ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1379 ขึ้นโรงศาล + ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1380 ตัดแขนจ้าวสวิ่น

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1379 ขึ้นโรงศาล

บทที่ 1379 ขึ้นโรงศาล

สีหน้าของใต้เท้าจ้าวน่าเกลียดมาก ดูจากอารมณ์ของจานหงอวี้แล้ว ตอนนี้แม้ว่าเขาจะพูดอะไรออกมาก็ค้านอะไรไม่ได้ เพราะเหตุผลของจานหงอวี้ฟังแล้วล้วนดูสมเหตุสมผล ใบหน้าของคนตระกูลจ้าวมืดมนราวกับก้นหม้อ

รอบด้านเต็มไปด้วยสายตาเหน็บแนมของผู้คนที่เฝ้าดูเรื่องสนุก ครั้งนี้ชื่อเสียงตระกูลจ้าวป่นปี้จนไม่เหลือชิ้นดี

“นายท่าน ท่านต้องการจะแย้งสิ่งใดอีกหรือไม่” ใต้เท้าจ้าวมองไปที่จ้าวสวิ่นแล้วเอ่ยขึ้น

จ้าวสวิ่นก้มหน้างุดและไม่พูดอะไรสักคำ ฮูหยินจ้าวที่อยู่ด้านข้างจึงพูดขึ้น “ท่านใต้เท้าจ้าว ตระกูลจ้าวไม่ได้ส่งใครไปฆ่าจานซื่อ พวกเขาไม่ได้มาจากตระกูลจ้าว”

หากไม่ใช่ตระกูลจ้าวแล้วจะเป็นผู้ใดกันเล่า จานหงอวี้ยังคงไม่เชื่อ “คนเหล่านี้เอาแต่พูดว่าพวกเขาถูกส่งมาจากตระกูลจ้าว ถ้าไม่ใช่พวกท่าน แล้วจะเป็นใครได้อีก”

“ไร้สาระ พวกเราไม่รู้จักคนเหล่านี้ ข้าไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งพวกเขาไป อาจเป็นคนรักเก่าของเจ้าก็ได้ ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากำลังตั้งครรภ์ ดังนั้นเขาอาจต้องการฆ่าเจ้า” ฮูหยินจ้าวพูดอย่างดุเดือด

หากแต่จานหงอวี้ไม่สนใจ “ฮูหยินจ้าว ท่านบอกว่าท่านไม่ได้ส่งคนเหล่านี้มา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นคนที่อยู่ในงานเทศกาลคืนนั้น เจ้าเป็นคนที่ผลักท่านเสี้ยนจู่ลงไปในทะเลเพลิง”

จานหงอวี้ชี้ไปที่หนึ่งในนั้นแล้วพูดขึ้น

ผู้คนมากมายต่างรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น และพวกเขาทั้งหมดก็มองตามนิ้วของจานหงอวี้เพื่อดูคนหนึ่งในนั้น พวกเขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และเห็นคนที่ผลักกู้เสี่ยวหวานเข้าไปในกองไฟในคืนนั้นได้อย่างชัดเจน

“ใช่แล้ว เป็นเขาที่ผลักเสี้ยนจู่” ผู้คนจำนวนมากตะโกนขึ้น

เมื่อใต้เท้าจ้าวได้ยินสิ่งนี้ เขาจึงถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เขากล้าผลักเสี้ยนจู่ลงไปในทะเลเพลิงได้อย่างไร”

“ใช่แล้ว ใต้เท้าจ้าว เขาผลักเสี้ยนจู่ โชคดีที่นางไม่ได้เป็นอะไรมาก และยังช่วยเด็กคนหนึ่งในกองไฟมาได้อีกด้วย”

“กล้าหาญเสียจริง! ยังไม่ยอมสารภาพอีกงั้นหรือ!” ใต้เท้าจ้าวทุบโต๊ะและตวาดเสียงดังลั่นทำให้เสียงจอแจในห้องโถงเงียบลงทันที จากนั้นใต้เท้าจ้าวก็มองไปยังผู้ต้องสงสัยที่ผลักเสี้ยนจู่ด้วยสายตาที่ดุดัน

ชายผู้นั้นก้มหน้างุด ปิดปากสนิทไม่ส่งเสียงออกมา จนกระทั่งเสียงอันแข็งกร้าวดังขึ้นในห้องโถง “จับพวกเขาไปทรมาน”

ถ้อยคำของใต้เท้าทำให้ชายคนนั้นหน้าซีดด้วยความตกใจ เขาคุกเข่าลงและตะเกียกตะกายไปข้างหน้าพลางตะโกนเสียงดัง “ใต้เท้า เป็นคุณชายรองตระกูลจ้าวที่สั่งให้ข้าทำเช่นนี้ เป็นคุณชายรองตระกูลจ้าว”

“เจ้ากำลังพูดไร้สาระอะไร เจ้าไม่ใช่คนรับใช้ของตระกูลจ้าวด้วยซ้ำ” ฮูหยินจ้าวพูดอย่างเย็นชา

“ฮูหยิน ข้าอาจจะไม่ใช่คนของตระกูลจ้าว แต่ข้ามากับคุณชายซ่ง” ชายคนนั้นเอ่ย “คุณชายซ่งชอบคุณหนูจ้าว และคุณชายรองใช้สิ่งนี้เพื่อข่มขู่คุณชายของข้า โดยบอกว่าเขาต้องการทำสิ่งหนึ่งและถ้าคุณชายของข้าไม่ช่วย เขาจะไม่ยอมให้คุณหนูจ้าวแต่งงานกับนายน้อยของข้า”

“ไร้สาระ การแต่งงานของลูกสาวข้าขึ้นอยู่กับข้า” จ้าวสวิ่นคำราม

“ใต้เท้าจ้าว ชายผู้นี้กำลังพูดความจริง ที่ท่านเสี้ยนจู่ถูกผลักลงไปในทะเลเพลิงวันนั้นเป็นฝีมือของเขา และลูกชายของท่านก็เป็นคนสั่งให้ข้าทำ” ชายอีกคนเอ่ยขึ้น และโยนความผิดไปที่จ้าวจื่อเจี๋ย

“เจี๋ยเอ๋อร์ของข้าไม่ได้อยู่ที่นี่ ดังนั้นเจ้าจึงโยนเรื่องเลวร้ายเหล่านี้ไปให้เขา เจ้าเป็นคนรับใช้ของตระกูลซ่ง และเพื่อปกป้องเจ้านายของเจ้า เจ้าผลักความผิดทั้งหมดให้กับเจี๋ยเอ๋อร์ของข้า แล้วเจ้ามีหลักฐานอะไร” ท้ายที่สุดจ้าวจื่อเจี๋ยก็เป็นลูกชายของเขาเอง และตอนนี้ชื่อเสียงของเขาก็ถูกทำลาย หากเขาถูกจับในข้อหาก่ออาชญากรรมลอบทำร้ายท่านเสี้ยนจู่ เรื่องนี้จะทำให้ตระกูลจ้าวเสียหาย

“นายท่านจ้าว หากท่านไม่เชื่อข้า ท่านสามารถกลับไปถามเรื่องนี้กับจ้าวจื่อเจี๋ยได้” เมื่อเห็นจ้าวสวิ่นปกป้องลูกชายของเขา และตนเองกำลังจะโดนจับกุม คนรับใช้คนนั้นก็รีบสาปแช่งทันที

ตอนนี้ผู้ยุยงให้เกิดข้อพิพาทไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เป็นการยากที่จะตัดสินว่าใครถูกใครผิด

“หยุดเถียงกันได้แล้ว” ใต้เท้าจ้าวทุบค้อนและห้องโถงที่เต็มไปด้วยเสียงซุบซิบก็เงียบลงอีกครั้ง

“พวกเจ้า ไปนำตัวผู้ต้องสงสัยจ้าวจื่อเจี๋ยและซ่งเหลียนเฉิงมาที่นี่” ต่างฝ่ายต่างก็บอกว่าตัวเองนั้นมีเหตุผล มาค่อยดูเถอะว่าใครเป็นคนร้ายตัวจริง

ฮูหยินจ้าวที่อยู่ข้าง ๆ มองจ้าวสวิ่นด้วยความกังวล แม้แต่มือที่จับจ้าวสวิ่นก็สั่นเทาเล็กน้อย

“ท่านสามี เราควรทำอย่างไร” ฮูหยินจ้าวไม่เคยเห็นการต่อสู้เช่นนี้มาก่อน หากจ้าวจื่อเจี๋ยส่งคนไปผลักเสี้ยนจู่อันผิงจริง ๆ อย่างนั้นก็คง…

นางลอบมองขึ้นไปบนโถงศาลและเห็นใต้เท้าจ้าวกำลังมองคนที่คุกเข่าอยู่ด้านล่างด้วยใบหน้ามืดมน นางจึงอดไม่ได้ที่จะตกใจอีกครั้งและก้มศีรษะลงอย่างรู้สึกผิด

จ้าวสวิ่นก้มศีรษะลง เขาได้ยินทุกคำพูดของฮูหยินจ้าว แต่เขาไม่สามารถตอบได้จริง ๆ จ้าวจื่อเจี๋ยเป็นลูกชายของเขา ถ้าลูกชายของเขาต้องการฆ่าใครสักคนจริง ๆ เรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเขา

ซ่งเหลียนเฉิงเป็นหลานชายของภรรยา ถ้าเขาฆ่าใครสักคนเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเขา

ไม่ต่างกัน ไม่นานจ้าวจื่อเจี๋ยและซ่งเหลียนเฉิงก็ถูกเจ้าหน้าที่พาตัวมา

ในระหว่างกระบวนการทั้งหมด จ้าวจื่อเจี๋ยไม่ได้พูดอะไรสักคำ มีแต่ซ่งเหลียนเฉิงที่กำลังสาปแช่ง

“เจ้า…จ้าวจื่อเจี๋ย เจ้ามันไร้ยางอาย เจ้ากล้าที่จะมีความสัมพันธ์กับน้องสาวของตัวเอง เจ้ามันช่างไร้ยางอาย!” ซ่งเหลียนเฉิงก่นด่า ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าหน้าที่จับตัวเขาไว้ เขาอาจก้าวไปข้างหน้าเพื่อต่อสู้กับจ้าวจื่อเจี๋ยแล้ว

“เจ้ามันไร้ยางอาย จ้าวจื่อเจี๋ย ถุย!”

ซ่งเหลียนเฉิงกำลังสาปแช่ง ทันใดนั้นเสียงผู้หญิงร้องไห้ตามหลังเขามา “พี่ซ่ง พี่ซ่ง ข้าถูกใส่ร้าย ข้าถูกใส่ร้าย”

ผู้ที่ติดตามซ่งเหลียนเฉิงมาเห็นได้ชัดว่าคือจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์

“ถุย อย่าแตะต้องข้า เจ้าเป็นแค่รองเท้าคู่เก่า ข้าคิดว่าเจ้าบริสุทธิ์ผุดผ่อง และเจ้ากับจ้าวจื่อเจี๋ยมีความสัมพันธ์กันมานานแล้ว ถุย! ตอนนี้แค่เห็นเจ้าสองคน ข้าก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว”

“อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ข้าให้เจ้ารอที่บ้านไม่ใช่หรือ” เมื่อจ้าวสวิ่นเห็นจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็รู้สึกว่าเลือดในร่างกายพลันพลุ่งพล่าน นางยังรู้สึกละอายใจไม่พออีกหรือ?

ยังรู้สึกอับอายไม่พอจึงวิ่งมาที่นี่อีก?

 


 

บทที่ 1380 ตัดแขนจ้าวสวิ่น

บทที่ 1380 ตัดแขนจ้าวสวิ่น

“รีบไสหัวกลับไปเสีย” จ้าวสวิ่นก้าวไปข้างหน้า กระชากแขนของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์และหันไปเอ่ยกับคนใช้ด้านข้าง

“ท่านพ่อ ข้าไม่กลับ ข้าไม่กลับ” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ร้องคร่ำครวญพยายามดิ้นให้หลุดพ้นจากพันธนาการของจ้าวสวิ่น “ท่านพ่อ ข้าต้องการแต่งงานกับพี่ซ่ง ข้าต้องการแต่งงานกับพี่ซ่ง ท่านพี่ ข้าไม่ต้องการของหมั้นใด ๆ ทั้งนั้น แค่ท่านแต่งงานกับข้าก็เพียงพอแล้ว แค่ท่านแต่งงานกับข้า ดีหรือไม่ ข้าจะยอมเป็นวัวเป็นม้า ท่านจะให้ข้าทำอะไรข้าก็ยอม”

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ร้องไห้อย่างโศกเศร้า ใบหน้าฉายชัดถึงความตื่นตระหนก

“อวิ๋นเอ๋อร์ กลับไปเถอะ” จ้าวสวิ่นคำราม

ทว่าจ้าวสวิ่นไม่คาดคิดว่าเสียงของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์จะดังกว่าตน “ท่านพ่อ ข้าไม่กลับ ข้าต้องการติดตามพี่ซ่ง ข้าต้องการติดตามเขา”

ความบริสุทธิ์ของนางถูกทำลายและไม่มีใครต้องการนางอีกต่อไป ดังนั้นนางจึงได้แต่ติดตามซ่งเหลียนเฉิงที่เดิมทีนางไม่เคยสนใจมาก่อน

ตราบใดที่เขายอมแต่งงานกับตัวเอง ตัวเองไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น

“ถุย ต่อให้ข้าต้องแต่งงานกับคนอัปลักษณ์ ข้าก็จะไม่แต่งงานกับเจ้า” ซ่งเหลียนเฉิงผลักจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ออกไป และรีบปัดเสื้อผ้าของเขาเพราะกลัวว่าสิ่งสกปรกบนร่างกายของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์จะเปื้อนเสื้อผ้าของเขา

“ท่านแม่ พี่ซ่งเป็นหลานชายของท่าน ท่านบอกให้เขาแต่งงานกับข้าสิ ให้เขาแต่งงานกับข้า แม้ว่าข้าจะต้องเป็นอนุภรรยาข้าก็ยอม” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าฮูหยินจ้าวและร่ำไห้

เมื่อเห็นความลำบากใจของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ ฮูหยินจ้าวก็รู้สึกมีความสุขเล็กน้อยในใจ แต่ในไม่ช้าก็ต้องเผชิญความสิ้นหวัง

ตรงกันข้าม ตอนนี้นางไม่มีความสุขในการจัดการหงซื่ออีกต่อไป

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ได้รับการเลี้ยงดูภายใต้ชื่อของนางและนั่นก็ถือว่าเป็นลูกสาวของนางเช่นกัน ตอนนี้ชื่อเสียงของนางถูกทำลายไปแล้ว การแต่งงานในอนาคตคงไม่ง่ายนัก บางทีนางอาจจะกลายเป็นสาวเทื้ออยู่ที่บ้านไปตลอดชีวิต

ทั้งหมดนี้ใครจะตำหนิได้?

ใบหน้าของฮูหยินจ้าวเต็มไปด้วยความลำบากใจและสะบัดมือของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ “ถ้าเจ้าต้องการตำหนิ เจ้าก็ตำหนิตัวเองที่ทำเรื่องโง่เขลาแบบนั้น”

เมื่อเห็นว่าฮูหยินจ้าวไม่ยอมช่วยและยังเอาแต่ตำหนิตนเอง จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็ร้องไห้ออกมา “ข้ารู้ ท่านกำลังช่วยคนอื่น ข้าไม่ใช่ลูกสาวของท่าน ท่านจึงไม่ช่วยข้าใช่หรือไม่ ถ้าท่านแม่ของข้าอยู่นี่ ท่านแม่จะช่วยข้าอย่างแน่นอน ท่านแม่จะช่วยข้าอย่างแน่นอน”

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ร้องโหยหวนราบกับผี เสียงโหยหวนนั้นน่ากลัวยิ่งขึ้นเมื่ออยู่ในโรงศาลนี้

เพียะ!

เสียงโหยหวนนั้นหยุดชะงัก จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ถูกตบจนหน้าหัน รอยมือห้านิ้วปรากฏบนใบหน้าที่สวยงามของนางอย่างชัดเจน จ้าวสวิ่นยกมือขึ้นสูงและยืนอยู่ตรงหน้านางด้วยสีหน้าโกรธจัด

“ถ้าเจ้าต้องการแต่งงานนักล่ะก็… มีผู้เฒ่าเฉิงอยู่ทางตะวันตกของเมือง และพรุ่งนี้ข้าจะให้เขาแต่งงานกับเจ้า” จ้าวสวิ่นคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว

คราวนี้จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ที่กุมหน้าอยู่พลันหยุดร้องไห้และหยุดสร้างปัญหา เบิกตากว้างแล้วจ้องมองจ้าวสวิ่นด้วยความหวาดกลัว “ท่านพ่อ ท่านกำลังจะให้ข้าแต่งงานกับผู้ใด”

“ข้าเป็นพ่อของเจ้า ทุกสิ่งในตัวเจ้าเป็นของข้า รวมถึงการแต่งงานและชีวิตของเจ้าด้วย ข้าสามารถให้เจ้าแต่งงานกับใครก็ได้ที่ข้าต้องการ ถ้าเจ้าอยากแต่งงานก็แต่งงาน ถ้าไม่อยากแต่งงานก็ต้องแต่งงานอยู่ดี” จ้าวสวิ่นกัดฟันพูด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชั่วร้ายมองลูกสาวที่อยู่ข้างหน้าเขาราวกับกำลังมองศัตรู

“ผู้เฒ่าเฉิงคือชายชราที่อยู่ทางตะวันตกของเมือง เขาตาบอดข้างหนึ่งและติดสุราไม่ใช่หรือ”

“ข้าได้ยินมาว่าชายชราคนนั้นอายุเกือบห้าสิบปีแล้ว อายุมากขนาดนี้แล้วการที่ได้แต่งงานกับสาวสวยบอบบางแบบนี้ เหอะ ๆ ช่างน่าอิจฉาจริง ๆ”

“ถ้าเจ้ารู้สึกอิจฉาก็ไปสู่ขอนางมาเสีย ข้าเชื่อว่าใต้เท้าจ้าวจะเลือกเจ้าอย่างแน่นอน” มีคนพูดอย่างหยอกล้อ

“ถุย ข้าไม่ต้องการ ต่อให้เอากลับไปอุ่นเตียงข้าก็ไม่ต้องการ แต่ข้าได้ยินมาว่าร่างกายมีความสัมพันธ์กับพี่น้องนี้เต็มไปด้วยความโชคร้าย”

ผู้คนรอบข้างชี้ไปที่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ด้วยใบหน้าเย้ยหยัน

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เคยถูกกล่าวหาเช่นนี้ที่ไหนกัน เมื่อนางได้ยินว่าจ้าวสวิ่นกำลังจะส่งนางไปแต่งงานกับชายวัยห้าสิบปีที่ตาบอดและติดเหล้า นางก็เป็นลมหมดสติไป

เมื่อจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์หมดสติจึงไม่มีใครส่งเสียงตะโกนโวยวายอีกต่อไป ใต้เท้าจ้าวจึงหันไปหาจ้าวจื่อเจี๋ยและซ่งเหลียนเฉิงก่อนเอ่ยว่า “คืนนั้นผู้ใดเป็นคนสั่งให้บุคคลนี้ทำร้ายเสี้ยนจู่”

ซ่งเหลียนเฉิงได้ยินดังนั้นจึงพูดขึ้นก่อน “ใต้เท้า เป็นเขา เขาบอกว่าต้องการให้คนรับใช้มาช่วย ในเวลานั้นข้าตาบอดและตกหลุมรักน้องสาวของเขา ข้าหมกมุ่นอยู่กับมันเพราะข้าต้องการเอาใจพี่ชายของอวิ๋นเอ๋อร์ หลังจากฟังคำพูดของเขา ข้าก็ให้คนใช้ของข้าไปพบเขา แต่ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขากำลังจะล้างแค้นเสี้ยนจู่อันผิง ใต้เท้า ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้า! ถ้าข้ารู้ว่าเขาต้องการคนไปแก้แค้นเสี้ยนจู่ ต่อให้ถูกทำร้ายจนตาย ข้าก็จะไม่ยอมให้”

“จ้าวจื่อเจี๋ย มีอะไรจะพูดไหม”

จ้าวจื่อเจี๋ยคุกเข่าลงในห้องโถงโดยไม่พูดอะไรสักคำเหมือนคนตาย

“จ้าวจื่อเจี๋ย เจ้าต้องการพูดอะไรไหม” เมื่อเห็นว่าเขาไม่ตอบ ใต้เท้าจ้าวจึงถามขึ้นอีกครั้ง

หากแต่จ้าวจื่อเจี๋ยก็ยังคงไม่ยอมพูด

เมื่อใต้เท้าจ้าวกำลังจะถามคำถามเป็นครั้งที่สาม จู่ ๆ จ้าวสวิ่นก็เตะจ้าวจื่อเจี๋ยและตะโกนเสียงดังว่า “เจ้าลูกไม่รักดี ใต้เท้ากำลังถามเจ้าอยู่นะ”

ในขณะนั้นจ้าวจื่อเจี๋ยก็ดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมา ร่างกายของทุรดลงบนพื้น แต่ก็รีบลุกขึ้นทันที ดวงตาแดงก่ำของเขามองไปที่จ้าวสวิ่นอย่างเย็นชาราวกับต้องการฆ่าอีกฝ่ายให้ตายตกไปเสีย

หัวใจของจ้าวสวิ่นเต้นไม่เป็นจังหวะ ทันใดนั้น ดาบเล่มใหญ่ที่ส่องประกายแวววาวก็พุ่งตรงเข้ามาทางจ้าวสวิ่น

มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเสียจนจ้าวสวิ่นไม่ทันตั้งตัว และสัญชาตญาณบอกให้เขายกแขนขึ้นขวางไว้

ดาบแหลมคมเฉือนผิวหนังของจ้าวสวิ่นและตัดถึงกระดูก ทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรง จ้าวสวิ่นส่งเสียงคร่ำครวญอย่างเสียสติ

“อ๊ากกกก!”

ทุกคนตกใจเมื่อพบว่าจ้าวจื่อเจี๋ยตัดแขนของจ้าวสวิ่น

เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นใส่ใบหน้าของจ้าวจื่อเจี๋ย ทำให้เขาดูน่ากลัวยิ่งขึ้น

“ฆาตกร ฆาตกร!” มีเพียงผู้คนที่รอบด้านเท่านั้นที่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ทันใดนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้นทันที

เหล่าเจ้าหน้าที่ได้แต่ตกตะลึงและไม่ตอบสนองเป็นเวลานาน

จ้าวจื่อเจี๋ยถือดาบเดินตรงไปหาฮูหยินจ้าวทีละก้าวด้วยดวงตาแดงก่ำราวกับปีศาจที่ผุดขึ้นมาจากนรก

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท