ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – บทที่ 755 เจ้าต้องการต่อสู้กับศาลสวรรค์จริงๆ หรือ? (3)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 755 เจ้าต้องการต่อสู้กับศาลสวรรค์จริงๆ หรือ? (3)

ทันใดนั้นดวงตาของบรรดาเทพเซียนทั้งหมดก็เปล่งประกายสว่างวาบขึ้นและพวกเขาก็พยักหน้าเห็นด้วย

แม่ทัพตงมู่ยิ้มและกล่าวว่า “ในช่วงเวลานี้ หากพวกเผ่าปีศาจตะโกนก่นด่าสาปแช่งในอาณาจักรเบื้องล่าง พวกเราก็ไม่ต้องไปใส่ใจมัน”

“พวกเรายังต้องใส่ใจเรื่องนี้” หลี่ฉางโซ่วกล่าว

“หาแม่ทัพสวรรค์สักสองสามคนที่มีทักษะวาจาคมคาย และเก่งกาจเรื่องการก่นด่าผู้อื่น หากพวกปีศาจตะโกนก่นด่า พวกเขาก็จะตะโกนตอบโต้ และย่อมจะเป็นการดีที่สุดหากพวกมันจะอดลงมือยกทัพโจมตีไม่ได้

แต่ก็ต้องระวัง อย่ากล่าววาจาหยาบคาย และทำให้ศาลสวรรค์ของเราเสื่อมเสียชื่อเสียง

เวลานี้ พวกปีศาจเหล่านี้กำลังขี่เสือและพยายามอาศัยพลังบารมีเสือเพื่อข่มขู่คุกคามผู้อื่น ดังนั้น พวกเรามาทำให้พวกมันยากที่จะลงจากหลังเสือได้ แล้วมาดูกันว่า ผู้ใดจะแตกตื่น”

ในขณะนั้น แม่ทัพสวรรค์คนหนึ่งก็เอ่ยถามว่า “ใต้เท้าเทพวารี หากขวัญกำลังใจของเหล่าทหารสวรรค์ได้รับผลกระทบในระหว่างช่วงเวลานี้ แล้วพวกเราควรจะเอาใจพวกเขาอย่างไร?”

“นี่เป็นเรื่องเล็กน้อย” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “วันนี้ ท่านสามารถบอกเหล่าทหารสวรรค์ในส่วนต่างๆ ได้ว่า แม่ทัพตงมู่และข้าเป็นผู้นำ และได้ตัดสินใจกวาดล้างพวกปีศาจกลุ่มนี้

ทว่าในเวลานี้ พลังของศาลสวรรค์ก็ยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอ พวกเรายังต้องรอเวลาอีกสักหน่อย

จงบอกพวกเขาให้ใจเย็นๆ สักพัก แล้วพวกเรามาทำการคัดเลือกทหารกันต่อไปเถิด เราต้องบดขยี้ชายแดนของดินแดนเทวะอุดร และต้องทำอย่างเต็มที่เพื่อให้บรรลุความสำเร็จในการรบครั้งเดียว!”

บัดนั้นแม่ทัพสวรรค์ทั้งหลายต่างก็คลี่ยิ้มและรู้สึกโล่งใจ

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “นอกเหนือจากนั้น พวกเราจะเปลี่ยนชื่อของค่ายกลเวทสักหนึ่งหรือสองค่ายกลที่เหล่าทหารสวรรค์มักจะฝึกฝน ให้เปลี่ยนชื่อเป็นค่ายกลขับไล่ปีศาจใหญ่เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของศาลสวรรค์”

“รับบัญชา!”

บรรดาแม่ทัพสวรรค์ต่างรับคำอย่างพร้อมเพรียงกัน

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็มองไปที่แม่ทัพตงมู่ แม่ทัพตงมู่ก็ยิ้มและผายมือทำท่าทางเชื้อเชิญ

เขากล่าวว่า “เชิญเทพวารีเป็นผู้จัดเตรียมการเถิด”

“เช่นนั้นแล้ว ข้าก็จะกล่าวอะไรอีกสักสองสามคำ” หลี่ฉางโซ่วกระแอมไอในลำคอและนั่งอยู่บนแท่นที่นั่งอย่างสบายและผ่อนคลายมากขึ้น

จากนั้นเขาก็กล่าวต่อว่า “ในการจัดการเผ่าปีศาจนั้น ความจริงแล้ว การใช้กองกำลังทหารจะเป็นขั้นตอนสุดท้าย

พวกเราเป็นเทพเซียนแห่งศาลสวรรค์ พวกเรารับใช้ศาลสวรรค์และเต๋าสวรรค์ หากเผ่าปีศาจไม่เคารพศาลสวรรค์ นั่นย่อมแสดงว่า พวกเขาไม่เคารพเต๋าสวรรค์ แล้วไยเราไม่ใช้พลังแห่งเต๋าสวรรค์ ถลกหนังเผ่าปีศาจออกสักสองสามชั้นก่อนเล่า?

เทพจันทราอยู่ที่ใด?”

“เทพน้อยอยู่นี่แล้ว!” เทพจันทราลุกขึ้นยืนและฟังบัญชา

หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “แม่ทัพตงมู่ และข้าจะจัดการเรื่องของศาลสวรรค์ในนามขององค์ราชินีชั่วคราว และวันนี้ พวกเราจะออกคำสั่งในนามขององค์ราชินี

ให้ตำหนักครองคู่ขอท่านจงมองหาเหล่าปีศาจที่ก่อกบฏต้านสวรรค์ในครั้งนี้ หากปีศาจใดๆ ที่มีขอบเขตพลังเหนือขอบเขตเซียนเสิ่น มีการแต่งงานเกิดขึ้น ก็ให้รบกวนการแต่งงานของพวกมัน

และหากไม่มีการแต่งงาน ก็ให้เพิ่มการแต่งงานของพวกมันมากขึ้น”

เทพจันทรารีบเอ่ยถามว่า “ใต้เท้าเทพวารี แล้วท่านจะรบกวนการแต่งงานของเขาได้อย่างไรหรือ?”

หลี่ฉางโซ่วหยิบลูกเกาลัดขึ้นมาและกล่าวว่า “ตัวอย่างเช่น การแต่งงานระหว่างราชาปีศาจชายรายที่หนึ่ง และภรรยาของเขาสามารถถูกนำเข้าสู่ด้ายแดงของราชาปีศาจชายรายที่สอง ซึ่งทำให้ราชาปีศาจชายรายที่หนึ่ง และราชาปีศาจชายรายที่สองต้องต่อสู้แข่งขันกันเอง

และด้วยวิธีนี้ พวกเราก็จะจัดการเป็นกลุ่มๆ ได้”

เทพจันทราเข้าใจกระจ่างแจ้งในทันทีและเริ่มคิดอย่างรอบคอบ

ในขณะนั้น บรรดาเทพเซียนต่างก็มองหน้ากัน การเคลื่อนไหวนี้ เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดคิดไม่ถึงจริงๆ

อย่าถามอะไร นี่เป็นเพียงการเปิดหูเปิดตาในจุดที่มองไม่เห็นเท่านั้น

หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างสบายๆ ว่า “นอกเหนือจากตำหนักครองคู่แล้ว หอทัณฑ์สายฟ้าก็ยังสามารถส่งสายฟ้าไปยังเหล่าปีศาจแห่งกรรมร้ายได้อย่างต่อเนื่องทุกวัน ซึ่งเป็นการดีที่จะทำให้พวกมันหวาดกลัว

หอพลังศักดิ์สิทธิ์อาศัยความฝันเพื่อค้นหาเหล่าปรมาจารย์เผ่าปีศาจบางตนที่มีหัวใจเต๋าไม่แข็งแกร่งพอ และพวกเขาก็ใช้ความฝันเพื่อทำลายหัวใจเต๋าของพวกมันได้

ในขณะนี้ ตำแหน่งเทพส่วนใหญ่ของฝ่ายโรคระบาดยังคงว่างอยู่ ทว่าเหล่าเทพเซียนที่รับผิดชอบดูแลฝ่ายโรคระบาด ก็อาจสร้างปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ให้กับบรรดาทหารปีศาจเหล่านั้นได้

เทพผู้ชอบธรรมที่รับผิดชอบดูแลเรื่องการคลัง จะทำบางอย่างเพื่อทำลายความมั่งคั่งของพวกมัน

มันย่อมจะดีที่สุด หากใช้วิธีต่างๆ ของตำหนักครองคู่มาอ้างอิง และปล่อยให้พวกปีศาจตายเพื่อความมั่งคั่งของพวกมัน พวกมันตายเพราะละโมบทรัพย์ และเหล่าวิหคต้องตายเพราะตะกละอาหาร…

ทุกท่านที่รับผิดชอบฝ่ายการคลัง มีผู้ใดบ้างที่รับผิดชอบดูแลวิหารอารามต่างๆ ที่สามารถส่งผลกระทบต่อพวกเผ่าปีศาจได้? อย่าได้ลังเลที่จะกล่าวออกมา พวกเราสามารถหารือกันได้ที่นี่”

ทันใดนั้นเทพเซียนผู้หนึ่งก็ลุกขึ้นยืนและร้องตะโกนออกมาทันทีว่า “เทพน้อยมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบด้านลม และสามารถทำให้เกิดลมกระโชกแรงมหาศาล แล้วพัดพาไปในสถานที่ที่เหล่าปีศาจรวมตัวกันได้ทุกวันจนมืดฟ้ามัวดิน มองไม่เห็นดวงสุริยัน!”

“เทพน้อยมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบควบคุมการหมุนเวียนของฤดูกาลทั้งสี่ และสามารถทำให้สถานที่ที่พวกเผ่าปีศาจรวมตัวกันมีหิมะตกหนักในทุกราตรีกาล และยังทำให้ร้อนจัดในทิวากาลได้เช่นกัน!”

“เทพน้อยมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบยามสายัณห์ตะวันรอน และสามารถเขียนคำว่า ‘ปีศาจจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน’ ได้ในทุกๆ วัน เพื่อทำให้ขวัญกำลังใจของพวกมันแตกกระเจิงได้!”

“เทพน้อยมีหน้าที่ดูแลวิหารสุขา และจะดูแลให้แน่ใจว่าเมื่อพวกปีศาจอยู่ในสุขา โถส้วมก็จะระเบิดทุกๆ ครั้ง และทำให้พวกมันต้องพ่ายแพ้!”

บัดนั้น ทั่วทั้งหอทงหมิงก็เงียบกริบจนได้ยินเสียงเข็มหล่นในทันที และบรรยากาศที่เพิ่งจะร้อนระอุขึ้น ก็ค้างเติ่งกะทันหัน

พวกเขาทุกคนล้วนจ้องมองไปยังเทพเซียนผู้ที่กล่าวเช่นนั้นออกมาในทันใด

เทพเซียนผู้ที่กล่าวออกมาพลันหดคอของเขาอย่างรู้สึกผิดและกล่าวว่า “เทพน้อย…ทำได้เพียงแค่นี้เท่านั้น…”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ไว้ข้าจะพิจารณา”

ทันใดนั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นมาจากทั่วทั้งหอทงหมิง บรรดาเทพเซียน และแม่ทัพสวรรค์ล้วนเปี่ยมไปด้วยขวัญกำลังใจ

ทว่าก่อนหน้านี้ พวกเขาก็ไม่เคยคิดว่าศาลสวรรค์ของพวกเขาจะมี “ความสะดวกสบาย” มากมายเมื่อพวกเขาต้องจัดการรับมือเหล่าศัตรูของศาลสวรรค์

เมื่อการประชุมในหอทงหมิงสิ้นสุดลง ฝ่ายต่างๆ ของศาลสวรรค์ก็เริ่มดำเนินการทันที

เหล่าปีศาจที่รวบรวมกองกำลังกันอยู่ที่ชายแดนของดินแดนเทวะอุดรต่างก็ไม่รู้ว่าพวกมันจะต้องเผชิญกับอะไรต่อไป

และในชั่วข้ามคืน ก็มีตำนานเกี่ยวกับเทพวารีแห่งศาลสวรรค์เกิดขึ้นมากมาย…

ในกาลก่อนนั้น ว่ากันว่า เทพวารีแห่งศาลสวรรค์นั้นเหี้ยมโหด ทว่าบรรดาเทพเซียนส่วนใหญ่ต่างก็ไม่เชื่อ พวกเขาคิดว่าการที่เทพวารีสามารถผงาดขึ้นขึ้นมาได้นั้น ส่วนใหญ่เป็นเพราะอาศัยการได้รับพรในฐานะศิษย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน

แต่หลังจากวันนี้ไป เมื่อบรรดาเทพเซียนแห่งศาลสวรรค์กล่าวถึงเทพวารี พวกเขาก็อดจะยกนิ้วหัวแม่มือให้เขาไม่ได้

สรุปสั้นๆ แล้ว เหล่าเซียนทั้งหลายต่างก็กล่าวในสิ่งเดียวกันดังนี้

“สกปรก หัวใจของเทพวารีนั้นสกปรกจริงๆ พวกเราด้อยกว่ามาก พวกเราประทับใจเทพวารีมาก และพวกเรายินดีที่จะติดตามเขาและรับใช้ฝ่าบาทองค์เง็กเซียน”

เมื่อบรรยากาศในหอทงหมิงคึกคักอย่างที่สุด ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู ซึ่งอยู่ในสวนด้านหลังของวังดุสิตก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นอย่างสนุกสนานเมื่อเขาได้ยินแผนกลยุทธ์ของหลี่ฉางโซ่วที่จะใช้พลังแห่งเต๋าสวรรค์เพื่อทรมานพวกเผ่าปีศาจ .

ครั้นเมื่อปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่หยุดหัวเราะ และบีบนิ้วทำมุทราหยั่งรู้ เงาร่างของเขาก็ค่อยๆ เลือนหายไป

“ศิษย์น้องของข้าจะไม่มีทหารที่เก่งกาจการรบในมือได้อย่างไร?”

………………………………………………………………..

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท