ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1383 เร่ร่อนข้างถนน + ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1384 ออกเดินทางไปเมืองหลวง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1383 เร่ร่อนข้างถนน

บทที่ 1383 เร่ร่อนข้างถนน

เห็นได้ชัดว่าความอดทนของชายผู้นั้นหมดลงแล้ว เขาตะโกนเสียงดัง “นังบ้า! ตอนนี้บ้านหลังนี้มันเป็นของข้าแล้ว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าอีก ไปเก็บข้าวเก็บของแล้วไสหัวไปเสีย! ไม่งั้นข้าจะลากเจ้าออกไป”

หลังจากพูดจบ เขาก็ม้วนแขนเสื้อขึ้นและโบกกำปั้นอย่างชั่วร้ายไปที่หงซื่อ หงซื่อรู้สึกหวาดกลัว “เจ้าจะทำอะไร ข้าจะคุยกับนายท่าน ข้าจะคุยกับนายท่าน”

หลังจากที่หงซื่อพูดจบก็เตรียมจะวิ่งออกไปข้างนอก ชายคนนั้นหัวเราะและพูดว่า “ตระกูลจ้าวย้ายออกไปแล้ว เจ้าจะไปหาได้ที่ไหน”

ใช่ หงซื่อหยุดฝีเท้าของนาง เมื่อครู่ฮูหยินเพิ่งมาบอกกับนางว่าพวกเขาจะย้ายออกไปจากที่นี่

“ข้าจะไปหาลูกสาวของข้า ข้าจะไปหาลูกสาวของข้า” หงซื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดอีกครั้ง

ชายคนนั้นยิ่งหัวเราะดังขึ้น “ไปหาลูกสาวของเจ้าหรือ ลูกสาวของเจ้าแต่งงานแล้ว เจ้าไม่รู้หรือ”

“ใครแต่งงาน” เมื่อหงซื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของนางก็สดใสขึ้น จากนั้นนางก็มองไปที่ชายคนนั้นและสาปแช่ง “งั้นข้าก็จะไปหาลูกเขยของข้า เขาจะต้องมาช่วยไล่พวกเจ้าออกไปเป็นแน่”

อวิ๋นเอ๋อร์แต่งงานแล้ว ไม่น่าแปลกใจที่หญิงคนนั้นบอกว่าอวิ๋นเอ๋อร์จะอยู่กับนาง แต่เหตุใดลูกสาวของนางแต่งงานแล้วไม่ส่งข่าวคราวมาบอกตนเองบ้าง?

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ขับไล่พวกข้าออกไปอย่างนั้นหรือ” ชายคนนั้นหัวเราะดังขึ้นและพูดประชดประชันว่า “ลูกสาวของเจ้าแต่งงานกับพ่อม่ายอายุห้าสิบปี เจ้าคาดหวังให้เขามาช่วยเจ้าเช่นนั้นหรือ เขาอายุมากกว่าเจ้าด้วยซ้ำ เข้ามาสิ! ข้าจะจัดการให้”

ชายคนนั้นกำหมัดและวาดมือไปมา

หงซื่อตกตะลึงทันที “เจ้าพูดถึงเรื่องอะไร ลูกสาวของข้าแต่งงานกับใคร”

“อ้าว เจ้าเป็นแม่ แต่ไม่รู้หรอกหรือว่าลูกสาวของเจ้าแต่งงานกับพ่อเฒ่าเฉิงที่มาจากทางตะวันตกของเมือง”

“เหลวไหล!” หงซื่อตะโกนเสียงแหลม “ลูกสาวข้าจะแต่งงานกับชายชราได้อย่างไร”

ใบหน้าของหงซื่อเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ และคิดว่าชายผู้นี้กำลังโกหกนาง “เจ้าโกหกข้า ลูกสาวของข้าเหมือนนางฟ้า ชายหนุ่มทั้งหลายต่างก็หมายปองในตัวนาง นางจะแต่งงานกับพ่อม่ายแก่ ๆ ได้อย่างไร เจ้าอย่ามาโกหกข้า”

หงซื่อสาปแช่งอย่างบ้าคลั่ง นางกำลังจะพุ่งไปข้างหน้าและตบชายผู้นั้น แต่ชายผู้นั้นปัดป้องโดยไม่ต้องออกแรงมากนัก และทำให้หงซื่อถูกผลักหกล้มลงกับพื้น

“หงซื่อ ถ้าเจ้าเอาแต่วู่วามเช่นนี้ ก็อย่าหาว่าข้าหยาบคายกับเจ้าเลย เพราะจ้าวสวิ่นเองก็ให้ข้าปิดปากเรื่องนี้ แต่ข้าจะบอกเจ้าให้นะว่า ลูกสาวของเจ้าจะมีหน้าไปแต่งงานกับใครที่ไหนได้ เพราะตัวนางได้เสื่อมเสียชื่อเสียงไปแล้ว ใครจะแต่งงานกับนาง ดีแค่ไหนแล้วที่นางได้แต่งงานกับผู้เฒ่าเฉิง”

“เสื่อมเสีย?” เมื่อหงซื่อได้ยินคำนี้ นางก็ตะลึง “หมายความว่าอย่างไร”

“นี่เจ้ายังไม่รู้เรื่องอีกหรือ มันก็หมายความว่าลูกชายและลูกสาวของเจ้าทำเรื่องเสื่อมเสียอย่างไรเล่า! คนทั้งเมืองก็เห็นมัน เกรงว่าจะมีแต่เจ้าเท่านั้นที่ยังไม่รู้เรื่องนี้”

ชายผู้นั้นไร้ความปรานี คำพูดนั้นเปรียบดั่งมีดที่แทงเข้าไปถึงหัวใจของหงซื่อ

“ฮือ” หงซื่อแทบคลั่ง นางลุกขึ้นจากพื้นและยืนอยู่ตรงหน้าชายผู้นั้นด้วยใบหน้าบูดบึ้ง นางไม่สนใจความเจ็บปวดจากการถูกผลักเมื่อครู่ “เจ้าบอกว่าพวกเขาทำเรื่องเสื่อมเสียและผิดพลาดอย่างนั้นหรือ มันจะเป็นไปได้อย่างไร พวกเขาไม่มีทางทำเรื่องอย่างนั้น เจ้าโกหกข้า เจ้าโกหกข้า”

“ข้าจะโกหกเจ้าไปทำไม ทุกคนในเมืองต่างก็รู้กันทั่ว ข้าขี้เกียจที่จะต่อปากกับเจ้าแล้ว ถ้าเจ้ายังไม่ยอมย้ายออกไป ข้าจะจัดการเจ้าเอง” ชายคนนั้นคำราม “ให้คนมาโยนสิ่งของทั้งหมดของนางออกไป!”

จากนั้นหงซื่อก็เห็นชายคนหนึ่งถือของอยู่ในมือและโยนออกไปนอกประตู เมื่อเห็นว่าสิ่งของของตนเองถูกโยนออกไปด้านนอก หงซื่อก็รีบวิ่งไปหยิบมันด้วยความตื่นตระหนก เมื่อนางวิ่งออกไป ชายคนนั้นจึงหันกลับมาเพื่อปิดประตู

หงซื่อหยิบมันขึ้นมา กว่าที่นางจะหันตัวกลับไปก็ถูกประตูถูกปิดใส่และลงกลอนอย่างแน่นหนาโดยไม่มีช่องว่างใด ๆ

“นี่คือบ้านของข้า นี่คือบ้านของข้า พวกเจ้าออกไปให้พ้น ไสหัวไป!” หงซื่อกระแทกประตู เสียงของนางแหบพร่าจากการร้องไห้ แต่ก็ไม่เกิดการเคลื่อนไหวใด ๆ ที่หลังประตูนั่น

มีผู้คนผ่านไปผ่านมามากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเห็นการกระทำที่บ้าคลั่งของหงซื่อ บางคนทนไม่ได้อีกต่อไปและก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “หงซื่อ อย่าไปเคาะเลย บ้านหลังนี้นายท่านจ้าวขายไปแล้วจริง ๆ เจ้ารีบไปหาที่พักก่อนที่ฟ้าจะมืดดีกว่า”

คนอื่นพูดประชดประชัน “ตระกูลจ้าวได้ย้ายออกไปแล้ว มีเรื่องสกปรกเช่นนี้เกิดขึ้นกับตระกูลที่มีชื่อเสียงอย่างตระกูลจ้าว พวกเขาจะเชิดหน้าชูตาอยู่ในเมืองหลิวเจียได้อย่างไร ไม่น่าแปลกใจที่จ้าวจื่อเจี๋ยและจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ทำเรื่องผิดศีลธรรม ดูที่แม่ของพวกเขาสิ ผู้ที่ไม่คู่ควรก็ไม่คู่ควรอยู่วันยันค่ำ!”

การเยาะเย้ยถากถางของฝูงชนทำให้หงซื่อหมดเรี่ยวแรงในทันที นางหมดเรี่ยวแรงที่จะพยุงตัวและล้มลงกับพื้นทันที หลายคนมองนางอย่างเป็นทุกข์ แต่ก็เป็นส่วนน้อยเท่านั้น

“จ้าวสวิ่น ท่านใจร้ายมาก!” จู่ ๆ หงซื่อก็กรีดร้องแล้วปล่อยเสียงสะอื้นออกมา

หลังจากที่ผู้คนรอบตัวนางแยกย้ายกันไป หงซื่อก็ลุกขึ้นจากพื้น เก็บข้าวของที่ถูกโยนทิ้งขึ้นมา และนางก็พาร่างกายที่เดียวดายหายไปในตอนกลางคืน และไม่มีใครเห็นนางอีกเลย…

กู้เสี่ยวหวานมองดูของที่ขนมาเต็มเปี่ยมซึ่งถูกลากโดยเกวียนสิบเล่ม และถามอย่างหดหู่เล็กน้อย “จำเป็นต้องขนของไปมากมายขนาดนี้เชียวหรือท่านอา ท่านป้า พวกท่านเก็บของพวกนี้ไว้ที่ห้องเก็บของที่บ้านไม่ได้หรือ”

ด้วยยานพาหนะมากมายขนาดนี้ กว่าจะไปถึงเมืองหลวงต้องใช้เวลาเท่าไร

ป้าจางดุและพูดว่า “ครั้งล่าสุดที่เสี่ยวฉินมอบของขวัญยาวสิบลี้ให้แก่เจ้า เมื่อเทียบกันแล้วมันเล็กน้อยมาก และเมื่อเจ้าไปถึงที่เมืองหลวงแล้ว ข้าค่อยให้คนส่งของตามไปอีก”

“ท่านป้า ข้าจะไปฉลองและเข้าเฝ้าไทเฮาที่เมืองหลวง ข้าไม่ได้ไปที่เมืองหลวงเพื่อตั้งรกราก เดี๋ยวข้าก็ต้องกลับมา ถ้ามันเป็นเช่นนี้แล้ว เมื่อไรข้าจะไปถึงเมืองหลวง นำสิ่งของไปหนึ่งรถม้าก็เพียงพอแล้ว” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างเอือมระอา

“แบบนั้นไม่ได้” ป้าจางรีบปฏิเสธ “ทุกคนในเมืองหลวงล้วนร่ำรวยและมีอำนาจ ของบนเกวียนสิบเล่มนี้เปรียบเสมือนฝนตกปรอย ๆ สำหรับพวกเขา นี่ถ้าเจ้านำของไปเพียงเล็กน้อย ถึงเวลาอาจจะมีหญิงสาวมาดูถูกเอาได้ เราไม่ควรทำตัวให้เป็นขี้ปากคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้น เสี่ยวฉินเองก็นำแต่ของดี ๆ มาให้เจ้า เจ้าสามารถนำมันไปตกแต่งบ้านที่เมืองหลวง จะปล่อยให้หญิงสาวพวกนั้นมาดูถูกดูแคลนเราไม่ได้” ป้าจางพูดพร้อมกับตรวจดูกล่องเพื่อดูว่ามีที่ว่างสำหรับใส่ของเข้าไปเพิ่มเติมหรือไม่

 


 

บทที่ 1384 ออกเดินทางไปเมืองหลวง

บทที่ 1384 ออกเดินทางไปเมืองหลวง

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานก็ทำอะไรไม่ถูก “ท่านป้า ข้าไปเมืองหลวงเพื่อเข้าเฝ้าไทเฮา ข้าไม่ได้ไปเมืองหลวงเพื่อเปรียบเทียบกับคนอื่น”

“นั่นไม่เป็นความจริง ถ้าเจ้าไม่เปรียบเทียบกับคนอื่น มันก็ไม่ผิดที่คนอื่นจะเปรียบเทียบกับเจ้า การนำสิ่งนี้ไปมีแต่ข้อดีและไม่มีข้อเสียแต่อย่างใด” ป้าจางไม่ยอมให้กู้เสี่ยวหวานปฏิเสธ และพูดว่า “อย่างไรก็ตาม หลังจากกลับมาจากเมืองหลวง ข้าจะเก็บสัมภาระเพิ่มและปล่อยให้พวกเขาไปที่เมืองหลวง”

กู้เสี่ยวหวานกัดฟันและสบตากับกู้เสี่ยวอี้ เมื่อเห็นความมุ่งมั่นของป้าจาง นางจึงทำได้เพียงแต่ยอมแพ้

ทว่าในเวลาต่อมา กู้เสี่ยวหวานได้ตระหนักถึงประโยชน์ของสิ่งที่ป้าจางทำ

ในสถานที่อันทรงเกียรติอย่างเมืองหลวงนั้นเต็มไปด้วยสตรีผู้สู่งศักดิ์ที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด หากนางทำให้ตนเองดูสมถะและตระหนี่เกินไป คงจะเป็นเรื่องยากที่จะตั้งหลักในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยคนมีอำนาจและละโมบโลภมาก

หลังจากเก็บของของตนเสร็จเรียบร้อย กู้เสี่ยวหวานก็เตรียมตัวออกเดินทาง

ป้าจางและลุงจางต้องการไปส่งกู้เสี่ยวหวาน

เมื่อพวกเขามาถึงทางตะวันตกของเมือง กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ กำลังจะเตรียมออกมาจากเมือง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหยาบของคนผู้หนึ่งดังขึ้น “เจ้าคนตัวเหม็น หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้ากล้าเอาของของข้าไปให้คนอื่นได้อย่างไร เจ้าอยากตายใช่หรือไม่ ข้าเลี้ยงดูเจ้า แต่เจ้ากลับเนรคุณเอาสิ่งเหล่านี้ไปเลี้ยงคนอื่น ถ้าข้าจับเจ้าได้ ข้าจะโบยเจ้าให้ตาย”

จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของหญิงสาวดังขึ้น พร้อมกับเสียงเยาะเย้ยถากถางของผู้คนรอบข้าง

“ผู้เฒ่าเฉิง ท่านต้องอ่อนโยนมากกว่านี้ อย่าทำร้ายภรรยาของท่านเลย หากท่านทำร้ายนาง ท่านจะหาสตรีที่งดงามเช่นนี้จากไหนได้อีก” ใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

กู้เสี่ยวหวานยกม่านรถม้าขึ้นทันเวลาพอดี ก็เห็นชายรูปร่างอ้วนเตี้ยกระชากผมของหญิงคนหนึ่งด้วยมือซ้าย และถือรองเท้าไว้ในมือขวา ปากเอาแต่ด่าทอหญิงคนนั้นไม่หยุด

ขณะสาปแช่งก็ทุบตีหญิงคนนั้นไม่หยุด “เจ้าตัวเหม็น ข้าจะตีเจ้าให้ตาย อย่าเอาความโชคร้ายนี้มาทิ้งไว้ที่ข้า”

ผู้เฒ่าเฉิงยังคงสาปแช่งไม่หยุด จากนั้นก็มีอีกเสียงสะอื้นดังขึ้น “ข้าขอร้อง อย่าตีลูกสาวข้าเลย อย่าตีลูกสาวข้า ข้าหิวเกินไป ดังนั้นข้าจึงขอให้นางหาอะไรให้กิน ข้ายังไม่ได้กินเลย ข้ายังไม่ได้กินเลย ข้าคืนให้ท่าน ข้าคืนให้ท่าน”

กู้เสี่ยวหวานคิดว่าเสียงนี้ฟังดูคุ้นหูยิ่งนัก

เมื่อมองตามเสียงนั้นก็เห็นหญิงชราคนหนึ่งคุกเข่าลงต่อหน้าผู้เฒ่าเฉิง ในมือถือแป้งทอดเอาไว้พลางยกขึ้นเหนือหัว และมอบให้ผู้เฒ่าเฉิงอย่างน่าสมเพช

เวลาผ่านไปไม่นาน หงซื่อกลับดูแก่ลงกว่าเดิมยิ่งนัก ผมเริ่มมีสีขาวแทรกแซม ร่างกายสกปรกมอมแมมเนื่องจากไม่ได้อาบน้ำมานาน ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงดูเหมือนขอทาน

“บัดซบ ไสหัวออกไป!” ผู้เฒ่าเฉิงสะบัดมือผลักหงซื่อจนล้มลงกระแทกพื้น ผู้เฒ่าเฉิงคว้าตัว อวิ๋นเอ๋อร์ที่แน่นิ่งราวกับตายไปแล้วขึ้นมา นางไม่พูดอะไรสักคำ ร่างกายเซไปเซมาตามการเคลื่อนไหวของผู้เฒ่าเฉิงไปโดยไม่โกรธเลยแม้แต่น้อย

บางทีผู้เฒ่าเฉิงอาจเหนื่อยจากการออกแรงมากจึงหยุดเดินและโยนจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ลงกับพื้น ดึงขอบกางเกงขึ้นพลางเช็ดเหงื่ออย่างหยาบคาย และตะโกนขึ้น “ข้าเหนื่อยมากแล้ว เจ้าพวกตัวเหม็น พวกเจ้ารีบกลับไปทำอาหารเสีย ข้าอยากดื่มเหล้า” จากนั้นเขาก็ก้าวข้ามจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ไปอย่างไม่ใส่ใจ แล้วหัวเราะทักทายกับผู้พบเห็น

ชาวบ้านเหล่านั้นชี้ไปที่หงซื่อกับจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์และเยาะเย้ยกับความโชคร้ายของผู้อื่น มีเพียงหงซื่อเท่านั้นที่โอบแขนรอบตัวจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ที่ถูกทุบตีและร้องไห้อย่างอ่อนแรง “อวิ๋นเอ๋อร์ อวิ๋นเอ๋อร์ ลูกสาวที่น่าสงสารของข้า! จ้าวสวิ่นเจ้าใจร้ายมาก อวิ๋นเอ๋อร์เป็นเนื้อเลือดของเจ้า แม้ว่านางจะกระทำผิด เจ้าก็ไม่ควรปล่อยให้นางแต่งงานกับอันธพาลแบบนี้”

กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้วพลางปิดม่านลง จากนั้นเอ่ยว่า “ไปกันเถอะ”

ทุกคนภายในรถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอกอย่างชัดเจน กู้หนิงผิงจึงตะคอกอย่างเย็นชา “สมควรแล้ว”

ป้าจางถอนหายใจและพูดว่า “เฮ้อ มันเป็นความผิดของนางเอง ข้าไม่รู้ว่านางเข้าไปยุ่งกับพี่ชายตัวเองได้อย่างไร หึ! พวกคนเลวต่างมีหนทางของตัวเอง ลองนึกถึงสองพี่น้องนั่นที่เกือบทำลายเสี่ยวหวานสิ แค่คิดข้าก็โกรธจนแทบบ้า พวกเขาสมควรโดนแล้ว มาดูกันว่าพวกเขาจะยังทำร้ายผู้คนได้อีกหรือไม่”

กู้เสี่ยวหวานกระตุกยิ้ม และนางไม่ได้รู้สึกเห็นใจสองพี่น้องกระกูลจ้าวเลยแม้แต่น้อย

ผู้อื่นไม่รุกรานข้า ข้าไม่รุกรานผู้อื่น จ้าวจื่อเจี๋ยต้องการทำลายชื่อเสียงของนางในตอนนั้น ดังนั้นนางจึงตอบแทนเขาด้วยวิธีเดียวกัน

อาจั่วเองก็อารมณ์ดีผิดปกติเมื่อเห็นว่าคนที่ทำร้ายคุณหนูในอดีตกลายมามีสภาพนี้

หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล แต่ไกลแค่ไหนก็ยังต้องจากกัน

ด้านนอกศาลา กู้เสี่ยวหวานจับมือฟ่านหลิงแล้วพูดว่า “พี่สะใภ้ จากนี้ไปข้ารบกวนให้ท่านดูแลสวนกู้ด้วย นอกจากนี้ยังมีร้านจิ่นฝู ท่าน พี่ฉือโถว และท่านพี่อวี้ต้องทำงานหนักแล้ว”

ฟ่านหลิงกลั้นน้ำตาที่กำลังจะหลั่งรินออกมา พลางลูบมือกู้เสี่ยวหวานเบา ๆ “เสี่ยวหวาน เจ้ากำลังพูดถึงอะไร? เจ้าช่วยท่านพ่อและน้องชายของข้ามามาก ข้ายังไม่ได้ขอบคุณเจ้าด้วยซ้ำ เรื่องแค่นี้มันเป็นเรื่องเล็ก ถ้าเจ้ายังพูดแบบนี้อีก ข้าจะร้องไห้แล้วนะ”

หลังจากพูดจบ ฟ่านหลิงก็หันหลังและใช้มือเช็ดน้ำตาบนใบหน้า

“พี่สะใภ้ ข้าพูดความจริง ท่านลุงสุขภาพไม่ดีต้องการคนมาดูแล ท่านป้าก็ยุ่งตลอดเวลา นางชอบดูแลเรื่องเล็กใหญ่ภายในบ้าน พี่ฉือโถวอยู่ในเมืองคอยดูแลของร้านจิ่นฝู ทุกอย่างในครอบครัวจะตกอยู่ที่ท่านและท่านป้า ข้าเกรงว่าท่านจะเหนื่อยเกินไป ถ้าเหนื่อยก็ซื้อสาวใช้ที่ไว้ใจได้มาดูแล ข้าคุยกับท่านป้าแล้ว ในอนาคตถ้าท่านมีลูก ครอบครัวจะยิ่งวุ่นวาย พวกท่านอยู่บ้านก็ดูแลตัวเองและดูแลร่างกายให้ดีเพื่อรอข้ากลับมา”

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท