ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1371 หาไม่เจอก็ฝังไปพร้อมกับคนตาย – ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1372 กลับบ้าน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1371 หาไม่เจอก็ฝังไปพร้อมกับคนตาย

บทที่ 1371 หาไม่เจอก็ฝังไปพร้อมกับคนตาย

“เสี้ยนจู่ เสี้ยนจู่ ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ ข้าไม่รู้ว่าเสี้ยนจู่จะมากลางดึกเช่นนี้ เสี้ยนจู่ไว้ชีวิตข้าด้วย ไว้ชีวิตข้าด้วย” คนรับใช้เปลี่ยนท่าทีของเขาอย่างฉับไว คุกเข่าลงที่พื้นอย่างประจบสอพลอและร้องขอความเมตตาด้วยความหวาดกลัว “ข้าน้อยสมควรตาย ข้าน้อยสมควรตาย ข้าไม่รู้ว่าเป็นคุณชายกู้ ข้าน้อยสมควรตาย ข้าต่างหากที่รนหาที่ตาย”

“เจ้ารนหาที่ตาย ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าเลือดของเจ้าจะเปื้อนดาบข้า ข้าตัดลิ้นของเจ้าไปแล้ว” กู้หนิงผิงพูดด้วยความโมโห และดาบก็ถูกเก็บเข้าไปในฝักตามเดิม

“คุณชายกู้ ไว้ชีวิตด้วย เสี้ยนจู่ไว้ชีวิตด้วย” คนรับใช้คนนั้นเอาหัวโขกพื้นไม่หยุด

กู้เสี่ยวหวานไม่แม้แต่จะสนใจคนผู้นั้น นางเดินตรงไปที่ประตูและพูดอย่างเย็นชา “รีบไปรายงานนายท่านของเจ้าว่าข้ามาขอพบ เร็วเข้า!”

คนรับใช้คนนั้นรีบวิ่งไปหาจ้าวสวิ่นทันทีด้วยท่าทีหวาดกลัว

ในขณะนี้จ้าวสวิ่นกำลังนอนหลับสนิทอยู่กับฮูหยินจ้าวก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น จ้าวสวิ่นตื่นจากห้วงแห่งฝันอย่างอารมณ์เสีย “ดึกดื่นขนาดนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

เสียงของคนรับใช้คนนั้นสั่นเครือจนแทบจะร้องไห้ออกมา “นายท่าน เสี้ยนจู่มาขอรับ มาพร้อมกับคนมากมาย”

อะไรนะ

เสี้ยนจู่มางั้นรึ?

ครั้นได้ยินชื่อนี้ จ้าวสวิ่นและภรรยาก็รีบลุกขึ้นจากเตียง ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยความสงสัย และต่างคนต่างเห็นความกังวลในสายตากันและกัน “ดึกขนาดนี้แล้ว เสี้ยนจู่มาทำอะไรที่นี่”

ทั้งสองคนครุ่นคิดและรีบลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยในชั่วพริบตา และยังเห็นคนรับใช้คนนั้นยืนอยู่ที่หน้าประตู

ในขณะที่จ้าวสวิ่นติดกระดุมเสื้อพลางถามไปด้วย “เสี้ยนจู่อยู่ที่ไหน”

“รออยู่ที่ห้องโถงขอรับ” หน้าผากของคนรับใช้คนนั้นมีเลือดไหลซึม ใบหน้ายับยู่ยี่พร้อมจะร้องไห้ออกมาทุกเมื่อ

“ดึกขนาดนี้แล้ว เสี้ยนจู่ได้พูดอะไรหรือไม่” ฮูหยินจ้าวเห็นรอยแผลบนหน้าผากของเขา จึงรีบถามทันที

“ข้าน้อยก็ไม่ทราบเหมือนกัน” คนรับใช้คนนั้นแทบจะร้องไห้ออกมาและพูดอย่างเสียใจ “คุณชายรองตระกูลกู้ดุร้ายมาก เอาดาบมาจ่อที่คอข้า ทำให้ข้าน้อยกลัวจนแทบตาย”

จ้าวสวิ่นและฮูหยินจ้าวมองหน้ากันและยิ่งรู้สึกแปลกใจมากขึ้น

พวกเขาไม่ได้สร้างเรื่องอะไร แล้วเหตุใดเสี้ยนจู่ถึงมาที่บ้านจ้าวตอนดึกดื่นแบบนี้

เป็นไปได้หรือไม่ว่าที่ระดมพลมาเพื่อถามเรื่องอาชญากรรม

ตอนที่กู้เสี่ยวหวานมาถึงห้องโถง นอกจากเทียนที่จุดเอาไว้เล่มเดียว ทั่วบริเวณโดยรอบก็มืดสนิท ฉือโถวจุดเทียนเล่มอื่นในห้องโถงทำให้ภายในห้องสว่างขึ้น

เมื่อจ้าวสวิ่นมาถึงห้องโถงก็เห็นกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ยืนรอด้วยสีหน้าท่าทีที่จริงจัง

เมื่อเห็นสิ่งนี้ จ้าวสวิ่นก็เตะคนรับใช้ “ไอ้สารเลว เสี้ยนจู่อยู่ที่นี่ ยังไม่รู้จักไปชงชามาให้อีก”

คนรับใช้คนนั้นถูกเตะอีกครั้ง เขาส่งเสียงร้องโอดโอยและรีบลุกวิ่งไปทันที

จ้าวสวิ่นและฮูหยินจ้าวเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ากู้เสี่ยวหวานและเอ่ยถามว่า “เสี้ยนจู่ ดึกป่านนี้แล้ว ท่านมาถึงตระกูลจ้าว มีอะไรให้รับใช้หรือ”

“คุณชายรองตระกูลจ้าวอยู่บ้านหรือไม่” กู้เสี่ยวหวานถามอย่างเย็นชาโดยไม่สนใจคำพูดของจ้าวสวิ่น

“เจี๋ยเอ๋อร์” เมื่อจ้าวสวิ่นได้ยินก็ตกตะลึง จากนั้นก็เรียกด้วยเสียงดัง “ใครก็ได้ รีบไปเรียกคุณชายรองมา”

จ้าวสวิ่นพูดเสร็จก็หันมาคุยกับกู้เสี่ยวหวานอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม “เสี้ยนจู่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือถึงมาที่นี่ตอนดึกดื่น เหตุใดเจ้าจึงมาตามหาไอ้ลูกหมาของข้า ไอ้ลูกหมานั่นทำเรื่องอะไรผิด”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ฮูหยินจ้าวขมวดคิ้วหันไปมองจ้าวสวิ่นแวบหนึ่งแล้วไม่ได้พูดอะไร

จ้าวสวิ่นพูดไปไม่น้อยเลยทีเดียว แต่กู้เสี่ยวหวานยังคงไม่ได้พูดสักคำ จ้าวสวิ่นพูดจนเหนื่อยแต่เห็นกู้เสี่ยวหวายื่นจ้องไปที่พื้นอย่างเย็นชา ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองตนเองด้วยซ้ำ

จ้าวสวิ่นตัวสั่นลุกลี้ลุกลน พูดไปมากขนาดนั้น แต่กลับไม่ได้รับเสียงตอบรับใด ๆ จากกู้เสี่ยวหวานสักนิด

ฮูหยินจ้าวก็เช่นกัน มองจ้าวสวิ่นอย่างใจจดใจจ่อและชำเลืองมองกู้เสี่ยวหวาน

ในเวลานี้มีคนมากระซิบข้างหูจ้าวสวิ่น แต่แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป “เจ้าว่าอะไรนะ คุณชายรองไม่อยู่บ้าน”

คนผู้นั้นพยักหน้า “ใช่ขอรับ ได้ยินว่าออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา”

เมื่อจ้าวสวิ่นได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เขารีบหันไปมองที่กู้เสี่ยวหวาน ประจวบเหมาะกับกู้เสี่ยวหวานที่เงยหน้าขึ้นมา และดวงตาคู่นั้นมองมาที่เขาอย่างเย็นยะเยือก

จ้าวสวิ่นรู้สึกชาวาบไปทั้งร่างกาย “เสี้ยนจู่ ท่านมีเรื่องอะไรบอกข้าก็เหมือนกัน ข้าจะส่งคนไปลากตัวไอ้ลูกหมานั่นกลับมา”

กู้เสี่ยวหวานลุกขึ้นยืนแล้วมองจ้าวสวิ่นอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะปริปากและพูดบางอย่างที่ทำให้ฮูหยินจ้าวเกือบหมดสติ “นายท่านจ้าว ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหนิงอันของข้า ข้าก็จะฝังตระกูลจ้าวไปพร้อมกัน”

นัยต์ตาเฉียบคมเหมือนมีดที่เฉือนผ่านหน้าจ้าวสวิ่นและฮูหยินจ้าว ทั้งจ้าวสวิ่นและฮูหยินจ้าวเบิกตากว้าง พอพวกเขารู้สึกตัวอีกที ก็ไม่เห็นกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ แล้ว

หนิงอัน กู้หนิงอัน

จ้าวจื่อเจี๋ยจับตัวกู้หนิงอันไป

ฮูหยินจ้าวจับแขนของจ้าวสวิ่นและพูดทั้งน้ำตา “นายท่าน เราควรทำอย่างไร”

“ทำอย่างไรหรือ? ยังไม่รีบไปลากตัวไอ้ลูกเนรคุณนั่นกลับมาอีก” จ้าวสวิ่นกระทืบเท้าด้วยความโกรธและตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “ใครก็ได้เรียกทุกคนที่อยู่ในนี้ให้ออกไปตามหา หากหาไม่พบก็อย่าได้กลับมา”

จ้าวสวิ่นโกรธจนหน้าซีด ฮูหยินจ้าวแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา “ตอนนั้นข้าบอกแล้วว่าอย่ารับพวกเขากลับมา แต่ท่านก็ไม่ฟัง ตอนนี้ทำให้เสี้ยนจู่ขุ่นเคือง ต่อไปทุกอย่างจบเห่แน่”

จ้าวสวิ่นร้อนใจทั้งโกรธและเกลียด ตอนนี้ฟังที่ฮูหยินจ้าวพูดก็ยิ่งทำให้โกรธจนต้องกัดฟันแน่น

“ลูกเนรคุณ ถ้าข้าเจอตัวเจ้าเมื่อไร คอยดูนะว่าข้าจะหักขาเจ้าหรือไม่” จ้าวสวิ่นพูดด้วยความโมโห

เมื่อเห็นท่าทีแสดงออกของจ้าวสวิ่นแล้ว ฮูหยินจ้าวก็สงบลงเล็กน้อย “นายท่าน ถ้าหาแบบนี้คงหาไม่พบแน่ ที่เสี้ยนจู่พาคนมาที่นี่ แน่นอนว่าหาไม่พบจึงได้พาคนมา พวกเราออกไปหาแบบนี้ก็หาไม่พบแน่ พวกเราลองไปถามอวิ๋นเอ๋อร์ดูสิ อวิ๋นเอ๋อร์ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่นอน”

 

 

บทที่ 1372 กลับบ้าน

บทที่ 1372 กลับบ้าน

โชคดีที่ฮูหยินเอ่ยความคิดที่ดีออกมา นางและจ้าวสวิ่นจึงรีบไปหาจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์กำลังนอนหลับสนิท แต่แล้วก็ต้องถูกปลุกขึ้นมา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ท่านพ่อ นี่มันก็ดึกมากแล้ว ไม่ใช่ว่าคนเราต้องพักผ่อนหรือ ตอนนี้ลูกก็หลับไปแล้ว จะปลุกข้าทำไมกัน?”

จ้าวสวิ่นกระวนกระวาย ตระกูลจ้าวกำลังจะถูกฝังไปพร้อมกับคนอื่น แต่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ยังคงบ่นไม่หยุด ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้เขามากขึ้น “พี่ชายของเจ้าล่ะ วิ่งไปไหนแล้ว”

“พี่ชาย? พี่ชายของข้าไปไหน แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไร เขาไม่ใช่เด็กสามขวบแล้ว จะไปไหนทำไมต้องบอกข้า”

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์กลอกตา พูดพร้อมกับหาวด้วยท่าทางไม่แยแส

“เจ้าไม่รู้หรือว่าพี่ชายของเจ้ามักจะมาที่นี่ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะไม่รู้” ฮูหยินจ้าวเห็นท่าทางแบบนี้ของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

“ท่านหมายความว่าอย่างไร ข้าบอกไม่รู้ก็คือไม่รู้ ท่านกล้าดีอย่างไรมาชี้หน้าข้าอย่างนั้นหรือ?” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์รีบลุกขึ้นและซ่อนตัวอยู่ข้างหลังจ้าวสวิ่น พลางทำหน้ามุ่ยด้วยความน้อยใจ และต้องการการปลอบโยนจากจ้าวสวิ่น

ในวันธรรมดา จ้าวสวิ่นปฏิบัติต่อลูกสาวคนนี้เป็นอย่างดี นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์กลายเป็นคนไม่สนกฎเกณฑ์เมื่ออยู่ต่อหน้าจ้าวสวิ่น ไม่ว่าจะขออะไร จ้าวสวิ่นจะตอบตกลงโดยไม่มีเงื่อนไข

น่าเสียดายที่วันนี้แตกต่างจากในอดีต จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ไม่รู้สถานการณ์ปัจจุบันของตนเอง ไม่รู้ความเก่งกาจของฮูหยินจ้าว และยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้อารมณ์ของจ้าวสวิ่นในขณะนี้

เสียงตบดังกึกก้องขึ้นในยามค่ำคืน ทำลายความเงียบสงัดกลางดึก

ตอนนี้จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ได้หายจากอาการง่วงเป็นปลิดทิ้ง นางเบิกตากว้างยกมือขึ้นกุมใบหน้าที่แดงก่ำจากการถูกตบ และมองไปที่จ้าวสวิ่นด้วยความไม่เชื่อ “ท่านตบข้า ท่านพ่อไม่เคยทำร้ายข้า แต่ตอนนี้ท่านกลับกล้าตบข้า”

มือของจ้าวสวิ่นสั่นระริก ก่อนจะชี้ไปที่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์และพูดอย่างดุดัน “ถ้าตระกูลจ้าวถูกทำลายด้วยน้ำมือของพวกเจ้าสองพี่น้อง ข้าจะตบเจ้าไม่ได้หรืออย่างไร ถ้าไม่มีตระกูลจ้าว ข้านี่แหละจะเป็นคนแรกที่พาเจ้าสองคนไปไหว้บรรพบุรุษ”

“ท่านพ่อ ท่านพูดอะไร ตระกูลจ้าวจบสิ้นอะไรกัน” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ขมวดคิ้วแน่น ซึ่งดูเหมือนดีใจเล็กน้อย แต่ก็รีบซ่อนความรู้สึกนั้นอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้จ้าวสวิ่นสังเกตเห็น

กลางค่ำคืนที่มืด มีเพียงเทียนเล่มเดียวที่จุดไว้ในห้อง จ้าวสวิ่นและฮูหยินไม่ได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์แม้แต่นิดเดียว แต่ถึงแม้ว่าจะถูกพบ ก็มีเพียงจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เท่านั้นที่ตกใจ

ฮูหยินจ้าวเอ่ยอย่างจริงจังว่า “อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าอย่าโกรธพ่อเจ้าเลย พ่อเจ้าเพียงแค่เป็นห่วงเจ้าเท่านั้น คืนนี้เสี้ยนจู่มาที่นี่”

“หญิงสารเลวคนนั้นมาทำอะไรที่นี่” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์กรีดร้อง

“เจ้าพูดว่าอะไร เจ้ากำลังด่าเสี้ยนจู่ว่าอย่างไรนะ” จ้าวสวิ่นเลิกคิ้ว

ฮูหยินมีสีหน้าตื่นตระหนก “ไอ๊หยา หากนางมาได้ยินเข้า หัวเจ้าได้หลุดออกจากบ่าแน่ ๆ”

“ฮึ! ช่างหัวนางสิ ก็เห็นอยู่ว่าเป็นนังสารเลว นังสารเลว นังสารเลว นังสารเลว นังสารเลว” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ระบายความโกรธ พร้อมด่าทอออกมาหลายครั้ง และทำให้ใบหน้าของจ้าวสวิ่นดำคล้ำขึ้นเรื่อย ๆ ดำราวกับฝุ่นก็ไม่ปาน

“ลูกไม่รักดี!” จ้าวสวิ่นตะโกนเสียงดังลั่น และตวัดขาเตะเข้าไปที่ลำตัวของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์จนร่างของนางทรุดลงไปกับพื้นจนไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ “ลูกไม่รักดี ข้าให้กำเนิดลูกหมูโง่ ๆ สองตัวนี้ได้อย่างไร ถ้าข้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ข้าน่าจะบีบคอเจ้าให้ตายไปเสีย เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น สิ่งที่ไม่ได้อยู่บนโต๊ะก็ยังคงไม่อยู่บนโต๊ะ”

หลังจากที่จ้าวสวิ่นพูดด้วยความขยะแขยง มุมปากของฮูหยินจ้าวก็ปราฏกรอยยิ้มจาง ๆ

ภูมิใจเหลือเกิน

หงซื่อ เจ้าได้ยินหรือยังว่า แม้เจ้าจะอยู่กับนายท่านมาครึ่งชีวิต แต่ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ไม่ได้อยู่บนโต๊ะก็ยังคงไม่อยู่บนโต๊ะ

รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏบนใบหน้าของฮูหยินแวบหนึ่ง หน้าอกของจ้าวสวิ่นกระเพื่อมขึ้นลงด้วยความโกรธ นางจึงรีบโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อปลอบเขา “นายท่านอย่ารีบร้อนไปเลย ค่อย ๆ ถามอวิ๋นเอ๋อร์เถอะ พวกเรารีบตามหาจื่อเจี๋ยก่อนเถอะว่าอยู่ที่ไหน ตราบใดที่คุณชายใหญ่ตระกูลกู้ได้รับการช่วยเหลือ เสี้ยนจู่คงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องนี้”

“พวกท่านกำลังพูดถึงอะไร เสี้ยนจู่รู้ว่าท่านพี่ลักพาตัวกู้หนิงอันไปหรือ?” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์รู้สึกเจ็บไปทั้งหน้าอกจากการถูกเตะ เจ็บปวดราวกับว่าซี่โครงหัก แต่หลังจากได้ยินคำพูดของฮูหยินจ้าว อวิ๋นเอ๋อร์ก็โพล่งออกมา

คราวนี้จ้าวสวิ่นกระอักเลือดออกมาเต็มปากด้วยความโกรธ “แน่นอนว่ามันเป็นเจ้าลูกเวรที่ลักพาตัวคุณชายใหญ่ตระกูลกู้ไป ดังนั้นรีบบอกข้ามาว่าพี่ชายของเจ้าอยู่ที่ไหน หรือเจ้าต้องรอให้ตระกูลจ้าวถูกทำลายไปจริง ๆ”

“อวิ๋นเอ๋อร์ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณชายใหญ่ตระกูลกู้ ตระกูลจ้าวจบสิ้นแน่” ฮูหยินจ้าวยังคงมีท่าทีตื่นตระหนก “เจ้าเองก็เป็นคุณหนูของตระกูลจ้าว หากตระกูลจ้าวจบสิ้น เจ้าก็ไม่มีที่ใดให้พึ่งพาอีก”

“ท่านพี่ ท่านพี่อยู่ที่เฉิงซี” หลังจากที่อวิ๋นเอ๋อร์เอ่ยออกมาสองประโยคด้วยเสียงสั่นเทา จ้าวสวิ่นก็มองลูกสาวที่เขารักมากก่อนหน้านี้อย่างรังเกียจจนอยากจะเลาะกระดูกของนาง

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์สั่นสะท้านไปทั้งตัว ประตูถูกเปิดออกอย่างแรงและมีสายลมเย็นพัดผ่าน ความหนาวเย็นทำให้หน้าตาของนางเหยเกอย่างเจ็บปวด

ฟ้ายังไม่ทันสาง กู้หนิงอันก็ถูกส่งตัวถึงสวนกู้อย่างปลอดภัย

นอกจากเสื้อผ้าบนร่างกายที่ขาดชำรุดเล็กน้อย เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บที่ร่างกายส่วนใด

แต่โชคดีที่จ้าวสวิ่นไปทันเวลา หากไปไม่ทัน เกรงว่าเครื่องมือทรมานคงถูกนำมาใช้กับกู้หนิงอันแล้ว

จ้าวสวิ่นไม่มีเวลาพูดอะไรกับจ้าวจื่อเจี๋ย เขาจึงได้แต่คุกเข่าลงต่อหน้ากู้หนิงอันเพื่อขอโทษ จากนั้นก็ส่งกู้หนิงอันกลับมาด้วยความเคารพ อย่างไรก็ตาม จ้าวจื่อเจี๋ยถูกมัดและพาตัวไปที่สวนกู้

เขาคุกเข่าต่อหน้ากู้เสี่ยวหวานและร้องไห้อย่างขมขื่น “เสี้ยนจู่ ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ ครอบครัวของข้าโชคไม่ดี ลูกชายไม่รักดีของข้าทำเรื่องที่เลวร้ายเช่นนี้ ได้โปรดเสี้ยนจู่ ไม่ว่าท่านจะลงโทษอย่างไร ข้าก็จะเชื่อฟังท่าน”

เพราะจ้าวจื่อเจี๋ยถูกมัดไว้ตลอดทาง เขาจึงพูดอะไรไม่ดีออกมา เพราะจ้าวสวิ่นกลัวว่าคำพูดของจ้าวจื่อเจี๋ยจะทำให้กู้เสี่ยวหวานโกรธ ดังนั้นเขาจึงใช้ผ้าขี้ริ้วยัดปากของจ้าวจื่อเจี๋ยไว้

จ้าวจื่อเจี๋ยกำลังสะอึกสะอื้นส่งเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอ ดวงตาจ้องไปที่กู้เสี่ยวหวานที่นั่งอยู่ด้านบนด้วยความดุร้าย

ขณะนั้นกู้เสี่ยวหวานก็สำรวจดูกู้หนิงอันหนึ่งรอบ เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายของเขาไม่มีบาดแผลใด ๆ แล้วค่อยวางใจ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท