่านบาดเจ็บอยู่ ดังนั้นอย่าเพิ่งลุกขึ้น”

ฟ่านอวี้ยังแสดงความขอบคุณ “ขอบคุณมากเสี้ยนจู่”

จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่บ้านของหงซื่อให้กู้เสี่ยวหวานฟังโดยที่นางไม่ต้องเอ่ยปากถาม

ปรากฏว่าในวันนั้น ฟ่านอวี้ที่ขนของไปขายในตลาดซึ่งอยู่คนละที่กับร้านจิ่นฝู แต่แล้วก็มีคนสองคนมาบอกว่า พวกเขาต้องการซื้อของของเขา และขอให้ฟ่านอวี้ขนของไปส่งที่บ้าน

เมื่อเห็นว่าพวกเขาซื้อทุกอย่างแล้ว ฟ่านอวี้ก็เลยไม่ได้สงสัยอะไร ดังนั้นเขาจึงขนของแล้วไปกับพวกเขา ในระหว่างที่เดินก็มาถึงที่ร้านจิ่นฝู แต่ใครจะรู้ว่าจู่ ๆ หนึ่งในนั้นก็บอกว่าเขาขอตรวจสอบของอีกครั้ง ฟ่านอวี้เองก็ยังไม่สงสัยจึงเปิดให้พวกเขาดูอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาก็รู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติ

ชายทั้งสองแสร้งทำเป็นถือของและมองดูซ้ำแล้วซ้ำอีก เอาจมูกดมกลิ่น แล้วจู่ ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนไปและพูดว่ามันเป็นของปลอม

ก่อนที่ฟ่านอวี้จะตอบโต้ ทั้งสองก็ยกกำปั้นขึ้นและชกเขา ฟ่านอวี้ก็ยังเด็ก เขาไม่เหมาะที่จะต่อสู้กับกับชายวัยกลางคนสองคน

เพียงไม่กี่ครั้งก็ทำให้เขานั้นพ่ายแพ้ จังหวะนั้นเขาเห็นว่าเข้าใกล้ร้านจิ่นฝูแล้ว ฟ่านอวี้เลยตัดสินใจวิ่งไปที่ร้านจิ่นฝู เพื่อขอความช่วยเหลือจากใครสักคน และพี่เขยของเขาก็วิ่งออกมาโดยไม่คิดแล้วพุ่งตัวไปหาชายทั้งสองคนนั้นทันที

แต่ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อชายสองคนนั้นเห็นพี่เขยวิ่งออกมา พวกเขาก็หยุดทำร้ายตัวเองและหันไปทำร้ายพี่เขยแทน นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่เขยได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก

ที่แปลกไปกว่านั้นก็คือ จู่ ๆ เจ้าหน้าที่ก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วเข้ามาห้ามคนทั้งสอง และบอกว่าต้องการจับตัวไปสอบสวน

แต่พวกเขาก็ไม่ได้ถามอะไร และตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่ได้เห็นคนทั้งสองที่มาแสร้งทำเป็นซื้อของอีกเลย มีแต่เขาที่ถูกนำตัวไปที่ไหนสักแห่ง

แล้วในทุก ๆ วันก็จะมีคนมาถามเขาเกี่ยวกับเรื่องของกู้เสี่ยวหวาน

 

 

บทที่ 1329 ข้าพูดได้แค่ว่านางเป็นคนดี

บทที่ 1329 ข้าพูดได้แค่ว่านางเป็นคนดี

ครั้นพูดถึงเรื่องนี้ เสียงของฟ่านอวี้ก็เบาลงเหมือนกับเสียงของแมลงตัวเล็กที่บินผ่านไป ใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง

“ไม่เป็นไร ท่านพูดมาเถอะ” เมื่อเห็นใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความลำบากใจ กู้เสี่ยวหวานก็รีบเอ่ยปากราวกับเข้าใจว่าเรื่องนี้มันยากที่จะเอ่ยออกมา

ฟ่านอวี้กวาดสายตาาสอดส่องไปรอย ๆ ฟ่านต้าฉวีเห็นดังนั้นก็เดินออกไปอย่างเข้าใจทุกอย่าง เมื่อเหลือเพียงฟ่านหลิงและกู้เสี่ยวหวานอยู่ในห้อง ฟ่านอวี้จึงพูดว่า “เสี้ยนจู่ หนึ่งในนั้นถามเรื่องเกี่ยวกันท่านเป็นระยะ ๆ นางถามข้าว่ารู้เรื่องของท่านกับพี่ใหญ่ฉินหรือไม่ ทุกอย่างนั้นชัดเจนมาก และนางยังบอกอีกว่าถ้าข้าพูดก็จะปล่อยตัวข้าออกไป แต่ถ้าข้าไม่พูดก็จะเฆี่ยนตีข้า”

“แต่ท้ายที่สุดแล้วท่านก็คงไม่ได้พูดอะไร” กู้เสี่ยวหวานยิ้มเล็กน้อย

“ท่านรู้ได้อย่างไร” ฟ่านอวี้ตกใจเล็กน้อย

“หากท่านพูดออกมา เช่นนั้นอาการบาดเจ็บพวกนี้จะมาได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น หากท่านทำตามคำพูดของนาง ตอนนี้ทั้งเมืองคงคลั่งไปแล้ว”

ถ้าฟ่านอวี้พูดกับหงซื่อจริง ๆ เกรงว่าถ้านางรู้เรื่องนี้คงถูกใส่สีตีไข่และโพนทะนาไปทั่วทั้งเมือง และในเมืองคงจะมีแต่ความวุ่นวาย

อาการบาดเจ็บบนร่างกายของฟ่านอวี้นั้นร้ายแรง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าฟ่านอวี้ไม่ได้ปริปากเอ่ยอะไรออกมา

เมื่อมองไปที่ร่างกายของฟ่านอวี้ที่เต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผล กู้เสี่ยวหวานก็ถอนหายใจ ชายผู้นี้เป็นคนดีจริง ๆ

“ทำไมท่านไม่ทำตามที่นางพูด ท่านจะได้ไม่ต้องได้รับบาดเจ็บเช่นนี้” กู้เสี่ยวหวานถามอย่างกะทันหัน

สีหน้าของฟ่านอวี้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขารีบพูดอย่างจริงจัง “เสี้ยนจู่ ข้าไม่รู้เรื่องเหล่านี้ ข้าไม่สามารถพูดเรื่องไร้สาระได้ แม้ว่าข้ารู้ ข้าก็ไม่สามารถพูดได้ตามอำเภอใจได้เช่นกัน”

ห้ามพูดจาไร้สาระ ห้ามพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้า ต้องซื่อสัตย์ ไม่พูดเพ้อเจ้อ

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ สองพี่น้องครอบครัวฟ่านนั้นน่าประทับใจมากและไม่ควรประมาท

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้เสี่ยวหวานก็คลี่ยิ้มกว้าง “พี่ใหญ่ฟ่าน ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน ตอนนี้พี่ฉือโถวเป็นเจ้าของร้านจิ่นฝู และข้าเกรงว่าหลังจากนี้เรื่องที่นาก็อาจจะไม่สามารถดูแลได้ หากว่าท่านไม่รังเกียจ ได้โปรดช่วยลุงจางและป้าจางดูแลเรื่องที่นาได้หรือไม่ ท่านคิดว่าอย่างไร”

ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานมีพื้นที่เกือบสี่ร้อยหมู่

ที่ดินสี่ร้อยหมู่ต้องปล่อยเช่าใหม่ทุกปี มีผู้เช่ารายใหม่มากมายที่ต้องการเช่าที่ของกู้เสี่ยวหวาน มีหลายสิ่งที่ต้องจัดการมากมายในแต่ละปี นอกจากนี้ยังมีการเก็บค่าเช่าปีละสองครั้ง และการดูแลพืชผลในไร่นาในวันธรรมดา ทั้งหมดนี้ต้องได้รับการดูแลจากคนที่เข้าใจ

สิ่งเหล่านี้เคยถูกดูแลโดยกู้เสี่ยวหวานและฉือโถว ต่อมานางปลีกตัวไปดูแลร้านจิ่นฝู และทุกสิ่งในที่นานี้ถูกทิ้งไว้ที่ฉือโถว

ตอนนี้ฉือโถวกำลังจะรับช่วงต่อภาระงานของนางอีกครั้ง ในเวลานั้นกู้เสี่ยวหวานบอกลุงจางและป้าจางว่าให้อยู่ที่นี่เพื่อช่วยฉือโถวในการดูแลเรื่องทั้งหมด แต่การเคลื่อนไหวของลุงจางไม่ค่อยดี ส่วนป้าจางนอกเหนือจากการดูแลลุงจางแล้ว ในอนาคตหากฟ่านหลิงมีลูก เวลาของป้าจางก็คงน้อยลงไปอีก

ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงต้องการหาใครสักคนมาช่วยดูแล ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีจริง ๆ ที่นางก็พบคนผู้นั้นอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นท่าทางสับสนของฟ่านอวี้ กู้เสี่ยวหวานก็พูดต่อ “ลุงจางและป้าจางก็อายุมากแล้ว และในอนาคตถ้าพี่สาวของท่านให้กำเนิดลูกหลาน เวลาของป้าจางก็คงจะน้อยลง ดังนั้นเรื่องของการจัดการที่นาต้องรบกวนพี่ใหญ่ฟ่านแล้ว ท่านตกลงหรือไม่”

ตอนนั้นเองที่ฟ่านอวี้แน่ใจว่าเขาได้ยินถูกต้องแล้ว กู้เสี่ยวหวานมอบหมายให้เขาช่วยจัดการดูแลเรื่องที่นา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเสี้ยนจู่มองเห็นความสามารถของเขา

ฟ่านหลิงที่อยู่ด้านข้างเองก็ยิ้มกว้างออกมา ตอกย้ำฟ่านอวี้ที่ยืนโง่เขลาอยู่และพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ “เสี่ยวอวี้ เจ้าเป็นอะไรไป เจ้าโง่หรือโง่กันแน่ ทำไมเจ้าไม่รีบตอบรับกู้เสี่ยวหวาน”

จากนั้นฟ่านอวี้ก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง และผงกหัวเหมือนไก่จิกข้าว “ตกลง ตกลง ขอบคุณเสี้ยนจู่ที่นึกถึงข้า ข้าจะทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้เสี้ยนจู่ผิดหวัง”

เพื่อให้ฟ่านอวี้ได้พักผ่อนมากขึ้น กู้เสี่ยวหวานเองก็ไม่ได้อยู่ที่นั้นนานไปมากกว่านี้ นางจึงขอตัวลา โดยมีฟ่านหลิงตามออกมาด้วยเพราะฟ่านต้าฉวีคอยกระตุ้นให้นางรีบกลับไปดูแลฉือโถว

“เสี่ยวหลิง รีบกลับไปดูแลฉือโถวเถอะ ที่นี่ยังมีพ่ออยู่นะ” ฟ่านต้าฉวีเร่งให้ฟ่านหลิงกลับไปโดยเร็ว แน่นอนว่าฟ่านหลิงก็ต้องการกลับไปเช่นกัน นางอยู่ที่นี่มาเกือบทั้งวันแล้ว และยังไม่รู้ว่าอาการของฉือโถวดีขึ้นหรือยัง

คู่รักหนุ่มสาวไม่ได้เจอกันหนึ่งวัน มันช่างดูเหมือนว่าฤดูใบไม้ร่วงจะผ่านไปแล้วสามวัน มันช่างยาวนานเหลือเกิน “ท่านพ่อดูแลเสี่ยวอวี้ให้ดีล่ะ ดูแลสุขภาพของท่านด้วย อีกสองวันข้าจะกลับมาพบท่าน”

“เจ้าจะกลับมาที่นี่ทำไม ดูแลฉือโถวอยู่ที่บ้านให้ดี ตอนนี้พ่อสุขภาพดีขึ้นมากแล้ว แค่ดูแลน้องชายของเจ้าเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่เป็นไร” ใบหน้าของฟ่านต้าฉวีแดงก่ำ

กู้เสี่ยวหวานได้เชิญท่านหมอพานมาเป็นพิเศษเพื่อไปดูอาการของฟ่านต้าฉวีและจ่ายใบสั่งยาสำหรับอาการของฟ่านต้าฉวี ด้วยใบสั่งยาเฉพาะนี้ ยาจะถูกนำมาใช้รักษาตามอาการ ซึ่งดีกว่ายาแบบสุ่มอย่างเมื่อก่อน

ระยะเวลากว่าหนึ่งเดือนที่ฟ่านต้าฉวีกินยารักษาตามอาการที่หมอพานจัดให้ สุขภาพของเขาก็ดีขึ้นกว่าเดิมมาก

ฟ่านหลิงพยักหน้าและตามกู้เสี่ยวหวานกลับไปยังสวนกู้

ฟ่านหลิงนั่งอยู่ในรถม้าถัดจากกู้เสี่ยวหวาน ตั้งแต่ขึ้นรถม้ามาฟ่านหลิงก็จับมือกู้เสี่ยวหวานไว้ไม่ปล่อย “เสี่ยวหวาน ขอบคุณเจ้ามาก”

กู้เสี่ยวหวานรู้ว่านางกำลังขอบคุณด้วยเรื่องอะไร นางจึงปิดปากยิ้มและพูดว่า “เราทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ท่านไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนี้”

หัวใจของฟ่านหลิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย หญิงสาวตรงหน้าของนางมีคิ้วและดวงตาที่งดงามราวกับภาพวาด ดูเหมือนจะมีพลังวิเศษบางอย่างที่ทำให้ทุกคนรอบตัวนางต่างก็เคารพนับถือและเดินตามรอยเท้าของนางอย่างใกล้ชิดโดยไร้ซึ่งความลังเล

สำหรับฟ่านอวี้ ยังมีเรื่องบางอย่างที่เขายังพูดไม่หมด แต่เขาได้บอกมันกับฟ่านหลิงไปแล้ว

“ท่านพี่ คนพวกนั้นบอกว่าถ้าข้าพูดเรื่องไม่ดีของเสี้ยนจู่ พวกเขาจะให้เงินข้าเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าข้าไม่พูดอะไร พวกเขาจะเอาเรื่องไม่ดีของเสี้ยนจู่ไปเปิดเผยและทำร้ายข้า”

“แล้วตอนนั้นเจ้าเล่าอะไรให้พวกเขาฟัง”

“เปล่า ข้าไม่ได้พูดอะไร และข้าไม่มีวันพูด ตอนนี้เสี้ยนจู่คือครอบครัวของข้า ครอบครัวเดียวกันจะพูดไม่ดีเกี่ยวกับคนในครอบครัวได้อย่างไร แม้ว่าทุกคนในโลกจะบอกว่านางไม่ดี แต่ข้าก็จะบอกว่านางนั้นดี นอกจากนี้เสี้ยนจู่ก็เก่งจริง ๆ ข้าไม่มีอะไรต้องพูดอีก”

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท