ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1377 ไล่ฆ่าจานซื่อ + ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1378 เจ้าสมควรได้รับมัน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1377 ไล่ฆ่าจานซื่อ

บทที่ 1377 ไล่ฆ่าจานซื่อ

เฮ้อ…ค่อยยังชั่วหน่อยที่แค่บังเอิญผ่านมา จ้าวสวิ่นปาดเหงื่อไปหนึ่งที ไม่ได้ตั้งใจมาที่นี่ก็ดีแล้ว

ความกังวลของจ้าวสวิ่นจางหายไป “ใต้เท้าจ้าว ข้าน้อยมีบางเรื่องอยากจะพูดกับท่าน ไม่สู้เรากลับไปที่เรือนแล้วค่อย ๆ พูดคุยกันเถอะขอรับ”

จ้าวสวิ่นค่อนข้างมีหน้ามีตาในเมืองหลิวเจีย ใต้เท้าจ้าวเห็นว่าอีกฝ่ายที่พยายามกันเขาออกจากที่นี่ให้ได้ ในใจพลันรู้สึกขบขันยิ่งนัก แต่ก็ตอบตกลงในเวลาต่อมา “เช่นนั้นคงต้องรบกวนแล้วล่ะ”

ฮูหยินจ้าวหัวเราะร่า “เสี่ยวเหลียน รีบกลับไปเตรียมน้ำชา”

จากนั้นสองสามีภรรยาก็พาใต้เท้าจ้าวหันหลังกลับเพื่อมุ่งหน้าไปที่เรือน

ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องปนเสียงร้องไห้จากความหวาดกลัวต่อบางสิ่งตามหลังมาติด ๆ “ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย!”

เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั้งถนน ใต้เท้าจ้าวหันกลับไปมองอย่างรวดเร็วก็เห็นหญิงผู้หนึ่งวิ่งมาทางเขา “ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย!”

หญิงผู้นั้นผมเผ้ายุ่งเหยิง ท่าทางตื่นตกใจ และคงจะเป็นผู้ใดไปไม่ได้นอกจาก…จานหงอวี้?!

จานหงอวี้ทั้งร้องขอความช่วยเหลือทั้งวิ่งออกมาจากเรือนร้างด้วยความตื่นตระหนก “ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย!”

ข้างหลังนางมีกลุ่มชายฉกรรจ์ท่าทางน่ากลัวถือดาบเล่มใหญ่ไว้ในมือกำลังวิ่งตามหลังมาติด ๆ

จานหงอวี้วิ่งเข้ามาใกล้ ๆ เห็นว่าใต้เท้าจ้าวก็อยู่ที่นี่ด้วยก็ใจชื้นขึ้นมาทันที และรีบตะโกนขอความช่วยเหลือ “ใต้เท้าจ้าว ๆ ช่วยข้าน้อยด้วย ตระกูลจ้าวจะฆ่าปิดปากข้า!”

ท่าทีของจ้าวสวิ่นและภรรยาเปลี่ยนไปทันที

ชายฉกรรจ์ท่าทางป่าเถื่อนถือดาบไล่ตามหญิงสาวผู้อ่อนแอ ยิ่งกว่านั้นหญิงผู้นี้ยังบอกอีกว่ามีคนจะฆ่านางเพื่อปิดปาก แล้วพวกเขาจะแก้ต่างได้อย่างไร?!

เหล่าชายฉกรรจ์เห็นเช่นนั้นก็ตกใจ รีบหันหลังกลับเพื่อจะวิ่งหนีไป แต่ใต้เท้าจ้าวที่กำลังโมโหดันตะโกนสั่งเสียงดังว่า “พวกเจ้าตามไปจับตัวพวกมันมา!”

ทันใดนั้น คนของใต้เท้าจ้าวจำนวนหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่ามาจากที่ใดก็พุ่งออกมาจัดการเหล่าชายฉกรรจ์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

จานหงอวี้ผู้รอดตายรีบคุกเข่าลงตรงหน้าผู้มีพระคุณทันที “ใต้เท้าผู้ที่สวรรค์ส่งมาโปรด ท่านคือผู้ที่ช่วยชีวิตข้าน้อยไว้”

ใต้เท้าจ้าวหันหน้าที่แสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างเต็มเปี่ยมไปมองสองสามีภรรยาที่ยืนเงียบอยู่ใกล้ ๆ แล้วชี้ไปที่จานหงอวี้พร้อมพูดว่า “นายท่านจ้าวจะอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไร”

หญิงชาวบ้านผู้หนึ่งกำลังจะถูกฆ่าตายในเรือนร้าง ตนเป็นถึงเจ้าเมือง แถมยังยืนอยู่หน้าประตูพร้อมความสงสัยแล้วแท้ ๆ แต่กลับไปเชื่อคำพูดคนอื่น และไม่ยอมเข้าไปตรวจสอบให้ดีเสียก่อน หากหญิงผู้นี้ต้องมาตายอยู่ที่นี่จริง ๆ ล่ะก็ ถึงยามนั้นต่อให้ตนมีปากอยู่ทั่วตัวก็ยังพูดได้ไม่เต็มปากด้วยซ้ำ

ใต้เท้าจ้าวหน้าดำคร่ำเครียดจ้องมองสองสามีภรรยาด้วยความโกรธ

จ้าวสวิ่นรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาประสานกันไว้ที่หน้าอกและอธิบายว่า “ใต้เท้า ขะ…ขะ…ข้าน้อยไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น หญิงผู้นี้มาจากที่ใด ข้าน้อยก็ยังไม่รู้เลย”

“จ้าวสวิ่น เจ้าจะไม่รู้ได้อย่างไร!” จานหงอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รีบตอบโต้จ้าวสวิ่นอย่างโกรธเกรี้ยว “ใต้เท้า พวกคนที่ตามฆ่าข้าน้อยล้วนแต่เป็นคนของตระกูลจ้าว ต้องเป็นตระกูลจ้าวที่คิดจะปิดปากข้าน้อย”

“เหลวไหล! ตระกูลจ้าวส่งคนไปฆ่าเจ้าเมื่อใดกัน” ด้านฮูหยินจ้าวที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวก็รีบโต้แย้งด้วยความโกรธ

แต่จ้าวสวิ่นกลับก้มหน้าไม่พูดไม่จาสักคำ

ใต้เท้าจ้าวเห็นว่าแต่ละฝ่ายต่างยืนกรานในคำพูดของตนเอง ก็ไม่คิดจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่าย ๆ “พวกเจ้าคุมตัวคนพวกนี้ไปที่ศาลาว่าการ ข้าจะเป็นคนชำระความนี้เอง”

ในยามที่ทุกคนมาถึงศาลาว่าการก็พบว่ามีคนเปิดประตูรออยู่ก่อนแล้ว

เนื่องจากศาลาว่าการแห่งนี้ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเจ้าเมืองคนใหม่ ใต้เท้าจ้าวจึงอาศัยตำแหน่งที่ตนมีอยู่แล้วเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินเองได้

บัดนี้ใต้เท้าจ้าวนั่งอยู่บนแท่นสูงในห้องโถงของศาลาว่าการ แม้ว่าเขาจะสวมเพียงชุดสามัญชนธรรมดา ๆ แต่ทว่าความมีสง่าราศีและความน่าเกรงขามของเขานั้นก็ไม่ใช่เล่น ๆ เมื่อเห็นว่าทุกฝ่ายมาถึงแล้ว ใต้เท้าจ้าวจึงเคาะค้อนหนึ่งครั้ง ทั่วทั้งห้องโถงกว้างเงียบสงบลงทันที

“แม่นางจาน เจ้ามีความคับข้องใจอันใดจงบอกความจริงมาให้หมด แล้วข้าจะให้ความยุติธรรมแก่เจ้า แต่หากเจ้าใส่ร้ายผู้อื่นไม่เลือกหน้า ข้าก็จะไม่ละเว้น” ใต้เท้าจ้าวกล่าวด้วยใจเป็นกลาง

ฮูหยินจ้าวได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกดีขึ้นมาก

และตั้งใจฟังสิ่งที่จานหงอวี้พูดออกมา “ใต้เท้า ข้าน้อยกำลังตั้งท้องเลือดเนื้อของคุณชายรองตระกูลจ้าว แต่ตระกูลจ้าวไม่พอใจในภูมิหลังและตัวข้าน้อย พวกเขาจึงไม่ต้องการให้ข้าน้อยให้กำเนิดเด็กคนนี้ ถึงขั้นส่งคนมาฆ่าข้าน้อย”

ว่าอย่างไรนะ!

ทันทีที่เขาได้ยินว่าจานหงอวี้กำลังตั้งครรภ์ แถมยังเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลจ้าว ผู้คนที่เฝ้าดูก็ส่งเสียงฮือฮา

ก่อนหน้านี้ห้องโถงเงียบราวกับป่าช้า แต่ตอนนี้กลับเสียงดังราวกับตลาดสด

“จานซื่อ เจ้าอย่ามาพูดไร้สาระนะ สตรีอย่างเจ้า ผู้ใดจะแน่ใจว่าลูกในท้องเจ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลจ้าวจริง ๆ” คำพูดของฮูหยินจ้าวเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม

“ฮูหยินจ้าว ท่านมีฐานะสูงส่ง ท่านย่อมดูถูกหญิงชาวบ้านฐานะต่ำต้อยเช่นข้าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถึงข้าจะฐานะต่ำต้อยเพียงใด ข้าก็ยังเป็นสตรีที่รู้จักมารยาท รู้จักความยุติธรรม และความละอาย หากไม่ใช่เพราะหมดหนทางแล้วจริง ๆ ข้าก็คงไม่เอาเรื่องน่าอายมาป่าวประกาศต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้หรอก”

จานหงอวี้แสดงสีหน้าเศร้าสร้อยราวกับถูกทำให้เจ็บช้ำน้ำใจอย่างหนัก

“หากพวกท่านไม่เชื่อว่าเด็กคนนี้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลจ้าวจริง ๆ ไยพวกท่านถึงต้องส่งคนมาฆ่าปิดปากข้าด้วยเล่า ใต้เท้าจ้าว ท่านให้ความยุติธรรมแก่ข้าน้อยด้วย”

จานหงอวี้พูดอย่างคับแค้นใจ เสียงร้องไห้ของนางดังไปทั่วห้องโถง ใบหน้าซีดเซียวยิ่งทำให้ดูน่าสงสารและน่าเห็นใจมากยิ่งขึ้น

แต่รอยย่นที่หางตามันตอกย้ำให้ทุกคนรู้ว่าหญิงผู้นี้ไม่ใช่หญิงสาวแล้ว

“จานซื่อ เจ้าอย่าเอาแต่พูดไปเรื่อยสิ ตอนนี้เจ้าอายุสามสิบแล้ว ส่วนคุณชายรองของข้าอายุแค่ยี่สิบต้น ๆ เท่านั้นเอง เจ้าอย่าสำคัญตัวนักเลย คุณชายรองของข้าน่ะ เขาอยากได้สาวงามอย่างไรก็ล้วนได้อย่างที่ใจต้องการ อย่างเจ้าเขาจะชายตาแลหรือ?” หนึ่งในบ่าวรับใช้ของตระกูลจ้าวพูดแย้งขึ้น

ทว่าคำพูดเช่นนั้นยิ่งทำให้หงอวี้ได้ใจมากยิ่งขึ้น นางยิ้มเยาะที่มุมปากพร้อมมองไปที่บ่าวรับใช้คนนั้น ก่อนจะหันไปมองจ้าวสวิ่นและฮูหยินจ้าว เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ได้แยแส แถมยังแสดงสีหน้ารังเกียจฉายชัดออกมา

ความโกรธเกรี้ยวฉายออกมาจากดวงตาของจานหงอวี้เพียงแวบเดียว นางก็รีบก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “ใต้เท้า จ้าวจื่อเจี๋ยอายุน้อยกว่าข้าถึงสิบปีก็จริง และคนในตระกูลจ้าวก็เอาแต่พูดว่าจ้าวจื่อเจี๋ยคงไม่มองหญิงชาวบ้านเช่นข้าหรอก แต่ใต้เท้ารู้หรือไม่ว่าคุณชายรองผู้สูงส่งของตระกูลจ้าวมีความสัมพันธ์กับน้องสาวตนเอง คนเช่นนี้มีหรือจะไม่ชายตาแลสาวชาวบ้าน ใต้เท้าจ้าว ท่านคิดดูให้ดีเถอะ จ้าวจื่อเจี๋ยผู้นี้เป็นคนไร้คุณธรรม หน้าด้านไร้ยางอาย เช่นนั้นยังจะมีเรื่องชั่วอันใดที่เขาทำไม่ได้อีกเล่า”

 

บทที่ 1378 เจ้าสมควรได้รับมัน

บทที่ 1378 เจ้าสมควรได้รับมัน

เมื่อใต้เท้าจ้าวได้ยินก็ตะลึงราวกับว่าไม่เชื่อคำพูดของจานหงอวี้ แต่เมื่อเห็นว่าจ้าวสวิ่นและฮูหยินจ้าวไม่พูดอะไรสักคำ พวกเขาดูละอายใจและโกรธเคือง ใต้เท้าจ้าวจึงเชื่ออย่างไม่มีเงื่อนไข

“ใต้เท้า ในวันนี้ข้าถูกไล่ฆ่าและบังเอิญเข้าไปในบ้านทรุดโทรมหลังนั้น ด้านในมีคุณชายรองและคุณหนูตระกูลจ้าวกำลังทำเรื่องไร้ยางอาย ข้าเห็นมันกับตาตนเอง ไม่ใช่แค่ข้า ใต้เท้า ท่านลองถามผู้คนที่อยู่ตรงนั้นดูสิว่ามีคนเห็นกี่คน”

จานหงอวี้กล่าวเสียงดังกึกก้อง

จากนั้นก็ได้ยินเสียงซุบซิบมาจากคนรอบข้าง “ใต้เท้า สิ่งที่นางพูดไม่ผิด ทั้งหมดเป็นความจริงพวกข้าเห็นสภาพเตียงยับเยิน คุณหนูจ้าวและคุณชายรองทำเรื่องแบบนั้นจริง ๆ”

ตู้ม!

หัวใจของจ้าวสวิ่นราวกับถูกวางระเบิด

“ใต้เท้า พวกข้าเป็นคนไร้การศึกษา มันเป็นความผิดของพวกข้า พวกเขาต้องถูกคนอื่นยุยงทำให้เกิดความสับสนและทำเรื่องผิดมหันต์ ใต้เท้า ท่านต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบและให้ความยุติธรรมแก่ตระกูลจ้าว” จ้าวสวิ่นดูใบหน้ายับย่นเหมือนกับแก่ลงไปสิบปีในทันที

“จานหงอวี้ เจ้าหนีไปไหนไม่หนี แต่กลับหนีไปที่บ้านร้างหลังนั้น ข้าอยากถามเจ้าว่าทำไมถึงไม่วิ่งไปยังที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน แต่เจ้ากลับไปที่นั่น เจ้าไม่คิดว่ามันน่าสงสัยหรือ” ฮูหยินจ้าวไม่ใช่คนโง่ และเอ่ยสิ่งนี้ออกมาหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง

“น่าสงสัยหรือ” จานหงอวี้เย้ยหยัน “ฮูหยินจ้าว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราได้เห็นสิ่งน่ารังเกียจที่คุณชายรองและคุณหนูทำ พวกเราเคยอยู่ในบ้านตระกูลจ้าวมาก่อนจะไม่เคยเห็นสิ่งนี้ได้อย่างไร นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาสองพี่น้องถูกขัดจังหวะ ใครจะรู้เล่าว่าพวกเขาจะไปที่ไหนและทำอะไร ท่านคงไม่คิดว่าพวกเราจะวิ่งไปที่นั่น อย่างนั้นข้าก็อยากจะถามฮูหยินว่าทำไมพวกเขาถึงไปที่นั่นล่ะ ถ้าฮูหยินให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลแก่ข้าได้ ข้าก็จะให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลแก่ฮูหยินด้วยเช่นกัน”

คำพูดของจานหงอวี้เต็มไปด้วยความเย้ยหยันและผลักไสทุกอย่างให้ตระกูลเจ้า ครั้นฮูหยินจ้าวได้ยินก็โกรธมากจนแทบจะล้มลง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณชายรองและคุณหนูตระกูลจ้าวเคยทำเรื่องบัดสีมาก่อน

ตอนนี้ผู้คนรอบด้านเหมือนหม้อน้ำมันที่กำลังเดือดปะทุ บางส่วนที่คิดว่าพวกเขารู้อะไรบางอย่างจึงรีบกระซิบบอกเรื่องนี้กับคนข้าง ๆ “พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่จานหงอวี้พูดนั้นเป็นความจริง”

“ทำไมถึงมีสิ่งน่ารังเกียจเช่นนี้ในตระกูลสูงเช่นนี้” ผู้รอบด้านเริ่มรู้สึกตื่นเต้น

“ญาติห่าง ๆ ของข้าทำงานในบ้านตระกูลจ้าว นางเคยเห็นด้วยตาตนเองว่าสองพี่น้องคู่นั้นเคยนัวเนียกันอยู่ในห้อง ข้าได้ยินมาว่าเรื่องของคุณชายรองตระกูลจ้าวมีคนเห็นมากมาย และความลับนั้นยังแพร่งพรายออกมา”

มันเป็นเรื่องบนเตียงระหว่างสามีและภรรยา หากมีคนนำเรื่องนี้มาพูดสนุกปากก็คงจะรู้สึกละอายใจไม่น้อย นอกจากนนี้ทั้งสองยังเป็นชายหญิงที่ยังไม่แต่งงาน อีกทั้งยังเป็นสายเลือดเดียวกัน เมื่อมีคนพูดออกมาเช่นนี้ สีหน้าของจ้าวสวิ่นและฮูหยินจ้าวก็เปลี่ยนไป

“ไร้สาระ ไร้สาระ” ใบหน้าของจ้าวสวิ่นแดงก่ำราวกับลูกหยางเหมย ทั้งสองเป็นลูกของเขา ทว่าตอนนี้กลับกระทำการน่ารังเกียจและยังถูกผู้อื่นล่วงรู้ เกียรติของตระกูลจ้าวกำลังจะพังลง หากแต่จ้าวสวิ่นก็คือจ้าวสวิ่น ในเมืองหลิวเจียนี้ เขายังคงต้องการเกียรติและชื่อเสียง

“นายท่านจ้าว เหตุใดท่านถึงไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่าลูกชายและลูกสาวของท่านได้ทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้ เรื่องนี้สามารถพิสูจน์ได้ ลูกสาวของท่านไม่ใช่ผู้หญิงบริสุทธิ์อีกต่อไป” จานหงอวี้โพล่งออกมาอย่างไม่สนใจผู้ใด

จ้าวสวิ่นหันศีรษะขวับไปมองอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว และจ้องมองจานหงอวี้อย่างดุดัน ดวงตาของเขาราวกับอาบยาพิษและต้องการปลิดชีพจานหงอวี้ทุกเมื่อ

อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีคำพูดใด ๆ มาหักล้างคำพูดของจานหงอวี้

เมื่อครู่ฮูหยินพูดใส่หูเขา ความจริงก็คือความจริง ไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนแปลงได้

ครั้นเห็นว่าจ้าวสวิ่นไม่มีการโต้แย้ง จานหงอวี้จึงพูดต่อไปด้วยความโกรธเกรี้ยว นิ้วเรียวยาวชี้ไปยังชายฉกรรจ์ที่ถูกจับด้วยความเศร้าสร้อย “ใต้เท้า ข้าคือหญิงที่เคยแต่งงานแล้ว สามีของข้าจากไปเพราะโรคร้าย ทำให้ข้าใช้ชีวิตอยู่เป็นแม่ม่ายมาหลายปี แต่ข้าก็รักษาชื่อเสียงของตนเองเสมอ แต่ลูกชายคนรองของตระกูลจ้าวมาเกี้ยวข้า ทำให้ข้าเสียการควบคุมไปชั่วขณะและเผลอมีความสัมพันธ์ทางกายกับจ้าวจื่อเจี๋ย ดังนั้นข้าจึงตั้งท้องเด็กผู้น่าสงสาร อย่างไรก็ตาม คนในตระกูลจ้าวต่างดูถูกข้าที่เป็นม่าย และปฏิเสธไม่ให้ข้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวตระกูลจ้าวอย่างเด็ดขาด ต้องการแม้กระทั่งฆ่าข้า ท่านใต้เท้าต้องตัดสินความอย่างยุติธรรมเพื่อข้า”

“จานซื่อ เจ้าอย่าได้พูดไร้สาระ รักษาชื่อเสียงของตนเองงั้นหรือ หึ” ครั้นฮูหยิบจ้าวได้ยินจานหงอวี้บอกว่านางปฏิบัติตัวอย่างดี และคำกล่าวหาที่ว่าตระกูลจ้าวทำสิ่งเลวร้ายทั้งหมดได้กระตุ้นโทสะของฮูหยินจ้าว นางก้าวไปด้านหน้า จากนั้นยกมือฟาดใบหน้าของจานหงอวี้จนมีเลือดไหลซิบออกมา

“จานหงอวี้ สามีของเจ้าเสียชีวิตด้วยอาการป่วยหรือเขาโกรธเจ้าจนตาย ทุกคนรู้ดีว่ามีผู้ชายกี่คนในเมืองนี้ที่มีความสัมพันธ์กับเจ้า ยังมีหน้ามาบอกอีกว่าคุณชายรองตระกูลจ้าวล่อลวงเจ้า เห็นได้ชัดว่าเจ้าที่ไม่มีศีลธรรมและมาล่อลวงคุณชายรองตระกูลจ้าว” ฮูหยินจ้าวชี้ไปที่จานหงอวี้อย่างโกรธเคือง

ใบหน้าของจานหงอวี้หันไปทางหนึ่ง มุมปากมีเลือดไหลซึมออกมาและส่งร้องโหยหวน “ใต้เท้า นางใส่ร้ายข้า คนจากตระกูลจ้าวล้วนไร้ค่า นายท่านเองก็มีนางบำเรอนอกบ้านมาหลายปี เมื่อไม่ต้องการก็เขี่ยนางทิ้ง ส่วนคุณชายรองตระกูลจ้าวไม่ยอมรับว่าลอบมีความสัมพันธ์กับน้องสาวตนเอง ใต้เท้า ท่านก็ได้ยินชัดเจนแล้วว่าตระกูลจ้าวซุกเรื่องสกปรกไว้มากแต่ไหน” จานหงอวี้มีวาทศิลป์เป็นเลิศ

ทุกคนต่างรู้สึกประทับใจกับคำพูดของจานหงอวี้ยิ่งนัก

พวกเขาทั้งหมดจ้องมองจ้าวสวิ่นด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

จ้าวสวิ่นมองสบทุกสายตา ทุกสายตาล้วนเต็มไปด้วยการเสียดสีและการดูถูกที่เขาสมควรได้รับ

 

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท