ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – บทที่ 783 ไป๋เจ๋อแสดงพลังเป็นครั้งแรก และสำนักบำเพ็ญประจิมก็วางแผนการอีกครั้ง (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 783 ไป๋เจ๋อแสดงพลังเป็นครั้งแรก และสำนักบำเพ็ญประจิมก็วางแผนการอีกครั้ง (2)

หลังจากที่ได้รับสมบัติของกวงเฉิงจื่อ และฉือจิ้งจื่อแล้ว แต่ถูกโจมตีด้วยคำพูดของเสิ่นกงเป้า “สหายเต๋า โปรดรอก่อน”

จากนั้น หยินเจียว และหยินหงก็กระโดดไปทางซ้ายและขวา และเกือบจะสังหารอาจารย์ของเขา…

พวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่กำลังผงาดขึ้นในสำนักบำเพ็ญเต๋า

แท้จริงแล้ว มีผู้มีพรสวรรค์ที่กำลังผงาดขึ้นมากมายในฝ่ายสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย

ทว่าเทพธิดาหั่วหลิง เหวินจ้ง และอวี๋หยวนนั้น ก็มีชื่อเสียงลือเลื่องเป็นที่รู้จักน้อยกว่าหยางเจี้ยน นาจา เหลยเจิ้นจื่อและคนอื่นๆ มากมายนัก

หรือว่าเป็นปรมาจารย์จอมปราชญ์ของข้าเองที่ได้พิจารณาเรื่องนี้ในใจของเขาแล้วและเลือกเข้าข้างสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานในมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ?

หลี่ฉางโซ่วใคร่ครวญอย่างละเอียดรอบคอบและรู้สึกอับจนหนทางเล็กน้อยในใจ

เพราะเหตุใด เขาจึงได้ยอมรับมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพอย่างเข้าใจดี เช่นนี้แล้ว ทั้งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานและสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยจะเข่นฆ่ากันจนตาแดงก่ำอย่างแน่นอน…

ค่ายกลสิบสัมบูรณ์ ค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้ง ค่ายกลหมื่นเซียน สามค่ายกลที่โดดเด่นเป็นเอกแห่งการต่อสู้ที่ได้ถูกยกระดับขึ้น…

ทันใดนั้นหลี่ฉางโซ่วก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ทันที

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขามุ่งให้ความสนใจกับการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย

เขาไม่รู้ว่า ค่ายกลสิบสัมบูรณ์ที่เทพธิดาจินกวง และราชาสวรรค์ฉินหว่าน กำลังศึกษากันอยู่นั้นเป็นอย่างไรบ้าง

นี่จะเป็นลางบอกเหตุล่วงหน้าเล็กๆ ถึงการตั้งท่าของมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพหรือไม่?

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วระเบิดหัวเราะออกมาดังๆ

เขา ผีเสื้อตัวนี้ได้กระพือปีกหลายครั้งแล้ว และการพัฒนาของเหตุการณ์ทั้งหมดมาจนถึงขณะนี้ ทุกๆ อย่างยังคงมุ่งหน้าตรงไปสู่มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ

พลังแห่งการแก้ไขให้ถูกต้องของ เต๋าสวรรค์ หรือพลังที่มาบรรจบกันแห่งเส้นปฐพีนี้ไม่อาจดูเบาได้เลยจริงๆ

ผู้อาวุโสไร้กังวลที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์แห่งตำนาน ได้กลายเป็นส่วนเล็กๆ บนวงล้อแห่งประวัติศาสตร์ไปแล้ว

เขายังคงให้ความสำคัญกับความอยู่รอดของตัวเองเป็นอันดับแรก เพราะในท้ายที่สุด เมื่อเขาตายไปแล้ว ก็ไม่เหลืออะไร…

จู่ๆ หลิงจูจื่อก็เอ่ยถามเบาๆ ว่า “อาจารย์อาฉางเกิง “ในโลกนี้ มีสิ่งมีชีวิตเช่นข้ามากมายหรือไม่ขอรับ?”

หลี่ฉางโซ่วคิดอยู่พักหนึ่งแล้วกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “สิ่งมีชีวิตทุกชนิดล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เข้ากับผู้อื่นได้ แต่เจ้าต้องคิดถึงการทำให้ตัวเองสมบูรณ์แบบมากขึ้นและพัฒนาปรับปรุงตัวเอง

สิ่งมีชีวิตไม่จำเป็นต้องมีขอบและมุมมากเกินไป แต่ก็ไม่จำเป็นต้องกลมจนเกินไปเช่นกัน

ท้ายที่สุดแล้วการมีไหวพริบปฏิภาณก็เป็นงานของผู้มากอาวุโสอย่างเราเท่านั้น”

หลิงจูจื่อกะพริบตาพลางกล่าวว่า “หลิงจูจื่อไม่เข้าใจ”

“ต่อไปภายหน้า จงใช้เพียงคำว่า ‘ข้า’ เมื่อเจ้ากล่าวถึงตัวเอง อย่าเรียกตัวเองด้วยชื่อของตัวเจ้าเอง เพราะนั่นจะเท่ากับเป็นการเปิดเผยตัวเองโดยตรง”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “นี่เป็นนิสัยเล็กๆ น้อยๆ อย่างแรกที่เจ้าต้องแก้ไข”

“ขอรับ หลิงจูจื่อเข้าใจแล้ว”

“หือ?”

“ข้าเข้าใจแล้ว…”

“เช่นนั้นแหละ เด็กดี” หลี่ฉางโซ่วหรี่ตาพลางยิ้ม

จากนั้นเขาก็มองออกไปข้างหน้าที่ประตูสวรรค์ประจิมและกล่าวว่า “เจ้ายังจำข้อตกลงเมื่อครู่นี้ได้หรือไม่? เจ้ามองไปตามทางได้ตลอดแล้วดูว่า พวกเขากำลังยิ้มให้เจ้าหรือไม่”

ทันใดนั้น หลิงจูจื่อก็กะปรี้กะเปร่า สดชื่นขึ้นมาทันที เดิมทีเขากลัวคนแปลกหน้าเล็กน้อย แต่ในขณะนี้ เขาเริ่มจะสังเกตบรรดาทหารและแม่ทัพสวรรค์เหล่านั้น

เหล่าทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ล้วนพูดไม่ออก

ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ใต้เท้าเทพวารีได้นำเทพธิดาน้อยที่ดูงดงามบอบบางกลับมา

เทพธิดาน้อยผู้นี้มองเขาด้วยสายตาที่ใสกระจ่างและอยากรู้อยากเห็น แล้วเขาจะแสดงสีหน้าตอบสนองออกมาอย่างไรได้?

เขาก็ทำเพียงแค่แย้มยิ้มหลายรูปแบบเท่านั้น!

ผ่านไปได้ครึ่งทาง หลิงจูจื่อก็อดจะดึงเสื้อคลุมเต๋าของหลี่ฉางโซ่วไม่ได้ ดวงตาคู่โตของเขาดูสุกสกาวเต็มไปด้วยดวงดาว

“อาจารย์อา อาจารย์อา จริงๆ เลย! ทุกคนกำลังยิ้มให้ข้า!”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มเฉยไม่เอ่ยอะไร

จากนั้นเขาก็ถือแส้หางม้าและนำหลิงจูจื่อ มุ่งหน้าตรงไปยังตำหนักเทพวารีของเขา

หลังจากต่อสู้แข่งขันกับไป๋เจ๋อมาเป็นเวลานาน เขาก็รู้สึกสุขใจสุขกายมากทีเดียวที่จู่ๆ ก็ได้หลอกเด็กคนนั้น…

หลังจากกลับมาที่ตำหนักเทพวารีแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็สั่งให้เหล่าทหารสวรรค์ของเขาจัดบ้านช่องให้เรียบร้อย และปล่อยให้หลิงจูจื่อได้พักอาศัยอยู่ในนั้น

“หลิงจูจื่อ อยู่ที่นี่ เจ้าสามารถบอกทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ในลานได้ว่าเจ้าขาดอะไร

อาจารย์อาของเจ้าอยู่ในศาลสวรรค์ และถือได้ว่าเป็นขุนนางที่ทุกคนให้ความเคารพรักและนับถือข้าอยู่บ้าง และหากเจ้าต้องการ เจ้าก็ยังสามารถออกไปเดินเล่นได้

ในอีกไม่กี่วันนี้ ข้าจะจัดเตรียมทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์สักสองสามคนให้ไปประมือกับเจ้าในด้านวิชาเวทและพลังเวท

เจ้าต้องเตรียมตัวบางอย่างให้พร้อมก่อน แล้วต้องระวังการกระทำของเจ้าหลังจากนี้ อย่าได้ทำร้ายผู้ใด”

“ขอรับ!”

ในขณะนี้ ทั้งลมปราณ แก่นและจิตวิญญาณของหลิงจูจื่อ ล้วนพุ่งทะยานสูงขึ้นมากจนเขาแทบจะแตกต่างไปจากยามที่อยู่บนภูเขาเฉียนหยวนอย่างสิ้นเชิง

นาง แค่กๆ

เขาโค้งคำนับหลี่ฉางโซ่วแล้วกล่าวว่า “ท่านอาจารย์อา ศิษย์ย่อมเข้าใจดีถึงวิถีแห่งการฝึกบำเพ็ญครั้งนี้ ขอท่านได้โปรดลงแส้ศิษย์ให้มากที่สุดเท่าที่ท่านต้องการด้วยเถิดขอรับ!”

………………………………………………………………..

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท