ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – บทที่ 754 เจ้าต้องการต่อสู้กับศาลสวรรค์จริงๆ หรือ? (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 754 เจ้าต้องการต่อสู้กับศาลสวรรค์จริงๆ หรือ? (2)

“ท่านแม่ทัพตงมู่”

หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและกล่าวว่า “แม้จะมีเหตุผลในการเชิญองค์หญิงหลงจี๋มา แต่ข้าก็เกรงว่า…ฝ่าบาทจะไม่ทรงโปรดให้องค์หญิงหลงจี๋มาเกี่ยวข้องในเรื่องเหล่านี้”

แม่ทัพตงมู่อดจะตกใจไม่ได้ จากนั้นเขาก็รีบกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ให้เป็นตามที่เทพวารีเห็นควร ขอให้ท่านจัดการเถิด”

“เทพจันทรา เชิญนั่งก่อน” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “วันนี้ ข้ายังมีเรื่องสำคัญบางอย่างที่ต้องทำ และข้าอยากให้ท่านเทพจันทราช่วยดำเนินการด้วย”

เอ๋?

เทพเฒ่าจันทรา ซึ่งอยู่ที่มุมหนึ่งของหอทงหมิงอดจะตะลึงงันไปชั่วขณะไม่ได้ การต่อสู้ของศาลสวรรค์เช่นนี้ เกี่ยวข้องกับเขา เทพเฒ่าจันทรา ได้อย่างไรกัน?

ทว่าด้วยคำพูดของเทพวารี เทพจันทราจึงไม่กล้ารอช้า เขาลุกขึ้นยืนพลางก้มศีรษะลงและก้าวออกไปข้างหน้าทันที และด้วยแรงกดดันบางอย่าง เขาจึงนั่งลงที่ส่วนท้ายของโต๊ะกลมอย่างระมัดระวัง

บัดนั้น ทั่วทั้งหอทงหมิงก็มีสีสันมากขึ้นเล็กน้อยเพราะเสื้อคลุมแต่งงานสีแดงสดของเขา

จากนั้น แม่ทัพตงมู่กระแอมไอให้คอโล่ง แล้วเข้าสู่ประเด็นหารือ

แม่ทัพแห่งศาลสวรรค์อ่านคำปราศรัยของเผ่าปีศาจที่ประณามศาลสวรรค์อย่างไร้อารมณ์ในขณะที่บรรดาเทพเซียนทั้งหมดล้วนเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

แม่ทัพตงมู่ยิ้มและเอ่ยถามว่า “เทพวารี เราควรจัดการอย่างไรดี?”

หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวว่า “คำประกาศนี้นับว่าไม่เลว เรียกได้ว่าทำเอาถึงกับน้ำตาซึมเลยทีเดียว

เขาบอกว่า ศาลสวรรค์ของเราลบหลู่ความดีงามของเผ่าปีศาจทั้งๆ ที่เผ่าปีศาจได้ล่าถอยและยอมทนทุกอย่างแล้ว

บัดนี้ พวกเขาทนไม่ได้อีกต่อไป และประกาศว่า จะไม่เคารพเชื่อฟังบัญชาแห่งศาลสวรรค์

ทว่าเมื่อเขาคิดอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็ตระหนักว่าในประกาศนั้นไม่มีเนื้อหาอะไรเลย และยังค่อนข้างไร้ยางอายยิ่ง ราวกับว่า ก่อนหน้านี้ เผ่าปีศาจเชื่อฟังบัญชาของศาลสวรรค์จริงๆ”

ในขณะนั้นเหล่าเทพเซียนแย้มยิ้มเล็กน้อย และบรรยากาศทั่วทั้งหอก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาก

แม่ทัพตงมู่ยิ้มและกล่าวว่า “ปีศาจกลุ่มนี้ไม่เลว พวกมันละเอียดรอบคอบมาก และสามารถกลับมากัดพวกเราได้เช่นกัน”

“ทุกท่าน พวกท่านต้องใส่ใจระวังให้ดี เหล่าปีศาจกำลังพูดถึงการต่อต้านสวรรค์มากกว่าการก่อกบฏ” หลี่ฉางโซ่วกล่าว “อีกฝ่ายยังได้ทิ้งแผนสำรองบางอย่างเอาไว้บ้างแล้ว

ปัญหาที่แท้จริงคือ องค์ชายลู่หยาแห่งศาลปีศาจ และเหล่าปรมาจารย์โบราณของเผ่าปีศาจ

ทว่าสิ่งที่เราต้องทำในตอนนี้ก็คือ การออกประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง”

แม่ทัพตงมู่ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ออกประกาศหรือ? ท่านจะโต้ตอบคำประกาศของเผ่าปีศาจหรือ?”

“เรามายึดความถูกต้องชอบธรรมกันไว้ก่อน” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “พวกเราจะไม่โต้ตอบต่อสิ่งที่เขียนในประกาศแถลงการณ์อย่างเป็นทางการของอีกฝ่าย แต่พวกเราจะเพียงผ่านแจกแจงการกระทำผิดของผู้รอดชีวิตที่เหลืออยู่ในศาลปีศาจโบราณ

และเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ พูดง่ายๆ ก็คือ ปีศาจโบราณเหล่านี้เป็นฆาตกรกระหายเลือด เข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตทั้งมวล และไม่รู้ชะตากรรม

พวกมันฝึกฝนเหล่าทหารปีศาจ หลอมสมบัติชั่วร้าย ทั้งยังบีบเค้นสารจิง[1]และวิญญาณของโลก พวกมันมีแรงจูงใจซ่อนเร้น แอบวางแผนชั่วร้ายและลอบกระทำผิด

ในการประกาศครั้งที่สองนี้ จะต้องชี้ให้เห็นว่าศาลสวรรค์ได้รับการก่อตั้งขึ้นจากบรรพาจารย์เต๋า และเหล่าจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า

จุดประสงค์ในการก่อตั้งของพวกเขาก็คือ การปกป้องผู้คนและรักษาการดำเนินงานของเต๋าสวรรค์ หาใช่เพื่อการควบคุมปกครองเผ่าพันธุ์ทั้งมวลไม่

วิธีโบราณนั้น ไม่อาจใช้ได้อีกต่อไปแล้ว สิ่งมีชีวิตทั้งมวลล้วนมีสิทธิ์เลือกว่าจะถูกเรียกว่าปีศาจหรือไม่”

บรรดาเทพเซียนต่างคิดอย่างละเอียดรอบคอบ และหากพวกเขาฉลาดพอ หลังจากที่ได้ยินพวกเขาได้ยินคำพูดของหลี่ฉางโซ่ว พวกเขาก็ย่อมจะเข้าใจถึงความสำคัญของคำพูดเหล่านี้

ต่อให้ไร้ปัญญา พวกเขาก็ย่อมจะรู้สึกว่า คำพูดของเทพวารีนั้นมีเหตุผล

แน่นอนว่า ย่อมมีคนที่ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาอยู่ทั่วทุกที่

แม่ทัพผู้หนึ่งรู้สึกงงงวย เขากล่าวถามว่า “ในภายภาคหน้า ศาลสวรรค์ของเรา…จะไม่ปกครองเผ่าพันธุ์ทั้งหมดหรอกหรือ?”

ในขณะนั้น สายตาหลายคู่ล้วนจับจ้องมองมาที่เขา ทำให้แม่ทัพผู้นั้น คอหดโดยไม่รู้ตัว และปรารถนาจะบีบตัวเองเข้าไปในรอยแตกบนกำแพงได้

หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ศาลสวรรค์มีไว้เพื่อปกป้องเต๋า หาใช่เพื่อควบคุมปกครองเผ่าพันธุ์ทั้งมวลไม่ ทุกท่านโปรดจำเอาไว้”

บรรดาเซียนทั้งหลายต่างรับคำ

เทพเซียนอีกผู้หนึ่งกล่าวอย่างกังวลว่า “เมื่อออกประกาศนี้ไปแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นหากพวกปีศาจโจมตีศาลสวรรค์ด้วยความเดือดดาล?”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างสงบว่า “พวกปรมาจารย์เผ่าปีศาจเหล่านั้นจะตายอย่างไร้ที่ฝัง และจะไม่หลงเหลือเถ้าถ่านใดๆ เอาไว้อย่างแน่นอน”

เหล่าผู้เป็นเทพเซียนต่างก็รู้สึกโล่งใจทันที พวกเขารู้ว่าเมื่อเทพวารีกล่าวเช่นนั้นได้ เขาย่อมต้องเตรียมพร้อมไว้เป็นอย่างดีแล้ว

ทว่าแม่ทัพตงมู่ที่อยู่ข้างๆ เขา กลับครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง…

เหตุใดกัน? เขาก็มั่นใจเช่นกัน และยังกล่าวถ้อยคำเหล่านั้นได้อีกด้วย แต่เขาไม่อาจทำตัวเรียบง่าย สบายๆ และมีรูปแบบเช่นนั้นเหมือนเทพวารีได้…

หลังจากตัดสินใจเลือกเนื้อหาหลักของคำประกาศครั้งที่สองและเวลาที่จะประกาศออกไปต่อโลกภายนอกแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็เริ่มจัดเตรียมการเรื่องที่ติดตามมาต่อไป

ทหารสวรรค์ของศาลสวรรค์กว่าครึ่งหนึ่งกำลังปกป้องประตูสวรรค์ ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งกำลังได้รับการดูแลฝึกฝนเป็นอย่างดีโดยแต่ละครึ่งนั้นเป็นการสลับสับเวียนกันไป

นอกจากนี้ เขายังสั่งให้เผ่ามังกรแห่งสี่คาบสมุทรเตรียมเหล่าปรมาจารย์กลุ่มหนึ่งเอาไว้ให้พร้อมเพื่อเข้าช่วยเหลือศาลสวรรค์ได้ตลอดเวลาอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้มีการออกประกาศฉบับที่สองภายใต้ชื่อของผู้พิชิตปีศาจ และศาลสวรรค์ก็จะลดเกณฑ์การคัดเลือกทหารสวรรค์ลงเล็กน้อย

พวกเขาจะเรียกสำนักเซียนของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในดินแดนเทวะมัชฌิมาให้มุ่งหน้าตรงไปทางเหนือเพื่อต่อสู้และเอาคืนพวกปีศาจ

ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นคำตอบเบื้องต้นซึ่งศาลสวรรค์ได้ตอบสนองอย่างสมเหตุผลเช่นกัน

ต่อไปในภายหน้า ศาลสวรรค์ก็ยังมีไพ่ไม้ตายที่สามารถใช้ได้อีกสองสามใบ

ตัวอย่างเช่น พวกเขาสามารถขอความช่วยเหลือจากสามสำนักบำเพ็ญเต๋า และขอให้เหล่าจื้อแห่งวังดุสิตปรากฏตัวออกมา หรือการระเบิดวิญญาณครั้งใหญ่ในภูเขาเหยาเซิงอีกครั้ง เป็นต้น

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ทุกท่าน พวกท่านต้องใจเย็นๆ และดึงเรื่องให้ช้าลง ปล่อยให้พวกเผ่าปีศาจก่อความโกลาหลวุ่นวายเองเสียก่อน

เวลานี้ ฝ่าบาทองค์เง็กเซียนไม่ได้อยู่ในศาลสวรรค์แล้ว พวกเราสามารถใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างเพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้ ใช้ความชอบธรรมของเรา และพิชิตพวกเผ่าปีศาจได้

ในขณะนี้ เผ่าปีศาจเพิ่งรวมตัวกันเป็นครั้งแรก และมีแรงผลักดันทรงพลังแข็งแกร่งสูงสุด

หากดึงเวลาให้ล่าช้าไปสักสามปี พวกปีศาจก็จะมีแรงผลักดันอ่อนแอลงแน่นอน

และหากพวกเราดึงให้ล่าช้าลงไปสักสิบปี พวกเผ่าปีศาจย่อมจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอนเช่นกัน

หลังจากดึงเวลาให้ลากยาวไปเป็นเวลายี่สิบถึงสามสิบปีแล้ว เผ่าปีศาจก็จะกลายเป็นกองทรายที่กระจัดกระจายบนพื้นทันที ไม่เช่นนั้น ลู่หยาและคนอื่นๆ ย่อมจะประเมินค่าตัวเองสูงเกินไปว่าเหนือกว่าและเริ่มโจมตีเอง

ในช่วงเวลานี้ พวกเราก็สามารถผ่อนคลาย และทำงานของตัวเองได้ อีกทั้งจะมีการเสริมกำลังการป้องกันในส่วนต่างๆ ของประตูสวรรค์ให้แข็งแกร่งขึ้นไปทั่วทุกที่

นอกจากนี้ เราก็จะสะสมกองกำลังที่ประตูสวรรค์กลางเอาไว้เพื่อเป็นกำลังสำรอง แล้วสถานการณ์โดยรวมก็จะถูกจัดการให้สงบและปลอดภัยได้”

“มันย่อมจะดีที่สุดหากพวกเราสามารถลากยาวออกไปได้จนกว่าพระองค์จะเสด็จกลับมาจากการประสบภัยพิบัติ

เมื่อถึงเวลานั้น ศาลสวรรค์จะพร้อมเพียงพอ และหากฝ่าบาททรงมีพระบัญชา กองทัพก็จะเคลื่อนพล และบรรดาทหารสวรรค์ก็จะยกทัพลงมายังโลกมนุษย์เพื่อกำจัดเหล่าปีศาจ

เหล่าทหารสวรรค์จะไม่ต้องเจ็บปวดสูญเสียใดๆ และพวกเขาสามารถเสริมสร้างพลังแห่งสวรรค์ และส่งเสริมความชอบธรรมได้

นั่นไม่ใช่เรื่องสุดวิเศษหรอกหรือ? แล้วฝ่าบาทจะตระหนี่กับการตกรางวัลตอบแทนได้อย่างไรเล่า?”

………………………………………………………………..

[1] สารจำเป็นพื้นฐานที่เป็นโครงสร้างร่างกาย ช่วยพยุงร่างกายให้สามารถดำรงชีวิตทำกิจกรรมต่างๆ ได้

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท