ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – บทที่ 785 ไป๋เจ๋อแสดงพลังเป็นครั้งแรก และสำนักบำเพ็ญประจิมก็วางแผนการอีกครั้ง (4)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 785 ไป๋เจ๋อแสดงพลังเป็นครั้งแรก และสำนักบำเพ็ญประจิมก็วางแผนการอีกครั้ง (4)

เมื่อเขามาถึงยอดเขาเฮยฉือ และเข้าไปในค่ายกล เขาก็เห็นไป๋เจ๋อได้กลายร่างเป็นร่างหลักของเขาและกำลังนอนอยู่ข้างสระน้ำ

มีขนยาวสามสีสาดแสงเจิดจ้าอยู่บนหน้าผากของไป๋เจ๋อ และมีเส้นแสงเซียนเจ็ดสีล้อมรอบร่างของเขา

“เทพวารี” แสงเซียนที่ล้อมรอบร่างไป๋เจ๋อยิ่งส่องสว่างมากขึ้น เขาแปลงร่างเป็นมนุษย์แล้วโค้งคำนับออกไปข้างหน้า

หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ท่านไป๋เรียกให้ข้ามาที่นี่ ว่าแต่มีเรื่องสำคัญอันใดหรือ? ”

ไป๋เจ๋อกล่าวอย่างจริงจังว่า “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเทพวารี เป็นเพียงว่า เมื่อข้ากำลังเข้าใจความลับสวรรค์แล้ว จู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง

มีภัยพิบัติร้ายแรงเกิดขึ้นทางตอนเหนือของดินแดนเทวะอุดร

ข้าเกรงว่า บางทีพวกเผ่าปีศาจอาจลงมือโจมตีพวกเผ่าเวทในดินแดนเทวะอุดรและบังคับให้ศาลสวรรค์ต้องส่งกองกำลังไปช่วยเหลือพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็จะต่อสู้กับศาลสวรรค์แบบเผชิญหน้าโดยตรง”

หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับและกล่าวอย่างจริงจังว่า “ขอบคุณท่านที่เตือนข้า”

ไป๋เจ๋อยิ้มและกล่าวว่า “เทพวารีได้มีการหยั่งรู้เช่นนั้นแล้วหรือ? ในกรณีนี้ ข้าก็คิดมากเกินไปแล้ว”

“ไม่ ข้าไม่ได้หยั่งรู้เรื่องนั้น” หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “และยิ่งไปกว่านั้น ว่ากันตามตรงแล้ว ที่ข้าฝึกบำเพ็ญเต๋ามา ระดับฐานพลังของข้ายังต่ำ และระดับฐานพลังของข้าก็ยังไม่สูงเท่าท่าน

เมื่อพูดถึงการหยั่งรู้แล้ว ข้าก็เพียงเพิ่งเริ่มต้นเข้าสู่วิชานี้เท่านั้น และยังไม่อาจหยั่งรู้สิ่งต่างๆ ได้มากนัก มีอะไรนอกเหนือจากตัวเองมากเกินไป

หากมีสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในอนาคต ขอท่านโปรดแจ้งให้ข้าได้รู้ทันการณ์ด้วยเถิด”

ไป๋เจ๋อขมวดคิ้วและถามว่า “เช่นนั้นแล้ว ก่อนหน้านี้เทพวารีได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจการสำคัญของเต๋าสวรรค์ได้อย่างไร? และต่อสู้กับสำนักบำเพ็ญประจิม และทำการตัดสินใจต่างๆ มากมายได้อย่างไร?”

หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ไม่มีอะไรอื่นอีก เป็นเพียงแค่การเตรียมการเพิ่มเติมและพิจารณาสถานการณ์ทั้งหมดให้ละเอียดรอบคอบเท่านั้น

ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องนี้มากเกินไป เมื่อเผ่าปีศาจออกประกาศประณาม ข้าก็ได้แจ้งพวกเผ่าเวทแห่งดินแดนเทวะอุดรอย่างลับๆ ไปแล้ว

ตอนนี้ พวกเขาก็ได้เตรียมพร้อมอย่างดีที่จะจัดการกับมันแล้ว และจะไม่ให้พวกเผ่าปีศาจได้ทันระวังตัว”

ไป๋เจ๋อโค้งคำนับให้หลี่ฉางโซ่วด้วยทำการคารวะเต๋าและกล่าวชมเชยว่า “ยิ่งข้าได้รู้จักท่านเทพวารีมากเท่าใด ข้าก็ยิ่งชื่นชมท่านมากขึ้นเท่านั้น

เทพวารี บัดนี้องค์เง็กเซียน และเทพมารดาไม่ได้อยู่ในศาลสวรรค์แล้ว เหล่าปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างเผ่าเวทและเผ่าปีศาจได้

หากเทพวารีต้องการความช่วยเหลือ ก็โปรดหารือกับข้าให้ทันการณ์ได้! ”

หลี่ฉางโซ่วพยักหน้ารับ

จากนั้นเขาก็โค้งคำนับให้ไป๋เจ๋อและกล่าวว่า “เรากลับไปเตรียมการต่อสู้ในดินแดนเทวะอุดรกันก่อนเถิด”

จากนั้นเขาก็ขี่เมฆออกจากสระเฮยฉือ

เมื่อจิตของเขากลับคืนสู่มาที่ศาลสวรรค์แล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ขอให้อ๋าวอี่ และเปี้ยนจวงละวางเรื่องเล็กน้อยที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ เพื่อเตรียมกองทัพเรือเทียนเหอ เติมเต็มถั่วเซียน และทรัพยากรอื่นๆ

เปี้ยนจวงแทบจะร้องไห้ด้วยความดีใจ

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ผลักดันพลังจิตของเขาให้ไปสู่จุดสูงสุด แล้วหน้าต่างก็ปรากฏขึ้นที่ส่วนลึกในใจของเขา

สถานที่ที่ชาวเผ่าเวทแห่งดินแดนเทวะอุดรรวมตัวกัน และสถานที่ที่พวกเผ่าปีศาจรวมตัวกันที่ชายแดนดินแดนเทวะอุดรนั้น ล้วนถูกปกคลุมเต็มไปด้วยเครือข่ายสัมผัสเซียนรับรู้ของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่ว

ดังที่หลี่ฉางโซ่วได้กล่าวไว้ พวกเผ่าเวทได้เข้าไปลี้ภัยในสถานที่หลบภัยนานแล้ว ก่อนหน้านี้ เผ่าเวทสงครามจากเผ่าเวทส่วนหนึ่ง ได้ไปก่อกวนพวกเผ่าปีศาจ ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งของเขาด้วยเช่นกัน

แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เหตุอย่างโศกนาฏกรรมของดวงตาแห่งท้องทะเลบูรพาเกิดขึ้นอีก

ทว่าดินแดนแห่งปีศาจนั้น…

เงียบสงบยิ่ง

ไม่มีร่องรอยของการระดมพลของเหล่าปรมาจารย์และทหารปีศาจทั่วทุกแห่งหน

แต่ไป๋เจ๋อก็ได้ให้คำเตือนไว้แล้ว นอกจากนี้ การโจมตีเผ่าเวททางตอนเหนือก็เป็นการเคลื่อนไหวที่ดีสำหรับพวกเผ่าปีศาจ และเหตุการณ์นี้ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นสูงมากเช่นกัน

หลี่ฉางโซ่วรอคอยอย่างเงียบๆ แต่หลังจากนั้นเป็นหลายวันติดต่อกัน พวกเผ่าปีศาจก็ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ เลย

หลี่ฉางโซ่วรู้สึกงุนงง แต่เขายังคงปล่อยจิตส่วนใหญ่เอาไว้เพื่อเฝ้าติดตามดินแดนแห่งเผ่าปีศาจ และเพ่งจิตสนใจเพียงเล็กน้อยในการจัดการกับเรื่องประจำวันต่างๆ

จิตของเขายังไม่แข็งแกร่งเพียงพอ

นอกจากนี้ ประสิทธิภาพในการทำงานของเขาก็ลดลง หลี่ฉางโซ่วทำทุกอย่างอย่างมั่นคง และจะไม่เป็นเหตุให้เกิดปัญหาใดๆ

ทว่าสิ่งที่หลี่ฉางโซ่วไม่คาดคิดก็คือ เขาจะรอมาเป็นเวลาถึงครึ่งปี!

ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา หลิงจูจื่อได้พบกับเหล่าแม่ทัพสวรรค์แห่งตำหนักที่พำนักของเทพวารีหลายครั้ง

แต่ทุกๆ ครั้ง หลิงจูจื่อก็จะขี้อายเกินไป และนอกเหนือจากฝึกซ้อมแลกเปลี่ยนทักษะและการต่อสู้แล้ว เขาก็เพียงแค่เฝ้าดูเหล่าแม่ทัพสวรรค์เล่นไปรอบๆ เท่านั้นและไม่ได้เข้าร่วมกับพวกเขาเลย

เรื่องนี้ไม่อาจเร่งรีบได้จริงๆ เขาต้องจัดการวางแผนอย่างช้าๆ

ศาลสวรรค์ก็เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้อย่างเต็มที่เช่นกัน บรรดาทหารสวรรค์ชั้นยอดหลายแสนนายและถั่วเซียนนับล้าน พร้อมที่จะสนับสนุนช่วยเหลือดินแดนเทวะอุดรได้ตลอดเวลา

เมื่อหลี่ฉางโซ่วเริ่มสงสัยว่า มีอะไรผิดปกติกับคำจำกัดความของภัยพิบัติของไป๋เจ๋อหรือไม่?

กลิ่นอายลมปราณที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในดินแดนแห่งเผ่าปีศาจ

เหวินจิง!

สัมผัสเซียนรับรู้ของหลี่ฉางโซ่วก็เป็นเหมือนกับตาข่าย และเขาก็ตามกลิ่นอายลมปราณนั้นไปเพื่อสำรวจในทันที

และในไม่ช้าก็เห็นร่างที่พร่ามัวสามร่างเข้าไปในค่ายกลใหญ่หลายชั้นที่พวกเผ่าปีศาจใต้ดินจัดวางเอาไว้

เหวินจิงเริ่มเผยกลิ่นอายลมปราณนี้ ซึ่งจริงๆ แล้ว เป็น ‘รหัสลับ’ อย่างหนึ่งที่พวกเขาตั้งเอาไว้ก่อนหน้านี้

เพื่อปกป้องสายลับของเขา ผู้บำเพ็ญเหวินจิงจะไม่สามารถติดต่อกับเขาได้โดยตรงในเวลานี้

และกลิ่นอายลมปราณนี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ได้ว่า ตำแหน่งของผู้บำเพ็ญเหวินจิงไม่เปลี่ยนแปลง

ในบรรดาร่างเงาทั้งสามร่างนี้ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงอยู่ทางซ้าย เด็กหญิงผมยาวสีขาวเงินและถือกระบี่ยาวอยู่ทางขวา และตรงกลางก็คือร่างสูงผอมที่สวมเสื้อคลุม

หลี่ฉางโซ่วบีบนิ้วทำมุทราหยั่งรู้ และยืนยันได้ว่า เขาไม่เคยเห็นนักพรตเต๋าคนนี้มาก่อน

จะมีปัญหาใดเกิดขึ้นในสำนักบำเพ็ญประจิมอีกหรือไม่?

เอ่อ หรือว่าคนสำนักบำเพ็ญประจิมมาหาลู่หยาเพื่อให้คำแนะนำและความช่วยเหลือ รวมถึงเพื่อแสดงให้นักพรตเต๋าลู่หยา และพวกเผ่าปีศาจได้รู้ถึงวิถีทางที่ชัดเจนในการโจมตีพวกเผ่าเวท และบีบบังคับให้เหล่าทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ลงมายังโลกเพื่อเริ่มสงคราม?

หากเป็นเช่นนั้น แล้ว…

พลังเวทของไป๋เจ๋อในการ ‘แสวงหาโชคและหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ’ นั้นก็มากเกินไป!

………………………………………………………………..

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท