ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1348 ลางสังหรณ์ + ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1349 ติดกับดัก

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1348 ลางสังหรณ์

บทที่ 1348 ลางสังหรณ์

จ้าวจื่อเจี๋ยเพิกเฉยเสมอ เขามักจะพาสุนัขไปเดินเล่นและเดินเล่นรอบ ๆ และโดยธรรมชาติแล้วเขาไม่สามารถเดินต่อไปได้เมื่อเห็นสาวสวย เดิมทีร่างกายของเขายังอายุไม่ถึงยี่สิบปี แต่เป็นเพราะได้ลิ้มรสความรักของชายหญิงเร็วเกินไป เขาจึงถอนตัวไม่ขึ้น ร่างกายอ่อนแรงไปโดยธรรมชาติ

เพียงแต่ว่าในช่วงเวลานี้ไม่ได้ลิ้มรสความสุข ร่างกายจึงขยายตัวขึ้น แต่เนื่องจากร่างกายของเขายังไม่ฟื้นตัว จึงไม่สามารถออกแรงได้มากนัก การโต้ตอบกับจานหงอวี้ทำได้เพียงเกี้ยวพาราสีเท่านั้นและขยับมือขยับเท้าเป็นครั้งคราว แต่ไฟในร่างกายนี้กำลังลุกโชนขึ้นเรื่อย ๆ

น่าเสียดายที่เมื่อเขาขยับตัวมากไป และหากเผลอไปโดนบาดแผลเหล่านั้น มันจึงเจ็บปวดไปทั่วร่าง

“มันแปลกจริง ๆ ผ่านมาหลายวันแล้ว ทำไมแผลยังไม่ตกสะเก็ด เจ็บแทบตายอยู่แล้ว” ในตอนนี้จ้าวจื่อเจี๋ยขยับตัวมากเกินไปและเผลอไปโดนที่บาดแผลเข้า เขาก็ร้องด้วยความเจ็บปวด เขารีบยกเสื้อผ้าขึ้นเพื่อดูและพบว่าบาดแผลมีหนองไหลออกมา

เมื่อเห็นสิ่งนี้ จานหงอวี้รีบพูดด้วยความทุกข์ใจอย่างมาก “นายท่าน ทำไมแผลของท่านยังมีเลือดไหลอยู่ พูดตามเหตุผลแล้ว หลังจากผ่านไปหลายวัน อย่างน้อยแผลก็ควรจะตกสะเก็ดได้แล้ว”

ตอนนี้เวลาผ่านมาประมาณหกหรือเจ็ดวันแล้วตั้งแต่ที่เขาถูกกู้เสี่ยวหวานรังแกบนถนนครั้งล่าสุด เขากินยาอย่างต่อเนื่อง อันที่จริงบาดแผลก็ควรจะหายได้แล้ว

จ้าวจื่อเจี๋ยก็งงงวยเช่นกัน “ใช่ เกิดอะไรขึ้น?”

จานหงอวี้กลอกตาและถามอย่างไม่แน่ใจ “นายท่านมีปัญหาที่นี่หรือไม่”

จ้าวจื่อเจี๋ยจ้องที่นาง “มีปัญหาอะไร?”

“ข้ากำลังพูดถึงยานี้” หลังจากพูดจบ นางก็ชี้ไปที่บาดแผลของเขาอย่างมีนัยพร้อมกับมองอย่างสงสัย

จ้าวจื่อเจี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง และใบหน้าของเขาก็มืดลง “นางกล้างั้นหรือ?”

นางผู้นั้นเป็นใคร จ้าวจื่อเจี๋ยไม่ได้พูด และจานหงอวี้ก็ไม่ได้ถามเช่นกัน

ผมของเขากระเซอะกระเซิงและเสื้อผ้าของเขาก็ไม่เรียบร้อยเช่นกัน แต่…

เมื่อมองไปที่จ้าวจื่อเจี๋ยซึ่งนอนอยู่บนร่างของนาง จานหงอวี้ก็ไม่ลืมเรื่องที่นางมาในครั้งนี้

นางผลักจ้าวจื่อเจี๋ยออกไปเบา ๆ จัดเสื้อผ้าและผมเผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นหยิบกล่องออกมาจากแขนเสื้อของนางแล้วส่งให้จ้าวจื่อเจี๋ย “นี่คือกล่องแป้งที่ข้าซื้อเมื่อครั้งที่แล้ว และข้าต้องการมอบให้อวิ๋นเอ๋อร์มาโดยตลอด เพียงแต่ข้ายังไม่มีโอกาส ข้าอยากจะมอบให้นางในตอนนี้ แต่ข้าไม่ได้พบเจ้าหลายวันจึงลืมมันไป ทำไมคราวนี้ท่านไม่ช่วยข้าสักหน่อยล่ะ?”

นางขยิบตาให้จ้าวจื่อเจี๋ย การกระทำของหญิงสาวทำให้เขารู้สึกเพียงอาการชาวาบที่กระดูกก้นกบ และรู้สึกว่าหัวใจจั๊กจี้ไปหมด แต่ร่างกายของเขาไม่สามารถทำตามที่เขาต้องการได้ ดังนั้นจึงได้แต่ดึงจานหงอวี้ไว้อย่างเศร้าใจ และหลังจากการยื้อที่ยาวนาน เขาก็ปล่อยให้นางกลับไป แต่ก่อนที่นางจะจากไปก็ไม่ลืมบอกนางว่าพรุ่งนี้ให้นางมาหาเขาอีกครั้ง

จานหงอวี้ยิ้มและแยกจากจ้าวจื่อเจี๋ยอย่างไม่เต็มใจ เมื่อนางหันกลับมา เสน่ห์ในดวงตาของนางก็หายวับไปและมันก็กลายเป็นความสุขของความสำเร็จ

จ้าวจื่อเจี๋ยยังคงดื่มด่ำกับความพึงพอใจที่จานหงอวี้นำมาให้เขา และเขาไม่เห็นร่องรอยในดวงตาของนางเมื่อนางหันกลับมา

จานหงอวี้ออกจากบ้านตระกูลจ้าวไปและไม่ได้ตรงกลับบ้านทันที แต่ไปที่ร้านน้ำชาซึ่งมีหญิงสาวที่มีสวมผ้าคลุมหน้ารอนางอยู่

จานหงอวี้มีรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์บนใบหน้ายามเอ่ยทักทายแขกในวันธรรมดา และเอ่ยขึ้นอย่างเย้ายวน “แม่นางมาเร็วจัง”

“เจ้าให้ของไปแล้วหรือ” หญิงสาวแต่งตัวเรียบร้อย ดวงตาคู่นั้นคมกริบราวกับดาบเล่มยาว

ร่างกายของจานหงอวี้สั่นสะท้าน หญิงคนนี้ดูอายุไม่มาก แต่กลิ่นอายรอบตัวนางทำให้ผู้คนตื่นตระหนก ดังนั้นจึงไม่กล้าชักช้าและตอบอย่างจริงจัง “แม่นาง ของถูกส่งออกไปแล้ว”

“ช่วงนี้เจ้าจะต้องไปที่บ้านตระกูลจ้าวทุกวัน” หญิงสาวหันหลังให้จานหงอวี้และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “แค่ทำตามแผนของเราและห้ามพลาดแม้แต่ขั้นตอนเดียว หากอยากเป็นนายหญิงของตระกูลจ้าว เจ้าต้องทำตามที่ข้าบอก เข้าใจหรือไม่?”

“เข้าใจ เข้าใจ” จานหงอวี้รีบพยักหน้าเห็นด้วย “แม่นาง สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้จริงหรือ ถ้าพวกเขาไม่ตกหลุมพรางจะทำอย่างไร”

หญิงสาวเอียงศีรษะมองไปด้านข้างและพูดแผ่วเบา “เจ้าแค่ต้องทำงานของเจ้าให้ดี ไม่ต้องกังวลว่างานจะสำเร็จหรือไม่”

“ตกลง ๆ” จานหงอวี้ตกใจกับสายตาเย็นชานั้นอีกครั้ง

ดวงตาของหญิงสาวคนนี้ช่างน่ากลัวราวกับงูพิษ

จานหงอวี้ไม่กล้าที่จะนิ่งนอนใจและลุกขึ้นเพื่อออกไปหลังจากพูดคุยกับผู้หญิงคนนั้น

หลังจากประตูถูกปิดลง หญิงสาวก็ถอดผ้าคลุมหน้าออก และหญิงคนนั้นก็คือาจั่ว นางมองประตูที่ปิดอยู่อย่างนิ่งเงียบ ทันใดนั้น ร่างของนางก็หายแวบออกไปทางหน้าต่าง

แม้ว่าจ้าวจื่อเจี๋ยจะเป็นผู้ป่วยและทำได้เพียงนอนอย่างหมดสภาพอยู่บนเตียง แต่เขาก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข จานหงอวี้มาที่บ้านตระกูลจ้าวเพื่อพบเขาทุกวัน และเอาแต่บอกความในใจของตนเอง

เพียงแต่ว่าร่างกายนี้เหมือนมีไฟแผดเผาทุกครั้งและต้องการหาที่ระบาย แต่เพราะร่างกายเป็นเช่นนี้ จึงทำให้ต้องนอนอยู่เฉย ๆ

สิ่งนี้ทำให้จ้าวจื่อเจี๋ยเหมือนปลาบนเตาย่าง ร่างกายของเขารู้สึกราวกับถูกไฟที่กำลังลุกโชนคอยแผดเผา และเอาแต่อยากจิบน้ำเพื่อดับกระหาย

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์หยิบแป้งทาหน้าที่จานหงอวี้มอบให้ตนขึ้นมาดอมดม นางชอบจนวางไม่ลง และมักจะทาทุกวัน วันละน้อย ๆ ทำให้ร่างกายของนางส่งกลิ่นหอมไปทั่ว

เดินไปทางไหนก็มีกลิ่นหอมชวนหลงใหล

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์รักแป้งนี้มาก แม้ว่าจานหงอวี้จะมอบสิ่งนี้ให้กับพี่ชายของนาง แต่พี่ชายของนางก็ส่งมอบมันให้กับนาง นั่นคือสิ่งที่พี่ชายของนางมอบให้ตัวเอง นางจึงไม่จำเป็นต้องขอบคุณจานหงอวี้คนนั้น

เนื่องจากจานหงอวี้ชื่นชอบแป้งนี้มาก นางจึงใช้มันเมื่อตนเองไปหาจ้าวจื่อเจี๋ย

“ได้กลิ่นหรือไม่ ข้ามีกลิ่นหอมหรือไม่” จานหงอวี้โน้มตัวเข้าไปใกล้ร่างของจ้าวจื่อเจี๋ย และกลิ่นหอมที่มีเสน่ห์ก็โชยเข้าจมูกของจ้าวจื่อเจี๋ยในทันที ทำให้เขาเกิดความหลงใหล

“หอม… หอมเหลือเกิน” จ้าวจื่อเจี๋ยดึงจานหงอวี้เข้าไปกอดแน่น เขาสูดดมกลิ่นกายที่หอมเย้ายวนของจานหงอวี้ในอ้อมแขน จากนั้นดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความปรารถนา

“ที่รัก มันคือกลิ่นอะไรถึงได้หอมเช่นนี้ ทำไมข้าไม่เคยได้กลิ่นนี้มาก่อนเลย” จ้าวจื่อเจี๋ยสูดกลิ่นนั้นอีกครั้ง และถามอย่างพึงพอใจ

 


 

บทที่ 1349 ติดกับดัก

บทที่ 1349 ติดกับดัก

จานหงอวี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในที่สุดข้าก็คว้าโอกาสที่จะมาพบท่าน ดังนั้นวันนี้ข้าจึงใช้สิ่งที่ดีที่สุด

“ดีเหลือเกิน วันนี้ข้าจะปรนนิบัติเจ้าอย่างดี เมื่อข้าหายดีแล้ว ข้าจะชดเชยให้เจ้าอย่างแน่นอน” จ้าวจื่อเจี๋ยยื่นใบหน้าเข้าใกล้อีกฝ่าย และใช้ฟันขบริมฝีปากสีแดงสดของจานหงอวี้

กลิ่นหอมกรุ่นในปากนี้เป็นเพียงเสน่ห์แห่งความรักซึ่งทำให้จ้าวจื่อเจี๋ยที่ไม่สามารถปลดปล่อยตัวเองได้ ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดมากขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ยื่นมือออกไปกระชากเสื้อผ้าบนร่างกายอีกฝ่าย และพูดอย่างหมดความอดทน “ที่รัก เร็วเข้า ร่างกายข้าร้อนเหลือเกิน ช่วยข้าถอดเสื้อผ้าที่น่าเกะกะเหล่านี้ที ข้าทนไม่ไหวแล้ว”

จ้าวจื่อเจี๋ยไม่กล้าลงมือมากเกินไป แต่ความปรารถนาในวันนี้รุนแรงเกินไป เและเมื่อไม่ระวัง เขาจึงเผลอไปโดนบาดแผลของตัวเองอีกครั้ง ความเจ็บปวดนั้นทำให้จ้าวจื่อเจี๋ยกัดฟันแน่น

เมื่อเห็นใบหน้าอันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดของจ้าวจื่อเจี๋ย จานหงอวี้ก็รู้ว่าครั้งนี้ความปรารถนาของจ้าวจื่อเจี๋ยได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง และนางก็รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก หากแต่ก็ยังเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ารู้สึกผิด “วันนี้ข้าทำไม่ได้ คนรับใช้ของฮูหยินสั่งมาว่าเมื่อข้าคุยกับท่านเสร็จให้รีบออกไปทันที หากเกินเวลา ฮูหยินจ้าวอาจจะตำหนิข้าได้”

จานหงอวี้มีสีหน้าเป็นกังวล ทันใดนั้นความสนใจของจ้าวจื่อเจี๋ยถูกขัดจังหวะโดยใครบางคน และเมื่อเขาได้ยินว่าเป็นหญิงแก่คนนั้นอีกครั้ง ใบหน้าของเขาก็บึ้งตึง “เจ้าจะไปสนใจนางทำไม เจ้าสามารถอยู่กับข้าได้ตามที่เจ้าต้องการ ถ้านางกล้าแตะต้องเจ้า ข้าจะจัดการนางเอง”

จ้าวจื่อเจี๋ยพยุงร่างกายขึ้นอีกครั้ง และขบฟันลงบนร่างกายของจานหงอวี้อย่างแรง

แต่จานหงอวี้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะหยุดเขา “นายท่าน อย่าทำเช่นนี้ ข้าต้องไปแล้วจริง ๆ หากข้าไม่ออกไปตอนนี้ ฮูหยินจ้าวจะตำหนิข้าได้ จากนั้นถ้านางไม่ให้ข้าเข้ามาพบท่านอีก ข้าจะทำอย่างไร วันเวลาของเรายังอีกยาวไกล เราไม่จำเป็นต้องทำให้ฮูหยินจ้าวขุ่นเคือง”

สีหน้าของจานหงอวี้เต็มไปด้วยความกังวล

จ้าวจื่อเจี๋ยไม่สนใจเรื่องนี้ ตอนนี้หัวใจของเขาถูกกระตุ้นแล้ว เขาจะปล่อยจานหงอวี้ไปได้อย่างไร

ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก “ท่านพี่ ข้าจะเข้าไปนะเจ้าคะ”

ที่นี่จ้าวจื่อเจี๋ยมีคนรับใช้ไม่มาก ตอนนี้ไม่มีแม้แต่คนเฝ้าประตู จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์จึงรู้สึกว่ามันแปลกประหลาด นางจึงเคาะประตูและเปิดเข้าไปทันที

ตอนที่น้องสาวของตนเองเข้ามาถึง กางเกงชั้นในของจ้าวจื่อเจี๋ยได้ถูกปลดลงค้างอยู่บริเวณขาของเขา เผยให้เห็นต้นขาแข็งแรง

เสื้อผ้าของจานหงอวี้เลื่อนหลุดจนมาถึงไหปลาร้าขาว ไหล่ขาวเนียนดังหิมะเผยออกมา และยังสามารถมองเห็นรอยฟกช้ำบนไหล่ซึ่งทำให้ผู้ที่พบเห็นจินตนาการไปไกล

ทันทีที่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เข้ามาก็พบกับบรรยากาศที่สดใด และเต็มไปด้วยกลิ่นหอมที่มีชีวิตชีวา

หญิงสาวรีบหันหลังกลับและตะโกนขึ้นเสียงดัง “ท่านพี่ ท่านกำลังทำอะไร”

จ้าวจื่อเจี๋ยกร้องตะโกนอย่างสุดเสียงและรีบกระโดนกลับขึ้นไปบนเจียง ดึงผ้าห่มมาคลุมร่างกายจนเหลือเพียงศีรษะ “น้องสาวข้า เจ้า… เจ้ามาทำอะไรที่นี่”

ก่อนที่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์จะพูด ก็เห็นว่าจานหงอวี้ลุกขึ้นจากเตียงพลางจัดแจ้งเสื้อผ้า และพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ “นายท่าน คุณหนูจ้าว ข้าขอตัวก่อน!”

จากนั้นก็ผลักประตูวิ่งหนีไปโดยไม่หันหลังกลับมามองราวกับโดนใครไล่ตามมา หากแต่ก็ยังไม่ลืมปิดประตูก่อนวิ่งหนีไป

ใบหน้าของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์แดงก่ำด้วยความลำบากใจ และดูเหมือนว่าจะยังนึกถึงฉากที่เพิ่งเห็นกับตา

เมื่อครู่ดูเหมือนจะมีบางอย่างตรงกลางลำตัวของพี่ชาย

ยิ่งจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางก็ยิ่งรู้สึกเขินอายมากขึ้นและกระทืบเท้าด้วยความโกรธ

“ท่านพี่ ท่านไม่กลัวที่จะถูกพบว่าทำเรื่องไร้ยางอายในบ้านในเวลากลางวันแสก ๆ หรือ?”

ที่นี่คือบ้านตระกูลจ้าว จานหงอวี้ช่างกล้าหาญจริง ๆ ที่มายั่วยวนพี่ชายของนางถึงในบ้าน

“จะไปกลัวอะไรเล่า” จ้าวจื่อเจี๋ยสวมเสื้อผ้า และลุกจากเตียงด้วยรอยยิ้มเหยียดหยาม

“ท่านพี่ หากท่านพ่อรู้เรื่องนี้เข้า เขาจะไม่ตีท่านจนขาหักหรอกหรือ จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ยืนอยู่ที่ประตูเพื่อสงบสติอารมณ์เป็นเวลานาน เมื่อเห็นว่าความร้อนผ่าวบนใบหน้ากลับมาเป็นปกติ จึงหันไปและไปหยุดลงด้านข้างของจ้าวจื่อเจี๋ย

“ฮึ่ม กลัวอะไร ถ้าท่านพ่อรู้แล้วจะทำอย่างไรได้ เขาจะฆ่าข้าหรือ” จ้าวจื่อเจี๋ยพูดอย่างเมินเฉย

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ตอบรับแล้วนั่งลงด้านข้างคุยกับจ้าวจื่อเจี๋ย ภาพที่นางเพิ่งเห็นแวบเข้ามาในความคิดของนางเป็นครั้งคราว ทำให้ใบหน้าของนางแดงก่ำและไม่รู้จะพูดอะไร เพียงแค่พูดคุยกันไปเรื่อย ๆ

จ้าวจื่อเจี๋ยกำลังนอนอยู่บนเตียง และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าบรรยากาศรอบด้านเริ่มอบอ้าวขึ้น

เขาได้กลิ่นหอมซึ่งแตกต่างกับกลิ่นหอมที่อยู่บนร่างกายของจานหงอวี้อย่างสิ้นเชิง กลิ่นหอมนี้สดชื่นราวกับทำให้ร่างกายของเขาเรียกร้องการเติมเต็ม

จ้าวจื่อเจี๋ยหยุดพูดชั่วคราว ตอนนี้เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาร้อนผ่าว

เขาส่งเสียงครวญครางออกมาอย่างแผ่วเบา จากนั้นหลับตาลงเล็กน้อยยื่นมือออกไปสัมผัสร่างกายของตนเอง และส่งเสียงครวญครางดังขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความพึงพอใจ

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์นั่งอยู่ด้านข้างและรู้สึกว่าดูเหมือนจะมีกลิ่นหลงเหลืออยู่ในอากาศ แต่นางไม่รู้ว่ามันมาจากร่างกายของนางเองหรือจากร่างกายของจานหงอวี้ในเมื่อครู่

กลิ่นนั้นจางมากราวกับจะหายไปในอากาศ แต่มันก็มีอยู่จริง

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ได้กลิ่นแล้ว มันทำให้นางรู้สึกพึงพอใจ จากนั้นก็เกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้า และร่างกายก็ร้อนขึ้นเล็กน้อย

“ท่านพี่ ทำไมที่นี่ร้อนจัง” ใบหน้าของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์แดงก่ำ และมีเม็ดเหงื่อเล็ก ๆ ผุดซึมตามหน้าผาก

หญิงสาวถกแขนเสื้อขึ้นเผยให้เห็นต้นแขนที่ขาวเนียนไร้ที่ติ

จ้าวจื่อเจี๋ยมองไปที่ต้นแขนขาวเนียน ดวงตาของเขาพลันแข็งค้างไปชั่วครู่

พละกำลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และทั้งร่างกายก็ร้อนรุ่มขึ้น “ใช่ มันร้อน ร้อนมาก”

จ้าวจื่อเจี๋ยเวียนหัวและไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ดังนั้นเขาจึงยื่นมือออกไปจับต้นแขนของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์

ตอนนี้ใบหน้าของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เป็นสีแดงเข้ม ใบหน้ารูปไข่ที่มีผิวเนียนละเอียดประกอบกับดวงตากลมโตและริมฝีปากสีแดงสด นางยิ่งดูน่าดึงดูด ไม่รู้ว่ารสชาติของริมฝีปากนั้นจะเป็นอย่างไร

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท