ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1344 หัวใจของผู้ชายช่างไร้ค่า + ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1345 เจ้าสู้ข้าไม่ได้หรอก

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1344 หัวใจของผู้ชายช่างไร้ค่า

บทที่ 1344 หัวใจของผู้ชายช่างไร้ค่า

“นี่คือข้อแตกต่างระหว่างข้ากับเจ้า ข้าไม่ต้องการหัวใจของนายท่าน หัวใจของเขาไม่ได้เป็นของข้าคนเดียว สิ่งที่ข้าต้องการคือการจับเขา แม้ว่าจะไม่ได้หัวใจของเขา แต่เขาก็ยังอยู่กับข้า เมื่อเขาอยู่กับข้า ทั้งหมดของเขาก็จะอยู่กับข้า หงซื่อ เจ้าต่อสู้กับข้ามาหลายปีแล้ว เจ้าต้องการเป็นนายหญิงของตระกูลจ้าวไม่ใช่หรือ หลังจากผ่านไปหลายปี เจ้าประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง? เจ้าคิดว่าการที่ใจของเขาอยู่กับเจ้า แล้วเขาจะเชื่อฟังเจ้าอย่างนั้นหรือ เจ้าอย่าลืมไปนะว่าถึงใจของเขาจะอยู่ที่นี่ แต่ตัวเขาอยู่กับข้า หากเขาอยากทำอะไร แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากข้า เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะลงมือทำ”

ใบหน้าของฮูหยินจ้าวเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน และการแต่งหน้าที่สวยงามขับให้ใบหน้าของนางดูงดงามขึ้น

ใบหน้าของหงซื่อซีดเซียวไร้สีเลือดราวกับไร้ลมหายใจ นางจะมีเรี่ยวแรงมาทะเลาะกับฮูหยินจ้าวที่ไหนกัน

ใจอยู่ที่นี่แล้วอย่างไร

“อย่าคิดว่ามีลูกแล้วจะจับเขาได้ อย่าลืมสิ ข้าเองก็มีลูกชายเหมือนกัน เขาเป็นลูกชายคนโตของตระกูลจ้าว อย่าคิดว่าความอ่อนโยนและสวยงามจะเป็นกับดักจับเขาได้ มีโสเภณีในหอนางโลมมากมายที่อ่อนโยนและสวยกว่าเจ้า ตอนนี้เจ้าก็อายุมากขึ้นแล้ว จะมีความงดงามเช่นแต่ก่อนได้อย่างไร หลายปีมานี้เจ้าไม่ได้อะไรเลย นอกจากหัวใจที่นายท่านพร้อมเอาคืนได้ทุกเมื่อ” ฮูหยินจ้าวพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “ผู้ชายเป็นสิ่งที่เข้าใจยาก ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ชายที่ให้อะไรเจ้าไม่ได้นอกจากหัวใจ ก็เป็นหัวใจที่ไร้ค่า หงซื่อ ตอนนี้เจ้าคงจะเข้าใจแล้วสินะ”

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ หงซื่อก็กรีดร้องออกมาอย่าเสียสติ

ทันทีที่จ้าวสวิ่นเดินไปถึงประตู เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนดังมาจากข้างใน

เขาหยุดฝีเท้าลงและมองย้อนกลับไป มีร่องรอยของความทนไม่ได้ในดวงตาของเขา ทันใดนั้น แววตาของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นโหดร้าย เขาหันกลับไปอีกครั้ง สะบัดเสื้อคลุมของเขาและเดินหายไปนอกประตู

ผู้ชายมอบหัวใจและเวลาทั้งหมดให้กับเจ้า เจ้าจึงคิดว่าเขารักเจ้า แต่อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญและมีค่าที่สุดที่เขาหวงแหนไม่ได้อยู่กับเจ้า และเขาจะไม่ให้เจ้าด้วย

หากล้ำเส้นของเขา ไม่ว่าเขาจะรักเจ้ามากเพียงใด ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะหายตามไปด้วย

ไม่มีความรักใดที่จะคงอยู่ตลอดไป

“หงซื่อ เจ้าใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในบ้านหลังนี้ได้ แต่นายท่านจะไม่มาพบเจ้าอีก ไม่ต้องห่วงลูกสองคนของเจ้า ข้าจะหาเลี้ยงดูพวกเขาให้ดี เพราะอย่างไรพวกเขาก็อยู่ภายใต้การดูแลของข้า แล้วก็จะเป็นลูกของข้าด้วย” ฮูหยินจ้าวพูด จากนั้นจึงหันหลังกลับและจากไป

สาวรับใช้ที่ชื่อเสี่ยวหงส่งฮูหยินจ้าวออกไปอย่างมีความสุขและคอยประจบประแจงนาง

ทั้งหมดนี้ หงซื่อไม่ได้ยิน นางไม่มีอะไรจะพูดและไม่กะจิตกะใจฟังอะไรทั้งนั้น

หงซื่อนะหงซื่อ! เจ้ารอมายี่สิบปีเพื่อตำแหน่ง แต่ท้ายที่สุดเจ้าก็ยังอยู่ที่เดิม สิ่งที่เจ้าต้องการ เขาจะไม่มอบให้เจ้า และก่อนจากไปเขายังตัดเนื้อของเจ้าไปอีกสองท่อน เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าคงอ้างว้างเดียวดายไปตลอดกาล

ประตูห้องปิดลงและเสียงหนึ่งดังมาจากข้างนอก “ผู้หญิงคนนี้คงจะเสียสติไปแล้ว”

เสียสติ นางเสียสติไปแล้ว

ตาบอด คนที่ตาบอดคงจะเป็นนาง

เมื่อฉินเย่จือกลับมา เขาจึงได้ยินเรื่องเกี่ยวกับกู้เสี่ยวหวานโดยปริยาย

ในขณะนี้มือของเขากำแน่นด้วยความโกรธ “เมื่อดูแลเจ้านายไม่ดีก็ต้องโดนรับโทษ”

บนพื้นมีร่างผอมแห้งคุกเข่าอยู่ แล้วจะเป็นใครไปได้นอกจากอาจั่ว?

อาจั่วส่งเสียงตอบรับ โดยมีอาโม่อยู่ข้าง ๆ รีบร้องขอความเมตตา “นายท่าน อาจั่วติดตามคุณหนู คุณหนูเป็นคนที่รอบคอบ ถ้านางพบว่าอาจั่วได้รับบาดเจ็บ คุณหนูอาจจะสงสัยได้”

ฉินเย่จือคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขารู้สึกสับสนเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าเห็นด้วย “จำไว้ก่อน”

อาจั่วก้มคำนับด้วยความขอบคุณ “ขอบคุณนายท่าน”

ฉินเย่จือไม่พูดอะไรและเอาแต่ขมวดคิ้ว การที่จ้าวจื่อเจี๋ยกล้าที่จะแตะต้องคนของเขา คนผู้นั้นคงไม่มีอยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ

อาจั่วคุกเข่าอยู่บนพื้น คิดอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็บอกถึงความคิดของกู้เสี่ยวหวาน เมื่อฉินเย่จือได้ยิน ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น “นางต้องการทำสิ่งนี้หรือ”

อาจั่วพยักหน้าตอบรับ ฉินเย่จือจึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว แต่มีคนหายไปหนึ่งคน จ้าวจื่อเจี๋ยยังมีน้องสาวอยู่ใช่ไหม คราวนี้มาดูกัน”

ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา สิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปด้วยดีสำหรับจ้าวสวิ่น

อันดับแรก คนกลุ่มใหญ่วิ่งไปล้อมรอบตระกูลจ้าวเพื่อขอเงินอย่างแน่นขนัด เนื่องจากมีคนจำนวนมากเกินไป จึงเกิดความโกลาหลขึ้น บางคนจึงได้รับบาดเจ็บจากความโกลาหลในครั้งนี้ ทำให้มีค่าใช้จ่ายมากอีกครั้ง

นอกจากนี้ ข้อตกลงทางกิจการที่ได้เจรจาไว้อย่างชัดเจน แต่คนผู้นั้นเพิ่งรู้สึกเสียใจและหยุดร่วมมือกับเขา ดีที่จ้าวสวิ่นไม่ได้เตรียมการอะไรไว้ และผู้ซื้อที่ลงนามในสัญญาฉบับอื่นกับเขาได้จ่ายเงินมัดจำจำนวนมาก หากไม่สามารถกู้คืนสินค้าได้ จ้าวสวิ่นทำได้เพียงแค่ต้องยอมขาดทุนและสูญเสียเงินจำนวนมาก

เท่านั้นยังไม่พอ ลูกทั้งสามในครอบครัวก็ถึงวัยแต่งงานแล้ว จ้าวสวิ่นกลัวว่าจะมีปัญหา ดังนั้นเขาจึงรีบส่งจดหมายไปขอให้แม่สื่อจับคู่ลูกทั้งสามคนของตน

แต่ใครจะคาดคิดว่าแม่สื่อทั้งหมดในเมืองหลิวเจียจะไม่ยอมรับ แม้ว่าเขาจะเพิ่มเงินจัดหาคู่เป็นสองเท่าหลาย ๆ ครั้งก็ไม่มีแม่สื่อคนไหนมารับงานนี้

ตอนนี้ไม่เพียงแต่จ้าวสวิ่นและภรรยาของเขาที่กำลังรีบ แม้แต่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เองก็กำลังรีบเช่นกัน

นางกับฮูหยินจ้าวไม่ใช่แม่ลูกกันจริง ๆ โดยธรรมชาติแล้วนางจึงไม่คุยกับฮูหยินจ้าว นางต้องการคุยกับหงซื่อ แต่นางก็ถูกห้ามและไม่สามารถออกไปจากตระกูลจ้าวได้

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์รีบร้อนมาก ทำไมไม่มีใครมาขอนางแต่งงานกัน?

ตั้งแต่สมัยโบราณ การแต่งงานต้องได้รับการตัดสินใจโดยพ่อแม่และถูกแนะนำโดยแม่สื่อ ถ้าไม่มีแม่สื่อเป็นคนกลาง ในอนาคตนางจะแต่งงานได้อย่างไร?

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์กระวนกระวายเหมือนมดบนหม้อร้อน แต่ในบ้านตระกูลจ้าวนี้ นางควรคุยกับใคร

หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาสามารถไปหาจ้าวจื่อเจี๋ยที่เป็นพี่ชายของนางได้เท่านั้น

จ้าวจื่อเจี๋ยยังคงพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ในช่วงเวลานี้ เขาได้แต่นอนอยู่บนเตียงและรู้สึกโกรธ “นี่เป็นอาหารประเภทไหน สำหรับสุนัขกินหรือสำหรับเจ้ากิน?”

ในห้อง คนรับใช้กำลังตัวสั่นด้วยความกลัว คุกเข่าและตอบพลางตัวสั่นสะท้าน “นายน้อยรอง ข้านำอาหารนี้มาจากห้องครัวและมันถูกจัดเตรียมโดยคนในครัว”

 


 

บทที่ 1345 เจ้าสู้ข้าไม่ได้หรอก

บทที่ 1345 เจ้าสู้ข้าไม่ได้หรอก

“สิ่งที่ห้องครัวเตรียมไว้คืออะไร นายน้อยของข้าให้มาถาม นั่นคือสิ่งที่จ้าวจื่อชงกินหรือไม่ ถ้าใช่ นายน้อยของข้าก็จะกินด้วย”

จ้าวจื่อเจี๋ยโกรธจัด เขาชี้ไปที่อาหารตรงหน้าของเขาด้วยมืออันสั่นเทา

ในชามมีผักกาดขาวที่มองไม่เห็นน้ำมัน จานผักดอง ต้มจืดหนึ่งถ้วยที่ไม่รู้ว่าทิ้งไว้นานเท่าไรแล้วและข้าวขาวหนึ่งชาม

ลูกชายคนรองของตระกูลจ้าวต้องกินสิ่งนี้

จ้าวจื่อเจี๋ยโกรธจัด ตั้งแต่เขาเกิดมาจนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยกินอาหารเช่นนี้มาก่อน เขาคว่ำอาหารที่ยกมาและเทอาหารทั้งหมดลงบนศีรษะของคนรับใช้ ทำให้ร่างกายของอีกฝ่ายเปรอะเปื้อนไปด้วยเศษอาหาร

คนรับใช้ไม่กล้าแม้แต่จะขยับเขยื้อน เขาจึงปล่อยให้อาหารไหลลงแก้มและเข้าตา แม้จะแสบตามาก แต่ก็ไม่กล้าเอื้อมมือไปเช็ด เอาแต่ก้มหน้าแล้วตอบว่า “คนรับใช้ของนายน้อยใหญ่ก็ไปที่ห้องครัวเพื่อรับอาหารเช่นกัน!”

เมื่อจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เข้าไป นางก็บังเอิญเห็นภาพดังกล่าว จ้าวจื่อเจี๋ยหน้าแดงด้วยความโกรธ และคนรับใช้ก็ก้มหน้าลงพลางตัวสั่นด้วยความตกใจ

เมื่อจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เข้าไป นางก็บอกให้คนรับใช้ผู้นั้นออกไปก่อน

“ท่านพี่ อย่าโกรธไปเลย เมื่อท่านดีขึ้นแล้วค่อยมาสั่งสอนพวกคนรับใช้ที่ชอบดูถูกคนอื่น” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อตบหลังจ้าวจื่อเจี๋ยเพื่อให้เขารู้สึกดีขึ้น

“พวกหมารับใช้ ข้ายังเป็นนายน้อยของตระกูลจ้าว แต่ดูสิ สิ่งที่ข้ากินทุกวันไม่มีเนื้อหรือไข่ เห็นข้าเป็นพระถือศีลหรือไง”

จ้าวจื่อเจี๋ยเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์คับแค้นใจยิ่งนัก “ท่านพี่ น้องสาวอย่างข้าก็ไม่กินสิ่งนี้ มันเป็นอาหารมังสวิรัติทั้งหมด และมันก็ไม่ได้ดีไปกว่าครึ่งหนึ่งของที่เราเคยกิน ฮือ… ท่านพี่ ข้าคิดถึงท่านแม่จริง ๆ ถ้าเป็นท่านแม่ ท่านแม่คงไม่ปล่อยให้พวกเราลำบากเช่นนี้”

“ครั้งนี้เราไม่ประสบความสำเร็จ และเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าท่านแม่รู้เรื่องนี้” จ้าวจื่อเจี๋ยกระโดดลงจากเตียงและพูดด้วยความโกรธว่า “กู้เสี่ยวหวานนั้นน่ารังเกียจมาก ถ้านางไม่ได้ลอบเล่นงานจนทำให้ข้าหมดแรง ไม่อย่างนั้น มันอีกนิดเดียว นิดเดียวจริง ๆ”

ใบหน้าของจ้าวจื่อเจี๋ยเต็มไปด้วยความเสียดาย เขารู้สึกเสียดายจนแทบจะทุบหน้าอกตัวเอง

“ท่านพี่ ท่านรู้ไหมว่าเมื่อครู่ข้าได้ยินอะไรมาบ้าง” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ได้ยินจ้าวจื่อเจี๋ยพูดถึงกู้เสี่ยวหวาน จากนั้นนางก็ตระหนักถึงจุดประสงค์ของการมาเยี่ยมของนางและรีบพูดด้วยถ้อยคำที่เจ็บปวด “ท่านพ่อไปขอให้แม่สื่อช่วยพูดเรื่องงานแต่งของพวกเรา แต่ไม่มีแม่สื่อคนใดที่กล้ารับปากท่านพ่อ”

“อะไรนะ?” จ้าวจื่อเจี๋ยรีบพยุงร่างกายของตนขึ้นเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้และมองไปที่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ด้วยความไม่เชื่อ “เขาบอกว่าไม่มีแม่สื่อคนไหนยอมรับการจัดงานแต่งของเราหรือ”

“ข้ายังได้ยินมาอีกว่า มีผู้นำในบรรดาแม่สื่อเหล่านั้น นางชื่อว่าแม่สื่อหลี่ นางเคยจัดการเรื่องกู้เสี่ยวหวานเมื่อไม่กี่ปีก่อน ข้าได้ยินมาว่านางไม่รับและแม่สื่อทั้งหมดก็ไม่กล้ารับ ท่านพี่ ถ้าแม่สื่อไม่รับคำขอของท่านพ่อจริง ๆ เราจะทำอย่างไรดี” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์น้ำตาไหลออกมา

นางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดอย่างรวดเร็ว ผิวหนังบนใบหน้าที่ถูกคมมีดของอาจั่วกรีดเกือบตกสะเก็ดแล้ว แต่เนื่องจากบาดแผลไม่ลึกมาก ท่านหมอยังบอกด้วยว่าจะไม่มีรอยแผลเป็น ดังนั้นจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์จึงรู้สึกโล่งใจ

“ไม่ต้องห่วงนะอวิ๋นเอ๋อร์ เมื่อแม่สื่อไม่มารับ พวกเราก็หากันเองได้ น้องสาวของข้าหน้าตาดีเช่นนี้ ต้องหาสามีที่ดีได้อย่างแน่นอน” จ้าวจื่อเจี๋ยรีบเข้าไปปลอบจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ด้วยสีหน้ามั่นใจ

หลังจากพูดคำเหล่านี้แล้ว จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็หน้าแดงด้วยความอับอาย แล้วทุบจ้าวจื่อเจี๋ยด้วยกำปั้นเล็ก ๆ ของนางและพูดด้วยความโกรธว่า “ท่านพี่ ท่านกำลังพูดถึงอะไร น้องสาวอย่างข้าบอกว่าอยากแต่งงานตั้งแต่เมื่อไรกัน”

ความเขินอายบนใบหน้านั้นดูกังวลว่าตอนนี้ที่จะไม่มีใครจับคู่ให้

จ้าวจื่อเจี๋ยเห็นน้องสาวของเขาทุบกำปั้นต่อยร่างกายของเขา แต่ก็ไม่เจ็บ เขาจึงรีบจับมือนางและพูดติดตลกด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเจ้าไม่แต่งงานหรือเจ้าจะอยู่เป็นสาวแก่ แต่ข้าคงทนไม่ได้หรอกนะ”

ใบหน้าของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง นางลุกขึ้นยืนทันทีพร้อมกับกระทืบเท้าของนางและพูดอย่างเขินอายว่า “ท่านพี่ ท่านนี่น่ารำคาญเสียจริง ข้าไม่คุยกับท่านแล้ว”

จากนั้นเขาก็เม้มริมฝีปากแล้วหันกลับมา หลังจากที่นางจากไป กลิ่นที่หลงเหลืออยู่บนร่างกายของนางดูเหมือนจะยังคงอบอวลอยู่ในห้องและวนเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวเขา จ้าวจื่อเจี๋ยหายใจเข้าลึก ๆ ตามกลิ่น เขาหลับตาและแสดงความพึงพอใจ

กลิ่นกายสาวช่างหอมหวาน

ฮูหยินจ้าวกำลังรับประทานอาหารที่โต๊ะ มีคนรับใช้คุกเข่าอยู่ด้านล่าง ตัวของเขาเลอะเทอะมาก มีเศษอาหารมากมายถูกราดอยู่บนศีรษะ และเสื้อผ้าของเขาก็เปื้อนไปด้วยน้ำแกง

“เจ้าบอกว่าเขาทิ้งอาหารทั้งหมดอย่างนั้นหรือ”

“ใช่แล้ว ฮูหยิน ท่านดูสิ” แน่นอนว่าเป็นคนรับใช้ที่ไปส่งอาหารที่ห้องของจ้าวจื่อเจี๋ยเมื่อครู่นี้

ในขณะนี้เขาคุกเข่าอยู่ต่อหน้าฮูหยิน เขาบอกสิ่งที่จ้าวจื่อเจี๋ยพูดเมื่อครู่ จากนั้นก็ลุกขึ้นเพื่อจากไป

มีสาวใช้อยู่ข้าง ๆ นางคอยหยิบขนมรูปดอกไม้ชิ้นหนึ่งพร้อมขนมหยกชิ้นหนึ่งแล้วใส่ลงในชามของฮูหยินจ้าว

บนโต๊ะมีอาหารหลากหลาย เช่น แกงนกพิราบ ปลากระรอก หมูตุ๋นน้ำแดง เป็ดยัดไส้ หมูยัดไส้เต้าหู้ห่อใบบัว ต้มฉุนไฉ่ ขนมรูปดอกไม้ และอีกมากมาย อาหารบนโต๊ะนั้นมีการผสมผสานระหว่างเนื้อสัตว์และผัก ซึ่งทั้งหมดนี้มีความพิถีพิถันและน่ารับประทานมากกว่าอาหารของจ้าวจื่อเจี๋ยในตอนนี้หลายเท่า

ฮูหยินกินขนมรูปดอกไม้ในชามแล้วพูดอีกครั้ง “นายน้อยกินข้าวหรือยัง”

“กินแล้วเจ้าค่ะ” เมื่อครู่ลวี่จู๋เพิ่งนำอาหารไปให้

“กินอะไร”

“กินเหมือนกับฮูหยิน ที่ห้องครัวทำอาหารให้ฮูหยินกับนายน้อยเหมือนกัน เพียงแต่ว่านายน้อยชอบอาหารรสจัด และอาหารที่โน่นก็มีรสชาติเข้มข้นกว่า”

“ช่วงนี้ไม่ต้องให้พ่อครัวทำอาหารรสเผ็ดนะ นายน้อยเจ็บคอมาสองสามวันแล้ว กินได้น้อย ให้พ่อครัวทำรังนกใส่ชามให้นายน้อยตอนเช้าและก่อนนอนเพื่อที่เขาจะได้นอนหลับสบาย”

จากนั้นฮูหยินจ้าวก็ยกชามแกงนกพิราบที่ลวี่จู๋นำมาให้ นางดื่มอย่างระมัดระวัง เมื่อดื่มเสร็จแล้ว ริมฝีปากพลันยกยิ้ม สายตาพลางมองออกไปอย่างพอใจ

หงซื่อคิดจะแข่งกับข้าไม่ใช่หรือ

นางแข่งกับข้าไม่ได้ ลูกของนางก็แข่งกับลูกของข้าไม่ได้เช่นกัน

“ได้ยินมาว่าลูกชายของหงซื่อก็ชอบอาหารรสเผ็ดด้วย” ฮูหยินจ้าวถามอย่างกะทันหันเมื่อนึกถึงบางสิ่ง

ลวี่จู๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าแล้วพูดว่า “ตอนที่ข้ามาครั้งแรก ข้าได้ยินเขาบอกคนในครัวว่าอาหารของเขาควรเผ็ด แต่ช่วงนี้เขากำลังดูแลสุขภาพของเขา และหมอก็บอกเขาว่าอย่ากินอาหารเผ็ด ๆ เพราะกลัวว่าแผลจะอักเสบแล้วรักษาไม่ง่าย ช่วงนี้คนในครัวจึงเตรียมอาหารรสชาติอ่อน ๆ ให้เขา”

ฮูหยินได้ยินดังนั้น นางจึงวางชามและตะเกียบในมือของนางด้วยรอยยิ้ม ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมุมปากอย่างระมัดระวังและแสดงรอยยิ้ม “เขาบอกว่าหากไม่มีเนื้อสัตว์หรือไขมันก็ไม่อร่อยใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็ให้ทางครัวเตรียมอาหารประเภทเนื้อสัตว์แล้วใส่พริกให้มาก ยิ่งเผ็ดยิ่งดี”

นางยกยิ้มอันเคร่งขรึมที่มุมปาก ดวงตาของนางคู่นั้นดูเยือกเย็น

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท