บทที่ 1357 1358 ไม่ทอดทิ้ง เทศกาลแห่งความรัก
บทที่ 1357 ไม่ทอดทิ้ง
จากนั้นเขาก็หยิบถ้วยชาที่กู้เสี่ยวหวานเพิ่งดื่มเสร็จออกมาจากมือของนางอย่างช้า ๆ และค่อย ๆ วางมันลงบนโต๊ะ กระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้นในครั้งเดียว
“งานหมั้นจะเกิดขึ้นในอีกห้าวัน เจ้าคิดว่ามันเร็วเกินไปหรือไม่ เจ้าไม่กลัวหรือกังวลเลยหรือว่าข้าจะยังไม่ได้เตรียมการอะไร” ฉินเย่จือมองท่าทางที่ไม่เร่งรีบของกู้เสี่ยวหวาน ตอนนี้หัวใจของเขาเหมือนหมีที่กำลังกินน้ำผึ้งอันหอมหวาน
“ต้องกังวลอะไรหรือ ข้าบอกแล้วว่าข้าจะหมั้นกับท่าน ถึงแม้ว่าท่านจะไม่ได้เตรียมการอะไร ข้าก็จะหมั้นกับท่าน” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างแน่วแน่และหนักแน่น
ก่อนหน้านี้นางไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกรักใคร่
เมื่อชีวิตที่แล้วตอนที่นางเรียนอยู่ พ่อแม่และครูคอยดูแลนางอย่างใกล้ชิด ไม่เคยลิ้มรสความรักในรั้วมหาวิยาลัยเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ต่อมาเมื่อเข้าสู่วัยทำงาน ความรักที่บริสุทธิ์ก็หายไป กลายเป็นการนัดดูตัวครั้งแล้วครั้งเล่า ให้ความสนใจกับภูมิหลังครอบครัวและอุปนิสัยของอีกฝ่ายมากขึ้น ซึ่งนี่เหมือนเป็นทางเลือกสุดท้าย มันไม่เหมือนกับตอนที่อยู่ในโรงเรียน
กู้เสี่ยวหวานไม่เคยสัมผัสกับความรักทั้งสองประเภทนี้ นางไม่เคยเข้าใจว่าความรักเหล่านี้คืออะไร แต่ตอนนี้ที่อีกโลกหนึ่ง นางจะได้พบกับความรักที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่า เป็นความรักที่เป็นผู้ให้โดยไม่เรียกร้องสิ่งใดตอบแทน ยอมเสียสละชีวิตเพื่ออีกฝ่าย และในหัวใจก็มีเพียงอีกฝ่ายอยู่เต็มหัวใจ
ความรักแบบนี้หายาก ถ้าพลาดไป ชาตินี้คงไม่มีอีกแล้ว
กู้เสี่ยวหวานไม่อยากพลาดโอกาสนี้
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นจ้องตาของฉินเย่จืออย่างจริงใจ พลางยื่นมือออกไปจับแก้มของเขาอย่างแผ่วเบา นางโน้มตัวเข้าไปใกล้ ๆ และกดจูบลงไปเบา ๆ “พี่เย่จือ เราจะพึ่งพาอาศัยกันตลอดไป เราจะอยู่เคียงข้างกัน หวานเอ๋อร์จะไม่มีวันทอดทิ้งท่าน”
ฉินเย่จือไม่เคยได้ยินกู้เสี่ยวหวานเอ่ยความในใจออกมา แต่วันนี้คำพูดเช่นนี้หลุดออกมาจากปากของนาง ทำให้ฉินเย่จือตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง
“หวานเอ๋อร์ สิ่งที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริงหรือ” ฉินเย่จือดีใจจนรู้สึกสับสน เขาเพิ่งจะขอนางหมั้นหมายสำเร็จ ตอนนี้แมวน้อยกำลังบอกรักเขาด้วยถ้อยคำที่ซาบซึ้งใจอีกครั้ง หรือว่านี่จะเป็นความฝัน…
ขออย่าได้มีใครมาปลุกเขาให้ตื่นจากความฝันนี้เลย
เขามองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างระมัดระวังและพูดประโยคดังกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา เพราะเขากลัวว่าหากเสียงหรือการเคลื่อนไหวของเขาดังขึ้น เขาจะทำให้ความฝันตกใจ และเมื่อเขาตื่นจากความฝัน เขาก็จะเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง
เขารักนางและต้องการแต่งงานกับนาง ไม่ว่านางจะอายุน้อยแค่ไหน เขาก็เต็มใจที่จะรอ
ไม่ว่าจะต้องรอหนึ่งปี สองปี สามปี สี่ปี หรือนานเท่าที่ต้องการ
เขาจะรอจนกว่าตนเองจะได้เป็นเจ้าของลูกแมวของเขาอย่างสมบูรณ์
เพียงแต่ว่าก่อนที่จะไปเมืองหลวง เขายังคงต้องการเก็บลูกแมวไว้ในกระเป๋าของเขา มิฉะนั้นคนที่โดดเด่นเช่นนี้จะกลายเป็นที่ต้องตาต้องใจของใครหลายคน เมื่อเขาไปถึงเมืองหลวง เขาไม่สามารถปล่อยให้คนอื่นอยากได้มัน นางคือคนของเขา
ไม่ว่าจะในอดีต ปัจจุบัน หรือในอนาคตก็ไม่ได้เด็ดขาด
“หวานเอ๋อร์ เจ้ามานี่สิ” ฉินเย่จือดึงกู้เสี่ยวหวานเข้ามาในห้อง ในนั้นมีกล่องไม้ใหม่เอี่ยมวางอยู่หลังม่าน “หวานเอ๋อร์ นี่กุญแจ เจ้าลองเปิดดูสิ”
“ข้างในคืออะไรหรือ” กู้เสี่ยวหวานมองกล่องไม้ที่สวยงามตรงหน้าอย่างสงสัย มีดอกไม้ที่แกะสลักไว้อย่างวิจิตรงดงาม มันเหมือนจริงมาก จะเห็นได้ว่ากล่องไม้แกะสลักนั้นทำขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญ
……
บทที่ 1358 เทศกาลแห่งความรัก
ฉินเย่จือยืนนิ่งอยู่ด้านข้างโดยไม่ตอบคำถามของนาง แต่กลับเอ่ยเร่งอีกฝ่ายให้เปิดกล่องดู “เจ้าเปิดดูสิ”
กู้เสี่ยวหวานเปิดกล่องอย่างรวดเร็ว และทันทีที่เปิดออก นางก็เห็นกล่องไม้หลายกล่องซ้อนกันอยู่ข้างใน
หญิงสาวหยิบหนึ่งในกล่องนั้นออกมาแล้วเปิดออก นางเห็นลูกปัดสองเม็ดขนาดเท่าไข่เป็ด เปล่งแสงจาง ๆ หากแต่ก็ไม่ได้ชัดเจนนักเพราะตอนนี้เป็นตอนกลางวัน
“สิ่งนี้คือ?” กู้เสี่ยวหวานถามด้วยความงุนงง
“นี่คือไข่มุกราตรี กลางวันจะมองไม่เห็นความต่าง แต่กลางคืนเจ้าจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน เจ้าชอบอ่านหนังสือตอนกลางคืนไม่ใช่หรือ? เจ้าใช้แสงเทียน ข้ากลัวว่าจะทำร้ายดวงตาของเจ้า หลังจากไปเมืองหลวงแล้ว นำไข่มุกเรืองแสงเหล่านี้ไว้ในบ้าน มันจะเปล่งแสงในความมืด และมันดีต่อดวงตา” ฉินเย่จือกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นเขาก็หยิบกล่องอีกใบหนึ่งออกมาและเปิดออก มีไข่มุกราตรีอยู่ในนั้นทั้งหมด แต่พวกมันมีขนาดเล็กกว่าไข่มุกที่อยู่ในมือของกู้เสี่ยวหวาน “มันเล็กกว่าไข่มุกที่อยู่ในมือของเจ้า ดังนั้นข้าจะเก็บไว้ให้เจ้าตอบแทนผู้อื่นในอนาคต”
ให้รางวัลผู้อื่นด้วยไข่มุกราตรี
หลังจากได้ยินคำพูดของฉินเย่จือ กู้เสี่ยวหวานก็ยักคิ้ว “ของที่มีค่าเช่นนี้ ข้าไม่กล้านำมันไปมอบให้ผู้อื่นหรอก”
นางรักการอ่านหนังสือ นางไม่มีกิจกรรมบันเทิงอื่น ๆ ในตอนกลางคืน แต่นางก็ไม่สามารถนอนเร็วได้ และกิจกรรมเดียวที่ทำได้ก็คืออ่านหนังสือ
ในตอนกลางคืนนั้นมีแสงสว่างไม่เพียงพอ หากมีไข่มุกเรืองแสงเหล่านี้ ในอนาคตจะได้ไม่ต้องทำร้ายดวงตาเมื่ออ่านหนังสือ ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นผู้มอบสิ่งของเหล่านี้ให้นาง ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลในการมอบให้ผู้อื่น
กู้เสี่ยวหวานดูไม่เต็มใจที่เห็นฉินเย่จือเอาแต่ยิ้มตลอดเวลา “ตามใจท่านก็แล้วกัน”
หลังชื่นชมไข่มุกราตรีเสร็จแล้วก็ยังมีอีกกล่องอยู่ด้านล่าง เมื่อเปิดกล่องดูก็พบว่ามีกองกระดาษหนาเตอะอยู่ข้างใน ด้านบนนั้นคือตั๋วเงิน และเมื่อมองลงไปข้างล่างล้วนเป็นตั๋วเงินทั้งหมด มันมีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
ห้าร้อยตำลึง หนึ่งพันตำลึง และห้าพันตำลึง หรือมากกว่าหนึ่งหมื่นตำลึง นี่คือกล่องที่เต็มไปด้วยตั๋วเงินหนาเป็นปึก
แม้ว่าตอนนี้กู้เสี่ยวหวานจะมีสถานะร่ำรวยขึ้น หากแต่นางก็ยังรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นตั๋วเงินจำนวนมากเช่นนี้ “พี่เย่จือ ตั๋วเงินเหล่านี้…”
มันมากเกินไป…
จากนั้นนางก็มองไปยังกล่องเล็ก ๆ ใบอื่น กล่องหนึ่งเต็มไปด้วยแท่งทองคำหลายสิบแท่ง สีทองอร่ามของมันทำให้นางเกือบตาบอด
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประหลาดใจจนพูดไม่ออก นางมองเข้าไปข้างในอีกครั้ง ในกล่องนั้นมีกระดาษเพียงไม่กี่แผ่น และเมื่อนางเปิดมัน ปรากฏว่าเป็นโฉนดบ้านและโฉนดที่ดิน
อีกทั้งทำเลนี้อยู่ในเมืองหลวงทั้งหมด
แม้ว่าในยุคศตวรรษที่ 21 นี้ ที่ดินทุกตารางนิ้วจะมีราคาแพง แต่ ณ ที่แห่งนี้ที่เรียกได้ว่าเป็นเมืองหลวง มันไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อยที่จะมีบ้านหลังใหญ่และทุ่งนามากมาย
“พี่เย่จือ พวกนี้…”
กู้เสี่ยวหวานตกตะลึง ถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะร่ำรวยแล้ว แต่นางก็ไม่เคยเห็นสิ่งของมีค่ามากมายขนาดนี้มาก่อน ทั้งตั๋วเงิน ทองคำ บ้าน และที่ดินมากมาย ฉินเย่จือเป็นผู้ร่ำรวย!
“นี่คือสินสอด” ฉินเย่จือกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาต้องการนำมาด้วย เพียงแต่ว่าของเหล่านั้นอยู่ที่เมืองหลวง และมันต้องถูกส่งมาที่เมืองหลิวเจียอีกครั้ง มันไม่สะดวกเท่าไรนัก เขาจึงนำของมาแค่บางส่วนแล้วใส่กล่องไว้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้าไปยังเมืองหลวง ก็จะได้ขนขึ้นรถไปได้โดยง่าย
“ของพวกนี้แพงเกินไป” กู้เสี่ยวหวานก็กลัวเช่นกัน ถ้าแปลงเป็นสกุลเงินหยวนในยุคปัจจุบัน อาจมีราคาหลายสิบล้านหยวน
“ของมีค่าทั้งหมดของข้า ข้ายกให้เจ้าทั้งหมด” เย่จือพูดด้วยรอยยิ้มโดยอุ้มกู้เสี่ยวหวานไว้ในอ้อมแขน “สิ่งที่ข้าเตรียมไว้สำหรับเจ้านั้นอยู่ในเมืองหลวง อีกเดี๋ยวเราก็ต้องไปที่นั่น ข้าก็เลยคิดว่าไม่ควรขนไปขนมาให้ลำบาก เลยนำมาแค่เล็กน้อยเท่านั้น และบ้านหลังนี้ หลังจากนี้ก็จะเป็นของเจ้า”
“แต่ฮ่องเต้ก็มอบบ้านให้แก่ข้าไม่ใช่หรือ?”
“บ้านหลังนั้นข้าเคยไปดูแล้ว แต่…” ฉินเย่จือหยุดชะงักและไม่ได้พูดอะไรต่อ
“แต่อะไรหรือ” กู้เสี่ยวหวานหันหน้าไปมองเขา นางเห็นคิ้วและดวงตาของฉินเย่จือโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว
“บ้านหลังนั้นเล็กเกินไป คนตั้งมากมาย ข้าเกรงว่าจะไม่สะดวกที่จะอยู่” ฉินเย่จือกะพริบตาและพูดด้วยรอยยิ้ม
กู้เสี่ยวหวานตะคอกในใจ นางรู้สึกว่าเขาดูเหมือนจะไม่ได้พูดความจริง และจับสายตาที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมของเขาได้ แต่มันก็หายวับไปอย่างรวดเร็ว
มันเป็นบ้านที่ฮ่องเต้มอบให้นาง ผู้หญิงของเขาจะอาศัยอยู่ในบ้านที่ชายอื่นมอบให้ได้อย่างไร นอกจากนี้ บ้านนั้นอยู่ไกลจากบ้านของเขามาก นางจะอยู่ที่นั่นได้อย่างไร
รอยยิ้มที่มีความหมายปรากฏอยู่ที่มุมปากของฉินเย่จือ เขากอดคนในอ้อมแขนของเขาแน่นขึ้น ดวงตาเปล่งประกายอย่างมีความสุข
เนื่องจากวันที่ 9 เดือน 7 เป็นวันดี
วันที่ 7 เดือน 7 เป็นเทศกาลแห่งความรัก ในวันนั้นชายหญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานจะต้องออกไปเที่ยวเล่นในเมืองเพื่อชมโคมไฟ
ในอดีตกู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่านางยังเด็กและไม่เคยไปเที่ยวเล่นในเทศกาลนี้มากก่อน แต่คราวนี้นางกำลังจะหมั้น ดังนั้นนางจึงควรไปเทศกาลแห่งความรักนี้เพื่อร่วมสนุก
บ่ายวันนี้ฉินเย่จือและกู้เสี่ยวหวานเข้าไปในเมืองหลิวเจีย
พวกเขาไม่ได้กินอาหารที่สวนกู้ แต่กินที่ร้านจิ่นฝู จากนั้นก็ออกไปเดินเล่น
เทศกาลแห่งความรักส่วนใหญ่เป็นเทศกาลสำหรับหญิงที่ยังไม่ได้แต่งงาน พวกนางบูชาพระจันทร์ใต้แสงจันทร์ และอธิษฐานให้พวกนางได้พบกับสามีที่ดี
ที่นี่มีหญิงที่ยังไม่แต่งงานจำนวนมาก ดังนั้นชายหนุ่มที่นี่จึงมีจำนวนมากโดยธรรมชาติ
ไม่นานหลังจากฟ้ามืดลง ถนนหน้าร้านจิ่นฝูก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงโคมไฟ กลุ่มชายหญิงที่แต่งตัวสวยงามเดินเต็มทางถนน แต่ละคนเดินดูดอกไม้ไฟหรือถือโคมภายใต้แสงสีแดงที่เปล่งประกาย แสงนั้นส่องกระทบผิวกาย ทำให้ผิวของหญิงสาวเหล่านั้นแดงระเรื่อราวกับว่ากำลังเขินอาย
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ฉินเย่จือก็พานางออกไปข้างนอก
ระหว่างทาง ฉินเย่จือคอยจับมือกู้เสี่ยวหวานไม่ยอมปล่อย
รูปร่างของฉินเย่จือที่เหมือนต้นไผ่ประกอบกับใบหน้าที่หล่อเหลา และเสื้อผ้าสีขาวนวลทำให้เขาดูหล่อเหลาราวกับเทพเจ้า เมื่อเขาปรากฏตัว หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานที่กำลังดูโคมไฟบนถนนต่างก็มองมาที่เขา พวกนางทั้งหมดมองไปฉินเย่จือ และหาโอกาสเข้าใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อเห็นผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันรอบ ๆ ฉินเย่จือก็ขมวดคิ้วและจับมือของกู้เสี่ยวหวานให้แน่นยิ่งขึ้น เขาดึงกู้เสี่ยวหวานเข้ามาใกล้ ๆ เพราะกลัวว่าจะมีคนทำร้ายกู้เสี่ยวหวานโดยไม่ได้ตั้งใจ