ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1352 ศาลบรรพบุรุษตระกูลจ้าว + ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1353 จานซื่อตั้งครรภ์

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1352 ศาลบรรพบุรุษตระกูลจ้าว

บทที่ 1352 ศาลบรรพบุรุษตระกูลจ้าว

เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่กำเริบขึ้น ทำให้จ้าวจื่อเจี๋ยเดินไม่ไหวและถูกหามไปที่ศาลบรรพบุรุษตลอดทาง เมื่อพวกเขามาถึงจุดหมาย สถานที่อันมืดมิดและเงียบสงบนี้ทำให้ทั้งคู่ตัวสั่น

นี่เป็นครั้งที่สองที่พวกเขาเข้ามาในศาลบรรพบุรุษ ครั้งแรกคือวันที่พวกเขาเหยียบเข้าบ้านตระกูลจ้าว จ้าวสวิ่นพาพวกเขาทั้งสองคุกเข่าลงเพื่อบูชาบรรพบุรุษของพวกเขา และถือว่าพวกเขาก็เป็นลูกหลานของตระกูลจ้าวอย่างเป็นทางการ

คราวนี้ทั้งสองถูกจับโยนเข้าไปในศาลบรรพบุรุษเพราะเรื่องไร้ยางอาย และทั้งสองก็เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดจา

ฮูหยินจ้าวยืนอยู่ข้าง ๆ ครั้งนี้นางไม่ได้พาคนมาด้วยมากนัก นางพาอาเหลียนสาวรับใช้คนสนิทที่ถูกนางเรียกใช้งานบ่อยที่สุดมาด้วยเท่านั้น

ฮูหยินจ้าวดูโกรธมากในขณะที่นางเฝ้าดูบุตรอกตัญญูสองคนถูกโยนเข้ามาในศาลบรรพบุรุษ แต่ก็ต้องยอมรับว่าความคิดของนางนั้นขัดแย้งกันจริง ๆ

นางเกลียดลูกสองคนของหงซื่อแทบตาย แต่เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น นางก็ทั้งดีใจและกังวล ความรู้สึกเหล่านั้นผสมปนเปกันไปหมด และเป็นการยากที่จะตัดสินใจ

“คนไร้ยางอายทั้งสองรีบคุกเข่าลง” ฮูหยินจ้าวตะโกนด้วยความโกรธเมื่อเห็นทั้งสองคนเข้ามา

จ้าวจื่อเจี๋ยและจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ไม่กล้าคัดค้าน และคุกเข่าลงเสียงดัง

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์คุกเข่าอยู่ที่นั่น หลังจากนั้นไม่นาน หัวเข่าและเท้าของนางก็เริ่มรู้สึกชา แต่ใครกันเล่าทำให้นางทำผิดพลาดครั้งใหญ่จนถูกหญิงชราผู้นี้จับได้ ครั้งนี้จึงนับว่าเป็นความโชคร้าย

ด้วยวิธีนี้ จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน

ถึงจะโดนจับได้ก็อย่าหมดสภาพเช่นนี้

ในตอนที่เอ่ยประโยคสุดท้ายจบ สีหน้าของหญิงชราก็เปลี่ยนไปทันที ตราบใดที่พูดว่านายท่าน หรือชื่อเสียงของตระกูลจ้าว สีหน้าของหญิงชราก็จะเปลี่ยนไป

ตราบใดที่หญิงชราผู้นี้ยังคงเป็นฮูหยินตระกูลจ้าว ตราบใดที่ฮูหยินจ้าวยังเป็นแม่ของนาง ฮูหยินจ้าวจะช่วยปกปิดสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดที่นางทำ เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็เข้าใจวิธีการและก้าวต่อไป

“หมอตำแยมาหรือยัง” ฮูหยินจ้าวถามขึ้นอย่างกะทันหัน

อาเหลียนพยักหน้า “ข้าเชิญนางมาแล้ว พวกเขาล้วนเป็นคนที่เราไว้วางใจ”

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ดูสับสน ในเวลาแบบนี้ ฮูหยินจ้าวเชิญหมอตำแยมาทำไม ระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา ทันใดนั้นฮูหยินจ้าวก็พูดขึ้นว่า

“อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าไปที่ด้านหลังกับอาเหลียนเสีย”

“ท่านแม่จะให้ข้าทำอะไรหรือ” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ถามอย่างไม่เข้าใจ

“เหตุใดถึงถามมากเช่นนี้ ข้าบอกให้ไปก็ไปสิ!” สีหน้าของฮูหยินจ้าวเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เมื่อนางมองไปที่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ ใบหน้าของนางก็มืดมนราวกับก้นหม้อ

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์คิดว่าวันนี้นางไม่มีเหตุผลที่จะแย้งอะไรอีก ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินตามอาเหลียนไปที่ห้องด้านหลัง

ภายในห้องด้านหลังนี้มีโต๊ะขนาดใหญ่ตั้งอยู่ บนโต๊ะล้อมรอบด้วยเทียน แสงเทียนนั้นส่องสว่างทำให้ห้องที่มืดมนพลันสว่างไสว

“คุณหนู เชิญขึ้นไปเถอะ” อาเหลียนชี้ไปที่โต๊ะแล้วพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“พวกท่านคิดจะทำอะไร” จู่ ๆ จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางถอยไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัวด้วยสีหน้ากังวล

“ในตอนนั้นท่านบอกกับฮูหยินจ้าวว่าท่านบริสุทธิ์ ฮูหยินจึงเชิญหมอตำแยมาตรวจดูว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้นจริงหรือไม่”

ตอนนี้จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เข้าใจทุกอย่าง การที่เชิญหมอตำแยหวังมาที่นี่ก็เพื่อที่จะตรวจภายในให้นาง

“เจ้าเชื่อข้าหรือไม่” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ไม่ต้องการนอนบนโต๊ะนี้ ในฐานะลูกสาว นางรู้สึกละอายใจและหยิ่งในศักดิ์ศรี

“สาวรับใช้ผู้นี้เชื่อในตัวคุณหนู แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ฉะนั้นท่านต้องทำให้ฮูหยินเชื่อในตัวท่าน”

อาเหลียนยังคงมีสีหน้าเย็นชา ครั้นจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ขมวดคิ้วแน่นและปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ นางจึงกล่าวว่า “ถ้าคุณหนูบริสุทธิ์จริง ฮูหยินก็อาจจะกลับมาพูดดี ๆ กับคุณหนูอีกครั้ง และหลังจากนี้คุณหนูก็จะหาครอบครัวดี ๆ ได้”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เลิกคิ้วและมองไปที่อีกฝ่าย

“เอาล่ะคุณหนู อย่ามามัวเสียเวลาอยู่เลย ฮูหยินยังรอเราอยู่ อย่าปล่อยให้ฮูหยินรอนานและรีบตรวจสอบตัวเองเถอะ ถึงจะฟังดูน่าละอายใจ แต่ก็ไม่เท่ากับการทำผิดพลาด สิ่งที่นายน้อยเพิ่งทำไป เมื่อเทียบกันแล้วมันคือการพรากความบริสุทธิ์ของคุณหนู”

ก่อนจะจากมา อาเหลียนรีบวิ่งไปสำรวจที่เตียง นางพบว่าบนเตียงเต็มไปด้วยคราบเลือด และบาดแผลของจ้าวจื่อเจี๋ยก็ฉีกขาดทำให้มีเลือดไหลซึมออกมา นางจึงไม่แน่ใจว่าเลือดนั้นคือเลือดอะไรกันแน่

ตอนนี้สิ่งเดียวที่ทำได้คือ ขอให้หมอตำแยตรวจสอบความบริสุทธิ์ของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์คิดอยู่ครู่หนึ่งและกัดฟันแน่น ตอนนี้นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมจำนนเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์รีบปีนขึ้นไปบนโต๊ะ ถอดกางเกงออกแล้วนอนอ้าขาอล่างฉ่างอย่างน่าอาย จากนั้นหมอตำแยก็เข้ามาตรวจสอบอย่างรวดเร็ว

อาเหลียนถือเทียนสองเล่มไว้ในมือและยืนนิ่ง

ฮูหยินเจ้าและจ้าวจื่อเจี๋ยรออยู่ภายในห้องโถง

จ้าวจื่อเจี๋ยก้มหน้าลงและไม่พูดอะไร

ฮูหยินจ้าวเองก็ไม่สนใจที่จะคุยกับเขา ดังนั้นเขาจึงได้แต่ยืนรอผลที่จะออกมา และคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป

และยังคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น

อาเหลียนเป็นคนแรกที่เดินกลับมายังห้องโถง พลางกระซิบข้างหูของฮูหยินจ้าวสองสามครั้ง คิ้วของฮูหยินจ้าวที่ขมวดมุ่นก็พลันคลายตัวลง

หากไม่ได้สูญเสียความบริสุทธิ์ก็ดี

ฮูหยินจ้าวถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ถ้าจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ยังคงบริสุทธิ์ สิ่งที่ต้องทำคือวางเรื่องนี้ลง แล้วรีบหาชายหนุ่มสักคนมาแต่งงานกับนางเพื่อไม่ให้ตระกูลจ้าวต้องอับอาย

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์กลับไปที่ห้องโถงด้านหน้าและคุกเข่าลงข้าง ๆ จ้าวจื่อเจี๋ย ตอนนี้มีเพียงสี่คนในศาลบรรพบุรุษ ฮูหยินจ้าวดุพวกเขาอยู่พักหนึ่ง

“เจ้าสองคนแค่สับสน อย่าพูดว่ามันผิดศีลธรรมและอุกอาจ เจ้าสองคนก็แค่…” ฮูหยินจ้าวไม่รู้จะพูดอะไรอีกต่อไป นางคิดถึงศักดิ์ศรีของตระกูลจ้าว คงเป็นการดีกว่าที่จะปล่อยให้เรื่องนี้เน่าอยู่ในท้องของนาง

“ท่านแม่ ลูกและท่านพี่บริสุทธิ์ เราไม่ได้ทำเช่นนั้น พวกข้าไม่ได้ทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง พวกข้าผิดไปแล้ว ขอความเมตตาด้วย ถ้าท่านพ่อรู้ว่าท่านแม่เป็นคนจัดการเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ท่านพ่อจะรักท่านแม่มากขึ้น” น้ำตาของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ไหลลงมาอีกครั้ง โชคดีที่นางได้ยินหมอตำแยบอกว่านางยังบริสุทธิ์ ความอึดอัดที่ขึ้นมาถึงลำคอของนางก็ลดลง

 


 

บทที่ 1353 จานซื่อตั้งครรภ์

บทที่ 1353 จานซื่อตั้งครรภ์

“ข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสอง” สิ่งที่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์พูดมันกินใจทั้งสองยิ่งนัก

ถูกต้อง สองคนนี้ตรงหน้านางเป็นลูกหลานของตระกูลจ้าว และทั้งคู่ก็เป็นลูกของจ้าวสวิ่น หากนางไม่สนใจชีวิตและความเป็นความตายของพวกเขา หากนางต้องการเปิดโปงเรื่องนี้ จ้าวสวิ่นจะคิดอย่างไรกับนาง

ห้องส่วนตัวของสตรีบ้านไหนบ้างที่ไม่มีเรื่องสกปรกโสมมอยู่ในนั้น

จุดอ่อนของฮูหยินจ้าวถูกจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์จับทางได้ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงปล่อยมันไป “ข้าจะช่วยเจ้าปกปิดเรื่องนี้เอง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าวจื่อเจี๋ยและจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็ก้มศีรษะลงและลอบมองหน้ากันด้วยความยินดี

ยังไม่ทันที่นางจะพูดจบ ทันใดนั้นก็ได้ยินน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลดังขึ้นทางหน้าประตู

“ฮูหยินเจ้าคะ จานซื่อเป็นลมอยู่ในบ้านเจ้าค่ะ”

หลังจากฟังคำของอาเหลียนแล้ว ฮูหยินจ้าวก็มองจ้าวจื่อเจี๋ยด้วยสายตาแข็งกร้าว ตอนนี้นางโกรธจนพูดไม่ออก “เจ้าทำอะไรกับจานหงอี้ผู้นั้น”

“ทำอะไรหรือ” จ้าวจื่อเจี๋ยไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในวันนี้และเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่มีสมองมากพอที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

“ยังจะปิดบังข้าอยู่อีกหรือ” ฮูหยินจ้าวอยากจะก้าวไปข้างหน้าและเตะจ้าวจื่อเจี๋ย “จานหงอวี้กำลังตั้งครรภ์ และนางบอกว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเจ้า”

ยิ่งมีคนรู้เรื่องนี้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น จานหงอวี้ไม่ใช่คนที่จัดการได้ง่าย ๆ เดิมทีคิดว่าจะให้เงินนาง แต่ว่าถ้าท้องขึ้นมาจริง ๆ มันคงลำบาก

“มันเป็นไปได้อย่างไร” จ้าวจื่อเจี๋ยกระโดดขึ้นจากพื้นเมื่อได้ยิน “นางอายุขนาดนี้แล้ว จะท้องได้อย่างไร”

“ถึงแม้ว่าจะอายุมากแล้ว หญิงสาวก็สามารถท้องได้ เจ้าไปได้ยินมาจากที่ใดว่าเมื่ออายุมากแล้วหญิงสาวจะไม่สามารถท้องได้?” ฮูหยินจ้าวลูบหน้าผากของนาง เขานี่โง่จริง ๆ

“จะ…จานซื่อพูด นางบอกว่าตอนนี้ระดูของนางหมดแล้ว นางไม่สามารถท้องได้ ดังนั้นขะ…ข้าก็เลย…” ริมฝีปากของจ้าวจื่อเจี๋ยสั่นระริก เขาไม่สามาถพูดประโยคที่สมบูรณ์ได้

“แล้วเจ้าก็เชื่อในสิ่งที่หญิงผู้นั้นพูดหรือ?”

ตอนนี้จานซื่อเป็นหญิงม่ายและนางก็อายุสามสิบแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเสน่ห์ของนาง นางจะคบกับจ้าวจื่อเจี๋ยได้อย่างไร

เมื่อนางเห็นว่าจ้าวจื่อเจี๋ยเกลี้ยกล่อมง่าย จึงใช้โอกาสนี้ปีนขึ้นเตียงจ้าวจื่อเจี๋ย และตอนนี้นางก็ปีนขึ้นเตียงจ้าวจื่อเจี๋ยได้สำเร็จแล้ว นางจึงต้องการที่จะพึ่งพาเขามากยิ่งขึ้น

แม้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาตระกูลจ้าวจะตกต่ำลง แต่ก็ยังถือว่าเป็นตระกูลใหญ่

อย่างไรก็ตาม จ้าวจื่อเจี๋ยอยู่ในฐานะลูกหลานของตระกูลจ้าว เขาจะแต่งงานกับหญิงม่ายเจ้าชู้ได้อย่างไร?

“หญิงเจ้าชู้อย่างนาง ข้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเด็กในท้องเป็นลูกของข้า” โชคดีที่เขายังพอมีสมองอยู่บ้าง เมื่อฮูหยินจ้าวได้ยินสิ่งนี้ นางก็พูดอย่างขุ่นเคือง “เจ้าไปบอกจานซื่อผู้นั้นว่า ถ้านางกล้าพูดเรื่องไร้สาระอีก อย่ามาโทษตระกูลจ้าวว่าหยาบคายกับนาง”

คนรับใช้รับคำสั่ง เมื่อจ้าวจื่อเจี๋ยได้ยินว่าฮูหยินจ้าวจัดการสิ่งกีดขวางให้เขาแล้ว เขาก็รู้สึกโล่งใจ ตระกูลจ้าวจะถูกคนอื่นรังแกได้อย่างไร

“ขอบคุณท่านแม่สำหรับการตัดสินใจเพื่อลูกชายอย่างข้า” จ้าวจื่อเจี๋ยเลียนแบบจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ เขากล่าวชมเชยฮูหยินจ้าว

เมื่อเห็นว่าเด็กสองคนนี้กำลังเรียกตนเองว่าแม่ ฮูหยินจ้าวพลันกระตุกยิ้มอย่างเย็นชาในใจ แต่ภายนอกนางมีความพึงพอใจมาก

เด็กทั้งสองยอมรับในตัวนาง คงเพราะเห็นนางกำลังจัดการเรื่องพวกนี้ให้พวกเขา แต่ก็ดีเหมือนกัน ถ้านายท่านกลับมา เขาคงมองนางอย่างภาคภูมิใจ

หงซื่อ…ดูลูกทั้งสองคนของเจ้าสิ ตอนนี้พวกเขาเรียกข้าว่าแม่

ฮูหยินจ้าวพูดคุยกับจ้าวจื่อเจี๋ยและจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์มากมาย โดยคิดเกี่ยวกับวิธีล้างความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคน เมื่อเรื่องนี้ถูกค้นพบขึ้นมา สมาชิกในครอบครัวนั้นจัดการไม่ยาก แต่คนที่ยากที่สุดคือจานหงอวี้

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฮูหยินจ้าวรีบพูดกับอาเหลียนสองสามคำ หลังจากนั้นอาเหลียนก็รีบจากไปพร้อมกับร่องรอยของความตื่นตระหนกบนใบหน้า

“ตราบใดที่เจ้าสองคนยังยึดมั่นกับเรื่องนี้และบอกว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ข้าจะช่วยปกปิดมันจากท่านพ่อของเจ้า ถ้าข้าปกปิดมันไม่ได้ ข้าจะอธิบายให้นายท่านทราบเอง” ท่าทางของฮูหยินจ้าวแสดงออกเหมือนว่านางพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อพวกเขา

จ้าวจื่อเจี๋ยและจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ซาบซึ้งจนเกือบจะกอดขาของฮูหยินจ้าว แล้วเรียกขานนางว่าท่านแม่

บาดแผลทั้งหมดบนร่างกายของจ้าวจื่อเจี๋ยปริออก ทำให้เลือดไหลออกมาไม่หยุด ท่านหมอทำแผลให้เขาใหม่อีกครั้ง แต่เมื่อมองบาดแผลที่ยังไม่หายดีบนร่างกายของจ้าวจื่อเจี๋ยจึงรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็คงไม่เหมาะที่เขาจะถามออกไป

แต่ว่าแผลบนใบหน้านี้…

เมื่อคิด ๆ ดูแล้วคงต้องพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับแผลบนใบหน้า ถ้ามันยังไม่หายดี มันก็จะเน่าเปื่อย ใบหน้าที่งดงามจะเสียโฉมเอาได้

“นายน้อยจ้าว ช่วงนี้กินอาหารรสจัดหรืออาหารเผ็ด ๆ บ้างหรือไม่” ท่านหมอรู้สึกถึงชีพจรของจ้าวจื่อเจี๋ย จึงถามออกมาพลางลูบเครา

จ้าวจื่อเจี๋ยพยักหน้า เขาชอบอาหารรสเผ็ดมาก ในครัวนี้มีทั้งปลารสเผ็ดและเนื้อรสเผ็ดซึ่งทำขึ้นด้วยวิธีต่าง ๆ อาหารทุกมื้อมีทั้งปลาและเนื้อที่มีรสเผ็ดร้อน เพลินปากจริง ๆ

“บาดแผลของท่านยังไม่หายดี ดังนั้นควรกินอาหารที่มีเนื้อและรสเผ็ดให้น้อยลงจะดีกว่า เพื่อไม่ให้กระทบต่อการรักษาบาดแผล”

เมื่อท่านหมอพูดจบ แต่จ้าวจื่อเจี๋ยดูเหมือนจะไม่ได้ยิน เขายังคงกินขาไก่ชิ้นโตและเต็มไปด้วยน้ำมัน

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ใส่ใจกับคำพูดของตน หมอก็ทำได้เพียงส่ายหัวและจากไป ถือเสียว่าเขาได้พูดแล้ว ถ้าเขาไม่เรียนรู้บทเรียนของเขาก็ปล่อยเขาไป

แต่เกรงว่าใบหน้าอันงดงามนี้จะถูกทำลาย

บาดแผลเดิมนั้นยิ่งอักเสบหนักขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่ผิวหนังดี ๆ ข้าง ๆ ก็เปื่อยเน่า คงจะเป็นเพราะธาตุหยางในร่างกายมากเกินไป

ฮูหยินจ้าวกลับไปที่บ้านของนาง คิ้วที่ขมวดของนางยังไม่คลาย

“สองพี่น้องคู่นี้ทำตัวสกปรกตามแม่ของเขาจริง ๆ เอาไปออกหน้าออกตาไม่ได้” ฮูหยินจ้าวตะคอกอย่างเย็นชา นางจิบชาแล้วกระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะเสียงดังจนน้ำในถ้วยน้ำชากระเด็นออกมา

ใบหน้าของฮูหยินจ้าวไม่มีความสุข อาเหลียนก็ปรนนิบัติต่อนางอย่างระมัดระวังเช่นกัน “ฮูหยิน ขั้นตอนต่อไปคืออะไร วันนี้ผู้คนจำนวนมากกำลังเฝ้าดูเรื่องของสองพี่น้อง และจานซื่อก็เพิ่งจะบอกว่านางตั้งครรภ์”

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท