ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – บทที่ 753 เจ้าต้องการต่อสู้กับศาลสวรรค์จริงๆ หรือ? (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 753 เจ้าต้องการต่อสู้กับศาลสวรรค์จริงๆ หรือ? (1)

ในวันที่สองหลังจากที่ลู่หยา องค์รัชทายาทแห่งศาลปีศาจโบราณได้ออกประณามศาลสวรรค์ บรรดาทหารสวรรค์ และแม่ทัพสวรรค์ล้วนอยู่ในสถานะเตรียมพร้อมรอการต่อสู้เต็มรูปแบบอยู่ที่ประตูสวรรค์ทั้งห้าแห่งของศาลสวรรค์ในขณะที่มีบรรยากาศตึงเครียดเต็มไปทั่วทุกที่

บัดนี้พายุฝนห่าใหญ่กำลังใกล้เข้ามาในภูเขาและหอคอยสูงทั้งหลังก็ถูกลมพัดเข้ามาเต็มหอคอย

เหล่าทหารสวรรค์ต่างยืนเรียงแถวและแม่ทัพสวรรค์ก็กำลังลับกระบี่ให้คมกริบ บรรดาเจ้าหน้าที่มากมายหลายคนของศาลสวรรค์ต่างก็ขี่เมฆไปมา

นอกจากนี้ เหล่าเทพธิดาในสระหยกก็ได้มารวมตัวกันเพื่อคุ้มกันบริเวณโดยรอบของสระหยก

พวกนางยังส่งคนไปแจ้งข่าวที่หอทงหมิงเช่นกัน แม้พวกนางจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการบัญชาการรบแห่งศาลสวรรค์ แต่พวกนางก็สามารถรีบไปช่วยเหลือได้ตลอดเวลา

ในชั่วขณะหนึ่งนั้น มีเสียงสายลมไหว กระเรียนกรีดร้อง แปรปรวนไปทั่วทั้งแผ่นฟ้าและผืนดินล้วน ดูราวกับว่า จะเริ่มเปิดศึกสงครามอย่างรุนแรงในวันรุ่งขึ้น

ในหอทงหมิง บรรดาเทพเซียนแห่งศาลสวรรค์หลายสิบคนได้มารวมตัวกันและมีโต๊ะกลมตั้งไว้อยู่กลางโถงหอ

และที่ข้างๆ โต๊ะกลมนั้น ก็มีแท่นที่นั่งแปดแท่น มีที่นั่งสี่แถวเรียงกันทั้งสองด้าน และบรรดาเทพเซียนทั้งหมดต่างก็ยืนอยู่หน้าที่นั่งเหล่านั้นเพื่อรอให้เทพผู้ชอบธรรมมาถึง

ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ในขณะนั้น องค์เง็กเซียนและเทพมารดาได้เสด็จลงมายังโลกเพื่อประสบกับภัยพิบัติ จึงเป็นเหตุให้ในเวลานี้ เป็นเวลาที่เหล่าผู้เซียนไร้ผู้นำ

นอกจากนี้ พวกเผ่าปีศาจยังทรงพลังยิ่ง และเหล่าปรมาจารย์ที่เหลืออยู่ของเผ่าปีศาจโบราณก็ได้มารวมตัวกันที่ชายแดนของดินแดนเทวะอุดร พลังของพวกมันนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง

ซึ่งหากมองในด้านของจำนวนเหล่าปรมาจารย์เพียงอย่างเดียวเท่านั้นโดยไม่คำนึงถึงความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายแล้ว ในเวลานี้ เผ่าปีศาจก็กำลังบดขยี้ศาลสวรรค์อย่างแท้จริง

ทว่าเหล่าผู้เป็นเซียนก็หาได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใดไม่ ความจริงแล้ว…

เขายังรู้สึกอยากจะหัวเราะออกมาสักหน่อยเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในศาลสวรรค์มาก่อนหน้านี้

ในขณะนั้น แม่ทัพสวรรค์ผู้หนึ่งที่ประตูก็กล่าวเบาๆ ว่า “ใต้เท้าเทพวารีมาถึงแล้ว!”

ทันใดนั้นบรรดาเซียนต่างก็หยุดพูดคุยกันกะทันหันในขณะที่แม่ทัพตงมู่ซึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งประธาน พลันลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ประตูทันที

ที่ด้านนอกประตู เซียนชราในชุดเสื้อคลุมสีขาว เส้นผมสีขาว พร้อมด้วยแส้หางม้าสีขาวของเขา ได้ขี่เมฆสีขาวบินตรงมา แน่นอนว่า เขาคือ หลี่ฉางโซ่ว ซึ่งอยู่ในสถานะกำลังจับปลาอยู่

ทันทีที่เขาเข้าไปในหอทงหมิง เหล่าผู้เป็นเซียนแห่งศาลสวรรค์ก็ได้รวมตัวกันและเข้าห้อมล้อมรอบกายเขาทันที

ในขณะนั้น แม่ทัพตงมู่ก็รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก จากนั้นแม่ทัพตงมู่ก็ร้องตะโกนว่า “เทพวารี ในที่สุด ท่านก็มาถึงแล้ว!”

เพียงทันทีที่เขาเข้าไปในโถงหอทงหมิง กลุ่มเทพแห่งสวรรค์ก็รวมตัวกันไปข้างหน้าทันที ล้อมรอบด้วยสามชั้นด้านในและสามชั้น ด้านนอก ทำให้แม่ทัพตงมู่ตกตะลึงเล็กน้อย

“พวกปีศาจเหล่านี้ดุร้ายยิ่งนักจนเกือบจะกัดข้าเข้าให้แล้ว!”

“ใต้เท้าเทพวารี? พวกเราจะยกทัพออกไปโจมตีเผ่าปีศาจเมื่อใดกัน?”

“ทุกท่าน ไม่ต้องกังวล” หลี่ฉางโซ่วยกมือขึ้นแล้วกดลง และบรรดาเซียนต่างๆ ก็เงียบเสียงลงในทันที

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “พวกท่านล้วนเป็นเสนาบดีคนสำคัญของศาลสวรรค์

เวลานี้ องค์เง็กเซียนและเทพมารดาไม่ได้อยู่ในศาลสวรรค์ พวกเราจะตื่นตระหนกไม่ได้

ตอนนี้ศาลสวรรค์เพิ่งเริ่มปรับปรุงดีขึ้นบ้าง และทุกอย่างก็กำลังเริ่มต้นขึ้น มีทหารสวรรค์ใหม่มากกว่าแสนนายที่ยังไม่ได้รับการฝึกฝน และมีแม่ทัพสวรรค์ที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งใหม่หลายสิบคนที่ยังไม่ได้เรียนรู้วิธีการวางแผนกลยุทธ์ทางทหาร

องค์ชายแห่งศาลปีศาจโบราณได้มองเห็นว่าโครงสร้างภายในของศาลสวรรค์ยังอ่อนแอ และนั่นจึงเป็นเหตุให้เขากล้าท้าทายบัญชาสวรรค์แห่งศาลสวรรค์อย่างอุกอาจ

หากพวกเราจัดกองกำลังของเราเพื่อต่อสู้กับเผ่าปีศาจในตอนนี้ แล้วนั่นจะไม่ใช่สิ่งที่เผ่าปีศาจต้องการอย่างแท้จริงหรอกหรือ?”

บัดนั้นเหล่าเซียนกว่าครึ่งหนึ่ง ต่างก็จมจ่อมอยู่ในห้วงแห่งความคิดลึกซึ้งในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งก็กำลังสับสนงุนงง

ในขณะนั้น เทพผู้รับผิดชอบหอทัณฑ์สายฟ้าเอ่ยถามว่า “ท่านเทพวารี บัดนี้ พวกเผ่าปีศาจได้ก่อกบฏอย่างเปิดเผย แม้ในเวลานี้ ศาลสวรรค์ของเราจะไม่อาจถือได้ว่าทรงพลังแข็งแกร่งนัก แต่พวกเราก็มีพลังพอที่จะปราบปรามพวกเผ่าปีศาจได้

หากพวกเผ่าปีศาจก่อกบฏโดยที่พวกเราไม่ส่งกองกำลังออกไป เช่นนั้นแล้ว พลังแห่งสวรรค์จะอยู่ที่ใด? แล้วเราจะรักษาวิถีธรรมแห่งสวรรค์และปฐพีเอาไว้ได้อย่างไรกัน?”

“ท่านกล่าวผิดไปแล้ว”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวต่ออย่างอบอุ่นว่า “แม้ในขณะนี้ ศาลสวรรค์จะสามารถปราบปรามเผ่าปีศาจได้ แต่ภายในเผ่าปีศาจยังมีหลายฝักฝ่าย และเหล่าราชาปีศาจก็ไม่ใคร่ลงรอยกัน จึงยากที่พวกเขาจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้

แล้วบรรดาทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์จะได้รับความเสียหายมากเพียงใดหากเราออกปราบปรามเผ่าปีศาจในยามนี้?”

ขณะกล่าว หลี่ฉางโซ่วก็ก้าวออกไปข้างหน้า

บรรดาเซียนจ่างก็เดินติดตามหลังเขาไปอย่างใกล้ชิดและตั้งใจฟังด้วยกลัวว่าพวกเขาจะพลาดคำใดคำหนึ่งไป

หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “หากพวกเราส่งกองกำลังออกไปในทันทีโดยเพียงพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่าพวกปีศาจเป็นเพียงกลุ่มก่อกบฏ แล้วเหล่าทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์จะบาดเจ็บล้มตายกันมากเพียงใด?

หากเหล่าทหารสวรรค์ของเราได้รับบาดเจ็บล้มตายมากเกินไป ความแข็งแกร่งของศาลสวรรค์ก็จะถูกเปิดเผยไปทั่วหล้าอย่างชัดเจน แม้ว่าเราจะปราบปรามเหล่าปีศาจที่ชายแดนของดินแดนเทวะอุดรได้สำเร็จก็ตาม

ทุกท่าน โลกในวันนี้ มีเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นตัวเอก และเผ่าพันธุ์ปีศาจก็เป็นเพียงสุนัขที่พ่ายแพ้ในสมัยโบราณเท่านั้น

หากพวกเราไม่อาจปราบปรามเหล่าปีศาจด้วยพลังสายฟ้าได้ มันก็จะไร้ประโยชน์ใดๆ ต่อพลังแห่งสวรรค์ และไม่มีประโยชน์ใดๆ ต่อวิถีธรรมแห่งสวรรค์และปฐพีเช่นกัน ทั้งยังรังแต่จะทำให้พวกเราเป็นที่ขบขันของบรรดาสำนักเซียนแห่งดินแดนเทวะมัชฌิมาเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น หากเหล่าปีศาจใหญ่โบราณแห่งเผ่าปีศาจทั้งหมดลงมือโจมตี พวกเราก็ย่อมจะพ่ายแพ้…

พลังแห่งสวรรค์หายไปแล้ว!”

เหล่าผู้เป็นเซียนหลายสิบคนในหอทงหมิงต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย

พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่เทพวารีกล่าวออกมานั้นมีเหตุผล

เมื่อศาลสวรรค์ส่งกองกำลังออกไป ไม่เพียงแต่พวกเขาต้องชนะเท่านั้น แต่พวกเขายังต้องชนะอย่างงดงามอีกด้วย และพวกเขายังต้องได้รับชัยชนะครั้งใหญ่อย่างสมบูรณ์ จึงจะถือได้ว่าเป็นการเผยพลังบารมียิ่งใหญ่ของพวกเขาออกมาได้

บัดนั้น เทพผู้ชอบธรรมซึ่งดูแลหอลงทัณฑ์สายฟ้าก็ประสานมือคารวะให้และกล่าวว่า “เทพน้อยผลีผลามเกินไปและไม่ได้พิจารณาให้ละเอียดรอบคอบ ขอท่านเทพวารีโปรดลงโทษข้าด้วยเถิด”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ทั้งหมดนี้ก็เพื่อประโยชน์ของศาลสวรรค์ นอกจากนี้ พวกเราต่างก็เป็นเสนาบดี แล้วจะมีบทลงโทษท่านได้อย่างไรกัน?”

ในขณะนั้นแม่ทัพตงมู่ก็ถอนหายใจอยู่ที่ด้านข้าง

จากนั้นแม่ทัพตงมู่ก็กล่าวว่า “ไม่ว่าจะพูดเป็นพันเป็นหมื่นคำ ก็ไม่สำคัญ ความแข็งแกร่งของศาลสวรรค์ของเราในยามนี้ ก็ยังไม่เพียงพอที่จะสยบเจ้าโจรถ่อยพวกนี้ได้

ทุกท่าน นั่งลงเถิด!

ก่อนที่ฝ่าบาทองค์เง็กเซียนและองค์ราชินีจะเสด็จลงไปยังโลกมนุษย์เพื่อเผชิญกับภัยพิบัติ พระองค์ได้ทรงมอบหมายเรื่องของศาลสวรรค์ให้กับท่านเทพวารีและข้า

และวันนี้ ข้าได้เชิญทุกคนมารวมกันที่นี่ ก็เพื่อหารือถึงเรื่องวิธีรับมือกับการโจมตีของพวกเผ่าปีศาจ”

ในขณะนั้น แม่ทัพตงมู่ก็ผายมือทำท่าทางเชื้อเชิญให้บรรดาเทพเซียนทั้งหมดในหอ นั่งลง

แม่ทัพตงมู่และหลี่ฉางโซ่วนั่งที่ที่นั่งหลักที่หัวโต๊ะกลมซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางโดยมีจอมทัพที่คอยเฝ้าดูแลประตูสวรรค์ทั้งห้าทิศอยู่ข้างๆ พวกเขา ทว่ายังมีที่นั่งว่างเปล่าอยู่ที่หนึ่ง

แม่ทัพตงมู่มองไปยังที่นั่งว่างตัวนั้น และกล่าวว่า “เทพวารี ไยพวกเราไม่เชิญองค์หญิงหลงจี๋มาด้วยเล่า?”

………………………………………………………………..

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท