บทที่ 781 เด็กคนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะก่อปัญหาได้อย่างไร! (3)
อืม?
เขาสามารถทุ่มเทพยายามมากขึ้นในการพัฒนาปรับปรุงบุคลิกลักษณะนิสัยของหลิงจูจื่อได้หรือไม่?
แม้เขาจะไม่รู้ว่ามันจะส่งผลต่อนาจามากเพียงใดในอนาคตก็ตาม แต่เขาก็ยังลองดูได้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลี่ฉางโซ่วก็พรั่งพรูถ้อยคำลงไปด้วยพู่กันของเขาราวกับเขียนได้ด้วยฤทธิ์แห่งเทพ และมีลูกศรยาวจากขวาไปซ้ายบนม้วนกระดาษโดยมีตัวเลือกที่ทำเครื่องหมายขึ้นลงไว้บนหัวลูกศร
……
สองชั่วยามต่อมา หลี่ฉางโซ่วก็ถือยันต์หยกพร้อมกับก้าวเดินไปที่ด้านนอกห้องเดินหมากเล่นไพ่แห่งยอดเขาหยกน้อย
หลิงเอ๋อร์ เจียงหลินเอ๋อร์ และจิ๋วอวี่ซือที่อยู่ในห้องเดินหมากเล่นไพ่ได้คว้าไพ่มาถือไว้ในมือทันที แม้พวกนางจะไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด แต่สตรีเหล่านี้ที่สืบสายครอบคลุมกันมาถึงสามรุ่น ก็รู้สึกผิดเล็กน้อยในขณะนี้
“ปรมาจารย์ใหญ่ อาจารย์อา”
หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับและเดินเข้าไปในห้องพร้อมเผยรอยแย้มยิ้ม จากนั้นเขาก็กล่าวตรงไปที่ประเด็นทันทีว่า “ข้ามาที่นี่ในครั้งนี้ เพื่อถามเรื่องเล็กน้อยกับท่านปรมาจารย์ใหญ่เป็นหลักขอรับ”
เจียงหลินเอ๋อร์ชี้ไปที่ปลายจมูกของนางด้วยความประหลาดใจ “ข้าหรือ?”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ใช่ขอรับ หลังจากคิดแล้ว ถามเรื่องนี้กับท่านปรมาจารย์ใหญ่น่าจะดีที่สุดขอรับ”
“ข้าไม่คุ้นชินกับการมาถามคำถามอย่างกะทันหันของเจ้า”
เจียงหลินเอ๋อร์นั่งตัวตรงทันที และรู้สึกไม่สบายใจอีกเล็กน้อย จากนั้นนางก็ยกเท้าซ้ายขึ้นเหยียบบนเก้าอี้กลม เป็นเหตุให้ชายกระโปรงก็หย่อนลงมา
“แค่ถามนะ!”
“ท่านปรมาจารย์ใหญ่” หลี่ฉางโซ่วถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เมื่อท่านปรมาจารย์ใหญ่เพิ่งออกจากสำนักตู้เซียนและผจญภัยภายนอก ท่านก็น่าจะมีลักษณะนิสัยอ่อนนอกแข็งในด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่จะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้
ท่านต้องการประสบการณ์ฝึกฝนภายนอกเพื่อรีบฝ่าทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทียนแดนสวรรค์อย่างรวดเร็วด้วยความทุ่มเทพยายามอย่างสุดกำลังใช่หรือไม่ขอรับ? ”
เจียงหลินเอ๋อร์กะพริบตา “ใช่”
“เช่นนั้นแล้ว เกิดอันใดขึ้นหรือขอรับ?”
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกฉงน “นั่นเป็นเหตุผลว่าไฉนลักษณะนิสัยของท่านปรมาจารย์ใหญ่จึงเปลี่ยนจากอ่อนนอกแข็งใน… มาเป็นแข็งเสมอกันทั้งภายนอกและภายใน?”
“นี่”
เจียงหลินเอ๋อร์บีบคางเรียบของนาง และส่งเสียงครางเบาๆ ราวกับว่ามีฟองอากาศปรากฏ และค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเหนือศีรษะของนาง และมีภาพต่างๆ ฉายอยู่ภายในนั้น
นั่นคือเมื่อยามที่นางออกไปสังสรรค์ครั้งแรก กลุ่มผู้ฝึกบำเพ็ญพเนจรไร้สังกัดกลุ่มเล็กๆ ที่กำลังสังหารปีศาจเพิ่งได้รับเงินจำนวนมากและแจกจ่ายของที่ปล้นมา
และกลุ่มผู้ฝึกบำเพ็ญพเนจรไร้สังกัดที่กำลังเลียเลือดที่ปลายดาบของพวกเขาได้รวมตัวเพื่อดื่มกินและพูดคุยกัน
“หลินเจียง เจ้าปลอมตัวเป็นผู้ชายหรือ? ไฉนเจ้าถึงดูบอบบางเพียงนี้?’
“เป็นไปได้อย่างไรกัน! ข้าไม่ได้ใช้เวทลวงตาใดๆ!”
เจียงหลินเอ๋อร์ตบหน้าอกของนาง ทันใดนั้นบรรดาสหายของนางก็มองดูนางด้วยความไว้วางใจ แล้วพวกเขาก็ยังคงดื่มหนักและกินเนื้อสัตว์มากมายกันต่อไป
“เอ่อ…”
เจียงหลินเอ๋อร์เอามือข้างหนึ่งก่ายหน้าผาก อย่างไรเสีย ตอนนี้ นางก็เป็นสตรีที่แต่งงานแล้ว และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข จึงย่อมดีที่สุดที่จะไม่พูดถึงประวัติศาสตร์อันมืดมนเหล่านี้
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ข้าพอเข้าใจคร่าวๆ แล้ว ขอบคุณท่านปรมาจารย์ใหญ่ขอรับ”
“เฮ้! เจ้าเข้าใจอันใดกัน?”
เจียงหลินเอ๋อร์ตกตะลึง จากนั้นนางก็ทุบโต๊ะพลางลุกขึ้นยืนและตะโกนออกมา
“ข้าไม่ดื่มและทะเลาะกับพวกผู้ชายทั้งวันหรอก!
เมื่อข้าฝึกบำเพ็ญและนอนหลับ ข้าก็จะอยู่ห่างจากพวกเขาเสมอ!”
หลิงเอ๋อร์และจิ๋วอวี่ซือต่างมองหน้ากันและต่างก็ปิดปากหัวเราะคิกคักกันเบาๆ
“ใช่ๆ ศิษย์คนนี้ไม่ได้คิดวุ่นวายอะไรมากขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มพลางพยักหน้า และเขียนประโยคเอาไว้ในยันต์หยกว่า – คนใกล้ชาดติดสีแดง คนใกล้หมึกติดสีดำ และมิตรสหายสำคัญยิ่ง
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ถามว่า “ท่านปรมาจารย์ใหญ่ ท่านคิดว่าบุรุษมีลักษณะนิสัยเช่นใดขอรับ? คุณสมบัติเยี่ยงใดมีค่ามากที่สุดและแตกต่างจากสตรี”
“อืม?” เจียงหลินเอ๋อร์คิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “รับผิดชอบ”
“รับผิดชอบ…อาจารย์อาอวี่ซือ แล้วท่านอยากพูดอะไรหรือไม่ขอรับ?
จิ๋วอวี่ซือคิดอย่างจริงจังอยู่พักหนึ่งแล้วกล่าวเบาๆ ว่า “รับผิดชอบด้วยตัวเอง”
หลี่ฉางโซ่วจดบันทึกมันลงไปอย่างระมัดระวัง แล้วมองไปที่หลิงเอ๋อร์อีกครั้งก่อนจะหันหลังกลับและจากไป
“ศิษย์พี่ ท่านจะไม่ถามข้าสักหน่อยเลยหรือเจ้าคะ?”
“ไม่จำเป็นหรอก ข้ารู้คำตอบของเจ้าแล้ว”
“ไม่นะ ศิษย์พี่ ท่านถามสักหน่อยสิ! มันอาจแตกต่างจากที่ท่านคิดนะเจ้าคะ…
ความมั่นคง สำคัญที่สุด! ศิษย์พี่!
เฮ้อ เขาบินหนีไปแล้ว”
หลิงเอ๋อร์ถอนหายใจเบาๆ และเป็นเหตุให้เกิดเสียงหัวเราะดังขึ้นมาอีกครั้งในห้องเดินหมากเล่นไพ่
หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ฉางโซ่วก็มาหยุดอยู่ในกรงสัตว์วิญญาณและถามสงหลิงลี่ด้วยคำถามเดียวกัน สงหลิงลี่ก็อวดมัดกล้ามที่เพิ่งเป่งขยายออกมาเมื่อไม่นานมานี้ของนาง
“ท่านต้องแข็งแกร่งกว่าข้า!”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มพลางพยักหน้า และแทบจะบดขยี้ยันต์หยก
ไม่นานหลังจากนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หลี่ฉางโซ่วก็ถูกส่งออกไปทำการสำรวจตรวจสอบทั่วทุกที่
ในศาลสวรรค์ เขาก็ได้ถามหลงจี๋ ถามเทพธิดาแห่งสระหยก และสอบถามแม่ทัพแห่งที่พำนักของเทพวารี
ในวิหารเทพทะเล เขาได้ถามทูตเทวะ เหล่าสานุศิษย์ของวิหาร และลองถามมนุษย์ชราบางคนดู
ในท้ายที่สุด เขาก็แยกแยะจัดเรียงคำตอบที่ได้รับให้สมบูรณ์แบบ และเติมเต็มช่องว่างในแผนของเขา เขาได้แก้ไขรายละเอียดบางอย่างก่อนที่จะบอกเล่าแผนนั้นให้ไท่อี่เจินเหรินได้รับรู้
บางที มันอาจจะเป็นเพียงการโยนหลิงจูจื่อให้กับเหล่ากองทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์และให้ดูแลฝึกฝนเขาเป็นระยะเวลาหนึ่ง
ไท่อี่เจินเหรินรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก เขายกมือขึ้นแล้วจับแขนของหลี่ฉางโซ่วพลางถอนหายใจออกมาแล้วกล่าวว่า “ข้าจะขอฝากศิษย์รักของข้าเอาไว้ให้ศิษย์น้องชั่วคราว!”
“ศิษย์พี่ ไม่ต้องห่วง ข้าจะทำให้ดีที่สุดขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วรับคำอย่างอบอุ่น แล้วกล่าวเสริมต่อไปว่า “เมื่อศิษย์พี่พูดเรื่องนี้กับศิษย์หลานหลิงจูจื่อหลังจากนี้ ก็ไม่ต้องพูดอะไรมากนัก เพียงแค่กล่าวว่า…
นี่เป็นขั้นตอนการฝึกบำเพ็ญที่จำเป็นในการเป็นยอดบุรุษที่ศีรษะเชิดขึ้นฟ้าและสองขายันค้ำดินได้”
“ได้ เราจะทำตามที่ศิษย์น้องบอกทั้งหมด เราต้องทำให้เขาโดดเด่นกล้าหาญมากขึ้นและไม่ขลาดกลัว” ไท่อี่เจินเหรินกล่าวอย่างหนักแน่น
“ไม่เป็นไร ต่อให้เขาจะบ้าบิ่นไปสักหน่อยก็ตาม! เด็กคนนี้มีนิสัยและจิตใจอ่อนโยนมาตั้งแต่ยังเยาว์ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะก่อปัญหาได้อย่างไร!”
ทันใดนั้นหลี่ฉางโซ่วก็มีเส้นสีดำมากมายปูดโปนอยู่บนหน้าผากด้วยความตึงเครียด
เขาเกือบจะเชื่อเช่นนั้นแล้วจริงๆ
………………………………………………………………..